WTTC และ Trip.com Group เผยรายงานนักท่องเที่ยวทั่วโลก พบเทรนด์การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเพิ่มสูงขึ้น

วันที่ 30 มกราคม 2566  615 Views

WTTC และ Trip.com Group เผยรายงานนักท่องเที่ยวทั่วโลก พบเทรนด์การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเพิ่มสูงขึ้น

รายงานล่าสุดของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (World Travel & Tourism Council หรือ WTTC) และ ทริปดอทคอม กรุ๊ป (Trip.com Group) ร่วมกับ ดีลอยท์ (Deloitte) ระบุว่า ความต้องการของนักท่องเที่ยวต่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนนั้นเพิ่มสูงขึ้น โดยร้อยละ 69 ของนักท่องเที่ยว ตั้งใจที่จะมองหาตัวเลือกด้านการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน1

สำหรับรายงานฉบับล่าสุดนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ WTTC ร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก อย่าง Trip.com Group และแบรนด์ผู้ให้บริการหลักของทางบริษัทฯ ซึ่งได้แก่ ทริปดอทคอม (Trip.com) ซีทริป (Ctrip) และ สายสแกนเนอร์ (Skyscanner) โดยประกอบกับข้อมูลจาก Deloitte เพื่อวิเคราะห์ถึงเทรนด์ที่ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการเดินทางท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะยังคงส่งผลต่อเนื่องในปี 2566

ทั้งนี้ ในรายงานที่ใช้ชื่อว่า “โลกและการเปลี่ยนแปลง: เทรนด์ของการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปนับจากปี 2565 และในอนาคต” (A world in motion: shifting consumer travel trends in 2022 and beyond) ระบุว่า ความยั่งยืนนั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการวางแผนเดินทางท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวมีความต้องการที่จะลดคาร์บอน ฟุตพรินต์ (carbon footprint) หรือผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

โดยผลสำรวจในรายงานแสดงให้เห็นว่า 3 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวกำลังพิจารณาถึงการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเพิ่มมากขึ้นสำหรับการเดินทางในอนาคต1 และนักท่องเที่ยวเกือบร้อยละ 60 ได้ตัดสินใจเลือกการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมากขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา1

ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ประมาณ 3 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวที่มีฐานะ ยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อให้การเดินทางท่องเที่ยวของตนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น2

สำหรับปีที่แล้ว สืบเนื่องจากการท่องเที่ยวที่หยุดชะงักมามากกว่า 2 ปี นักท่องเที่ยวได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ความปรารถนาที่จะเดินทางท่องเที่ยวนั้นยังคงสูงเป็นอย่างมาก โดยมีอัตรานักท่องเที่ยวพักค้างคืนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 109 เมื่อเทียบกับปี 2564

จากรายงานพบว่า ในปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวยินดีที่จะเพิ่มงบค่าใช้จ่ายสำหรับแผนการท่องเที่ยวในวันหยุดพักผ่อนมากขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวร้อยละ 86 วางแผนใช้จ่ายเงินเพื่อท่องเที่ยวต่างประเทศในจำนวนเดียวกับหรือมากกว่าที่ใช้ในปี 2562 3 โดยนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯ เป็นผู้จับจ่ายใช้สอยรายใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวชาติอื่น4

สำหรับสถานการณ์การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและวิกฤตค่าครองชีพทั่วโลก แต่นักท่องเที่ยวเกือบ 1 ใน 3 (หรือ ประมาณร้อยละ 31) ระบุว่า พวกเขายินดีที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่าในปี 25653

นอกจากนี้ จากข้อมูลการติดตามสถานการณ์ผู้บริโภคทั่วโลก โดย Deloitte (Deloitte’s ‘Global State of the Consumer Tracker) ซึ่งทำการสำรวจในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว พบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบสำรวจ (ร้อยละ 53) วางแผนจะเข้าพักโรงแรมในอีก 3 เดือนถัดไปด้วย4

จูเลีย ซิมป์สัน (Julia Simpson) ประธานและซีอีโอของ WTTC กล่าวว่า  “อุปสงค์ด้านการท่องเที่ยวในขณะนี้สูงขึ้นมากกว่าเดิม และรายงานของเราก็แสดงให้เห็นว่า ในปีนี้เราจะได้เห็นความต้องการด้านการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวกลับมาอย่างมีนัยสำคัญ โดยปี 2566 จะเป็นปีที่แข็งแกร่งมากสำหรับการเดินทางและการท่องเที่ยว

“ความยั่งยืนเป็นวาระสำคัญอันดับต้น ๆ ของนักเดินทาง และผู้บริโภคเน้นย้ำถึงคุณค่าต่อการปกป้องธรรมชาติและการเดินทางอย่างมีความรับผิดชอบ”

ด้าน เจน ซัน (Jane Sun) ซีอีโอของ Trip.com Group กล่าวว่า “การเดินทางและการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลก สร้างงาน กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และยกระดับชุมชนให้พ้นจากความยากจน”

“ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็วของชนชั้นกลางและพลวัตทางเศรษฐกิจ จะสามารถใช้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และก้าวสู่การเป็นผู้นำเศรษฐกิจการท่องเที่ยวระดับโลก”

“ทั้งนี้ ทางเรามองเห็นโอกาสและแรงผลักดันเชิงบวกด้านการฟื้นคืนและการเติบโตของการท่องเที่ยวทั่วโลกในปี 2023 ซึ่งมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากผู้บริโภคชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งจะช่วยเร่งการฟื้นตัวและการพัฒนาทั่วโลก”

สกอตต์ โรเซนเบอร์เกอร์ (Scott Rosenberger) หัวหน้าภาคธุรกิจนานาชาติด้านการขนส่ง โรงแรมและการบริการของ Deloitte กล่าวว่า “การเดินทางกำลังฟื้นตัวจากโรคระบาด และในขณะเดียวกันก็สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการด้านทางเลือกการเดินทางที่ทันสมัยมากขึ้น ตลอดจนถึงการเดินทางอย่างยั่งยืน การเดินทางในระดับที่หรูหรา และอื่น ๆ อีกมาก

“ความกังวลด้านการเงินที่เพิ่มสูงขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อนั้นไม่สามารถชะละการเติบโตของการเดินทาง เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่าการเดินทางยังคงถูกจัดให้มีความสำคัญเหนือกว่าสิ่งอื่น โดยวิถีการทำงานที่ยืดหยุ่นและการทำงานจากระยะไกลกำลังสร้างโอกาสใหม่ ๆ ซึ่งเราก็ร่วมเคียงข้างกับลูกค้าของเราอย่างมุ่งมั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่พวกเขาเปิดรับเทรนด์ใหม่ๆ เหล่านี้และสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับผู้บริโภค”

ทั้งนี้ ผลสำรวจอื่นๆ ในรายงาน ระบุด้วยว่า ยอดขายแพ็กเกจอาบแดดชมทะเลสำหรับวันหยุดในปี 2565 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้5 และช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวชมชายหาดและอาบแดดในยุโรปมีจำนวนเพียงร้อยละ 15 ซึ่งต่ำกว่าปีในปี 25626   ทั้งนี้ ตามรายงาน 'การวิจัยผลกระทบทางเศรษฐกิจของเมือง' โดย WTTC ฉบับล่าสุด พบว่า การเยี่ยมชมเมืองใหญ่ในปี 2565 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 58 เมื่อเทียบเป็นรายปี และต่ำกว่าในปี 2562 ในอัตราที่น้อยกว่าร้อยละ 14  และสำหรับการพักผ่อนวันหยุดระดับหรูหราจะเป็นที่นิยมเป็นพิเศษ โดยคาดว่ายอดขายห้องพักในโรงแรมหรูจะสูงถึง 9.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2568 (เทียบกับ 7.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2562)5 นอกจากนี้ ผลสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวเกือบร้อยละ 60 ระบุว่าพวกเขาได้จ่ายเงินเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไปแล้ว หรือพิจารณาที่จะจ่ายหากราคาสมเหตุสมผล1

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและรายงานฉบับเต็ม โปรดคลิกที่นี่ https://wttc.org/consumer-trends


Tag : การท่องเที่ยว

ความคิดเห็น

Editor’s Pick

Recent

Most Viewed