ร้อยวันพันปี “ฮ่องกง” ก็แทบไม่ได้อยู่ในลิสต์รายชื่อปลายทางการเดินทางของชายจุกเลยแม้แต่น้อย ซึ่งฮ่องกงก็ดูเหมือนมีจุดหมายเพียง 2 อย่างคือกินและชอปปิง ชายเองก็ไม่ค่อยตั้งเป้าไปเที่ยวเพื่อกินเลยสักครั้ง อย่างมากก็เที่ยวแล้วเรื่องกินก็จะเป็นเรื่องรองลงมา แต่คราวนี้ได้ยินชื่อร้านที่เพื่อนเอ่ยในทริปนี้แล้วก็ตัดสินใจกดจองตั๋วเครื่องบินแทบจะในทันที ทริปนี้รวมร้านรางวัลทั้งมิชลินสตาร์และร้านที่ดีที่สุดของเอเชียไว้ในทริปเดียว ไม่ไปได้อย่างไร
ชายออกตัวแรงด้วยมื้อค่ำที่ Lung King Heen (Four Seasons Hotel Hong Kong, www.fourseasons.com/hongkong) ร้านอาหารจีนกวางตุ้ง เจ้าของรางวัลมิชลินสตาร์ 3 ดาว และร้านอาหารลำดับที่ 17 จาก Asia's 50 Best Restaurants เรียกว่าชื่อชั้นไม่เป็นรองใคร ผลงานทั้งหมดคงต้องยกความชอบให้กับเชฟ Chan Yan Tak ที่เลือกปรุงอาหารจีนกวางตุ้งออกมาในสไตล์โมเดิร์น ซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่เชฟในฮ่องกง
ชายได้ชิม Chef’s Tasting Menu 8 คอร์ส เริ่มที่หอยเชลล์กรอบสอดไส้ลูกแพร์และแฮมยูนนาน เนื้อในฉ่ำหวานด้วยแพร์ ตามด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยซิกเนเจอร์ของเชฟ หมูแดง หมูกรอบ เป็ดย่าง เชฟฮ่องกงนี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารบาร์บีคิวจริงๆ ต่อกันที่ซุปเต้าหู้ไข่ปู เนื้อปูอุ่นและเบาสบายท้อง
จานต่อมาจะเรียกว่ากุ้งเปรี้ยวหวานก็น่าจะได้ เนื้อกุ้งเด้งอร่อย แต่จานต่อไปชายบอกเลยว่าห้ามพลาด หอยเป๋าฮื้อมาพร้อมปลาเก๋าในซอสหอยนางรมทำเอง เหมือนยกทะเลมาทั้งจาน และใครว่าคนจีนไม่กินเนื้อวัว ชายเห็นทุกร้านทำจานเนื้อ และเนื้อวากิวผัดกระทะจานนี้ก็ดีงามมาก ปิดท้ายอาหารคาวด้วยเกี๊ยวกุ้งในสุพรีมซุป ส่วนของหวานเป็นคัสตาร์ดเมลอนเย็นฉ่ำมาพร้อมชาร้อนดีๆ ปิดท้ายมื้อ
ในที่สุดชายก็ได้นั่งโรลส์-รอยซ์ของเพนนินซูลา ฮ่องกง เพื่อแวะมาชิมอาหารของ Spring Moon ร้านอาหารจีนกวางตุ้งของโรงแรม (The Peninsula Hong Kong, http://hongkong.peninsula.com) หลังจากได้เชฟ Gordon Leung มาเพียงปีเดียวก็สามารถคว้ามิชลินสตาร์ 1 ดาวมาได้สำเร็จ เมื่อไม่นานมานี้เชฟก็มาปรุงอาหารมื้อพิเศษที่เพนนินซูลา กรุงเทพฯ ด้วย จานเด่นที่เชฟทำให้ชิมเป็นติ่มซำขึ้นชื่อของที่นี่คือเสี่ยวหลงเปาล็อบสเตอร์ เนื้อล็อบสเตอร์หวานๆ ฉ่ำน้ำซุปในแผ่นแป้งที่บางเบา
อีกจานถ้ามองผิวเผินชายมีความสงสัยนิดหน่อยว่าเป็นอะไร ที่แน่ๆ ภาชนะเป็นกะลามะพร้าวแน่นอน เดาง่ายๆ ว่าต้องมีส่วนผสมของมะพร้าว เดาไม่ผิด แต่ก็เดาได้ไม่ครบ ในกะลามะพร้าวเป็นข้าวอบปูที่มีกลิ่นรสของมะพร้าวและผงกะหรี่ ทั้งหวานและหอมอร่อย
นี่ยังมาไม่ถึงครึ่งทางเลย ชายดีใจมากที่ได้พบกับเชฟ Richard Ekkebus หลังจากได้เจอกัน 2 ครั้งในงานประกาศรางวัล Asia's 50 Best Restaurants ในกรุงเทพฯ เชฟคนนี้คือหนึ่งในเชฟขวัญใจของชาย ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยได้ลองลิ้มชิมรสอาหารของเขาเลยก็ตาม ด้วยท่าทีที่เป็นมิตรนี่เอง เมื่อได้พบกันที่ Amber (The Landmark Mandarin Oriental, www.amberhongkong.com) เชฟก็ทักทายว่าเราเคยเจอกัน ปลื้มใจน้ำตาไหล ก็ใช่สิ! เราเจอกันเมื่อไม่นานมานี้ที่กรุงเทพฯ แอมเบอร์คือร้านอาหารฝรั่งเศสที่ได้ดาวมิชลิน 2 ดาวยาวนานถึง 6 ปีติดต่อกัน และควบอันดับ 3 ของ Asia's 50 Best Restaurants และอันดับ 24ของ The World’s 50 Best Restaurants
ชายได้ชิม Lunch Degustation Menu เพราะจับจองมื้อค่ำได้ยากจริงๆ มื้อกลางวันนี่แหละที่พอจะมีโอกาส เริ่มที่ของว่าง 4 รส เค็ม หวาน ขม และเปรี้ยวที่กระตุ้นความอยากอาหาร ตามด้วย Karatomari Ebisu Oyster หอยนางรมที่ผ่านการปรุงอย่างซับซ้อนมาพร้อมซุป Kohlrabi หัวโคห์ลราบิปรุงกับน้ำมะนาวและน้ำมันมะกอก โปะด้วยหอยเม่นและคาเวียร์ จานต่อไปเก๋ดี Hokkaido Diver Scallop หอยเชลล์นาบกระทะซ่อนตัวอยู่ในซาบาญองที่โรยด้วยข้าวพอง แต่ที่เด็ดสุดเป็น Miyazaki Wagyu Beef เนื้อมิยาซากินุ่มๆ ย่างมาพร้อมองค์ประกอบในจานที่คุมโทนสีแดง สาหร่ายสีแดง สลัดผักกาดแดง และซอสจากเปปเปอร์เบอร์รี ปิดท้ายด้วยของหวาน Caramelized Milk Chocolate
ร้านต่อมา Shang Palace (Kowloon Shangri-La Hong Kong, www.shangri-la.com/hongkong/kowloonshangrila) สร้างความประหลาดใจให้ชายไม่น้อย ทุกคนแต่งตัวชิว และทุกคนที่มาไม่ใช่นักชิม แต่เป็นเครือญาติที่แวะมาพบปะกันในสุดสัปดาห์ ว่ากันว่าคนฮ่องกงไม่ได้สนใจเรื่องรางวัล แต่สิ่งไหนที่กินแล้วอร่อยก็จะมากัน ซึ่งต่างจากนักท่องเที่ยวนักชิมอย่างเราๆ ร้านนี้ได้ดาวมิชลิน 2 ดวงมาตั้งแต่ ค.ศ. 2009-2017 โดยมีเชฟ Mok Kit Keung เมนูเด่นต้องยกให้เอบิริโกแฮมบาร์บีคิว ซุปไก่กับเห็ดโครอล รวมทั้งมะเขือเทศผลยักษ์หวานฉ่ำเสิร์ฟกับเยื่อไผ่และเห็ดมอเรล ปิดท้ายด้วยขนมหวานพุดดิงขิงกับเค้กชาเขียว
ส่วนร้านพี่น้องอย่าง Summer Palace (Island Shangri-La Hotel, www.shangri-la.com/hongkong/islandshangrila) ดูผิวเผินมีความคล้ายคลึงกับแชงพาเลซ แต่ด้วยเชฟคนละคนจึงทำให้มีรสชาติบางอย่างแตกต่างกัน เชฟ Leung Yu King ทำให้ร้านนี้ได้ดาวมิชลิน 2 ดวงมาตั้งแต่ ค.ศ. 2013-2017 จานเด่นคือบาร์บีคิวที่มา 3 คำ หมูหันกับขนมปังราดซอสบาร์บีคิวและโรยน้ำตาล เป็ดย่างหนังกรอบกับซอสบ๊วย และหมูแดงที่เลือกใช้หมูที่เลี้ยงในฮ่องกง ซุปเยื่อไผ่ใส่เห็ดมอเรลและผักกาดก็รสดีไม่หนักไป ปลานึ่งซอสกับหนำเลี้ยบ หมี่เหลืองทอดกรอบมากับกุ้งตัวใหญ่ที่หอมกลิ่นกระทะและควันไฟ
เอาจริงๆ ครั้งแรกของชายยังมีอีกหลายร้านที่ได้มิชลินและร้านดังของเอเชีย แต่ขออนุญาตหยุดเท่านี้ก่อน เล่าเยอะเดี๋ยวไม่ได้ดูรูปหน้าตาอาหารกันพอดี
Tag:
, World Food, ฮ่องกง,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น