Mia (มีอา) ร้านอาหารยุโรปสมัยใหม่กลิ่นอายเอเชีย ดีกรีมิชลิน 1 ดาว ชวนดื่มด่ำอาหารค่ำมื้อพิเศษพร้อมไวน์แก้วที่ใช่ผ่านโปรแกรม “Mia Wine Initiative” เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหารให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
โปรแกรม “Mia Wine Initiative เกิดจากแนวคิดของเชฟท็อป – พงศ์ชาญ รัสเซล และเชฟมิเชลล์ โกห์ คู่สามี-ภรรยาผู้ก่อตั้งร้าน ที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ ความหลากหลาย และจิตวิญญานของทีมงานทุกคน กลั่นกรองเป็นรายการไวน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดยทีมงานทั้งหมดในร้านได้มีส่วนร่วมในกระบวนการคัดเลือก เพื่อให้มั่นใจว่าแขกทุกท่านจะได้รับประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ จากการคัดสรรอย่างพิถีพิถันของบุคลากรทุกคน เฉกเช่นความใส่ใจที่เชฟเติมเข้าไปในทุกจานอาหาร
เริ่มต้นมื้อด้วยเมนู Snacks อย่าง Ostra Regal Oyster, Bloody Mary, Tomato Water หอยนางรมออสตาร์รีเกิลตัวโตเนื้อแน่นสดหวาน ทางร้านตัดแบ่งเป็นสองคำให้ตักกินได้สะดวกพร้อมกับพิกเกิลแตงกวาและหอมแดง บลัดดี้แมรี่เจล และเจลลี่มะเขือเทศ เป็นจานเปิดต่อมรับรสได้อย่างสดชื่น
เรียกน้ำย่อยกันต่อด้วย Hamachi Tartlette, Beetroot Gazpacho, Wasabi ภายนอกเป็นเจลลี่สีแดงสวยจากบีทรูตที่ซ่อนเนื้อปลาฮามาจิ บีทรูตสลัด และบีทรูตกาปาโช่ซุปไว้ภายใน ท็อปด้วยวาซาบินิดหน่อยเพื่อเพิ่มรส
คำต่อมาเป็น Taramasalata Tart, Smoked Salmon, Tobiko ทาร์ตทารามาซาลาตา เป็นเมนูกรีกดั้งเดิมที่มีส่วนผสมของไข่ปลา ทางร้านใช้เป็นไข่โทบิโกะและสโมกแซลมอน ท็อปด้วยไข่โทบิโกะสีส้มสวยงามชวนกิน
อีกคำเป็น Duck Liver Parfait Cigar, Quince, Cocoa Nibs ตับเป็ดมาริเนตที่เสิร์ฟมาในรูปแท่งซิการ์ ท็อปด้วยแยมพรุน โกโก้นิปส์ และดอกเอลเดอร์ฟลาวเวอร์
Snack คำสุดท้ายเป็น Beef Tongue Taco, Smoked Gribiche, Watercress ลิ้นวัวที่ผ่านการดรายเอจสองวันผสมกับซอสสโมกกรีบิช ท็อปด้วยพามาซานและพาเมซานเจลลี่ชีส แต่งด้วยวอเตอร์เคส
เป็น Snacks สี่คำที่เปิดสำรับได้อย่างงดงาม เสิร์ฟให้กินกับ Sourdough Brioche, Shallot Butter, Onion Ash บริยอชซาวร์โดซึ่งเป็นขนมปังซิกเนเจอร์ของร้านที่นุ่มหอมอร่อยกินกับเนยหอมแดงโฮมเมด และยังเป็นขนมปังซิกเนเจอร์ที่มีเรื่องราวน่ารักของทั้งสองเชฟอยู่บนโปสการ์ดอีกด้วย จิบตามด้วย Champagne Henri Giraud Espirit Nature NV รสชาติกลมกล่อมเข้ากัน
ต่อด้วย Cold Starters เป็น Andaman Sea Crab, Ajo Blanco, Grapes ซุปเย็นเนื้อปูที่สวยงามชวนกินมาก เมนูนี้เป็นจานแรกที่เชฟท็อปครีเอตขึ้นสำหรับคอนเซ็ปต์ไฟน์ไดนิ่ง และเป็นจานซิกเนอเจอร์มาจนถึงทุกวันนี้ ล่างสุดเป็นสลัดปูม้านึ่งผสมซาวร์ครีมและแอปเปิ้ลให้ความสดชื่น เพิ่มความหวานกลมกล่อมด้วยองุ่นสไลซ์บางๆ และความกรุบกรอบของบิสกิต แพร์ริ่งกับ Seii Namasake สาเกรสชาติดีงาม ลงตัวเป็นที่สุด
จานถัดมาเป็น Hokkaido Scallop, Blue Fin Tuna, Truffle Ponzu, N25 Caviar เป็นการผสมผสานระหว่างวัตถุดิบโปรดของเชฟทั้งจากท้องทะเลและบนบก อาทิ หอยเชลล์ฮอกไกโด ทูน่าคุณภาพดี และคาเวียร์ N25 ส่วนวัตถุดิบบนบกเชฟใช้ทรัฟเฟิลซึ่งซ่อนอยู่ภายในและกะหล่ำปลีดอง น้ำมันมะกอกจากเกาะซิซิลี และน้ำมันหอยเชลล์ตากแห้ง ทุกส่วนผสมผ่านกรรมวิธีการปรุงอย่างพิถีพิถัน ได้เป็นความอร่อยที่แฝงไว้ด้วยหลากรสสัมผัสอันซับซ้อนแต่กลมกล่อม แพริ่งกับ Toscana Bianco IGT Sangiovese InBianco Barbanera 2023 เป็นส่วนผสมของความอร่อยที่ลงตัวอย่างเหลือเชื่อ
สำหรับ Hot Starters เชฟรังสรรค์เป็น Red Prawn Chawanmushi Chawanmushi, Winter Fruit Tomato, Ginger หรือไข่ตุ๋นสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งเสิร์ฟกับทาร์ทาร์กุ้งแดงได้เท็กซ์เจอร์ที่แตกต่าง ตกแต่งด้วยใบวาซาบิสีเขียวสวยงาม
ตามด้วย Confit Cod, Yuzu Beurre Blanc, Caramelized Milk Powder เนื้อปลาคอดขนาดชิ้นกำลังดีในซอสยูซุโคโชเบอร์บล็อง ที่ท็อปด้วยซอสอาร์ติโชคพูเร ข้าวพองแกงกะหรี่กรุบกรอบ และเห็ดนางรมสีชมพู จานนี้ได้รสชาติเปรี้ยวกลมกล่อมของซอสยูซุโคโชเบอร์บล็องเข้ากับทุกเอเลเมนต์ที่อยู่ภายในจาน ทั้งสองจานเสิร์ฟแพริ่งกับ Coco Rose Japanese Wine 2022
อาหารจานหลักเลือกเป็น 48 Hours Braised Beef Short Rib, Roscoff Onion, “Bourguignon”, Pomme Souffle ซี่โครงเนื้อตุ๋น 48 ชั่วโมงซึ่งเชฟตั้งใจทำสเต๊กให้สุกระดับ Well Done แต่เนื้อยังเป็นสีชมพู เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่ง Pomme Souffle เนื้อตุ๋นรสละมุนฉ่ำด้วยซอสกลิ่นหอมยวนใจ แพริงกับ Domaine Changarnier Monthelie Pierrefitte 2021 ค่อยๆ จิบพร้อมลิ้มความฉ่ำของเนื้อที่นุ่มละมุนละไม
มาถึงเมนูของหวาน Pre-dessert จานนี้เชฟมิเชลรังสรรค์เป็น “The White Lady”, Mango, Yoghurt, Lemon เมนูชื่อเดียวกันจากประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นบ้านเกิดของเชฟมิเชลและเป็นแรงบันดาลใจของของหวานล้างปากจานนี้ เชฟทำเป็นสลัดผลไม้สดที่มีมะม่วง ลิ้นจี่ มะพร้าว และว่านหางจระเข้ อยู่ชั้นล่าง ท็อปด้วยกรานิต้าเลมอนโยเกิร์ตและไอศกรีม ปิดทับด้วยเยลลี่มะม่วง แนะนำให้ตักทุกชั้นและรับประทานในหนึ่งคำ
ทยอยกันมาติดๆ กับของหวานอย่าง Mia’s Cereal Bowl, Malted Milk Chocolate, Corn และ Whiskey Barrel Aged Coffee Ice Cream, Banana, Sesame ที่เพิ่มเติมความอร่อยให้มื้อพิเศษอย่างสมบูรณ์แบบ
และปิดท้ายด้วย Sweet Treats อีก 3 คำเล็กๆ ที่อร่อยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ร้านอาหาร Mia พร้อมสัมผัสกับประสบการณ์การรับประทานอาหารพร้อมไวน์ชั้นเลิศได้แล้วทุกวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 17.00-21.00 น. และมื้อเที่ยงวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-14.00 น.
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.miarestaurantbkk.com หรือสำรองที่นั่งที่ reservation@miarestaurantbkk.com
Tag:
ดินเนอร์, ไวน์ดินเนอร์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น