คัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค เตรียมมอบประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ในเทศกาลกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ

วันที่ 5 มีนาคม 2563  957 Views

คัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค เตรียมพร้อมมอบประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ในเทศกาลกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ

สิงห์ มิวสิค พรีเซนต์: คัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค กลับมาอีกครั้งในวันที่ 7 มีนาคม 2020 นี้ ในรูปแบบเทศกาลกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ด้วยความตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์ที่มากกว่าแค่งานเทศกาลดนตรีทั่วไป คัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์คในปีนี้จะทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่ปราศจากการแบ่งแยก เพื่อหล่อเลี้ยงชุมชนคนรักเสียงเพลงที่มีความสัมพันธ์เหนียวแน่นและเต็มไปด้วยความหลากหลาย ผ่านการมอบกิจกรรมด้านไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ศิลปะหรือกีฬา เป็นต้น

คัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์คในครั้งนี้จะกลายเป็นสุดยอดประสบการณ์กลางแจ้งที่เต็มไปด้วยพลังและความมีชีวิต ที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ Singha, Rip Curl, Bangkok Vodka, Red Bull, Pullman Bangkok Hotel G, Grab, Cabin Zero และ Guss Damn Good นอกจากดนตรีแล้ว คัลเลอร์ยังเตรียมกิจกรรมสนุกๆไว้ให้ผู้มาร่วมงานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาเวคบอร์ด นิทรรศการศิลปะแบบอินเตอร์แอคทีฟ ฟู้ดมาร์เก็ต บริการนวดไทย การแสดงสดในรูปแบบต่างๆ รวมถึงตลาดนัดร้านเครื่องประดับแฟชั่น

โซนอาหารในรูปแบบ “ฟู้ด มาร์เก็ต”

25 Degrees Bangkok: 25 Degrees Burger & Wine Bar น้องใหม่จากลอสแองเจลิส : ที่มาของชื่อ 25 Degrees มาจากอุณหภูมิสำหรับอันเหมาะเจาะสำหรับการย่างเบอร์เกอร์ที่ทำให้เบอร์เกอร์มีระดับความสุกที่อยู่ระหว่าง Rare (ดิบ) และ Well done (สุก) พอดี 25 Degrees โดดเด่นด้วยการนำเสนอเบอร์เกอร์สไตล์อเมริกันดั้งเดิมในรูปแบบใหม่ พร้อมดนตรีสนุกๆ ภายใต้บรรยากาศการตกแต่งแบบ “bordello meets burger bar” ที่ไม่เหมือนใคร รับรองได้เลยว่าเบอร์เกอร์จาก 25 Degrees จะไม่เหมือนเบอร์เกอร์จานด่วนทั่วๆไปแน่นอน เพราะเราใช้เนื้อเซอร์ลอยน์บด และเนื้อไก่จากฟาร์มระบบเปิด โดยเราเปิดโอกาสให้คุณเลือกระดับความสุกของเบอร์เกอร์ พร้อมเลือกชีสและท็อปปิ้งได้ตามความต้องการ เพื่อให้ได้เนื้อเบอร์นุ่ม ชุ่มฉ่ำ อร่อยในแบบที่ไม่เหมือนใคร

Pizza Massilia : Pizza Massilia ไม่ได้เป็นเพียงร้านพิซซ่า แต่เป็นร้านที่นำเสนอศิลปะแห่งการใช้ชีวิต เราเลือกใช้แต่วัตถุดิบสดใหม่และมีคุณภาพเยี่ยมในการประกอบอาหาร และอบพิซซ่าของเราโดยใช้เตาไม้สไตล์ดั้งเดิม

คัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค เตรียมพร้อมมอบประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ในเทศกาลกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ

Shawarma

Guss Damn Good : GUSS DAMN GOOD ถือกำเนิดขึ้นในปี 2014 ซึ่งเป็นปีที่มีหิมะตกหนักเป็นพิเศษในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ส่งผลให้ไอศกรีมกลายเป็นเมนูยอดนิยมที่ทำให้ทุกคนนึกถึงช่วงเวลาอันสดใสของฤดูร้อน ที่ GUSS DAMN GOOD ไอศกรีมไม่ได้เป็นเพียงขนมหวานหรือของว่าง เพราะเราตั้งใจสร้างสรรค์ไอศกรีมของเราโดยได้รับแรงบันดาลใจจากความทรงจำเกี่ยวกับฤดูร้อน ครอบครัวและชีวิต รสชาติของเราได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองบอสตัน ผู้คนที่เราพบเจอ และวิถีชีวิตของคนเหล่านั้น

** เตรียมตัวชิมไอศกรีมรสชาติใหม่จาก GUSS DAMN GOOD ที่ Kolour In The Park ได้เลย เพราะ GUSS DAMN GOOD จะสร้างสรรค์รสชาติสูตรพิเศษมาเพื่อ Kolour In The Park โดยเฉพาะ**

Meat & Bones : เนื้อติดกระดูก (Meat on bone) นับเป็นส่วนของเนื้อที่ไปด้วยความอร่อยอันน่ามหัศจรรย์ ซึ่งยังไม่ค่อยมีใครมีโอกาสได้ลิ้มลองมากนัก หลังจากผ่านการย่างอย่างพิถีพิถัน เนื้อส่วนที่ร่อนออกมาจากบริเวณระหว่างเนื้อและกระดูกนับเป็นเนื้อส่วนที่นุ่ม ชุ่มฉ่ำ แทบจะละลายในปาก ยิ่งเมื่อรวมกับกลิ่นหอมอันเกิดจากการย่างจนหอมกรุ่น ก่อให้เกิดเป็นประสบการณ์การลิ้มรสอาหารอันยากที่จะลืมเลือน

เรามีกรรมวิธีการปรุงแบบ slow โดยใช้อุณหภูมิต่ำ และใช้เวลาอบเนื้อประมาณ  4-12 ชั่วโมง เพื่อเปลี่ยนเนื้อแข็งๆ ดิบๆ ให้กลายเป็นเนื้อนุ่ม หวาน ฉ่ำ ก่อนจะเสิร์ฟเนื้อติดกระดูกของเราคู่กันกับของว่างที่ได้รับการคัดสรรมาแล้วว่าเหมาะสมที่สุด

Tamnanthai : ร้านตำนานไทย ถือเนิดขึ้นในปี 1991 โดยคุณชัย และคุณสุภา ยรรยงเลิศ โดยมีสาขาแรกอยู่ที่ซอยลาดพร้าว 71 ตัวร้านเป็นเรือนไทยโบราณที่มีการตกแต่งภายในสไตล์ไทยต้นตำรับ เข้ากันดีกับอาหารไทยสูตรดั้งเดิมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน คุณสุภาสั่งสมความรู้ด้านการทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก ผ่านการเรียนรู้จากคุณพ่อคุณแม่และญาติที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารไทย กล่าวได้ว่า คุณสุภานับเป็นผู้ที่มีความหลงใหลคลั่งไคล้ในเรื่องอาหารท่านหนึ่งเลยทีเดียว ซอสแต่ละชนิดทำจากส่วนผสมและสูตรของทางร้าน เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของเมนูขึ้นชื่อของทางร้านโดยเฉพาะ

Chicken Bowl by Sul : SUL ซึ่งแปลว่าแอลกอฮอล์ในภาษาเกาหลี ให้ความสำคัญกับคอนเซ็ปต์และตีมภายใต้แนวคิดด้าน “Deconstruct, Reconstruct” SUL เกิดจากการรวมตัวกันของนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีความหลงใหลในเรื่องอาหาร เครื่องดื่ม และรากเหง้าความเป็นเอเชีย ผ่านการสั่งสมประสบการณ์จากการอาศัยอยู่ เดินทางท่องเที่ยว เล่าเรียนและเติบโตในต่างประเทศ

SUL เป็นร้านอาหารสไตล์แกสโตรบาร์ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของอาหารและเครื่องดื่มผ่านนวัตกรรมการสร้างสรรค์ที่รวมเอารสชาติ ประสบการณ์และวัฒนธรรมหลากหลายรูปแบบเข้าด้วยกันในแก้วแก้วเดียวหรือจานใบเดียว แขกทุกคนของ SUL จะได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางในรูปแบบของตนเองนับตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาใน SUL ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ด้านการกินหรือดื่มในพื้นที่ที่ไม่เหมือนใคร ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์จะได้รับการนำเสนอในรูปแบบใหม่ ในเวลาเดียวกันกับที่ SUL ก็เดินหน้าผลักดันขีดจำกัดเกี่ยวกับค๊อกเทล อาหารและคอนเซ็ปท์ผ่านการ decontruct องค์ประกอบดั้งเดิมในสไตล์เกาหลี เพื่อที่จะ reconstruct องค์ประกอบเหล่านั้นออกมาเป็นฟอร์มร่วมสมัยเหมาะสำหรับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

คัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค เตรียมพร้อมมอบประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ในเทศกาลกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ

Calendar Bistro

ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ

Genius Bar : Genius Bar นับเป็นบาร์น้ำซุปกระดูกแห่งแรกของประเทศไทย สร้างสรรค์โดยทีมงานที่มีความหลงไหลคลั่งใคล้ในศิลปะการทำน้ำซุกกระดูกที่ทั้งอร่อย ดีต่อสุขภาพ และทำให้คุณรู้สึกดีหลังจากรับประทานในขณะเดียวกัน ซุปกระดูกของเราทำมาจากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม จากผู้ผลิตที่ได้รับความไว้วางใจ จากในประเทศไทยและต่างประเทศ นอกจากจะมีรสชาติยอดเยี่ยมแล้ว ยังเต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกรดอะมิโน คอลลาเจน เจลาตินและแร่ธาตุต่างๆ

Genius Bar เชื่อมั่นในการเลือกใช้แต่วัตถุดิบจากแหล่งธรรมชาติ ไร้สารเคมีเท่านั้น บนพื้นฐานของการรักษามาตราฐานที่เชื่อมั่นในเรื่องคุณภาพมากกว่าปริมาณ

Summer Bowl BKK: Summer Bowl ถือกำเนิดขึ้นในปี 2017 โดยชายหนุ่มจากฮาวายและหญิงสาวจากประเทศไทย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรสชาติของเกาะในฮาวาย ซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบสดๆจากฟาร์ม ซึ่งกลายมาเป็นส่วนผสมหลักในอาหารและเครื่องดื่ม โดยทั้งสองคนนำแนวคิดเดียวกันมาปรับใช้กับ Summer Bowl ผ่านเลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบ ผักและผลไม้จากเกษตรกรในท้องถิ่นในประเทศไทยเท่านั้น และในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงการใช้น้ำตาลทรายขาวและน้ำเชื่อมในทุกๆเมนูของเราอย่างเคร่งครัด

The Banana Warrior: แพลนต์เบสต์, วีแกน, ออร์แกนิค - ผลิตภัณฑ์ทุกตัวของเรามาจากแหล่งผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับด้านจริยธรรม และแน่นอนว่า สินค้าขายที่ขายดีที่สุดของเราหนีไม่พ้น Banana Bread หลากหลายรูปแบบ

Vegan 100%

HillPop  HILLPOP คือกาแฟออร์แกนิค cold brew ที่มีความแตกต่างจากกาแฟทั่วไป  กาแฟของเราปลูกตามธรรมชาติโดยชาวนาที่มีความสุขและรักในสิ่งที่ทำ กาแฟของเราพรีเมี่ยม ไม่มีความวุ่นวายและไม่สร้างภาระให้กับสิ่งแวดล้อม

เรารู้ดีว่าพื้นที่ป่าถูกทำลายจากภาคธุรกิจการผลิตกาแฟ แรงงานถูกเอาเปรียบ และผลผลิตคุณภาพต่ำ ดังนั้นเราจึงตั้งใจเป็นผู้นำในการสร้างความเปลี่ยนแปลง เราใช้กาแฟจากไร่ในป่า จับมือกับชาวเกษตรกรด้วยข้อตกลงที่เป็นธรรม และเราทำเครื่องดื่มที่คุณภาพสูงสุด ทุกคนจึงชนะไปพร้อมกัน

คัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค เตรียมพร้อมมอบประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ในเทศกาลกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ

พันธมิตรเครื่องดื่ม

  • Singha (เป็นพันธมิตรมายาวนานถึง 6 ปี)
  • Red Bull (เป็นพันธมิตรมายาวนานถึง 6 ปี)
  • Bangkok Vodka (เป็นพันธมิตรปีแรก)

BANGKOK VODKA - ซึ่งมีถิ่นกำเนิดมาจากกรุงเทพมหานครฯแห่งนี้นี่เอง BANGKOK VODKA โดดเด่นด้วยรสชาตินุ่มลิ้น หวานเล็กน้อยกำลังดี อีกทั้งยังมีคาแรกเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ที่จะทำให้คุณประหลาดใจ พร้อมกลิ่มหอมสะอาด หรูหรามีเอกลักษณ์ จะดื่มเย็นๆก็อร่อย แต่จะอร่อยที่สุดก็ต่อเมื่อดื่มในอุณหภูมิห้อง นับเป็นตัวเลือกคุณภาพสำหรับการดื่มเพียวๆ และในขณะเดียวกันก็เป็นตัวเลือกอันยอดเยี่ยมสำหรับค๊อกเทลอีกด้วย

ศิลปะ

ศิลปินกว่า 23 ทีมจากประเทศไทยและต่างประเทศได้สมัครร่วมเข้าชิงนำเสนอวิสัยทัศน์ที่พวกเขามีต่อสังคม เทคโนโลยีและวิถีชีวิตภายใต้ตีม “Envision Coming Times” โดยมีผู้ชนะ 2 ทีมที่จะได้มาแสดงชิ้นงานศิลปะที่ คัลเลอร์ อิน พาร์ค 2020

เกณฑ์การตัดสินผู้ชนะของเราได้แก่:

  • ปัจจัยที่ทำให้งานมีเอกลักษณ์โดดเด่นสะดุดตา
  • ความเกี่ยวข้องกับตีม
  • ปฏิสัมพันธ์ที่ผู้ชมมีกับงานในเวลากลางวันและกลางคืน
  • องค์ประกอบเชิงโต้ตอบ
  • ประสบการณ์การทำงานที่น่าเชื่อถือ
  • การจัดสรรงบประมาณให้อยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้
  • การรับประกันความปลอดภัย

ศิลปะชิ้นงานที่ 1: Lotus Island (โดย Roberto Gamero & Lauro Samblás)

คัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค จะจัดขึ้นกลางแจ้งท่ามกลางบรรยากาศอันเป็นธรรมชาติ Lotus Island งานศิลปะประเภทจัดวางที่เชื้อเชิญในผู้คนเข้าไปมีประสบการณ์ร่วม มีจุดมุ่งหมายในการสร้างโอเอซิสเพื่อให้ผู้คนเข้ามาพักกาย พักใจ เพื่อเพิ่มความสดชื่นในขณะเดียวกันกับการร้องเล่นเต้นรำไปพร้อมๆกับเพื่อนๆ เพิ่มความสดชื่นและเย็นสบายยิ่งขึ้นไปอีกด้วยหัวฉีดน้ำที่ได้รับการติดตั้งทั่วงานศิลปะ ยามพระอาทิตย์ตกดิน เกาะทั้งหมดจะกลายร่างเป็นพื้นที่สำหรับการฉายภาพแบบ 3D วาดลวดลายสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นภาพท้องฟ้า สายน้ำ ธรรมชาติ เมืองสมัยใหม่ ไฟนีออน และลวดลายแอปสแตรคอื่นๆ

เกี่ยวกับผู้สร้าง:

ศิลปะชิ้นงานที่ 2: Talk To A Brick Wall (โดย Tuang Studio)

ลองนึกถึงช่วงเวลาที่คุณปล่อยให้สายน้ำวิ่งผ่านร่างกายหลังจากการเลิกกับแฟน หรือตอนที่คุณกระแทกประตูปิดเสียงดังในเวลาที่คุณโกรธดูสิในอนาคต เครื่องใช้ในบ้านเหล่านี้จะมีความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคุณ โดยคุณสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเครื่องใช้เหล่านี้ได้ในระหว่างที่คุณเดินสำรวจงานศิลปะประเภทจัดวางชิ้นนี้ แสงไฟจะทำหน้าที่ติดตามคุณไปยังจุดต่างๆ และเปลี่ยนสีไปตามทาง คุณและงานศิลปะต้องพึ่งพิงซึ่งกันและกัน เพื่อจะช่วยให้แสงไฟส่องสว่างและเปิดโอกาสให้คุณเห็นมุมมองใหม่ๆของชีวิต ส่วนประกอบบางส่วนถูกสร้างขึ้นมาให้มีฟังก์ชั่นเฉพาะทาง อาทิ โคมไฟตั้งพื้นและฝาผนังที่สามารถเปิดปิดได้

เกี่ยวกับผู้สร้าง:

ผู้ที่สนใจสามารถซื้อตั๋วปกติผ่านช่องทางออนไลน์ได้ในราคา 1,900 บาท (ตั๋วชุดสุดท้าย) สำหรับผู้ที่ต้องการมาซื้อตั๋วหน้างาน สามารถซื้อได้ในราคา 2,100 บาท สำหรับตั๋ว Kolour Plus+ สามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ในราคา 2,900 บาท และซื้อหน้างานได้ในราคา 3,900 บาท ซื้อตั๋วและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.kolourinthepark.com

ติดตามข่าวสารล่าสุดได้ที่:

เกี่ยวกับ Kolour
เกิดขึ้นและเติบโตในกรุงเทพมหานครมาตั้งแต่ปี 2011 Kolour นับเป็นเทศกาลดนตรีที่โด่งดังที่สุดในฐานะผู้จัดจัดปาร์ตี้แบบเต็มวันที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ

ที่ผ่านมา Kolour ได้จัดกิจกรรมเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ ที่เต็มไปด้วยความสุขความสนุกสนานให้แก่ผู้คนไปแล้วกว่า 45,000 คน ร่วมกับดีเจจากทั่วโลกที่ต่างใฝ่ฝันที่จะได้มาร่วมงานอย่าง Sven Väth, Charlotte de Witte, Masego, Oliver Koletzki และ Booka Shade

ทีมผู้จัด Kolour เป็นทีมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม ที่มา และเชื้อชาติ เนื่องจากประกอบไปด้วยผู้ร่วมงานที่เป็นชาวไทยและชาวต่างประเทศ พวกเขาเหล่านี้ตัดสินใจมาร่วมงานกันเพื่อแลกเปลี่ยนและใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ในวงการบันเทิง ดนตรีและปาร์ตี้ เพื่อตอกย้ำสถานะของพวกเขาในฐานะผู้จัดงานอีเว้นท์โดยเฉพาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ผู้ที่ให้ความสำคัญกับการนำเสนอเสียงเพลงในรูปแบบใหม่ให้แก่คอเพลง นอกจากเทศกาลคัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค แล้ว ผู้จัดยังมีผลงานทางด้านการจัดปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟในคอนเซ็ปต์ใต้ดิน ซึ่งรวมไปถึง Kolour Warehouse, Kolour Live, และ Kolour Beachside Party ตลอดระยะเวลา 8 ปี ของการทำงานคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงดนตรีและอีเวนต์ต่างๆ ในประเทศไทย

Kolour มีพันธกิจที่จะ “ช่วยให้ทุกคนที่มีใจเปิดกว้างและมีความรู้สึกเบื่อหน่ายกับดนตรีตามกระแส ได้มีโอกาสเข้าถึงประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าจดจำผ่านการนำเสนอผลงานที่มีความสร้างสรรค์ พร้อมเน้นย้ำการคืนประโยชน์ให้กับชุมชน โดยเรามุ่งมั่นมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ที่มีใจรักในดนตรีอย่างไม่ย่อท้อ เราอยู่ที่นี่เพื่อเปิดใจและขยายฐานกลุ่มคนที่รักในดนตรี ผ่านความรัก สายใย และมุมมองที่แตกต่างกัน รวมถึงประสบการณ์การร่วมงานปาร์ตี้ระดับตำนาน! เราจะรู้ได้ว่าเราประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อเราได้เห็นรอยยิ้มจากคนมาเที่ยวงานกว่า 20,000 คน พร้อมทั้งได้รับการยอมรับในแวดวงนี้ด้วยผลงาน และรางวัล ซึ่งนับเป็นเครื่องการันตีว่าเราคือที่หนึ่งในเอเชีย เราคือคัลเลอร์!”


Tag : เทศกาลดนตรี

ความคิดเห็น

Editor’s Pick

Recent

Most Viewed