ร่วมเฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่งความสุขในโอกาสพิเศษตลอดทั้งเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ อาทิ เทศกาลตรุษจีน วันวาเลนไทน์ และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมเพลิดเพลินกับเมนูใหม่จากห้องอาหารของโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ที่จะมอบความประทับใจในทุกโอกาสให้กับทุกท่าน

‘เลดี้ อิน เรด อาฟเตอร์นูนที’ (Lady in Red Afternoon Tea)
ดื่มด่ำกับชุดอาฟเตอร์นูนทีสีแดงสดใส ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก เลดี้ อิน เรด (Lady in Red ®) สัญลักษณ์ของความหรูหราเหนือระดับ ความคลาสสิก และการบริการที่เปี่ยมด้วยความใส่ใจในแบบฉบับเคมปินสกี้ ส่งมอบความเป็นเลิศด้านการบริการที่มอบประสบการณ์อันน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดในโลก แขกทุกท่านจะได้พบกับความหรูหราสไตล์ยุโรปที่ผสานเสน่ห์และวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศจุดหมายปลายทางอย่างลงตัว  ส่งมอบการบริการอันโดดเด่นที่หาได้เฉพาะโรงแรมในเครือเคมปินสกี้เท่านั้น

เลดี้ อิน เรด อาฟเตอร์นูนที เริ่มต้นด้วยไอศกรีมซอร์เบรสทับทิม เรียกความสดชื่นและเรียกน้ำย่อยให้กับทุกท่าน เลือกรับชาหรือกาแฟจากรายการที่ได้รับการคัดสรรมาเพื่อยกระดับการรับประทานอาหารคาวและหวานในครั้งนี้ให้น่าประทับใจ รับประทานสโกนรสวนิลลาและลูกเกด เสิร์ฟพร้อมกับแยมรสราสป์เบอร์รี่ (Raspberry) เลมอน (Lemon) และคล็อตเต็ดครีมสไตล์อังกฤษ (Devonshire Clotted Cream) สำหรับเมนูอาหารคาวนำเสนอ บีทรูทแซลมอน (Beetroot-cured Salmon) ปาเตหรือตับไก่บดสไตล์ฝรั่งเศส (Chicken Liver Pâté) กิชรสชีสกาม็องแบร์และทรัฟเฟิล (Camembert and Truffle Quiche) และพัฟค็อกเทลกุ้งอโวคาโดและซอสพริกศรีราชา (Avocado and Sriracha Prawn Cocktail)

เมนูอาหารหวาน ได้แก่ เค้กโอเปรารสเบอร์รี (Red Berry Opera) เค้กมาร์การิตรสบลูเบอร์รี่และแบล็คเคอร์แรนท์ (Blueberry and Blackcurrant Marguerite) เค้กรสชาเขียวและราสป์เบอร์รี (Matcha Green Tea Raspberry Glass) ขนมปังหน้าเชอร์รีโมเรลโลและถั่วพิสตาชีโอ (Morello Cherry Pistachio Petit Gâteau) และช็อกโกแลตนานาชนิด รังสรรค์โดยเชฟแฟรงก์ อิสเทล หัวหน้าพ่อครัวเบเกอรี่ชาวฝรั่งเศส ราคาชุดละ 2,490 บาท++ สำหรับสองท่านรวมชาหรือกาแฟ  ให้บริการตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 ณ 1897 เลาจ์น

‘อาฟเตอร์นูนทีวันวาเลนไทน์’ (Valentine’s Day Afternoon Tea – Buffet)
ตลอดเดือนกุมภาพันธ์หรือเดือนแห่งความรักนี้ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เชิญผู้ที่ชื่นชอบอาฟเตอร์นูนทีทุกท่านมาอิ่มเอมไปกับอาหารคาวและอาหารหวานได้อย่างไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็น เอ็มเมนทอลชีสโรลกับแฮม (Paris Ham and Emmental Cheese) ทาร์ตปลาค็อตและซอสมะเขือเทศ (Salt Cod Fish Courgette, Coulis de Tomate) แซนวิชสลัดครีมปู (Creamy Crab Salad Sandwich) และ เบเกิลข้าวโอ๊ตและอกเป็ด (Oat Bagel with Smoked Duck) และอีกมากมาย

อาหารหวานประกอบด้วยไฮไลท์หลากหลายประเภทกว่าสิบรายการไม่ว่าจะเป็น ช็อกโกแลตหลากชนิดไส้ทรัฟเฟิล ทาร์ตวนิลลาและฝรั่ง (Guava Vanilla Tartlet) มาเดอลีนรสเสาวรส (Passion Fruit Mini Madeleine) ลูกกวาดรสสตรอว์เบอร์รีคาราเมล (Strawbeery Caramel Lollipops) และอีกมากมาย นอกจากนี้ ทุกท่านยังสามารถเลือกรับประทานสโกน ไอศกรีมโฮมเมดที่ให้บริการมากกว่าหกรสชาติ เลือกจับคู่กับเมนูชานำเข้าชั้นดี ที่จะมาช่วยยกระดับประสบการณ์ครั้งนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ ท่านจะสามารถรับประทานได้อย่างรื่นรมย์ในบริเวณห้องอาหารนิช ที่จะถูกแปลงโฉมให้กลายเป็นห้องจิบน้ำชา และบรรยากาศเบาสบายพร้อมเสียงเพลงอัพบีทส์สนุกๆ จากดีเจตลอดช่วงบ่าย

เลดี้ อิน เรด อาฟเตอร์นูนที ให้บริการในวันเสาร์ที่ 1, 8, 15 และ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.00 น. ถึง 17.00 น. ในราคา 1,850 บาท++ ต่อท่าน เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี รับส่วนลดครึ่งราคา

‘กูเกิลฮัฟฟ์แห่งเทศกาลตรุษจีน 2568’ (Lunar New Year Gugelhupf)
สัญลักษณ์แห่งความหรูหราและละเมียดละไมในการทำขนมแบบฉบับยุโรป ผสมผสานกับสีสันและรสชาติในวิถีชาวตะวันออก เชฟแฟรงก์ อิสเทล หัวหน้าพ่อครัวเบเกอรี ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในทวีปเอเชียมาอย่างยาวนาน ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญของประเทศในแถบเอเชียตะวันออก เปิดตัวสองรสชาติประจำช่วงเทศกาล ได้แก่ รสส้มยูซุ และลิ้นจี่ราสป์เบอร์รี่ ให้ท่านได้เลือกซื้อเป็นของฝากที่ระลึกในช่วงเทศกาลตรุษจีน แสดงออกถึงความรักและความเคารพแก่ผู้ที่ได้รับ หนึ่งกล่องบรรจุจำนวนสี่ชิ้น ราคา 680 บาท+ ต่อกล่อง พร้อมจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม ถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568

ห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน เปิดตัวเมนูใหม่ประจำปี 2568 (Legends of the Lotus 2025)
ห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน หนึ่งในร้านอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นแห่งแรกของประเทศไทย เปิดตัวเมนูแรกประจำปี 2568 หรือ Legends of the Lotus ที่ยังคงคอนเซปต์ที่ต้องการนำเสนอความยั่งยืนด้านการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นไทย และความสนุกสนานที่แขกทุกท่านสามารถออกแบบและเลือกเมนูได้ด้วยตนเอง พร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป

เจ้าของคอนเซปต์สูตรอาหาร เชฟเฮนริค อูล แอนเดอร์เซนและหัวหน้าพ่อครัวอาวุโส เชฟเบิ้ม ชยวีร์ สุจริตจันทร์ ได้ร่วมกันออกแบบเมนูแรกของปี ที่เรียนเชิญแขกทุกท่านร่วมสนับสนุนการเลือกใช้ผลผลิตท้องถิ่นไทยที่ให้ความสำคัญกับการจัดการความยั่งยืน รวมถึงการยกระดับเกษตรกรรมและการประมงแบบดั้งเดิม เพื่อลดผลกระทบระยะยาวต่อธรรมชาติ

เริ่มต้นด้วยการนำเสนอเมนูเรียกน้ำย่อยที่บริเวณเลาจ์นรับรอง เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย พร้อมสนทนาและรับฟังเรื่องราวอย่างเป็นกันเองจากทีมงานของห้องอาหาร เริ่มประสบการณ์การรับประทานอาหารมื้อนี้ผ่านเมนูยอดนิยมเจ็ดชนิด ที่ได้รับแรงบันดาลมาจากอาหารขึ้นชื่อของภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น เมอแร็งก์วาซาบิโยเกิร์ต (Soy-salted Meringue with Cashew and Thai Wasabi) เวเฟอร์สะเต๊ะ (Satay Ice Cream Wafer) น้ำพริกหนุ่มแคปหมูข้าวพอง (Chargrilled Vegetable Puff with Prok Cracklings) หอยทากทะเลปรุงรส (Sea Snail Kiss) และเมี่ยงคำ (Betal Leaf with Passion Fruit and Chilli) เสิร์ฟตามธรรมเนียมของห้องอาหาร กิน กิน ในประเทศเดนมาร์ก

อาหารจานหลักประกอบด้วยทั้งหมดหกคอร์สให้นักชิมได้เลือกรับประทาน เมนูไฮไลท์ใหม่ที่นำเสนอ ได้แก่ ต้มโคล้งปลากรอบ (Smoked Fish Soup ‘Tom Klong Pla Grob’ with Cold and Warm Smoked Fish) สลัดหอยแตงกวาน้ำมันกะเพราและผักชี (Scallop and Cucumber Salad with Basil Mayo and Coriander Oil) ยำเทอร์รีนปลาหมึกยักษ์ (Terrine of Pulpo and Asparagus with Tamarind Yum Dressing) ล็อบสเตอร์ค็อกเทลท็อปด้วยโฟมบิสก์ (Lobster Cocktail with Lobster Bisque Foam) อกเป็ดราดซอสเอ็กซ์โอ (Duck Breast, Duck Terrine with XO Sauce and Crispy Duck Skin) และพาร์เฟต์ข้าวโพดสเลปี้มะพร้าวเผา (Corn Parfait with Roasted Coconut Slurpee)

Legends of the Lotus ให้บริการทุกวัน มื้อกลางวันเริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น. ถึง 15.00 น. (ลาสออเดอร์เวลา 14.00 น.) ราคา 2,200 บาท++ ต่อท่าน สำหรับแบบสามคอร์ส และราคา 3,800 บาท++ ต่อท่าน สำหรับแบบห้าคอร์ส เลือกจับคู่กับไวน์ได้ในราคาเริ่มต้นที่ 1,200 บาท++ ต่อท่าน และมื้อค่ำ ตั้งแต่เวลา 17.30 น. ถึง 24.00 น. (ลาสออเดอร์เวลา 21.30 น.) ราคา 4,600 บาท++ ต่อท่าน

ห้องอาหารป็อปอัพโดยเชฟ พินาคี เรย์ (Pinaki Ray from Yantra Singapore Pop-Up Restaurant)
หนึ่งในห้องอาหารอินเดียชื่อดังจากประเทศสิงคโปร์ นำเสนอหัวใจของตำรับอาหารอินเดียที่ถูกลืมหลากหลายเมนู เชฟพินาคี เรย์ (Pinaki Ray) หัวหน้าพ่อครัวฝ่ายบริหารแห่งห้องอาหาร ‘ยันตรา’ (Yantra) ประเทศสิงคโปร์ ผู้ครอบครองประสบการณ์การทำอาหารมาจากโรงแรมและห้องอาหารชื่อดังทั่วโลกมากว่า 30 ปี รวมถึง โรงแรมราฟเฟิลส์ สิงคโปร์ (Raffles Singapore) และ มารีน่า เบย์ แซนด์ส สิงคโปร์ (Marina Bay Sands Singapore) และอีกมากมาย

ประสบการณ์อาหารอินเดียแบบไฟน์ไดน์นิ่งในครั้งนี้จะเปลี่ยนความรู้สึกของทุกท่านที่ได้รับประทานเซ็ตเมนูนี้โดยสิ้นเชิง เชฟพินาคีเลือกสำรับอาหารอินเดียแบบโบราณที่เป็นที่นิยมในราชสำนัก ที่นอกจากจะหารับประทานได้ยากแล้ว ยังใช้เวลาและกรรมวิธีที่อาศัยความประณีตและประสบการณ์ของพ่อครัวอย่างมาก ยกระดับด้วยการผสมผสานวิธีการทำอาหารแบบตะวันตก รวมถึงนำเสนอในแบบสากลเพื่อมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารอินเดียที่แปลกใหม่และน่าจดจำ

เมนูไฮไลท์ของเชฟพินาคี ได้แก่ ข้าวพองแบบอินเดีย (Khoi Bora) เคบับสไตล์โกลกัตตา (Nizam Kathi Kebab) ซุปเผ็ดชีสหิมาลัย (Ema Datshi) ปลากะพงขาวย่างถ่านซอสมะม่วงชัทนีย์ (Mahi Malai Tikka) ล็อบสเตอร์ย่างไฟ (Lobster Chiney Kebab) และข้าวบรียานีเสิร์ฟคู่กับไก่ทิกก้า (Gucchi Biriyani and Chicken Butter Masala) และเมนูอาหารหวานที่เชฟพินาคีเลือกนำเสนอเมนูไอศกรีมท้องถิ่นภูมิภาคอินเดียใต้ ทำจากหญ้าฝรั่น ปิดท้ายการรับประทานอาหารด้วยความสดชื่นได้อย่างดี

ห้องอาหารป็อปอัพโดยเชฟพินาคี เรย์ จะให้บริการเพียงเก้าค่ำคืนระหว่างวันที่ 20 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ให้บริการเซ็ตเมนูแบบเจ็ดคอร์ส ในราคาท่านละ 4,200 บาท++ ต่อท่าน พร้อมไวน์แพร์ริ่ง ราคา 3,500 บาท++ ต่อท่าน

(ราคาดังกล่าวยังไม่รวมเครื่องดื่ม ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าบริการ 10%)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่ง โทร 02 162 9000 หรือ อีเมล dining.siambangkok@kempinski.com หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทางเว็บไซต์ของโรงแรมได้ที่ www.kempinski.com/en/siam-hotel/restaurants-bars หรือติดต่อ LINE @SiamKempinskiHotel

‘อาร์ต พรอเมอนาด แบบฉบับล้านนา’ (ART Promenade: Thai-Lanna Edition)
เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สาม กับซีรีย์นิทรรศการ ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ภายใต้ชื่อ ‘อาร์ต พรอเมอนาด’ ร่วมมือกับสามศิลปินไทยจากภูมิภาคล้านนาหรือภาคเหนือของประเทศไทย ได้แก่ ‘พรชัย ใจมา’ ศิลปินแนวจิตรกรรมชาวเชียงใหม่ ผู้นำเสนอวิถีชีวิตและวัฒนธรรมในแบบฉบับชาวล้านนาในอดีต ‘ทรงเดช ทิพย์ทอง’ ศิลปินผู้ถ่ายทอดความศรัทธา ความรู้สึก และอุดมคติของความเป็นล้านนาที่มีต่อพุทธศาสนา นำเสนอผลงานศิลปะเชิงพุทธศิลป์  และ ‘อานันท์ ราชวังอินทร์’ จิตรกรไทยผู้มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานเรื่องราวแห่งความเป็นแม่ ทั้งในเชิงวัฒนธรรมและชีวิตส่วนตัว โดยได้แรงบันดาลใจจากพุทธปรัชญา

นิทรรศการ ‘อาร์ต พรอเมอนาด’ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ในการสนับสนุนและเชิดชูผลงานศิลปะของศิลปินไทยสู่สายตาชาวโลก โดยศิลปินทั้งสามท่านที่ร่วมการจัดแสดงในครั้งนี้ ล้วนมีผลงานศิลปะหลากหลายชิ้นตกแต่งอยู่ภายในบริเวณโรงแรมตั้งแต่เปิดให้บริการมาแล้วถึง 15 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะในโรงแรมที่มีรวมทั้งสิ้นกว่า 2,000 ชิ้น  และสำหรับอาร์ต พรอเมอนาด แบบฉบับล้านนา เริ่มจัดแสดงแล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 ณ บริเวณโถงทางเดินของโรงแรมฯ ทั้งนี้ เมื่อสิ้นสุดนิทรรศการ ทั้งสามศิลปินจะบริจาคผลงานหนึ่งชิ้นเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมการประมูลผลงานศิลปะในวาระครบรอบ 15 ปีของโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ในปี 2568 โดยรายได้ทั้งหมดจะนำสมทบทุนบริจาคเพื่อช่วยเหลือการดำเนินงานของมูลนิธิ BE Health Association เพื่อนำไปยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาสในประเทศไทยต่อไป

ผู้ที่ชื่นชอบศิลปะสามารถเข้าชมความงดงามของผลงานของศิลปินทั้งสามท่านได้ทุกวันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการจัดการชมนิทรรศการเป็นส่วนตัว กรุณาติดต่อโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ โทร. 02 162 9000 หรืออีเมล info.siambangkok@kempinski.com
 

Tag : ชุดน้ำชายามบ่าย, นิทรรศการ, วาเลนไทน์, เทศกาลตรุษจีน, โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ