ในโลกของเชฟ แม้ทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องไม่ง่ายที่เชฟหญิงจะก้าวมายืนในแถวหน้าของวงการ รางวัล Best Female Chefs โดย Asia’s 50 Best Restaurants จึงเป็นรางวัลที่แสดงให้เห็นว่าเชฟหญิงสามารถสร้างสรรค์อาหารได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้ใคร
G&C ได้เข้าร่วมอีเวนต์ “Guest Chef Pop Up Lunch” ณ ห้องอาหาร Andrea’s โรงแรม Wynn Palace มาเก๊า ซึ่งได้เชิญ 2 เชฟสาว ผู้ครองรางวัล Best Female Chefs 2014 เชฟ Lanshu Chen และ Best Female Chefs 2016 เชฟ Margarita Forès มาร่วมกันปรุงคอร์สเมนู 7 คอร์ส โดยเชฟทั้งสองจะสลับกันเสิร์ฟคนละเมนู
คอร์สอาหาร 7 คอร์ส จาก 2 Female Best Chefs
เชฟ Lanshu Chen
เชฟ Margaritas Feres
เริ่มจานแรกโดยเชฟ Lanshu Chen ใช้ไข่ของไก่ซิลกี้และหัวเทอร์นิปดอง ในคำแรกได้รสละมุนแต่ยิ่งตักลึกลงไปจะได้รสที่เข้มข้นขึ้นเป็นการปลุกประสาทรับรสให้ตื่นตัว
จานแรกจากเชฟ Lanshu
จานที่สองตัวเอกคือปลาแมคเคอเรล ในซอสมิโซะกับผล Batwan ผักหัวรสเปรี้ยวของฟิลิปปินส์ บ้านเกิดของเชฟ Margarita เสิร์ฟกับหน่อไม้ฝรั่ง มะเขือเทศ กระเจี๊ยบ มะเขือม่วง ทั้งหมดเป็นผักที่เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ
จานที่ 2 โดยเวฟ Margarita
จานถัดมาในเมนูเขียนว่าปาเอญา (ข้าวผัดเสปน) ทำให้ตอนแรกงงนิดๆ เพราะเห็นเป็นราวิโอลี(เกี๊ยว) ชัดๆ แต่เมื่อกัดเข้าไปก็ต้องทึ่ง เพราะไส้เกี๊ยวนี่เองที่เป็นข้าวปาเอญาหมึกและอาร์ตีโชกซ่อนอยู่ เสิร์ฟกับไข่หอยเม่น ได้รสอร่อยของทะเลอย่างเต็มเปี่ยม
ปาเอญาที่แปลงโฉมมาในคราบราวิโอลี
ตามด้วยจานเนื้อวากิวที่ปรุงแบบ Adobo ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นฟิลิปปินส์ โดยนำไปตุ๋นกับน้ำส้มสายชูบัลซามิค ซอส และเครื่องเทศต่างๆ เนื้อมีมันแทรกตุ๋นจนนุ่ม ยิ่งเคี้ยวยิ่งละลายในปาก ตัวซอสใช้ช็อกโกแลตจากเมือง Davao แหล่งผลิตช็อกโกแลตชั้นนำแห่งหนึ่งของโลกบนเกาะมินดานาวเป็นตัวเอก
เนื้อวากิวแบบ Abodo ที่นุ่มละลายในปาก
ต่อมาเป็นจานเป็ดที่สร้างชื่อให้เชฟ Lanshu Chen ซึ่งปรุงจากเนื้อเป็ด Challans Ducks จากฝรั่งเศสซึ่งขึ้นชื่อด้านเนื้อที่ลีนและนุ่มละมุน เสิร์ฟกับซอสรสเข้มข้น และยังใช้ส่วนอื่นๆ ของเป็ดมาเสริมทั้งเครื่องในและลิ้นเป็ด ทานเคียงกับผลมะเดื่อ
จานเป็ดอันเลื่องชื่อ
เข้าสู่จานขนมหวานโดยเชฟ Margarita กับเมนูซึ่งชวนให้นึกถึงข้าวเหนียวดำน้ำกะทิ จานนี้ใช้ข้าวสีนิลสายพันธุ์ดั้งเดิมของฟิลิปปินส์ที่ปลูกในพื้นที่เฉพาะ เป็นข้าวที่มีความหนึบเคี้ยวเพลิน เสิร์ฟกับมูสทำจากข้าวและกะทิ โรยหน้าด้วยถั่วปรุงรสเพิ่มความกรอบลงไปทำให้ลงตัวยิ่งขึ้นทั้งรสชาติและสัมผัส
ขนมจากข้าว กะทิ และถั่ว จานนี้อร่อยมากๆ
และจานสุดท้าย Mignardise หรือขนมชิ้นเล็กๆ โดยเชฟ Lanshu ที่พิถีพิถันทำอย่างน่ารัก โดยเฉพาะเอแคลร์รูปหงส์ดำทำออกมาได้อย่างปราณีต ทานคู่กับชาร้อนๆ ซึ่งเป็นความถนัดพิเศษของห้องอาหาร Andrea’s ซึ่งมีทั้ง Tea Bar และ Tea Sommelier เป็นของตัวเองด้วย
จานปิดท้าย Mignardise ขนมชิ้นน้อย
เอแคลร์หงส์ดำ
ชาคาโมมายล์ใส่น้ำผึ้งทานคู่กับขนม คัดสรรโดย Tea Master
ความประทับใจที่มีต่ออาหารมื้อนี้คือความละเอียดอ่อนในการปรุงรสชาติ ซึ่งแม้เชฟทั้งสองจะสลับกันทำคนละคอร์สแต่รสชาติของแต่ละจานกลับปะติดปะต่อเป็นเรื่องราวเดียวกันราวกับปรุงโดยเชฟเพียงคนเดียว และถึงเชฟจะใส่เอกลักษณ์ของตนเองลงใปในแต่ละจานแต่ก็ทำอย่างแนบเนียนไม่ทำให้คนกินสะดุด รวมถึงการคิดสร้างสรรค์เมนู การเลือกใช้วัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน หน้าตาของอาหารแต่ละจานที่จัดแต่งอย่างละเมียดละไม ทำให้การรอคอยอาหารแต่ละคอร์สเต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน และทุกคอร์สจับคู่เสิร์ฟกับสาเกญี่ปุ่น Isojiman ทำให้ในมื้อนี้มีการผสมผสานความเป็นเชื้อชาติต่างๆ อย่างหลากหลายมากๆ แต่ทุกอย่างกลับออกมากลมกล่อมพอดี
เชฟออกมาทักทายในตอนท้าย
สาเกจาก Isojiman ที่จับคู่กับแต่ละคอร์สเมนู แนะนำโดย Sommelier
เป็นความละเอียดอ่อนที่แสดงให้เห็นถึงจุดที่แข็งแกร่งของเชฟหญิงได้ดีเลยทีเดียว
Tag:
, Event,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น