“โควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องปรับตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการปรับตัวที่สำคัญที่สุด คือ การปรับให้สอดคล้องกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค” คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวในวันที่กลุ่มดุสิตธานีประกาศแคมเปญที่เป็นความร่วมมือครั้งใหม่กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อสังคมอย่าง โลเคิล อไลค์ (Local Alike)
จุดเริ่มต้นในการผนึกความร่วมมือกับ Local Alike ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อสังคมแนวใหม่ ที่วางแนวทางให้เจ้าของชุมชนได้มีส่วนร่วมในการออกแบบและนำเที่ยวในชุมชนในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากโมเดล “ทางรอด” ของธุรกิจท่องเที่ยว ที่จะอยู่ได้ด้วยการอาศัยความร่วมมือ (Collaboration) การผสมผสาน (Integration) และการเกื้อกูลกันและกัน (Contribution)
“เราเชื่อว่า ทั้ง 3 โมเดลนี้จะขับเคลื่อนให้ธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศสามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะการจะดึงให้คนไทยหรือนักท่องเที่ยวที่อยู่ในประเทศรู้สึกอยากออกมาเที่ยวมากขึ้น คือ ต้องพยายามลองมองหาสิ่งใหม่ๆ ที่เขายังไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสหรือคุ้นเคยมากนัก หาสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาความสะดวกสบาย (Convenience) รวมถึงต้องการประสบการณ์ใหม่ (Experience) ภายใต้การท่องเที่ยวที่เน้นความคุ้มค่า (Value) ดังนั้น กลุ่มดุสิตธานีจึงขยายตลาดไปสู่การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการท่องเที่ยวอย่างลึกซึ้งในชุมชนและท้องถิ่น โดยผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐ ธุรกิจเอสเอ็มอี รวมถึงผู้ประกอบการเพื่อสังคม ต่อยอดการท่องเที่ยวด้วยการจัดแคมเปญที่เน้นสร้างความยั่งยืนและสร้างประสบการณ์ใหม่ในท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสและสร้างรายได้ให้กับชุมชนต่างๆ ไปพร้อมๆ กับการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ”
กลุ่มดุสิตธานีจะทำงานร่วมกับ Local Alike ในการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ด้วยการส่งทีมงานเข้าไปช่วยให้ความรู้กับคนในชุมชน ในการรับมือกับนักท่องเที่ยว และให้คำแนะนำในการวางระบบการทำงานเพื่อยกระดับการบริการให้ได้มาตรฐานสากล โดยความร่วมมือจะแบ่งเป็น 2 ระดับ
ความร่วมมือในระดับแรก คือ ร่วมมือในการโปรโมทชุมชนที่มีความพร้อมผ่านแพคเกจท่องเที่ยว Dusit Local Explorer กับโรงแรมในเครือดุสิตทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นนำเสนอทริปการท่องเที่ยวแบบเจาะลึก เน้นสาระแบบแน่นๆ สามารถสัมผัสและเข้าถึงชุมชนได้จริง ซึ่งรายได้ของทริปการท่องเที่ยว 70% จะเข้าสู่ชุมชนโดยตรง และอีก 30% จะเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการการท่องเที่ยวเชิงสังคมอย่าง
Local Alike เพื่อส่งต่อพลังในการท่องเที่ยวไปถึงชุมชนอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป
และความร่วมมือในระดับเชิงลึก คือ การร่วมส่งบุคลากรเข้าไปเป็นทีมงานจิตอาสาร่วมกับทีมงาน Local Alike เพื่อให้ความรู้กับชาวบ้านในชุมชนแห่งใหม่ๆ ที่กำลังอยู่ในระหว่างพัฒนา โดยที่ผ่านมา กว่าแต่ละชุมชนจะพร้อมรับนักท่องเที่ยวได้ต้องใช้ระยะเวลานานหลายปี เนื่องจากชุมชนใหม่ๆ อาจจะยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และความพร้อมในเรื่องของการรับมือกับนักท่องเที่ยว กลุ่มดุสิตธานีจึงใช้จุดแข็งในเรื่องของการมีประสบการณ์และยังมีหน่วยงานด้านการศึกษา เช่น วิทยาลัยดุสิตธานี ส่งทีมงานและบุคลากรที่มีความรู้เข้ามาช่วยเสริม และทำงานร่วมกันกับ Local Alike ในการให้ความรู้คนในชุมชนใหม่ๆ เพื่อยกระดับการดูแลนักท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานทั้งในเรื่องของความสะอาด และความสะดวกสบาย
รวมถึงช่วยสนับสนุนรายได้เสริมด้านอื่นๆ ให้กับชุมชนผ่านกิจกรรม “โลเคิล อร่อย” (Local Aroi) ที่ส่งเสริมให้ชุมชนได้มีทักษะการประกอบอาหารอย่างมืออาชีพ ให้มีศักยภาพในการจัดเลี้ยงอาหารนอกสถานที่แบบพิเศษ ที่นอกจากจะได้อิ่มเอมจากอาหารอร่อยจากท้องถิ่นแล้ว ยังได้ซึบซับวิถีชีวิต วัฒนธรรม อัตลักษณ์ของชุมชนอีกด้วย และ “โลเคิล อลอท” (Local Alot) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่ถูกพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและได้มาตรฐานสากล เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและชุมชนอย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ กลุ่มดุสิตธานี ได้เปิดตัวแคมเปญการท่องเที่ยว Dusit Local Explorer ร่วมเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่า พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเดินทางไปพักผ่อนริมชายหาดที่หัวหิน กระบี่ พัทยา ภูเก็ต หรือจะเดินทางไปสัมผัสอากาศเย็นสบายที่เชียงใหม่ เขาใหญ่ หรือจะพักผ่อนอย่างสะดวกสบายที่โรงแรมในกรุงเทพฯ ดุสิตและ Local Alike จะเปิดประสบการณ์ใหม่อย่างสร้างสรรค์กับแพ็กเกจ Dusit Local Explorer ที่นักเดินทางและครอบครัวจะได้ใช้เวลาอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชนที่ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวนั้นอย่างใกล้ชิด เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านกิจกรรมที่สนุกและได้ความรู้ ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงออกผจญภัยเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติของแหล่งชุมชนนั้นอีกด้วย
- กรุงเทพ - สัมผัสเสน่ห์ของกลิ่นอายโปรตุเกสในชุมชนกุฎีจีน ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำ
- เชียงใหม่ - เปิดประสบการณ์วิถีชีวิตชาวไทยภูเขาผ่านกิจกรรมวัฒนธรรมกับชุมชนไทลื้อ
- ภูเก็ต - เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนบนเรือแคนูและสัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงพร้อมเยี่ยมชมฟาร์มล็อบส์เตอร์ภูเก็ต
- หัวหิน - ร่วมกิจกรรมปกป้องผืนป่าแบบท้องถิ่นและสนุกกับการผจญภัยล่องแม่น้ำ
- กระบี่ - สัมผัสวิถีชีวิตชาวประมงท้องถิ่นพร้อมกิจกรรมธรรมชาติท่องป่าชายเลน
- พัทยา - สัมผัสชุมชนชนบทใกล้พัทยาพร้อมเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวนา
- เขาใหญ่ - ปั่นจักรยานท่องหมู่บ้านเกษตรกรรมเพื่อเรียนรู้การเกษตรแบบยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ทุกแพคเกจ จะต้องเป็นการจองล่วงหน้าเป็นเวลา 10 วัน เนื่องจากโรงแรมต้องทำงานร่วมกับ Local ALike ในการประสานงานร่วมกับชุมชนเพื่อเตรียมตัวจัดทริปต้อนรับ ซึ่งจะมีไกด์ที่เป็นคนในชุมชนที่รู้เรื่องจริงๆ พาเดินเที่ยว พร้อมกับกับไกด์มืออาชีพจาก Local Alike และที่สำคัญ ก็คือ ทุกทริปจะถูกออกแบบเป็นพิเศษเพื่อนักท่องเที่ยวแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่มอีกด้วย
ด้าน “คุณไผ-สมศักดิ์ บุญคำ” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โลคัลอไลค์ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา เราได้ทำงานร่วมกับทีมงานของดุสิตในแต่ละพื้นที่ และประสานความร่วมมือกับ “ชุมชน” ให้ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวและมีศักยภาพในการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนได้เอง เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้รับประสบการณ์คุณภาพจากการท่องเที่ยวในเชิงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตพื้นถิ่น นอกจากนี้ เรากำลังวางแผนร่วมมือกับดุสิตฯ ในการต่อยอดขยายพื้นที่การทำงานออกไปสู่ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งการสนับสนุนของดุสิตฯ ในเรื่องของเทรนนิ่ง น่าจะทำให้เป้าหมายในการขยายจำนวนชุมชน สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
“ผมรู้สึกขอบคุณและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่กลุ่มดุสิตธานี เห็นถึงคุณค่าของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมถึงสนับสนุนการทำงานของเราอย่างเต็มที่”
ขณะที่กลุ่มดุสิตธานี เชื่อมั่นว่า การเปิดตลาดท่องเที่ยวแนวใหม่ของกลุ่มดุสิตธานีในครั้งนี้ จะช่วยตอกย้ำความเป็นดุสิตธานีอย่างแท้จริง (Dusit Graciousness) ทั้งเรื่องของความโดดเด่นในการให้บริการ (Services) การท่องเที่ยวที่เน้นสุขภาวะทั้งสุขภาพกายและใจ (Wellness) การเชื่อมต่อกับท้องถิ่น (Local Connection) และการสร้างความยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยว (Sustainability) ในฐานะของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่มีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม
“แคมเปญ “ดุสิตธานี x LocalAlkie จึงเป็นการอยู่ร่วมเพื่ออยู่รอด เราอยู่ได้ ผู้ประกอบการรายย่อยอยู่ได้ ผู้ประกอบการเพื่อสังคมอยู่ได้ และชุมชน รวมถึงท้องถิ่น ก็จะอยู่ได้อย่างยั่งยืนในที่สุด” คุณศุภจีกล่าว
Tag :
การท่องเที่ยว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น