นอกจากจะรักษาดาวมิชลินไว้ได้แล้ว เชฟเฮนริก อูล-แอนเดอร์แซน เชฟมิชลินสตาร์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของห้องอาหาร สระบัว บาย กิน กิน (Sra Bua by KIIN KIIN) ก็ยังขยันผุดไอเดียความอร่อยไม่หยุด นำมาสู่ดินเนอร์ปาร์ตีในสวนสวยใจกลาง โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ (Siam Kempinski Hotel) เป็นครั้งแรก ที่พิเศษคือนำเสนอเป็นเมนูเพื่อสุขภาพในรูปแบบ “มังสวิรัติ” หรือ “Vegetarian Fine Dining” ที่อร่อยชวนกินโดยไม่ต้องพึ่งเนื้อสัตว์!
ดินเนอร์กลางสวนนี้จัดขึ้นเพียง 2 วันในวันที่ 29 และ 30 พฤศจิกายน โต๊ะดินเนอร์สำหรับ 10 คนตกแต่งสวยงาม แต้มกลิ่นอายเทศกาลคริสต์มาสด้วยของประดับที่เชฟเฮนริกทำด้วยตัวเอง ไม่ไกลกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ประดับไฟ เราเห็นเชฟง่วนเตรียมของบนโต๊ะสาธิตที่แขกจะได้ชมขณะเตรียมเมนูกันสดๆ ด้วย
เชฟเฮนริกใช้เวลาเล็กน้อยทักทายและเล่าถึงคอนเซ็ปต์ของอาหารมื้อนี้ให้ฟังพลางเสิร์ฟของทานเล่นไปด้วย ซึ่งก็น่าสนใจทุกจาน เริ่มจากเครื่องดื่ม Mulled Wine แบบเย็น ซึ่งปกติ Mulled Wine มักเสิร์ฟร้อน แต่เชฟบอกแบบนี้เหมาะกับอากาศบ้านเรามากกว่า ตามด้วยแสน็ค Eatable bag เมล็ดสนในถุงพลาสติกใสที่ทำจากแป้งข้าวโพด วิธีกินคือต้องกินเข้าไปทั้งถุง และ Laksa on The Beach ที่ให้อิมเมจของทะเล ใต้ผืนทรายมีซุปสาหร่ายที่เหมือนรสน้ำทะเลจนเราตกใจ ด้านบนเป็นใบออยสเตอร์ที่ให้รสคล้ายหอยนางรม ไข่มุกกะทิ และหัวหอมทอด จานต่อมาคือ Garden Pea เมล็ดถั่วฝักเขียวในซอสเบอร์บล็องสไตล์ฝรั่งเศส และ Miang Kham (betel leaf wrap) หรือ “เมี่ยงคำ” รสเข้มข้นที่ใส่วัตถุดิบพิเศษคือ “ต้นกาบหอยแครง” ลงไปด้วย
กลับมาที่คอนเซ็ปต์ที่เล่าค้างไว้ เชฟเฮนริกบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นวีแกน แต่ในครั้งนี้เชฟอยากนำเสนอเทรนด์อาหารมังสวิรัติให้กับนักกินชาวไทยได้ลิ้มลองบ้าง เทรนด์นี้กำลังเป็นที่นิยมมากในแถบสแกนดิเนเวียนและยุโรป เชฟเองมีร้านอาหารมังสวิรัติมิชลินสตาร์ชื่อ VeVe ในกรุงโคเปนฮาเกนด้วย สิ่งที่เชฟอยากบอกคือ เหมือนที่เรามีเงินซื้อรถยนต์ แต่บางครั้งเราก็เลือกที่จะขี่จักรยาน เช่นกันแม้ไม่ได้เป็นวีแกน เราก็เลือกที่จะกินอาหารมังสวิรัติได้นะ นอกจากจะไม่เบียดเบียนชีวิตอื่นแล้วยังปรุงเป็นเมนูหลากหลายไม่รู้เบื่อ โดยในคอร์สเมนูนี้เชฟจะพาเราท่องไปทั่วโลก เพราะแต่ละเมนูได้แรงบันดาลใจมาจากแต่ละประเทศไม่ซ้ำกัน
ได้เวลาเริ่ม 6 คอร์สดินเนอร์ที่เรารอคอย (ถึงจะกินไปหลายเมนูแล้วก็ตาม!) จานแรก Waldorf Salad เป็นการเปิดคอร์สที่ทำให้เราหลงรักอาหารมังสวิรัติได้เลย กับความหวานอมเปรี้ยวและเย็นสดชื่นจากแผ่นวงแหวนน้ำแอปเปิลแช่แข็ง เมื่อกะเทาะลงไปจะเจอกับสลัดผลไม้ที่ใส่องุ่น วอลนัท และแตงกวา คลุกเคล้าในน้ำสลัดครีมสดหอมมัน เบาและสดชื่นมากๆ สลัดจานนี้ถูกคิดค้นครั้งแรกที่อเมริกา ตามด้วย Salt Baked Celeriac ที่ชวนงงพราะเชฟยกขนมปังไหม้ๆ ออกมา 6 ก้อนแล้วบรรจงทุบด้วยค้อน ด้านในที่เผยออกมาคือหัวขึ้นฉ่ายฝรั่งหรือ เซเลอริแอค หัวอวบอ้วนอบร้อนๆ เสิร์ฟในซอสเนยมิโสะรสละมุนลิ้น ใส่ขิงและต้นหอม ให้กลิ่นอายของญี่ปุ่น
จานต่อมาเป็น Tomato Tartar ทาร์ทาร์มะเขือเทศย่างกับผักต่างๆ เสิร์ฟกับซอร์เบต์อะโวคาโด และมะกอกดำทอด จานนี้มีรสชาติของแคว้นโพรวองซ์ในฝรั่งเศส จานต่อมาชื่อ Carrots ใช้แครอทของบ้านเรานำไปเกลสแล้วฝานเป็นเส้นยาว เสิร์ฟกับซอสมะขามใส่ถั่วลิสงและพริกซอย ให้รสเหมือน “ซอสผัดไท” ที่เข้มข้นและเผ็ดร้อน แล้วคั่นด้วย Pre-Main Course เป็นโฟมมันฝรั่งเนื้อเนียนนุ่ม กับหัวหอมและแครอทตุ๋นไวน์แดง ตามด้วยจานหลัก Mushroom Barlotto ริซอตโตเห็ดทรัฟเฟิลที่เราจะได้ลิ้มรสชาติของเห็ดอย่างเต็มที่ โรยด้วยหน้าด้วยไวท์ทรัฟเฟิลสไลซ์ และแบล็คทรัฟเฟิลสไลซ์ เคียงมาด้วยซุปเห็ดดอง
แล้วก็มาถึงจานของหวาน เริ่มด้วย Thai Basil เป็นซอร์เบต์โหระพาและโฟมมะนาวที่หวานอมเปรี้ยวชวนสดชื่น และ Thai Strawberries from North ไอศกรีมที่ใช้สตรอว์เบอร์รีจากภาคเหนือของไทย เสิร์ฟกับรูบาร์บ ลิ้นจี่ และครีมโยเกิร์ตกุหลาบ หอมหวานละมุน
นึกว่าจบคอร์สแล้วแต่ก็ยังไม่ใช่ เมื่อเชฟยกกระถางต้นไม้ออกมาอีกหลายกระถาง และจานใส่แท่งซินนามอน ซึ่งเชฟบอกว่าท่ามกลางผลส้มจี๊ด พริก และซินนามอนเหล่านั้นมี Petit Fours ของเชฟปะปนอยู่กับของจริงด้วย ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องแยกแยะและเลือกมากินให้ถูกเอง เป็นการปิดท้ายที่แสดงให้เห็นถึงความขี้เล่นและครีเอตของเชฟเฮนริกได้เป็นอย่างดี
ยิ่งพอมารู้ตัวว่าเราเผลออร่อยเพลินจนลืมคิดไปว่าอาหารตรงหน้าเป็นอาหารมังสวิรัติตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เรียกว่าตกหลุมพรางของเชฟเข้าแล้ว ทำให้หลงรักอาหารมังสวิรัติเข้าอย่างจัง! ใครที่พลาดโอกาสนี้ไป ก็ลองติดตามดูว่าเชฟจะมีคอร์สเมนูมังสวิรัติมาให้เราได้ลิ้มลองอีกในอนาคตไหม แน่นอนว่า G&C จะต้องเอาข่าวมาบอกกับทุกท่านก่อนใครแน่นอน
Tag:
, มังสวิรัติ, เชฟเฮนริก อูล-แอนเดอร์แซน,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น