ระหว่างชายจุกรอร้านรวงทยอยส่งขนมไหว้พระจันทร์มาถึงมือก็อดใจไม่ไหวที่จะเขียนเล่าอะไรนิดหน่อยก่อนพาไปชิม หม่าม้าของชาย (แหม่เรียกตัวเองว่าชาย แต่เรียกแม่ว่าหม่าม้า อ้าวก็เป็นลูกครึ่งไง) บอกว่าปีนี้ตามปฏิทินจันทรคติแบบจีนมีเดือน 6 สองครั้ง เรียกว่า หยุ่ง 6 ซึ่งปีก่อนมีเดือน 9 สองครั้ง เรียกว่า หยุ่ง 9 ทำให้เทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ที่น่าจะอยู่กลางเดือนกันยายน ล่วงเลยไปไกลถึงต้นเดือนตุลาคม แน่นอนว่าเทศกาลกินเจก็ไหลตามไปเช่นกัน
แรม 1 ค่ำ เดือน 6 หรือวันชิวอิก ตรงกับวันที่ 24 มิถุนายน และขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หรือวันจับโหงว ตรงกับวันที่ 8 กรกฎาคม ซึ่ง 2 วันนี้นับเป็นเดือน 6 ครั้งแรก ส่วนแรม 1 ค่ำเดือน 66 หรือวันชิวอิก ตรงกับวันที่ 23 กรกฎาคม และขึ้น 15 ค่ำเดือน 66 หรือวันจับโหงว ตรงกับวันที่ 6 สิงหาคม ซึ่ง 2 วันนี้นับเป็นเดือน 6 ครั้งที่ 2 ทำให้วันไหว้พระจันทร์ในปีนี้ตรงกับวันที่ 4 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันจับโหงว หรือขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8
ส่วนตำนานและที่มาของการไหว้พระจันทร์ก็คงพอทราบกันดีแล้ว ชายขอข้ามไปแล้วกันนะ ชายขอเล่าว่าใครเปิดตัวกันแรงขนาดไหนดีกว่า
ห้องอาหารจีน เหม่ยเจียง โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ ออกตัวเร็วที่สุด ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน ด้วยการชวน เชฟยิป วิง หวา (Yip Wing Wah) Dim Sum Ambassador ของโรงแรมในเครือเพนนินซูลา มาโชว์ทำขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่แดง แค่มาโชว์ก็ไม่เห็นจะแตกต่างจากโรงแรมอื่น แต่นี่คือเชฟระดับตำนานที่เป็นคนแรกที่คิดสูตรขนมไหว้พระจันทร์คัสตาร์ดไข่แดงจนโด่งดังทั้งเกาะฮ่องกงและลุกลามมาถึงบ้านเรา เชฟยิปคิดสูตรนี้มาตั้งแต่ปีค.ศ.1986 (พ.ศ.2529) เรียกว่าตัวจริงมาสอนเองเลยแหละ
แน่นอนว่าโรงแรมแรกออกตัวแรงขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็คงไม่ยอมน้อยหน้า ห้องอาหารจีน Pagoda โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ก็เล่นใหญ่ด้วยการสอนตั้งโต๊ะไหว้พระจันทร์กันไปเลย ก่อนอื่นต้องเลือกสถานที่โล่งแจ้งมองเห็นพระจันทร์ ตั้งโต๊ะโดยนำต้นอ้อย 2 ลำ วางคู่กันคล้ายซุ้มประตู ประดับโคมไฟ แล้ววางเครื่องเซ่นไหว้ อาทิ ธูปมังกร เทียน กระถางธูป กระดาษเงินกระดาษทอง ดอกไม้สด ผลไม้ที่มีความหมายดี (ทับทิม แอปเปิ้ล องุ่น ส้ม สาลี่ และส้มโอ) อาหารเจแบบแห้ง (เห็ดหอม วุ้นเส้น สาหร่ายทะเล ดอกไม้จีน และฟองเต้าหู้) ขนมไหว้พระจันทร์ (จำนวนเป็นเลขคู่) ของใช้ส่วนตัวของผู้หญิง น้ำชา และน้ำบริสุทธิ์สะอาด เริ่มไว้ตั้งแต่หัวค่ำเมื่อพระจันทร์เผยตัวและควรเก็บก่อนพระจันทร์เลยหัวไปแล้ว (ราวเที่ยงคืน)
หลบไปอาฟเตอร์นูนทีฝรั่ง หลีกทางให้อาฟเตอร์นูนทีจีนบ้าง เวอร์ทิโก้ ทู โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ ใช้จุดเด่นของตัวเองกับวิวมุมสูงของกรุงเทพฯ ด้วยการเปลี่ยนอาฟเตอร์นูนทีช่วงสุดสัปดาห์ให้มีไอเทมใหม่อย่างขนมไหว้พระจันทร์แทนที่สคอน พร้อมเลือกชาพิเศษจาก Ronnefeldt 3 ตัวมาแพริ่ง อาทิ Jasmine Gold ชาเขียวกับมะลิ Dung Ti Oolong ชาอู่หลงจากไต้หวัน และ Fancy Sencha ชาเขียวญี่ปุ่น
แต่ที่เกาะกระแสสังคมมาแบบสุดๆ ก็คงเป็น ห้องอาหารจีน แชงพาเลซ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ นอกจากสาธิตทำขนมไหว้พระจันทร์ไส้ใหม่ล่าสุด “ครีมลาวา” รวมถึงไส้ยอดนิยม “ครีมรังนก” ที่นี่ยังเปิดตัวหน้ากากขนมไหว้พระจันทร์ ให้เราทายกันเล่นๆ ว่าใครที่อยู่ภายใต้หน้ากาก ลองดูรูปกันเอาเองนะว่าเป็นใคร แต่ได้ยินว่าหน้ากากขนมไหว้พระจันทร์ก็จะไปทำหน้าที่ขายขนมด้วยล่ะ แวะไปเยี่ยมได้ที่บูธของแชง พาเลซ
และประสบการณ์สุดแปลก ขนมไหว้พระจันทร์จับคู่กับแชมเปญ ของ ซิงก์ เบเกอรี่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ไม่น่าเชื่อว่าพรายฟองของแชมเปญจะไปด้วยกันได้ดีกับขนมไหว้พระจันทร์ ด้วยรสเปรี้ยวอมหวานและความซ่าทำให้ล้างปากได้ดี แชมเปญบางตัวก็ส่งเสริมรสชาติและกลิ่นของขนมไหว้พระจันทร์ออกมาให้เด่น จะว่าไปแล้วแชมเปญกับขนมไหว้พระจันทร์ก็ไม่แย่
อดใจรอกันหน่อย ชายยังมีเรื่องขนมไหว้พระจันทร์อีก 2-3 เรื่อง ให้อ่านก่อนวันไหว้จริงจะมาถึง
Tag:
, ขนมไหว้พระจันทร์, โปรโมชั่น, โรงแรม,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น