ห้องอาหารวูว์ ณ โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ เปิดครัวต้อนรับเชฟรับเชิญจากร้านอาหารชื่อดัง Gucci Osteria อีกครั้ง ครั้งนี้พบกับเชฟ Antonio Iacoviello จากร้านอาหาร Gucci Osteria สาขาโตเกียว ร้านอาหารระดับรางวัลมิชลินสตาร์ 1 ดวงที่ได้รับแนวคิดของ Gucci และหลักคิดของเชฟ Massimo Bottura ผู้ก่อตั้งร้าน Osteria Francescana (มิชลินสตาร์ 3 ดาว) ในเมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี มาสอนทำอาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 พร้อมกับรังสรรค์อาหารมื้อค่ำ 8 คอร์สสุดพิเศษเพียง 3 วันเท่านั้นตั้งแต่วันที่ 16 – 18 พฤศจิกายน 2566
“โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์เหนือระดับให้แขกทุกท่านผ่านกิจกรรมมากมาย เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ในฐานะ The House of Celebration สถานที่ยอดนิยม และเป็นผู้นำด้านการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างหรูหรา โดยหนึ่งในกิจกรรมที่เราจัดขึ้นคือการเชิญเชฟชื่อดังจากหลากหลายที่ทั่วโลกมารังสรรค์ความอร่อย ณ ห้องอาหารวูว์ โดยในเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา เราได้มีเชฟรับเชิญจากร้านอาหาร Gucci Osteria สาขากรุงโซลมาเยือน และได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้น จากความสำเร็จในครั้งนั้นเราจึงสานต่อความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัว Gucci Osteria และได้เชิญเชฟจาก Gucci Osteria สาขาโตเกียวร้านอาหารมิชลินสตาร์ 1 ดวงสู่ประเทศไทย เรามั่นใจว่ามื้อค่ำและคลาสสอนทำอาหารในครั้งนี้จะสร้างประสบการณ์น่าประทับใจแสนพิเศษได้เช่นกัน” มร. เคลาส์ คริสตันเดิล ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ กล่าว
ร้านอาหาร Gucci Osteria da Massimo Bottura ได้ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของอาหารอิตาเลียนสมัยใหม่ผสานเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างไปตามแต่ละสาขาทั่วโลก อาทิ สาขาฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เบเวอร์ลีฮิลล์ ประเทศสหรัฐอเมริกา สาขากรุงโซล ประเทศเกาหลี และสาขาโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทุกสาขาล้วนมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง แต่รวมเป็นหนึ่งไว้ด้วยศาสตร์การทำอาหารบนพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์ การตกแต่งอาหารอย่างละเมียดหรูหรา และเสน่ห์ของวัตถุดิบตามฤดูกาลต่าง ๆ
มื้อค่ำนี้ประกอบด้วยจานอาหาร 8 คอร์สไล่เรียงจากอาหารเรียกน้ำย่อยกับเมนู Memorie d’Estate ซุปเย็นที่ทำจากมะเขือเทศ 3 สายพันธุ์ และสตรอว์เบอร์รี โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความทรงจำในวัยเด็กของเชฟตอนที่อยู่ในฟาร์มของครอบครัว ถัดมาเป็นเมนู Autunno เต็มไปด้วยรสชาติละมุนของฤดูกาลที่มีขนมปังหวาน แอปเปิล และบีทรูทเป็นวัตถุดิบหลัก จากนั้นสัมผัสรสชาติสดชื่น เปรี้ยวฝาดที่ผสมผสานวัฒนธรรมอาหารอิตาเลียน ไทย และญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน กับเมนู Lumaca In Verde ที่นำเสนอหอยทากทะเล เสิร์ฟพร้อมสลัดสมุนไพรไทย อาหารจานต่อไปเป็นเมนู Piadinia: a Love Story between Italy and Japan ที่เชฟดัดแปลงจากเมนูเครปเค้กแบบญี่ปุ่นโดยใช้ขนมปังแบนสไตล์อิตาเลียนแทนแป้งเครป วางเรียงกับกุ้งท้องถิ่นจากไทย เพิ่มอรรถรสยิ่งขึ้นเมื่อรับประทานด้วยมือ
ต่อด้วยเมนูไฮไลต์ประจำร้านอาหาร Gucci Osteria สาขาโตเกียวกับเมนู A Walk in the Fields เมนูพาสต้าที่ใช้สุดยอดวัตถุดิบประจำฤดูใบไม้ร่วงอย่างเห็ดมัตสึทาเกะ และเพิ่มความหอมด้วยสมุนไพร ต่อมาเข้าสู่อาหารจานหลักที่เชฟ Antonio ได้รับแรงบันดาลใจจากเมนู “Chicken, Chicken, Chicken Where are You?” เมนูที่โด่งดังของเชฟ Massimo Bottura ผู้เป็นผู้ฝึกสอนของเขา โดยนำมาตีความใหม่ด้วยการใช้พาร์มิจาน่าแบบต้นตำรับอิตาเลียน มาสู่เมนูใหม่ Deer, Where are You?
เติมเต็มความอร่อยให้กับมื้ออาหารด้วย จินโทนิค ค็อกเทลโปรดของเชฟ ที่มีส่วนผสมจากลิ้นจี่และแอปเปิลที่แช่กับวิสกี้ญี่ปุ่นแบรนด์ Nikka และโทนิค เสิร์ฟในโฟมคำเล็ก ๆ เพื่อล้างปากก่อนที่จะเสิร์ฟเมนูถัดไป ปิดท้ายมื้ออันน่าจดจำด้วยเมนูของหวาน Che Fico! ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปลายฤดูร้อนในอิตาลีซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใบของต้นมะเดื่อเริ่มร่วงหล่น และเป็นช่วงเวลาที่เชฟมักทานขนมปังคู่กับลูกฟิกเป็นอาหารเช้า เมนูนี้รังสรรค์จากขนมปัง กากน้ำตาลจากลูกฟิก ไอศกรีมลูกฟิก และแยมลูกฟิกสด แม้จะเป็นการผสมผสานวัตถุดิบจากลูกฟิกที่เรียบง่าย แต่มอบรสชาติและรสสัมผัสที่ซับซ้อนตามแบบฉบับของอาหารอิตาลีบ้านเกิดของเชฟ
“เมนูนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากฤดูกาลในอิตาลีที่ผมชื่นชอบ ซึ่งก็คือฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง โดยได้คัดเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาลคุณภาพดีจากประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย ผมขอเชิญชวนทุกท่านมาลองคอร์สเมนูที่จะนำคุณออกเดินทางไปยังอิตาลีประเทศบ้านเกิดของผม และประเทศญี่ปุ่นที่ซึ่งต้อนรับผมเป็นอย่างดีตั้งแต่มาเปิดร้าน Gucci Osteria สาขาโตเกียว เมื่อ 2 ปีที่แล้ว นอกจากนี้ การนำเสนอของอาหารแต่ละจานยังมีกลิ่นอายความเป็นไทยผสมผสานเข้าไปทำให้มื้อค่ำนี้พิเศษมากยิ่งขึ้น” กล่าวโดยเชฟ Antonio Iacoviello หัวหน้าเชฟแห่งร้านอาหาร Gucci Osteria สาขาโตเกียว
พบกับคลาสสอนทำอาหารจากร้านอาหาร Gucci Osteria สาขาโตเกียว เรียนรู้การปรุงเมนู "ทอร์เทลลินี่ครีมชีสพาร์มิจาโน่ เรจจาโน่" (Tortellini with Parmigiano Reggiano Cream) อย่างใกล้ชิดกับเชฟ Antonio Iacoviello เชฟมิชลิน 1 ดาว ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 เปิดสอนเพียง 2 รอบ เวลา 12:00 น. - 14:00 น. และ รอบ 14:00 น. - 16:00 น. เพียงรอบละ 10 เท่านั้น ในราคา 2,200++ บาท ต่อท่าน ณ ห้องอาหารวูว์ บนชั้น 12 ของโรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ
อาหารมื้อค่ำ 8 คอร์ส ส่งตรงจาก Gucci Osteria Tokyo ในราคา 5,200++ บาท ต่อท่าน (เลือกเพิ่มแพ็คเกจไวน์แพริ่ง 3 แก้วในราคา 1,500++ ต่อท่าน หรือแพ็คเกจไวน์แพร์ริ่ง 2,700++ ต่อท่านสำหรับไวน์แพริ่ง 7 แก้วรวมค็อกเทล 1 แก้วระหว่างวันที่ 16 – 18 พฤศจิกายน 2566 แบ่งเป็น 2 รอบ เวลา 18:00 น.– 20:00 น. และ 20:00 น. – 22:00 น. ณ ห้องอาหารวูว์
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งล่วงหน้า ได้ที่ โทร 02 207 7777 อีเมล fb.bangkok@stregis.com ลิงก์ http://bit.ly/VIUReservations หรือลิงก์ http://sevn.ly/xWYGzPAJ สำหรับอาหารมื้อค่ำ 8 คอร์ส และ http://sevn.ly/xOSWHCZD สำหรับคลาสสอนทำอาหาร
ติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์
Website : www.stregisbangkok.com
Facebook : The St. Regis Bangkok
Instagram : @stregisbangkok
Line Official Account : @stregisbangkok
Tag :
ร้านมิชลิน, โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น