หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าที่ โรงแรมแบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ (Bangkok Marriott Hotel The Surawongse) มีห้องอาหารญี่ปุ่น Kissuisen (คิสซึอิเซน) ซ่อนตัวอยู่ จะบอกว่าซ่อนก็ไม่เชิง เพราะห้องอาหารแห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ในตัวโรงแรมแต่แยกตัวออกมาเป็นอาคารหลังเล็กขนาด 5 ชั้น ที่อัดแน่นด้วยความอร่อยของอาหารญี่ปุ่นที่น่าค้นหาแตกต่างกันไปในแต่ละชั้น โดยมีแรงบันดาลใจมาจากปรัชญาโกได (Godai) ของญี่ปุ่นอันประกอบด้วยธาตุดิน น้ำ ลม และไฟ
Kissuisen อยู่ภายใต้การดูแลของ เชฟยูอิชิ มิตซุย (Yuichi Mitsui) ผู้คร่ำหวอดในแวดวงร้านอาหารชั้นนำในญี่ปุ่น รวมถึงร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ เชฟยูอิชิมุ่งมั่นเชิดชูแก่นของวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านวัตถุดิบชั้นเลิศให้บริการในห้องอาหารทั้ง 5 ชั้นเพื่อให้แขกที่มาเยือนได้สัมผัสกับมื้ออาหารที่น่าจดจำ เริ่มจากชั้นแรก ดิน | 'Chi' เสิร์ฟอาหารอิซากายะในบรรยากาศสนุกสนาน โดดเด่นด้วยการย่างด้วยถ่านบินโจตัน (Binchotan) จับคู่กับหลากหลายเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนชั้น 2 เป็นห้องรับรองส่วนตัวสำหรับโอกาสพิเศษ ถัดมาคือ ไฟ | 'Kaen' ที่ชั้น 3 ร้อนแรงไปกับเทปันยากิที่คัดสรรสุดยอดวัตถุดิบตามฤดูกาลมาให้ลิ้มลอง อาทิ ล็อบสเตอร์ภูเก็ต และเนื้อมัตสึซากะ ออกลีลาให้แขกได้เพลิดเพลินทั้งทางรสชาติและสายตา ส่วนที่ชั้น 5 น้ำ | 'Mizu' เป็นรูฟท็อปสาเกบาร์สุดชิล พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มญี่ปุ่นหายากหรือค็อกเทลที่มีเบสมาจากสาเก
ส่วนจุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ชั้น 4 ลม | 'Seifu' ห้องอาหารสไตล์โอมากาเสะ ที่เชฟยูอิชิได้นำความอร่อยจากวัตถุดิบฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นและเนื้อปลาที่ผ่านกรรมวิธีดรายเอจ (Dry Aged) มาให้เราได้สัมผัสกับรสชาติอันสดชื่นราวกับสายลมที่แผ่วเบาใน “HARU Omakase Course” พร้อมให้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ - 30 เมษายน 2567
คอร์สโอมากาเสะที่อบอวลไปด้วยความสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิ เริ่มจาก อาหารเรียกน้ำย่อย l Zensai 3 อย่าง ได้แก่ ฟองเต้าหู้สดและอูนิหวานฉ่ำในซอสดาชิรสกลมกล่อม หมึกยักษ์ต้มซีอิ๊วเสิร์ฟคู่กับถั่วปากอ้าญี่ปุ่น และหน่อไม้ญี่ปุ่นอ่อนกับถั่วดำหวาน
ตามด้วย ซาชิมิ l Sashimi ที่เชฟใช้ปลาอินทรีย์ (Sawara) ดรายเอจ เสิร์ฟกับผักของไทยอย่างมะละกอดิบและผักตามฤดูกาล จานนี้มีเซอร์ไพรซ์เพราะภาชนะด้านล่างก็มีอาหารอีกเมนูถูกปิดซ่อนไว้ Underlay เมนูสีสดใสจากเต้าหู้งาโฮมเมดเนื้อนุ่มเด้งและกุ้งลายเสือในซอสถั่วเขียวและคาเวียร์
จากนั้นจึงเข้าสู่ ซูชิ l 1st Sushi คำแรกเราได้ลิ้มลองปลากระพงแดงตาโต (Ji kinmedai) จากจังหวัดชิบะ นำมาดรายเอจทั้งตัวและสะดุ้งหนังให้ตึงด้วยน้ำร้อน โรยหน้างาปรุงรสเพิ่มเท็กซ์เจอร์และรสเผ็ดนิดๆ ตามด้วยหมึกหอม (Aori ika) จากจังหวัดฮิโรชิมะเนื้อหวาน ทางร้านสั่งแบบตัวใหญ่พิเศษเพื่อให้เนื้อมีความครีมมี เมื่อนำมาดรายเอจแล้วจะมีสัมผัสกรุบเด้ง เพิ่มความหอมด้วยผิวส้มยูสุ เนื้อหมึกส่วนที่เหลือนำมาย่างเนยเป็นจานคั่น
จากนั้นเชฟเสิร์ฟเป็น อาหารนึ่ง l Streamed dish ไข่ตุ๋นญี่ปุ่น (chawanmushi) รสกลมกล่อม ทอปด้วยหมึกหิ่งห้อยรสเข้มข้นจากอ่าวโทยามะ เคียงด้วยอิคุระ (ไข่ปลาแซลมอน) และถั่วพลู ตามด้วย อาหารย่าง l Grilled dish จากห้องเทปันยากิ ซึ่งเชฟเลือกใช้เนื้อวากิวมัตซึซากะจากจังหวัดมิเอะที่นุ่มละมุน นำมาย่างต่อบนเตาหินร้อนเพื่อระดับความสุกตามชอบใจ
จากนั้นเข้าสู่คอร์สซูชิอีกครั้งกับปลามังกร (Hakaku) หรือปลาแปดเหลี่ยมจากฮอกไกโด นำมาดรายเอจทั้งตัวจนเนื้อสัมผัสกำลังดี ทอปด้วยซอสบ๊วยและดอกใบโอบะให้รสเปรี้ยวสดชื่น ตามด้วยกุ้งขาว (shiro ebi) ตัวจิ๋วซึ่งเชฟได้นำไปหมักกับสาหร่ายคอมบุทิ้งไว้ก่อนหน้าเพื่อเพิ่มรสชาติอูมามิเต็มคำ
ตามด้วยจานคั่น Refresh เชฟเลือกเสิร์ฟเป็นชาบูโดยใช้เนื้อปลาทูน่าส่วนโอโทโร่นำมาดรายเอจ ราดด้วยน้ำซุปหัวหอมร้อนๆ รสหวานกลมกล่อม ขับให้โอโทโร่ทวีความหวานมันยิ่งขึ้น
กลับเข้าสู่คอร์สซูชิเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งคราวนี้เราจะได้ลิ้มลองปลาหน้าวัว (Tennen Kawahagi) ทอปด้วยตับปลาหน้าวัว ซึ่งนับว่าหายากทีเดียวเพราะตับปลาหน้าวัวมีขนาดไม่ใหญ่นัก ตามด้วยชูโทโร่ (Chutoro) เนื้อปลาทูน่าส่วนท้องจากจังหวัดนางาซากิที่มีไขมันปานกลางนุ่มละลายในปาก นาบถ่านบินโจตันให้ยิ่งหอม
ปิดท้ายด้วยรสหวานฉ่ำของอูนิสายพันธ์บาฟุน (Bafun uni) จากฮอกไกโด และไข่หวานใส่เนื้อกุ้งที่ใช้วิธีบดด้วยครกญี่ปุ่นและอบด้วยกรรมวิธีแบบต้นตำรับ ออกมาเป็นไข่หวานที่เนื้อละเอียดเนียนละมุนลิ้น
จากนั้นเชฟพาเราเข้าสู่ช่วงฟินาเล่ด้วย ข้าวดงบุริ l Amadai Don ข้าวซูชิหน้าปลากระพงหวานทอดย้อนเกล็ดให้ฟูกรอบ เคียงด้วยอูนิและอิคุระ เสิร์ฟกับซุปมิโซะไข่ร้อนๆ ที่ชวนให้อบอุ่นไปทั้งร่าง
ก่อนจะเข้าสู่คอร์ส ของหวาน l Dessert เริ่มจากอันมิทสึ (Anmitsu) น้ำแข็งไสราดน้ำเชื่อมยูสุเย็นชื่นใจ ใส่ผลไม้สด โมจิ และถั่วแดง ตามด้วยเปอตี ฟูร์ (Petit fours) 3 อย่างในกล่องไม้ ได้แก่ ซากุระโมจิสอดไส้ถั่วแดง มูสงาเนื้อเนียนนุ่มรสละมุน และวาราบิโมจิราดน้ำเชื่อมชาเขียว รวมของหวานยอดนิยมในฤดูใบไม้ผลิ เป็นอันปิดท้ายมื้ออาหารประจำฤดูกาลนี้ได้อย่างสมบูรณ์
หากยังไม่รีบร้อนไปไหน ขึ้นไปนั่งชิลกับค็อกเทลแก้วสวยต่อได้ที่รูฟท็อปสาเกบาร์ Mizu ที่ชั้น 5 กันเลย
HARU Omakase Course ให้บริการเฉพาะมื้อค่ำ ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ถึง 30 เมษายน 2567 สำรองที่นั่ง โทร 02-088-5666 หรืออีเมล mhrs.bkkwo.kissuisen@marriotthotels.com หรือเว็บไซต์ www.sevenrooms.com/reservations/kissuisen
Tag:
โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์, โอมากาเสะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น