ห้องอาหารไทย ‘เบญจรงค์’ ณ บ้านดุสิตธานี ชวนสัมผัสรสชาติอันล้ำลึกของอาหารไทยโบราณ ในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงเวลาที่อาณาจักรสยามเพิ่งเริ่มเปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่มาจากค้าขายกับต่างประเทศ เข้ามาหลอมรวมกับวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิม กลายเป็นตำรับอาหารไทยที่ยังคงไว้ด้วย รูปรส กลิ่น และสัมผัสแห่งวัฒนธรรมความเป็นไทยอันเข้มข้นอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเมนูใหม่ที่ทีมเชฟของเบญจรงค์ จะนำมาปรุงอย่างประณีต บรรจง และพิถีพิถันตามกรรมวิธีโบราณ และสอดแทรกด้วยเทคนิคตะวันตก ในการคงความสดใหม่ๆ ให้ท่านได้ลิ้มลองและดื่มด่ำไปด้วยกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ทีมงานฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มจากกลุ่มดุสิตธานี ใช้เวลาเกือบร่วมปี ในการสืบเสาะ ค้นคว้า และเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงพ่อแก่ แม่เฒ่าในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรวบรวมตำราอาหารโบราณที่มีความโดดเด่น น่าสนใจ เพื่อนำมาทำงานร่วมกับทีมครัวของห้องอาหารเบญจรงค์ ผู้มากประสบการณ์ในด้านอาหารไทยแบบไฟน์ไดนิ่ง จนรังสรรค์เป็นเมนูชุดใหม่ที่คงไว้ซึ่งรสชาติอันเป็นรอยต่อของสามกรุง ที่เข้มข้นด้วยกลิ่นอายของความดั้งเดิม หลอมรวมกับเทคนิคอันลึกล้ำของนวัตกรรมตะวันตก มาปรุงอาหารไทยแท้ๆ ที่นำเสนอผ่านมุมมองอันแปลกใหม่ ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันหลากหลายมิติ และเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้าได้ลองลิ้มชิมรส
“อาหารไทยขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติอันเข้มข้น และความหอมของเครื่องเทศสมุนไพรอยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ทันตระหนักว่า นี่เป็นอิทธิพลของการผสมผสานความหลากหลายในหลากวัฒนธรรมที่หลอมรวมพร้อมกับอารยธรรมไทยมานานหลายร้อยปี” เชฟปุ๋ม - สุกัญญา งามศรีขำ หัวหน้าทีมครัวของห้องอาหาร เบญจรงค์ กล่าว “ฉะนั้นสิ่งที่พวกเราต้องการนำเสนอในเมนูใหม่ คือ รากเหง้าทางวัฒนธรรมในอาหารไทย ซึ่งสามารถสืบค้น ย้อนกลับไป จากตำรับต้นตระกูลเก่าๆ ในดินแดนด้ามขวานทองของการเข้าครัวในยุคสมัยที่เราเรียกตัวเองว่า “ชาวสยาม” เราปรุงอาหารทุกจานตามขั้นตอน และเทคนิคโบราณอันซับซ้อน เพื่อแสดงออกถึงการเคารพต้นฉบับอาหารไทยอันทรงคุณค่า และนำมาเสนอผ่านมุมมองของความร่วมสมัยในยุคปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่บนโต๊ะอาหาร ตอนที่เราเริ่มทำเมนูใหม่นี้ ทีมครัวทุกคนมีความสุขกับการทำอาหารมาก เพราะทุกคนได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาที่เราเริ่มต้นตกหลุมรักการทำอาหาร เราสนุกกับการเลือกสรรวัตถุดิบชั้นยอดมาปรุงอาหารตามขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน เพื่อส่งมอบรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ลูกค้าทุกท่านจะได้สัมผัสกับรสชาติที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และมีความสุขกับมื้ออาหารร่วมไปกับเรา”
ห้องอาหารเบญจรงค์ขอชวนไปทำความรู้จักกับเมนูใหม่ที่จะช่วยสร้างความสดชื่นและเตรียมความพร้อมของการดื่มด่ำกับรสชาติอาหารด้วย ตั้งแต่ ต้มยำขแมร์ ไปจนถึงความซับซ้อนของรสชาติเครื่องแกงอันเข้มข้นในเมนู แกงแขกขาเป็ดและผลไม้แห้ง
เราคัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดที่หาได้ยาก และเป็นของดีขึ้นชื่อจากแต่ละจังหวัด นำมา โขลก ตำ กวน ปิ้ง นึ่ง ย่าง จี่ อบ ต้ม ผัด หลน และงบ เพื่อได้เครื่องแกงและซอสปรุงรสที่มีรสสัมผัสดั้งเดิม ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าท่านจะได้ลิ้มรสแห่งความสด สะอาด และจากธรรมชาติล้วนๆ ในทุกเมนู เปรียบเสมือนอาหารยา
“ทุกอย่างคือความสมดุล” เชฟปุ๋ม - สุกัญญา กล่าว “วิธีรับประทานอาหารไทยที่เราอยากแนะนำ คือ การเลือกเมนูที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ซุป แกง ยำ ของทอด น้ำพริก รับประทานร่วมกับข้าวหอมมะลิออแกนิกที่เรารับตรงมาจากกลุ่มชาวนาเกษตรอินทรีย์จากทุ่งกุลาร้องไห้ เพื่อเปิดรับ รสหวาน เค็ม เผ็ด และเปรี้ยว ที่จะช่วยส่งเสริมและตัดรสชาติกันและกันอย่างลงตัว รวมทั้งให้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันในแต่ละเมนู จากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม ซึ่งจะทำให้มื้ออาหารที่ห้องอาหารเบญจรงค์ กลายเป็นมื้ออันน่าจดจำของทุกคน”
ชุดเมนูใหม่ มีให้เลือกสรรกว่า 32 เมนู อาทิ, ไข่สามเขย ซึ่งประกอบด้วยไข่ 3 ชนิดคือ ไข่นกกระทา ไข่เป็ด และไข่ไก่ , หมูกรอบสี่สหาย ที่กรอบนอกนุ่มใน และหอมกรุ่นด้วยพริกไทยหอมสี่ชนิด, แกงพริกสดปูม้า ปรุงด้วยเครื่องแกงคล้ายแกงไตปลา หน่อไม้น้ำ และเนื้อปูก้อน จัดจ้านแบบอาหารใต้, น้ำพริกกุ้งย่างสายบัว ที่ใช้เนื้อกุ้งสดและปลาแห้ง โขลกกับเคยชั้นดี ตัดรสฝาดด้วยสายบัวซอยหั่น เข้าคู่กับไข่เป็ดต้มและกากหมูทอด, เนื้อกวางสะเต๊ะลือ ที่หมักเครื่องเทศที่แทรกไปทุกอณูของเนื้อ แล้วนำไปย่างเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มถั่ว และอาจาด ที่ได้ชื่อว่าอร่อยลือลั่นไปทั่วพระนคร , แกงจืดหมูสามชั้น และปลาหมึกพริกไทยอ่อน ที่เชฟต้มน้ำซุปจากกระดูกสะโพกหมูอบกว่า 10 ชั่วโมงจนงวดกลมกล่อมเข้าคู่กับหมูสามชั้นสไลด์บางเฉียบ และปลาหมึกอ่อนที่ผ่านการปรุงด้วยพริกไทยอ่อนและนึ่งจนนุ่มละลายในปาก, ตลอดจน ปูม้านึ่งนมสด , ข้าวผัดสับปะรดไข่แมงดา, แกงคั่วปักษ์ใต้ขาแกะ, และแกงกุ้งลายเสือดอกดาหลา
สำหรับเมนูขนมหวาน ห้องอาหารได้นำเสนอ พุดดิ้งมะพร้าว ที่หอมนุ่มละมุน เสิร์ฟพร้อมเนื้อมะพร้าวอ่อนโรย ปิดท้ายมื้ออาหารอย่างอิ่มเอม หรือท่านจะเลือกความสดชื่นด้วย ส้มฉุน ที่ใช้ลิ้นจี่และผลไม้ต่างๆ ตามฤดูกาลมาทำเป็นของหวานลอยแก้วดับร้อน ของหวานโบราณที่สามารถบ่งบอกเรื่องราวของการรู้จักวัตถุดิบพื้นถิ่นของคนไทยในอดีตได้เป็นอย่างดี
ราคาอาหารเริ่มต้นจานละ 220++ บาท ไปจนถึง 1,290++ บาท พร้อมกันนี้ ห้องอาหารเบญจรงค์ ยังมีไวน์คุณภาพเยี่ยมพร้อมเสิร์ฟคู่กับอาหารไทยในราคาแก้วละ 390++ บาท และสำหรับทั้งขวด ราคาเริ่มต้นเพียง 1,890++ บาท
Tag :
อาหารไทย, เมนูใหม่, ไฟน์ ไดน์นิ่ง, บ้านดุสิตธานี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น