ถนนทรงวาดทอดยาวพาดผ่านพื้นที่ของแขวงสัมพันธวงศ์ไปจนถึงตลาดน้อย บรรดาอาคารเก่าเรียงรายริมถนนล้วนขึ้นชื่อว่ามีเสน่ห์ด้วยสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า แต่ก็ใช่ว่าทรงวาดจะเป็นเพียงย่านเก่าแก่ที่ขยับขยายมาจากสำเพ็งเท่านั้น หากมีเวลาว่างสัก 1 วันก็นับว่าเพียงพอแล้วที่จะไปเดินซอกแซกในย่านที่กำลังจะฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง
★ Chill ★
การเดินทางมาถนนทรงวาดไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร กลับจะง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยด้วยซ้ำเพราะมีทั้งทางรถและทางเรือให้เลือก หากอยากได้บรรยากาศของวิถีชุมชนริมสายน้ำเพียงนั่งเรือด่วนเจ้าพระยามาขึ้นที่ท่าเรือราชวงศ์ก็จะถึงจุดหมายปลายทางทันที
เอฟ.วี. เป็นคาเฟ่ในอาคารเก่าขนาด 2 คูหาริมถนนทรงวาด ดึงดูดเราตั้งแต่ป้ายตัวสีทองอร่ามเป็นเงางาม ไปจนถึงฝาผนังเก่าสีหลุดลอก แม้ภายนอกจะดูกลมกลืนไปกับร้านรวงโดยรอบ แต่เมื่อก้าวเข้าไปด้านในแล้วก็เหมือนกับหลุดไปอีกโลกหนึ่ง เพราะภายในอาคารย่านจีนในกรุงเทพมหานครกลับมาเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงจากดินแดนอีสานซุกซ่อนอยู่ และในขณะเดียวกันบนฝาผนังทั่วร้านก็ประดับประดาไปด้วยงานศิลปะโมเดิร์นในกรอบรูปจนแทบไม่มีช่องว่าง
ด้วยบรรยากาศของคาเฟ่สมัยใหม่ เอฟ.วี. จึงเหมาะจะเป็นที่หลบร้อนมานั่งชิลหายใจหายคอและเติมพลังกับเมนูของกินและเครื่องดื่มสุดแปลกใหม่จากผักพื้นบ้านไทย รวมไปถึงวัชพืชที่ไม่น่าเอามาทำเป็นของกินได้อย่างชาไมยราบที่มอบความสดชื่นหลังจิบได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีผลไม้ไทยอบแห้งนานาชนิดที่ทางร้านทำเองให้ลองชิมกันอีกด้วย จะเรียกว่าเป็นความแปลกตั้งแต่ภายนอกสู่ภายในแต่ก็ควรมาลิ้มลองสักครั้ง
★ Walk ★
2 ฝั่งริมถนนทรงวาดไม่เคยหลับใหล ความคึกคักของย่านการค้าที่มีมานับร้อยปีก่อนหน้านี้ก็ยังสะท้อนให้เห็นมาจนถึงปัจจุบัน เพียงแค่เดินย่ำเลียบถนนไปเรื่อยๆ จะเห็นภาพของรถบรรทุกสินค้า ผู้คนขะมักเขม้นขนของเข้า-ออกร้าน และสินค้าโชว์หน้าร้านหลากหลายรูปแบบตั้งแต่เครื่องเทศ กาน้ำชา ไปจนถึงถังไม้สัก
และจุดหนึ่งที่เป็นดั่งศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในย่านนี้มาช้านานคือศาลเจ้าเล่าปุนเถ้ากง ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโรงเรียนเผยอิงซึ่งว่ากันว่าเป็นโรงเรียนผลิตเจ้าสัวของเมืองไทยมาหลายต่อหลายคน ปัจจุบันยังคงความสวยสดงดงามด้วยสถาปัตยกรรมจีนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แม้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นเวลานับร้อยปีทุกวันนี้ก็ยังเป็นที่เคารพสักการะของคนไทยเชื้อสายจีน
บริเวณขวามือของศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ตั้งของตรอกชัยภูมิ ขนาบข้างด้วยตึกแถวตลอดเส้นทางให้บรรยากาศเหมือนหลุดไปในภาพยนตร์ฮ่องกงสมัยก่อน แต่ที่เป็นไฮไลต์ของตรอกแห่งนี้คือโรงงานทำซาลาเปาในตำนานชื่อว่า กู่ หลง เปา มีความเป็นมาไม่ต่ำกว่า 100 ปี เป็นซาลาเปาสูตรแต้จิ๋วโบราณ จุดเด่นอยู่ที่กรรมวิธีการนวดแป้งและห่อแป้งด้วยมือทำให้ซาลาเปาของที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มละมุนของเนื้อแป้งและไส้ที่อร่อย ทั้งไส้หมูสับไข่เค็ม เผือกกวน ถั่วหวานงา และหมั่นโถว ปัจจุบันมีหน้าร้านอยู่ที่สามแยกหมอมี สะดวกไปตามรอยอร่อยกันได้
ยิ่งเดินตามตรอกไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งพบความน่าเหลือเชื่อที่ซุกซ่อนอยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะเก๋งจีนร้างหลังหนึ่งซึ่งปลกคลุมด้วยรากไม้เลื้อยจนเหมือนจะถล่มลงได้ทุกเมื่อ ประตูทางเข้าถูกปิดตายไม่มีใครย่างกรายเข้าไปรบกวนได้ แต่ก็ยังมีช่องว่างให้ใช้ตาสัมผัสเพียงภายนอก อย่างน้อยก็พอได้เห็นร่องรอยของบันไดวนสุดอลังการให้พอจะอนุมานได้ว่าบ้านเก่าหลังนี้น่าจะเป็นทรัพย์สินของตระกูลเศรษฐีชาวจีนอย่างแน่นอน
พิกัดถัดมาคือมัสยิดหลวงโกชาอิศหาก หนึ่งในวัฒนธรรมอิสลามที่โดดเด่นท่ามกลางย่านจีน สร้างขึ้นเพื่อให้พ่อค้าอิสลามในสมัยก่อนได้ประกอบศาสนกิจอย่างสะดวกสบาย จุดเด่นของมัสยิดแห่งนี้คือสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอ-คลาสสิกไม่เหมือนกับมัสยิดอื่นๆ ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา จากศาลเจ้าจีนสู่มัสยิด ถนนทรงวาดจึงเป็นหนึ่งในย่านที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างน่าทึ่ง
★ Art ★
แกลเลอรีสีน้ำเงินเข้มชื่อว่า PLAY Art House เป็นพิกัดที่คอศิลปะตัวยงไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนถนนทรงวาด เกิดขึ้นได้โดยโดยคุณอุ๊ย-เกียรติวัฒน์ ศรีจันทร์วันเพ็ญ คนรุ่นใหม่ที่เกิดและเติบโตในครอบครัวช่างทำรองเท้าเกี๊ยะในย่านสำเพ็ง และก่อนที่จะมาเป็นเจ้าของแกลเลอรีน้องใหม่นี้เขาเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์รองเท้าแตะ Lollipachy ที่ส่งขายไปทั่วโลกอีกด้วย
แต่เดิมพื้นที่ห้องแถวบริเวณนี้เป็นเพียงโกดังรองเท้า แต่ด้วยความชื่นชอบส่วนตัวของทายาทร้านรองเท้าเกี๊ยะ จากที่เป็นอาคารเก่าอายุร้อยปีก็ถูกพลิกโฉมใหม่ด้วยสีน้ำเงินเข้มกับเสาโรมันและช่องหน้าต่างเหล็กดัดสุดประณีต บทบาทของอาร์ตแกลเลอรี่แห่งใหม่นี้จึงไม่ใช่เพียงสถานที่แสดงผลงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังคืนชีวิตชีวาให้กับย่านเก่าแก่ที่กำลังจะเลือนหายไปจากความทรงจำของคนรุ่นใหม่อีกครั้งหนึ่ง
★ Drink ★
ส่งท้ายวันและปิดท้ายทริปกันที่ Arteasia (อาร์ทีเซีย) คาเฟ่และบาร์ที่ซุกซ่อนอยู่บนชั้น 2 ของอาคารพาณิชย์เก่า เบื้องหลังประตูสีทองคือบันไดไม้ซึ่งจะพาไปสู่อีกดินแดนที่เปี่ยมไปด้วยความน่าหลงใหล
บานหน้าต่างกระจกสีอนุญาตให้แสงแดดเล็ดลอดมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งเมื่อตกกระทบกับแสงสีจากงานศิลปะภายในร้านยิ่งทำให้ร้านมีบรรยากาศที่ดูลึกลับน่าค้นหาไม่น้อย จุดเด่นของร้านคือเมนูค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากน้ำชา จึงมีซิกเนเจอร์เป็นเมนูค็อกเทลร้อนที่ให้อรรถรสราวกับจิบชาจีนในย่านจีน
แต่ในช่วงเวลาที่การระบาดของโควิด-19 ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง Arteasia จึงเปิดบริการเป็นคาเฟ่ตลอดช่วงเวลากลางวัน มาพร้อมเซ็ตชายามบ่ายในสไตล์ของว่างไทยโบราณไม่ว่าจะเป็น ปลาแห้งแตงโม เมี่ยงใบชะพลูกุ้งสด ค้างคาวเผือก และข้าวตังน้ำพริกอ่อง พร้อมเครื่องดื่มหลากหลายที่ยังคงได้แรงบันดาลใจจากชาเช่นกัน
การก้าวเข้ามาของโลกยุคใหม่จะทำให้ทรงวาดนั้นทรงเสน่ห์ไปอีกนานเท่านาน
Tag:
travel, ถนนทรงวาด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น