ชายจุกมีโอกาสได้ไปร่วมงานประกาศผล Asia's 50 Best Restaurants 2017 สำหรับชาย ปีนี้คือปีที่ 3 หลังจากชายพาตัวเองไปร่วมงานที่สิงค์โปร์โดยมีจดหมายเชิญร่วมงานเพียงใบเดียวที่ส่งผ่านทางอีเมล์ ซึ่งสนับสนุนชายเพียงการให้เข้าร่วมงานประกาศรางวัลและสัมภาษณ์เชฟ ส่วนที่พักและตั๋วเครื่องบิน ชายต้องดำเนินการด้วยตัวเอง แต่งานระดับเอเชีย ชายก็อยากสัมผัสมันสักครั้ง แล้วประสบการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้ชายเข้าใจรายละเอียดของงานนี้ได้ดี

ปีล่าสุดภายในงาน ชายเดินผ่านเชฟ Fatih Tutak เชฟห้องอาหาร The Dining Room ของ The House on Sathorn ที่เดินมาพร้อมคล้องผ้าสีแดง นั่นหมายความว่าเชฟคนนี้ติดอยู่ในลิสต์ 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดของเอเชีย ชายรีบโพสต์บอกข่าวแฟนๆ นิตยสาร Gourmet & Cuisine แทบจะในทันที หมายใจว่าคงมีคนได้เห็นบ้าง แน่นอนว่าย่อมมีคำถามในใจว่าเชฟฟาตีห์ควรได้อันดับที่ 36 ของลิสต์นี้หรือไม่ และอาหารของเขาน่าจะตอบชายได้ดีที่สุด

ชายได้รับคำเชิญจากเชฟไปชิมอาหาร Tasting Menu ใหม่ของเขา ครั้งนี้เปลี่ยนแทบจะยกเมนู เชฟเริ่มนำเอาความเป็นตัวตนของเขา นั่นก็คืออาหารตุรกี มานำเสนอผ่านบทสรุปเทสติ้งเมนูของเขา แน่นอนว่ายังคงกลิ่นอายญี่ปุ่นเจืออยู่บ้างผ่านเมนูอย่าง Tsukiji Market ที่ปรับเปลี่ยนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 เวอร์ชั่น เชฟยังคงให้เราเลือกระหว่าง Voyage 7 คอร์ส (2,800 บาท++) และ Journey 9 คอร์ส (3,800 บาท++)

ชายว่าอาหารของเชฟรอบนี้สมราคาและรางวัลที่ได้รับมา แต่ชายก็ไม่ได้ชอบไปเสียหมดทุกจาน และนั่นก็มาจากประสบการณ์การกินของชาย หมายความว่าคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้เช่นกัน

เริ่มที่บรรดา Amuse Bouche หอยแครงสดกับซอสบลัดออเรนจ์ และสโลว์คุ๊กเอกซ์โย๊คกับหอยเม่นและครีมทรัฟเฟิล สองคำนี้ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมาก

คอร์สแรก Breakfast at Home ชายว่าคอร์สนี้คล้ายคาเปเซ่ของอิตาเลียน มะเขือเทศท๊อปด้วยเยลลี่ทับทิมเตอร์กิช วางบนชีสนมแกะจากเมือง Ezine ของตุรกี ดอกซูกินี และน้ำแข็งพลาสลีย์

คอร์สต่อมา Tsukiji Market ที่เปลี่ยนแปลงวัตถุดิบและองค์ประกอบมาหลายรอบ ชายชอบรอบก่อนๆ มากกว่า รอบนี้ชายว่ารสไม่จัดเท่า ใช้ปลาคัมปาจิแทนกับพอนสึ คาเวียร์ มิโซะ และบ๊วย

From My Mum… ชายว่าคอร์สนี้แหละคือไฮไลท์ของมื้อนี้ ชายเชื่อว่าสุดท้ายเชฟทุกคนไม่ว่าจะเดินทางไปมากแค่ไหนสุดท้ายรากเหง้าคือสิ่งสำคัญ รสชาติหลักอยู่ที่ Manti เกี๊ยวแบบเตอร์กิชไส้มะเขือ หัวหอม และพริกไทย กินกับโยเกิร์ตกาลิค ซอสมะเขือเทศ และเตอร์กิชโอลีฟออยที่รสออกเผ็ด

เชฟเดินออกมาพร้อมกะหล่ำสีทองกับเมนูที่ชื่อว่า Season กะหล่ำดอกที่ผ่านการปรุงในเนยนานกว่า 2 ชั่วโมง จนมีกลิ่นรสของเนยและผิวด้านนอกเหลืองอร่าม กินกับทรัฟเฟิลสไลซ์ พามีซานชีส และแมคคาเดเมีย

ตามด้วย Black Sea Meet Aegea จานนี้เป็นแรงปะทะของทะเลสองแห่ง ปลาเทอร์บอตที่เคลือบด้วยของเหลวสีเขียวที่เชฟเรียกว่าแพลงตอน กับสาหร่ายวากาเมะและผักกาดขาวปรุงในน้ำมะกอกเคี่ยวกับไวน์ขาว จานนี้เต็มด้วยกลิ่นอายของทะเล

คอร์สต่อมา Catch of the Day ชายเชื่อว่าเชฟต้องการสื่อถึงการอยู่ในประเทศไทยของเชฟ ล๊อบสเตอร์ภูเก็ตราดด้วยซอสฉู่ฉี่ กินกับบะหมี่ผัดกุ้งแห้ง ชายว่าซอสหวานไปหน่อย แต่บะหมี่อร่อยมาก

เมนคอร์สเชฟให้เลือกระหว่าง เนื้อวัวมิยาซากิ กับนกพิราบ ชายเคยกินจานเนื้อของเชฟแล้ว ชายเลยเลือกนกพิราบแทน Sultan’s Message Can’t Deliver แหม่มาซะเก๋เลย จดหมายยังห้อยอยู่ที่ขานกพิราบ คิดๆดูก็คล้าย the Hunt จานเป็ดที่ถูกยิง จานนี้นกถูกยิงบ้างเลยจ้า ชายชอบให้ปรุงนกพิราบสุกกว่านี้ บางส่วนยังดิบไปหน่อย ราดซอสเรดเคอแรนท์ พิตาชิโอ้บด และลีค

ของหวานมี 2 คอร์ส Frozen จานนี้ลูกสาวหลอกให้เชฟดูอะนิเมชั่นเรื่องนี้หลายต่อหลายรอบ จนเอามาใช่ทำจานน้ำแข็งใส่องุ่นที่กินกับผงมูลเลทไวน์ และซอสจากผักซอร์เรล มีความเขียวของซอร์เรลและล้างปากได้ดี อีกจานเป็น Tarte ทาร์ตเกาลัดกับไอศกรีมกาแฟเตอร์กิช ปิดท้ายได้ดีมาก

The Dining Room, The House on Sathorn, W Bangkok ถนนสาทรเหนือ สถานีบีทีเอสช่องนนทรี เปิดบริการ 18.00-22.30 น. โทร.0-2344-4025 www.thehouseonsathorn.com

Tag: , Asia's 50 Best Restaurants, เชฟ,