ห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน เปิดตัวเมนูใหม่ประจำช่วงฤดูร้อน พร้อมปรับเปลี่ยนคอนเซปต์ด้านวัตถุดิบและการบริการ เพื่อให้แขกทุกท่านได้ร่วมสนุกไปกับการเล่าเรื่องมากมายจากทีมงานมากพรสวรรค์ พร้อมชื่นชมอาหารที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่นไทย พร้อมเชิดชูการเพาะปลูกด้วยแนวคิดแบบยั่งยืนสอดคล้องกับยุคสมัยแห่งความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ นอกจากนี้ ยังเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความงดงามของดอกบัว หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน และโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ
ประสบการณ์การรับประทานอาหารใหม่นี้ได้รับการตั้งชื่อว่า “Legends of the Lotus” เพื่อเป็นการเชิดชูเอกลักษณ์และความหมายที่เป็นมงคลของดอกบัวตามความเชื่อของสังคมไทย นอกจากนี้ บริเวณห้องอาหารฯ ยังเคยเป็นที่ตั้งของบึงดอกบัว อันเป็นส่วนหนึ่งของวังสระปทุม ที่ประทับของสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า จึงได้ยกนามมาตั้งเป็นชื่อห้องอาหาร เพื่อแสดงถึงความเคารพในประวัติศาสตร์ของพื้นที่แห่งนี้
นอกจากนี้ ห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน ได้ทำการยกระดับคอนเซปต์ด้านการนำเสนออาหาร รวมถึงเรื่องเล่าและการนำเสนอ เพื่อสร้างความน่าสนให้กับนักชิมทุกท่าน เจ้าของคอนเซปต์สูตรอาหาร เชฟเฮนริค อูล แอนเดอร์เซนและโดยหัวหน้าพ่อครัวอาวุโส เชฟเบิ้ม ชยวีร์ สุจริตจันทร์ ได้ร่วมกันพัฒนาตำราอาหารใหม่อีกครั้ง โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นไทยที่ได้จากการเพาะปลูกด้วยกรรมวิธีแบบยั่งยืน (Sustainability) เพื่อร่วมแสดงถึงความห่วงใยที่มีต่อระบบนิเวศในระยะยาว และจะเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งห้องอาหารฯ ที่แขกแต่ละท่านจะสามารถเลือกสร้างเมนูได้ด้วยตนเองจากเมนูทั้งหมดที่ให้บริการ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของแขกในยุคปัจจุบัน
เมนู Legends of the Lotus จะเริ่มต้นด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นกันเอง ตามแบบฉบับห้องอาหารกิน กิน ในประเทศเดนมาร์ก พูดคุยและแบ่งปันเรื่องราวการรับประทานกับพนักงานของเรา ที่จะเสิร์ฟชาตะไคร้ใบเตยหอมพิเศษ และเริ่มต้นด้วยการรับประทานเมนูเรียกน้ำย่อยจำนวนเจ็ดชนิด ที่จะนำพาท่านเดินทางผ่านจินตนาการด้านอาหารบนถนนหนทางในกรุงเทพมหานคร เลือกซื้ออาหารสตรีทฟู้ดที่มีชื่อเสียงและ อาทิเช่น “เมอแร็งก์วาซาบิโยเกิร์ต”, “กะเพราหอยเชลล์หั่นเต๋า”, “น้ำพริกหนุ่มแคปหมูข้าวพอง”, “หอยนางรมซุปมิโสะเข้ม” และ ”เมี่ยงคำ”
เริ่มต้นการเดินทางบนโต๊ะอาหาร เมื่อพนักงานของเราจะต้อนรับท่านด้วยการนำเสนอดอกบัวบนโต๊ะอาหาร นำเสนอเมนูเรียกน้ำย่อยตัวสุดท้าย ได้แก่ ยำรากบัว ที่แขกทุกท่านจะถูกต้อนรับอย่างเป็นทางการด้วยการนำเสนอในแบบฉบับสระบัว บาย กิน กิน จากนั้นดำเนินเข้าสู่คอร์สหลักจานแรก ที่แขกทุกท่านจะสามารถเลือกได้ ระหว่าง “ต้มยำกุ้ง” หรือ “ซุปเป็ดพะโล้น้ำใส และเป็ดสามสหาย” ที่ต่างบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางมายังประเทศไทยในวันวานของเชฟเฮนริคได้อย่างน่าสนใจ ผ่านการนำเสนอแบบโมเลกูลาร์ แกสโตรโนมี หรือการนำเทคนิคจากวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ มาใช้ในการปรุงอาหารตามแบบฉบับของสระบัว บาย กิน กิน เมนูสลัดจะให้แขกทุกท่านเลือกได้ระหว่าง “ยำปลาเนื้อขาวสับปะรด” ที่เชฟจะเลือกใช้เนื้อปลาที่ดีที่สุดของวัน นำมาหั่นเต๋าให้ได้ขนาดพอดีคำ นำเสนอต่อหน้าทุกท่านด้วยการคลุกเคล้าด้วยน้ำยำ จากนั้นจะทำการดองในผลสับปะรดเป็นเวลาสามนาที เพื่อให้กรดจากสับปะรดทำให้เนื้อปลากึ่งสุกและให้ความหวานแทรกซึมเข้าสู่เนื้อปลา เสิร์ฟคู่กับเนื้อสับปะรดภูแลจากจังหวัดภูเก็ต หรือ “ยำปลาหมึกย่างแตงกวาและอาโวคาโด” ที่ความหอมของปลาหมึกย่างกำลังดีจะถูกเสริมด้วยรสชาติและกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ของแตงกวาและอาโวคาโด ซึ่งเชฟต้องการออกแบบให้เมนูนี้เป็นที่ชื่นชอบสำหรับแขกที่เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อการดูแลสุขภาพ แต่ยังได้สารอาหารครบถ้วน
คอร์สถัดมาได้รับแรงบันดาลจากเมนูประเภทเส้นในสำรับอาหารไทย เลือกรับประทาน “ผัดไทยเส้นแครอทกุ้งแม่น้ำ” ที่จะเล่าที่มาที่ไปของผัดไทย เมนูอาหารไทยระดับโลก มีต้นกำเนิดในช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในสมัยยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่ต้องการยกระดับเมนูเส้นให้มีรสชาติถูกปากชาวไทย หรือเลือกรับประทาน “ต้มข่าไก่ทรัฟเฟิลเส้นหมี่เห็ดหอม” อีกหนึ่งเมนูแกงไทยที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมในหมู่ชาวต่างชาติมาอย่างยาวนาน เพิ่มกลิ่นหอมด้วยเห็ดทรัฟเฟิลสไลด์บาง รับประทานคู่กับเส้นหมี่เจลลี่เห็ดสร้างสรรค์จากแนวคิดไม่เหมือนใครของเชฟเฮนริค คอร์สถัดมานำเสนอสองเมนูแกงไทยยอดนิยมที่จะถูกพลิกโฉมให้ดูตื่นเต้นเมื่อได้เห็น เลือกรับประทานระหว่าง “แกงเหลืองเนื้อปู” นำเสนอด้วยเทคนิคแปลกตา เชฟเฮนริคได้รับแรงบันดาลมาจากการแสดงงานศิลปะในฝรั่งเศส น้ำแกงรสจัดจ้านแบบปักษใต้ตีให้เป็นเนื้อโฟม รับประทานคู่กับขาปูม้าทอด หรือ “แกงเขียวหวานปลาทะเลกะทิสด” อีกหนึ่งเมนูไฮไลท์ที่สามารถเรียกแบบย่อว่า Fish Wellington ที่ใช้กรรมวิธีการทำอย่างพิถีพิถันและตั้งใจ เสิร์ฟพร้อมซอสแกงเขียวหวานรสชาติจัดจ้านเข้มข้น
จานหลักของ Legends of the Lotus นำเสนอความน่าตื่นเต้นกับเมนู “ปีกไก่ซอสสะเต๊ะแป้งแก่นตะวัน” ที่เชฟ เฮนริคเลือกที่จะนำเสนอเมนูสะเต๊ะให้เป็นจานหลัก เพิ่มความน่ารับประทานของจานนี้ด้วยการเพิ่มความเข้มข้นของเนื้อซอสด้วยกลิ่นหอมของมะขาม ขิงและถั่ว รับประทานกับเนื้อไก่ที่ได้รับการปรุงให้นุ่มในระดับที่ยอดเยี่ยม หรือเลือกรับประทาน “เนื้อตุ๋นซอสหอยนางรม” ที่ใช้เนื้อคุณภาพพรีเมียมปรุงสุกด้วยกรรมวิธีที่ใช้เวลาและความละเมียดละไมสูง เสิร์ฟพร้อมกับซอสกระชายดำปรุงคู่กับซอสหอยนางรมโฮมเมดจากครัวสระบัว บาย กิน กิน ซึ่งได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งสูตรของเครื่องปรุงรสที่เก่าแก่ที่สุดของเชฟเฮนริค โดยเริ่มต้นทำมาตั้งแต่ช่วงสมัยก่อตั้งโรงแรมฯ ในปี 2553 และแน่นอนว่าทุกชิ้นส่วนของหอยนางรมแต่ละตัวจะถูกใช้งานทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างผลกระทบต่อการย่อยสลายให้น้อยที่สุด
เมื่อสิ้นสุดเมนูอาหารคาวย่อมเป็นเวลาของอาหารหวาน เมนูล้างปากเป็นการสะท้อนความทรงจำของเชฟเฮนริคในการมาเยือนประเทศไทยช่วงแรก ที่ได้รับกลิ่นหอมจากพวงมาลัยดอกมะลิบนรถแท็กซี่ระหว่างเดินทางออกจากสนามบิน ซึ่งกลิ่นของดอกมะลิไทยนั้นหอมหวลเป็นอย่างยิ่งเมื่อพบกับสภาพอากาศที่เย็น จึงได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเซ็ตเมนูนี้ และมาถึงคอร์สอาหารหวานที่ทุกท่านสามารถเลือกได้ระหว่าง “เค้กกล้วยหอมและไอศกรีมน้ำตาลมะพร้าว” ที่ทุกท่านจะได้รับเค้กกล้วยหอมสูตรของห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน และได้รับชมกรรมวิธีการคั้นน้ำกะทิสดจากเครื่อง ที่พนักงานจะสาธิตให้ทุกท่านได้รับชมอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ เพื่อให้ได้น้ำกะทิคุณภาพที่สดและดีที่สุด จากนั้นนำมาผสมรวมกับไนโตรเจนเหลว เพื่อสร้างสรรค์ให้เป็นไอศกรีมเกล็ดน้ำแข็งรสมะพร้าวกะทิสุดหอม หรือเลือกรับประทาน “พานาคอตต้าชาไทยไข่มุก” ขนมฟลานรสชาไทย หรือเค้กพุดดิ้งสไตล์ยุโรป ประดับด้วยเจลคริสตัล เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมใบชาจากจังหวัดเชียงรายและมะกรูดฝาน เพื่อปิดท้ายการเดินทางครั้งนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าประทับใจในทุกจาน สะท้อนถึงจิตวิญญาณของห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน ในยุคบุกเบิกจนถึงยุคปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
The Legends of the Lotus ให้บริการช่วงมื้อค่ำของทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.30 น. ถึง 24.00 น. (ลาสออเดอร์เวลา 22.30 น.) ราคา 4,400 บาท++ ต่อท่าน พร้อมตัวเลือกเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหาร ได้แก่
- รับประทานคู่กับไวน์ แนะนำโดยเชฟเฮนริค จำนวนหกแก้ว ราคา 3,900 บาท++ ต่อท่าน
- รับประทานคู่กับค็อกเทล จำนวนหกแก้ว ราคา 2,700 บาท++ ต่อท่าน
- รับประทานคู่กับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์จัดทำพิเศษ จำนวนหกแก้ว ราคา 1,290 บาท++ ต่อท่าน
* (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมเครื่องดื่ม ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าบริการ 10%)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่ง โทร 02 162 9000 หรือ อีเมล dining.siambangkok@kempinski.com
หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทางเว็บไซต์ของโรงแรมได้ที่ kempinski.com/en/siam-hotel/restaurants-bars/sra-bua-by-kiin-kiin/legends-of-the-lotus
Tag :
อาหารไทย, โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น