บทความและภาพประกอบโดย : อภิณี ธรรมโน (athammano@yahoo.com)

“ซัวสเด” ค่ะเพื่อนๆ ที่รักทุกท่าน ทักทายแบบนี้เพื่อนๆ พอจะทายกันถูกเลยใช่ไหมคะว่าดิฉันจะมาชวนไปชิมอาหารอร่อยที่ประเทศกัมพูชากัน ใกล้ดีไหมล่ะคะ ใกล้ขนาดที่ว่าเครื่องบินใช้เวลาบินแค่ 45 นาทีเอง แค่เครื่องไต่ระดับขึ้นก็แทบจะต้องลดระดับลงจอดแล้ว คุณแอร์โฮสเตสนี่ทำงานกันแบบเสิร์ฟเสร็จก็ถึงเวลาเก็บพอดี เดินทางไปใกล้ เร็ว และสะดวกเช่นนี้คงไม่ยากสำหรับการติดตามไปชิมจริงนะคะ แต่คราวนี้มาลองชมการชิมก่อนค่ะ โดยชิมในกัมพูชาครั้งนี้ดิฉันขอพาไปชิมในเสียมเรียบที่เดียวเท่านั้น ไม่ได้ไปเมืองอื่นๆ แต่รับรองว่าอร่อยทุกร้าน

ร้านแรกที่อยากพาไปชมและชิมชื่อร้าน Neary Khmer Restaurant ตั้งอยู่ที่ Salakanseng, Sveydangkum ชื่อร้านแปลว่าผู้หญิงกัมพูชา ร้านใหญ่โตกว้างขวาง รับกรุ๊ปทัวร์ด้วยค่ะ อาหารที่เราสั่งกินกันในมื้อกลางวันที่ร้านนี้ประกอบด้วย Deep-fried Fish Patties คล้ายทอดมันปลากรายบ้านเรา แต่ไม่มีน้ำจิ้มหวานอมเปรี้ยวกับแตงกวา เสิร์ฟเคียงกับผักดองแทน จานถัดไปใครมากัมพูชาต้องสั่งมากิน เพราะเป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติทีเดียว Traditional Amok Fish มองเผินๆ เหมือนแกงเขียวหวานใส่มาในกะลามะพร้าว มีใส่ถั่วลิสงด้วย พอชิมดูเหมือนห่อหมกมากกว่าค่ะ เป็นเนื้อปลาใส่พริกแกงและกะทิ

ว่ากันว่าในลำน้ำโขงปลาอุดมสมบูรณ์นัก ชาวกัมพูชาจึงนิยมกินปลากันมาก ฉะนั้นจานต่อไปเราสั่งปลาอีก Deep-fried Red Fish with Green Pepper ปลาแดงทอดจนกรอบราดน้ำซอสคล้ายเกรวีใสๆ ที่มีส่วนผสมของพริกไทยอ่อน ปลาที่นี่ดีจังไม่มีกลิ่นดินเหมือนหลายที่ที่เคยเจอ เนื้อปลาอร่อยมาก กินปลามา 3 รูปแบบแล้วลองชิมไก่กันดูบ้าง คุณไกด์ชาวกัมพูชาบอกว่าไก่ก็เป็นอาหารยอดนิยม จานนี้เลยค่ะ Baked Chicken with Coconut Juice เหมือนไก่ย่างบ้านเราแต่หอมกะทิ และอร่อยเพราะเป็นไก่บ้าน มีน้ำจิ้มถ้วยเล็กๆ วางเคียงมาด้วย แต่ไม่ต้องจิ้มเลยค่ะ อร่อยด้วยตัวไก่เองอยู่แล้ว

ปิดท้ายหมวดอาหารคาวด้วยเนื้อวัว Siem Reap Soup ซุปหรือแกงในหม้อไฟนี้รสชาติดีมากๆ จะออกต้มยำผสมกับแกงป่า แต่มีกะทินะคะ อันที่จริงเราจะเลือกเนื้ออะไรใส่ในแกงนี้ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นไก่ หมู ปลา หรือเนื้อวัว บ้านเราเลือกเนื้อวัวค่ะ กินครบทุกจานตามสั่งเราก็พบว่าอาหารกัมพูชารสชาติเป็นกลางมาก ไม่เผ็ดเลย ทีแรกนึกว่าเขาทำสำหรับนักท่องเที่ยว แต่คุณไกด์ยืนยันว่าคนกัมพูชากินรสนี้ล่ะ ถ้าอยากกินเผ็ดกว่านี้ต้องสั่งพิเศษค่ะ

ประทับใจกับอาหารคาวไปแล้วมาลองชมขนมหวานกันบ้าง ด้วยความที่บ้านเรามากัมพูชาหน้าร้อน แล้วเพิ่งเดินชมนครวัดมา ทำให้อยากกินอะไรที่เย็นชื่นใจเลยสั่งน้ำแข็งไสมาค่ะ ไม่อร่อยเลย เป็นน้ำแข็งไสจริงๆ รสชาติมันแยกกันไปคนละทิศละทาง ไม่มีอะไรในถ้วยเข้ากันสักอย่างเดียว ขนมหวานอีก 2 จานที่เราสั่งกัน จานแรกชื่อน่าลองว่าเค้กเขมร หรือ Khmer Cake พอมาเสิร์ฟเป็นทองม้วนเสิร์ฟพร้อมขนมหนึบๆ รูปทรงเหมือนโดนัทอันเล็กๆ และไอศกรีม อีกจานเป็นกล้วยทอดเสิร์ฟพร้อมไอศกรีม รสชาติธรรมดาๆ สรุปแล้วที่ร้านนี้อาหารคาวเป็นที่ประทับใจบ้านเรากันมาก แต่ขนมหวานยังสอบไม่ผ่านค่ะ

อีกร้านอาหารที่ดิฉันภูมิใจนำเสนอ อาหารกัมพูชาแบบฟิวชันชื่อร้าน Malis Restaurant ตั้งอยู่ที่ถนน Pokambor เลียบแม่น้ำเสียมเรียบ ใกล้ๆ กับ Preah Prom Rath Pagoda ร้านนี้น้องสาวดิฉันได้รับคำแนะนำมาจากท่านผู้ช่วยทูตทหารเรือประจำกัมพูชา แถมคุณพ่อบ้านของโรงแรมที่เราพักคือ Le Meridien Angkor ยังบอกกับเราว่าเชฟเจ้าของร้านนี้ คุณ Luu Meng เป็นสุดยอดเชฟของกัมพูชา เป็นเสมือนหัวหน้าเชฟในกัมพูชาทีเดียว อย่างนี้ไม่ตามมาชิมไม่ได้แล้วนะคะ

เริ่มชิมอาหารกินเล่นจานแรกกันเลย Takeo Sausages ไส้กรอกหมูปรุงรสด้วยเครื่องเทศสูตรเฉพาะของร้าน แล้วยังมีผสมมะพร้าวหั่นฝอยเข้าไปด้วย รูปทรงเหมือนไส้กรอกข้าวเสียบไม้ย่างของเรา เสิร์ฟพร้อมน้ำซอสรสออกหวานๆ อาหารกินเล่นจานที่ 2 Cambodian Skewers อาหารเสียบไม้ 3 อย่าง เนื้อ ไก่ และหมูที่หมักได้เข้าเนื้อด้วยพริกไทย พริก และซอส เสิร์ฟคู่กับขิงดอง ถัดมา Royal Mak Mee จานนี้พนักงานเสิร์ฟจะมาคลุกเคล้าเครื่องปรุงต่างๆ ที่โต๊ะอาหารเราเลยค่ะ เป็นเส้นหมี่ขาวทอดเสิร์ฟกับหมูที่หมักด้วยส่วนผสมหลักของอาหารกัมพูชาที่เรียกว่า Kroeung (ประกอบด้วยตะไคร้ หอมแดง ข่า ใบมะกรูด และขมิ้น) แล้วตุ๋นไฟอ่อนๆ ในน้ำกะทิ หน้าตาทีแรกว่าเหมือนหมี่กรอบ แต่พอกินเข้าไปแล้วคล้ายหมี่กะทิบ้านเรามากกว่าค่ะ ยังมีอาหารกินเล่นอีกจาน เที่ยงนี้เราสั่งประเภทอาหารกินเล่นเยอะหน่อย Green Mango and Smoked Fish ยำมะม่วงกับปลากรอบนั่นเองค่ะ

คราวนี้มาถึงอาหารกินกับข้าวกันบ้าง มี 2 จานค่ะ จานแรก Roasted Semi-wild Chicken ไก่ของเขาหมักด้วยน้ำตาลโตนด พริก กระเทียม และน้ำมัน ปรุงรสก่อนย่างจนเป็นสีน้ำตาลสวยและชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม 3 ชนิดทั้งน้ำจิ้มที่เป็นกระเทียมผสมกับปลาร้า หอมปลาร้ามากค่ะ น้ำจิ้มน้ำมะนาวกับพริกไทย และน้ำจิ้มพริกไทยดำ กับข้าวจานที่ 2  Saraman Beef หรือแกงมัสมั่นเนื้อ เครื่องแกงของเขาก็ใช้ Kroeung เป็นส่วนผสมหลักเช่นเคย ออกมาเป็นแกงที่เข้มข้น เนื้อนุ่มๆ เพราะเคี่ยวจนเครื่องแกงเข้าเนื้อ โรยด้วยถั่วลิสงคั่ว

จบจากอาหารคาวมาล้างปากด้วยขนมหวาน ที่นี่ไม่ว่าเราจะสั่งขนมอะไรก็ตาม เขาจะเสิร์ฟมา 3 อย่างบนถาดใบยาว โดยมีขนมที่เราสั่งมาด้วย อย่างเช่นขนมหวานอย่างแรก Kampot Pepper Brûlée ก็จะมีแครมบรูเลที่ทำจากพริกไทยชื่อดังของกัมพูชาปลูกที่จังหวัด Kampot เสิร์ฟมาในถ้วยใบน้อยพร้อมขนมหวานเคียงมาอีก 2 อย่าง หรือ Palm in Coconut ก็จะมีลูกตาลในน้ำกะทิมา 1 ถ้วย พร้อมวุ้นอีก 1 ถ้วยและไอศกรีมอีก 1 ลูก เก๋ไปอีกแบบค่ะ ร้านนี้สอบผ่านทั้งอาหารคาวอาหารหวานสมกับเป็นร้านของยอดเชฟกัมพูชา

คราวนี้มาถึงร้านอาหารกัมพูชาร้านสุดท้ายสำหรับคอลัมน์ชิมเสียมเรียบในคราวนี้แล้วล่ะค่ะ ชื่อร้าน Chanrey Tree ร้านตั้งอยู่ติดกับร้าน Malis เลยค่ะ แต่รูปแบบร้านจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ร้าน Malis นั้นเป็นอาคารสมัยใหม่อันสวยงามโอ่โถง ร้าน Chanrey Tree นี้เป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูงให้บรรยากาศกินในบ้านสวยๆ ของชาวกัมพูชาในชนบทนะคะ (แต่มีแอร์คอนดิชัน) นั่งสบ๊ายสบาย ถ้าพูดถึงบรรยากาศแล้วดิฉันชอบร้านนี้ที่สุด รอบๆ บ้านปลูกต้นไม้ร่มรื่น ดอกไม้สวยงามหน้าบ้านเป็นต้น Chanrey หรือ Rain Tree ต้นใหญ่เป็นที่มาของชื่อร้าน อ้อ! เดวิด เบคแฮม ก็เคยแวะมาที่ร้านนี้เมื่อมิถุนายน 2558 ด้วยนะคะ

กลับมาที่โต๊ะอาหารของเรา อาหารที่สั่งมาแล้วค่ะ เริ่มต้นด้วยอาหารจานที่ครอบครัวเราลงความเห็นกันว่ารสชาติอร่อยและชื่อตลกดี Beef Lok Lak ไม่ได้ถามคุณไกด์ชาวเขมรมาว่าภาษาเขมรออกเสียงอย่างไร แต่บ้านเราอ่านว่าบีฟล่อกแล่กค่ะ เป็นเนื้อเทนเดอร์ลอยน์สไลซ์ผัดกับซอสที่มีส่วนผสมของกระเทียม น้ำมะนาว และพริกไทยดำ จริงๆ รสชาติดีอยู่แล้ว แต่เวลาเสิร์ฟเขายังมีน้ำจิ้มวางมาข้างๆ อีก 1 ถ้วย ต่อด้วยจานเนื้ออีกจาน Beef Salad ใช้เนื้อเทนเดอร์ลอยน์อีกเช่นกันเคล้ากับตะไคร้ กระเทียม หอมแดง และสมุนไพรอื่นๆ อีกเล็กน้อย แล้วก็ยังมีถั่วลิสงเสิร์ฟเคียงกับผักสดกรอบอย่างแตงกวา ถั่วฝักยาว และแครอต

จากจานเนื้อมาต่อจานไก่ค่ะ Roasted Khmer Chicken ไก่ย่างฉ่ำๆ เสิร์ฟคู่น้ำจิ้มคล้ายๆ บ้านเรา หวานอย่างเผ็ดอย่าง ลองมาชิมปลาร้านนี้กันดูบ้าง เป็นปลาจากทะเลสาบเขมรชื่อโตนเลสาบที่นับเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแหล่งปลาน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์มาก ฉะนั้นมาชิมปลาจากโตนเลสาบจานนี้เลย Tonle Sap Steamed Fish เป็นปลานึ่งค่ะ อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่าปลาที่นี่ดีจังไม่มีกลิ่นดินเหมือนหลายที่ที่เคยเจอ เนื้อปลาอร่อยมาก หน้าตาคล้ายปลานึ่งมะนาว เพียงแต่มีถั่วลิสงด้วย และไม่เผ็ดค่ะ จานต่อมาเป็นซีฟู้ด Seafood with Kampot Pepper กุ้งและปลาหมึกผัดกับพริกไทยดีของที่นี่ ปิดท้ายอาหารคาวด้วยซุป “Korko” Soup ซุปที่คล้ายแกงป่าใส่กะทิและข้าวหอมมะลิคั่วหอมๆ สามารถเลือกชนิดของเนื้อที่จะใส่ในแกงได้ ไม่ว่าจะเป็นขากบ ไก่ ปลา หรือซี่โครงหมู บ้านเราเลือกซี่โครงหมูค่ะ

คราวนี้มาชมขนมหวานกันบ้าง ด้วยความที่คนไทยชอบกินข้าวเหนียวมะม่วงกันในหน้าร้อน ที่นี่ก็มีข้าวเหนียวมะม่วงค่ะ เลยต้องสั่ง Mango and Sticky Rice มาลองเสียหน่อย ฟันธงได้ว่าอร่อยสู้บ้านเราไม่ได้  แถมข้าวเหนียวมะม่วงของเขายังเสิร์ฟกับขนุนและลำไยอีกด้วย ไม่ใช่มะม่วงอย่างเดียว แถมมีมะพร้าวขูดโรยมาด้านบน แต่ทว่าขนมหวานจานถัดไปนี้อร่อยค่ะ Khmer Delicacy เขานำข้าวเหนียวผสมกับเผือกปั้นเป็นลูกกลมๆ ทอดมาแบบกรอบนอกข้างในนุ่มมัน วางมาบนแยมสับปะรด เสิร์ฟคู่กับเชอร์เบตมะพร้าว โรยรอบๆ ด้วยมะม่วงหิมพานต์ตำหยาบๆ เป็นการจบมื้ออาหารกัมพูชาที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ค่ะ

ยังค่ะ เรายังอำลาเสียมเรียบไปไม่ได้นะคะถ้ายังไม่ได้แถมท้ายด้วยอาหารอิตาเลียนอร่อยๆ บรรยากาศดีๆ สักมื้อที่ห้องอาหาร L’Angelo ในโรงแรม Le Meridien Angkor ตั้งอยู่ที่ Vithei Charles de Gaulle, Khum Svay Dang Kum ห้องอาหารแห่งนี้ตกแต่งแบบโปร่งๆ สว่างสะอาดตา นั่งจิบไวน์กินอาหารอิตาเลียนกันได้สบายๆ ยิ่งถ้าพักที่โรงแรมนี้ด้วยก็ยิ่งสบายไปกันใหญ่ เพราะพอหนังท้องตึงแล้วหนังตามักจะหย่อน สามารถขึ้นไปนอนพักได้เลย ห้องพักก็แสนจะกว้างขวางสะอาดสะอ้าน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมพรั่ง แถมคุณพนักงานก็น่ารัก อัธยาศัยดี เป็นมิตรจิตบริการทุกท่านอีกด้วย

มื้ออาหารอิตาเลียนของเราคุณเชฟประจำห้องอาสาจัดอาหารเรียกน้ำย่อยออกมาให้ชิม 4 จานด้วยกัน จานแรก Prosciutto di Parma ปาร์มาแฮมหอมมากเสิร์ฟมากับแตงดอง จานที่ 2 Bruschetta Pomodoro/Parma ขนมปังบาแกตต์ที่อบมาแบบกรอบนอก ขนมปังด้านในยังนุ่มหนึบ วางหน้าด้วยมะเขือเทศสดสับเคล้าน้ำมันมะกอก พริกหวานย่างเคล้าน้ำมันมะกอก และมะกอกดำสับพร้อมชีสสไลซ์ จานที่ 3 Italian Squid Salad ปลาหมึกลวกชิ้นกำลังดีคลุกเคล้ามากับผักสลัดสดกรอบ และจานที่ 4 Bocconcini/Cherry Tomatoes มะเขือเทศลูกเล็กๆ หวานฉ่ำมากๆ เสิร์ฟมากับชีส Bocconcini ที่เป็นชีสมอซซาเรลลาลูกเล็กๆ จากเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี

จากอาหารเรียกน้ำย่อยที่ทำเอาน้ำย่อยทำงานหนักน่าดู มาต่อที่อาหารจานหลักที่เราต่างคนต่างสั่งกันบ้าง ขอแนะนำอาหารจานอร่อยสุดก่อนเลยค่ะ Sirloin Tagliata เนื้อเซอร์ลอยน์ชิ้นโตสุกกำลังเหมาะ ด้านในยังเป็นสีชมพูสวยนุ้มนุ่ม ด้านบนโรยด้วยชีส ด้านข้างมีครีมซอสเห็ดเข้มข้น จานหลักจานที่ 2 ภูมิใจนำเสนอ Osso Bucco Milanese อาหารของอิตาเลียนทางเหนือที่นำเนื้อส่วนที่มีกระดูกอยู่ตรงกลางมาตุ๋นกับซอสที่มีมะเขือเทศเป็นส่วนผสมหลักจนเข้าเนื้อ ออซโซบูโกของห้องอาหารนี้เสิร์ฟมากับมันฝรั่งบดที่ครีมมี่มากๆ อีกด้วย จานที่ 3 สำหรับค่ำคืนนี้ Risotto Mushroom & Duck Breast ข้าวริซอตโตหรือข้าวตุ๋นอิตาเลียนที่ตุ๋นมาในน้ำซุปและชีสจนซึมเข้าไปในเมล็ดข้าวหอมและมัน วางเนื้ออกเป็ดอบด้านบน

ปิดท้ายหมวดอาหารจานหลักด้วยพาสตาบ้าง Squid Mussels & Prawns Penne เส้นเพนเนกลมๆ มีรูตรงกลาง (ต่างกับมะกะโรนีที่เป็นเส้นกลมยาวและมีรูตรงที่เพนเนจะเป็นหลอดสั้นและตัดเฉียงทั้ง 2 ด้าน) ผัดมาแบบฉ่ำๆ กับอาหารทะเลสด

ดิฉันขอจบท้ายความเอร็ดอร่อยในเสียมเรียบลงด้วยขนมหวานที่อร่อยมากของห้องอาหารอิตาเลียนแห่งนี้ Passion Fruit & Vanilla Soufflé เป็นซูเฟล่ที่อร่อยที่สุดในหมู่มวลซูเฟล่ที่เคยกินมา ฟูนุ่มกำลังดี รสชาติหวานอมเปรี้ยว หอมแพสชันฟรุต กินแล้วสดชื่นค่ะ

ดิฉันเชื่อมั่นเหลือเกินว่าถ้าคุณผู้อ่านตามไปชิมจะไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอนทั้ง 4 ร้านที่ดิฉันแนะนำมาเลยล่ะค่ะ มีแต่จะอุทานว่าอุ๊ย! อร่อยจริงๆ นั่นแหละ...นะคะ

Tag: , อาหารกัมพูชา, เสียมเรียบ,