กลับมาอีกครั้งกับดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่รวม “เชฟมิชลินสตาร์จากประเทศเนเธอร์แลนด์” มากที่สุดถึง 6 ชีวิต เพื่อมาปรุงเมนูซิกเนเจอร์ 6 คอร์ส จับคู่กับวินเทจไวน์ชั้นเลิศให้ลิ้มลองกันในงาน “Dining with the Stars by Savelberg” ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ (Oriental Residence Bangkok) ถนนวิทยุ พ่องานครั้งนี้นำโดย “เชฟเฮงค์ ซาเวลเบิร์ก” แห่งร้านอาหารซาเวลเบิร์ก (Savelberg) เจ้าของดาวมิชลิน 2 ปีซ้อน ที่ชักชวนเหล่าเพื่อนเชฟและสมาชิกสมาคม เลส์ ปาตรอง กูซินีเยร์ส (Les Patrons Cuisiniers) สมาคมอาหารและการครัวของเนเธอร์แลนด์ซึ่งเชฟเฮงค์เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง ข้ามน้ำข้ามทะเลมาแสดงฝีมือกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

งานนี้ G&C ได้มาพรีวิวและลิ้มรสชาติทั้ง 6 เมนูซิกเนเจอร์จาก 6 เชฟมิชลินสตาร์ชาวดัตช์ก่อนใคร เพื่อรายงานความอร่อยให้ทุกท่านทราบ เมื่อมาถึงก็พบเหล่าเชฟกำลังง่วนเตรียมอาหารเรียกน้ำย่อยสุดเนี๊ยบภายใต้การดูแลของเชฟเฮงค์ให้เราก่อนที่จะเข้าสู่คอร์สเมนูที่รอคอย

เริ่มต้นจานแรกกับ EEL โดยเชฟ Egon van Hoof ที่ดูปราณีตไปทุกมุม นำเสนอความอร่อยจากปลาญี่ปุ่นโดยด้านบนคือราวิโอลีทำจากหัวไชเท้าแทนแป้ง สอดไส้ปลาไหลรมควันเนื้อนุ่มเด้ง วางบนชั้นของเนื้อปลาฮะมะจิสดหวานละมุนลิ้นสลับชั้นกับหัวไชเท้าฝานบางกรอบ แทรกด้วยรสเปรี้ยวนวลๆ จากซอสโยเกิร์ตและผักชีฝรั่ง เป็นจานปลารสอ่อนโยนและสดชื่น จับคู่กับไวน์ขาวจากแคว้นอัลซาส (Alsace) ประเทศฝรั่งเศส Domain Hugel, Cuvee Gentils ปี 2016

จานต่อมา LOBSTER โดยเชฟ Jos Grootscholten เมนูสุดหรูจากล็อบสเตอร์เนื้อหวานเด้งบนครีมโฟมมันฝรั่งอบซอสมะนาวและยูคาลิปตัสทอปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ ภายใต้โฟมเรายังได้รสเปรี้ยวนำหวานจากพลัมตุ๋น เป็นการจับคู่ที่แปลกใหม่ตัดรสกันอย่างลงตัว จับคู่กับไวน์ขาวจากองุ่นพันธุ์ชาร์ดอนเนที่บ่มในถังไม้โอ๊คและมีกลิ่นหอมของเมลอน Pouilly-Vinzelle, La Souffrandiere, Bret Brothers ปี 2015 จากแคว้นเบอร์กันดี (Burgundy) ประเทศฝรั่งเศส

ต่อมาเป็นจานของเชฟเฮงค์เอง TURBOT โชว์ลายย่างสวยบนผิวให้ลิ้มรสด้วยสายตาก่อนรับรู้สัมผัสเด้งตอนตัดเนื้อปลา เมื่อส่งเข้าปากจึงได้ลิ้มรสความนุ่มและเด้งกำลังดีเคล้ากลิ่นหอมจากการย่าง ด้านล่างรองด้วยพูเร่ดอกกะหล่ำกับชีสเอพัวส์ (Epoisses) ที่มีกลิ่นรสค่อนข้างแรงแต่ก็เอาอยู่เมื่อผสานกับซอสพอร์ตไวน์และเห็ดร่างแห เป็นจานที่มีรสชาติผสมผสานชูความอร่อยของปลาให้โดดเด่น เข้ากันได้ดีกับไวน์แดงไลท์บอดี้รสอ่อนโยนจากองุ่นพันธ์ปิโน นัวร์ (Pinot Noire) Nuits-Saint-Georges ler Cru – Clos de Grandes Vignes Monopole, Chateau de Puligny-Montrachet ปี 2011 จากแคว้นเบอร์กันดี ประเทศฝรั่งเศส

ตามด้วยจานที่คนกินเนื้อรักเลย SCALLOP / VEAL โดยเชฟ Yuri Wiesen จับคู่ความอร่อยของหอยเชลล์รสหวานที่มีครัสต์กรุบกรอบบนผิวหน้า กับเนื้อแก้มวัวที่ให้รสอร่อยเข้มข้นและสัมผัสนุ่มหยุ่นละลายในปาก วางบนพูเร่ต้นกระเทียมและซอสเบอร์รูจ เป็นความคอนทราสต์ที่เพลิดเพลิน จับคู่กับไวน์จากแคว้นเบอร์กันดีที่มีกลิ่นหอมโดดเด่นของของสตรอว์เบอร์รีและเรดฟรุ้ต พริกไทยและลาเวนเดอร์ Aloxe-Corton ler Cru Les Marechaudes, Domain Du Pavillon, Albert Bichot ปี 2016

มาถึงจานหลักจานสุดท้าย DUCK โดยเชฟ Andreas Jacobus van Doorn เนื้อเป็ดจากฟาร์มที่เนเธอร์แลนด์นำมาอบจนหนังกรอบ กับแคนดี้ตับเป็ดเนื้อเนียน เสริมรสด้วยโกทชีส บีทรูตรมควัน และครีมทรัฟเฟิล จานนี้จับคู่กับไวน์จากเขาใหญ่ของไทยนี่เอง Heritage Syrah, Gramonte Winery, Asoke Valley ปี 2016

ตามด้วยของหวาน IRISH COFFE ICE CREAM โดยเชฟ Wilco Berends ที่เสิร์ฟมาในรูปทรงไอศกรีมแท่ง ภายใต้ช็อกโกแลตกรอบหนาเป็นไอศกรีมไอริชคอฟฟีเนื้อเนียนนุ่มเหมือนมูสและมีความเด้งคล้ายเจลลี เสิร์ฟกับบราวนีและช็อกโกแลต จับคู่กับเครื่องดื่มพิเศษ Nespresso Martini จากกาแฟเนสเพรสโซ เป็นกาแฟหลังอาหารที่เพิ่มลูกเล่นไม่ธรรมดา

เชฟเฮงค์บอกว่าเขายังต้องการปรับบางเมนูให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้อีกเพื่อให้ถูกปากนักชิมชาวไทยในวันจริง ใครที่อยากมาลิ้มรสความอร่อยเหล่านี้จากเหล่าเชฟมิชลินสตาร์ชาวดัตช์อย่างชิดใกล้ไม่ควรพลาดโอกาส สำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้

งาน Dining with the Stars จะจัดขึ้นใน วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562 ณ ห้องโอเรียนทัล รูม โรงแรม โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ถนนวิทยุ ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ในรูปแบบของซิทดาวน์ดินเนอร์ 6 คอร์สพร้อมดนตรีคลาสสิกขับกล่อม ราคา 9,990++ พร้อมจับคู่ไวน์แพริ่ง ***พิเศษสุดสำหรับผู้ที่สำรองที่นั่งก่อนวันที่ 21 กันยายน*** รับส่วนลด Early – Bird ราคาพิเศษ 8,999 บาท++

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ โทร 0-2125 -9000 หรืออีเมล reservations@oriental-residence.com

ทำความรู้จักกับเชฟจากเนเธอร์แลนด์ในงาน Dining with the Stars

EGON VAN HOOF
เชฟ Egon เกิดและเติบโตในเมืองใกล้กรุงอัมสเตอร์ดัม เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเป็นเชฟที่ห้องอาหาร Ron Blaauw และ Aan de Poel ในปี 2015 ได้รับตำแหน่งหัวหน้าพ่อครัวร้าน MOS ที่โดดเด่นทั้งด้านบรรยากาศใจกลางแม่น้ำเมืองอัมสเตอร์ดัมและเมนูแบบฝรั่งเศสโมเดิร์นที่ใช้วัถตุดิบนานาชาติมารังสรรค์เป็นเมนูเลิศรสงดงาม ด้วยการนำของเขาเพียงหนึ่งปีครึ่ง ร้าน MOS ได้รับความนิยมอย่างมากจนได้รับดาวมิชลิน

JOS GROOTSCHOLTEN
Jos เป็นนักยิมนาสติกยอดฝีมือ จนกระทั่งอายุ 16 ปีเขาเริ่มสนใจการทำอาหารและเริ่มต้นเส้นทางเชฟในร้านอาหารชื่อดัง ต่อด้วยการฝึกงานกับร้านอาหารมิชลินที่ Restaurante Martin Berasategui และ Noma ในปี 2010 เขาได้เป็นหัวหน้าพ่อครัวที่ร้าน Perceel ในเมือง Capelle aan den Ijssel และแสดงความสามารถด้วยการคว้ารางวัลมิชลิน 1 ดาวได้ภายในเวลาหนึ่งปีครึ่ง

HENK SAVELBERG
เชฟเฮงค์ ซาเวลเบิร์ก เริ่มต้นเส้นทางงานครัวที่ร้าน De Graaf van het Hoogveen ซึ่งได้ดาวมิชลินในปี 1982 ต่อมาในปี 1983 เขาย้ายไปที่ Seinpost และ Vreugd en Rust ในปี 1989 ซึ่งได้ดาวมิชลินตั้งแต่ปี 1998 เรื่อยมาจนปัจจุบัน เชฟเฮงค์เป็นเชฟคนแรกๆ ที่ย้ายมาอยู่และทำงานในไทย เขาขึ้นชื่อว่าเป็นเฮดเชฟชาวดัตช์เพียงคนเดียวที่พาร้านอาหารทั้ง 4 แห่งไปคว้าดาวมิชลินมาได้ และยังเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมอาหารและการครัวที่รู้จักกันดีในแวดวงอาหารของเนเธอร์แลนด์ เลส์ ปาตรอง กูซินีเยร์ส (Les Patrons Cuisiniers) สำหรับงาน Dining with The Stars ครั้งนี้ เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมโชว์ฝีมือกับเชฟมือฉมังร่วมสมาคม

YURI WIESEN
ด้วยวัยเพียง 16 ปี และความสนใจในอาหารอย่างแรงกล้า จึงไม่น่าแปลกที่ Yuri จะประสบความสำเร็จในฐานะพ่อครัว เขาใช้เวลา 20 ปีทำงานในร้านอาหารชั้นนำ สั่งสมประสบการณ์จนได้รับตำแหน่งหัวหน้าพ่อครัวประจำร้านอาหาร Wiesen ในเมือง Eindhoven ตั้งแต่ปี 2010 และได้ดาวมิชลินในปี 2014

ANDRÉ VAN DOORN
เส้นทางสายอาชีพของเชฟ Andre เริ่มในปี 1978 ที่ห้องอาหาร De Hoefslag จากนั้นได้รับโอกาสร่วมงานกับเชฟ Alain Senderens ที่ปารีส และได้ดำรงตำแหน่งเฮดเชฟประจำราชวงศ์ของดัตช์ที่ Huis ten Bosch ในปี 2002 ต่อมาได้รับตำแหน่งหัวหน้าพ่อครัวที่ Heemstede Castle ในเมือง Houten และใช้เวลาหนึ่งปีในการได้มาซึ่งดาวมิชลิน

WILCO BERENDS
เชฟ Wilco Berends หัวหน้าพ่อครัวของห้องอาหารไฟไดนิ่ง De Nederlanden ของโรงแรมที่มีทัศนียภาพสวยที่สุดในเมือง Vreeland ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้รับรางวัลมิชลินหนึ่งดาวในปี 1958 ต่อเนื่องถึงปี 1959 และได้รับรางวัลมิชลินหนึ่งดาวและสองดาวเรื่อยมาตั้งแต่ปี 1999 จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ The GaultMillau Guide ยังให้คะแนนสูงถึง 17 จาก 20 คะแนน เขานิยามการปรุงอาหารของตนเองว่า “ปรุงธรรมชาติใส่จาน” โดยเลือกใช้เฉพาะวัตุดิบท้องถิ่นและตามฤดูกาลเพื่อให้ผู้กินสัมผัสถึงรสชาติที่สดใหม่ พร้อมสารอาหารที่ครบถ้วน

Tag: , มิชลินสตาร์, ไวน์แพริ่ง,