รอบ City Lights ชมแสงไฟยามค่ำคืน
ยังจำความรู้สึกตอนต่อคิวขึ้นรถไฟเหาะครั้งแรกได้ไหม? ใจมันก็จะเต้นรัวๆ มือก็จะเริ่มเย็นๆ แต่ก็ยังอยากที่จะขึ้นไป วันนี้ความรู้สึกนั้นมันหวนกลับมาอีกครั้ง เมื่อเราได้มายืนตรงหน้าเครนสูงตระหง่านกว่า 50 เมตร ที่จะเกาะเกี่ยวโต๊ะดินเนอร์ของเราในค่ำคืนนี้เอาไว้ กับ “ดินเนอร์ อิน เดอะ สกาย” มื้ออาหารที่จะมอบประสบการณ์ดินเนอร์สุดท้าทาย ควบคู่ไปกับเซ็ทเมนู 4 คอร์ส และความเพลิดเพลินปนหวิวๆ กับวิวสูงของท้องฟ้ากรุงเทพฯ ยามค่ำคืน ล้อด้วยแสงระยิบระยับจากไฟอาคารและห้างเอ็มโพเรียม สะท้อนผิวน้ำในสวนเบญจสิริ.. ก็โรแมนติกดีนะ
เบื้องหลังของเชฟ
ช่วงเวลาที่ยากที่สุดคือเวลาที่รออยู่ในเลาจ์ เพราะคิดไปต่างๆ นานา เราจะกลัวมั๊ย จะทำอะไรหล่นมั๊ย ดีที่มีเวลาคิดไม่เท่าไหร่ เพราะเจ้าหน้าที่เริ่มเรียกเราไปนั่งประจำที่ทีละคนเพื่อติดตั้งอุปกรณ์เซฟตี้ที่ใส่สบายพอตัว ถึงตอนนี้ของที่พกมาด้วยได้คือมือถือและกล้องถ่ายรูป ของอื่นๆ เก็บไว้ในล็อกเกอร์ล็อคกุญแจ แต่โปรดจำไว้ว่าทรัพย์สินที่นำขึ้นไปเราต้องดูแลเอง ระมัดระวังและตั้งไว้ในจุดที่จะไม่เผลอปัดตกลงมา เพราะด้วยความสูงขนาดนี้จะมือถือยี่ห้อไหนก็คงไม่รอดแน่
วางมือถือไว้ในตำแหน่งที่ปลอดภัย
เมื่อถึงเวลาปล่อยตัว เครนค่อยๆ ยกเราขึ้นอย่าง.. นิ่มมาก! ถ้าไม่มองรอบๆ แทบไม่รู้ตัวว่าขึ้นมาแล้ว เพลงก็มา สร้างบรรยากาศให้คึกคักทีเดียว เมื่อความสูงคงที่ดีแล้วเราก็จะได้เพลิดเพลินกับวิวรอบๆ ตัว วันนี้อากาศดี ลมพัดเย็นแต่โต๊ะของเราก็แค่หมุนซ้ายบ้างขวาบ้างเบาๆ พอเปลี่ยนวิว รอไม่นานอาหารจานแรกก็เสิร์ฟ มื้ออาหาร 4 คอร์สนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะเค้าไม่ได้เน้นแค่ประสบการณ์ขึ้นที่สูง แต่ต้องได้ประสบการณ์ดินเนอร์ที่ครบถ้วน จึงได้ เชฟเกตาโน่ พาลุมโบ Exclusive Chef โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท เป็นผู้ควบคุมเมนูทั้งหมด พร้อมเชฟผู้ช่วย 1 คน ภายในเวลาและพื้นที่อันจำกัด เราต้องซูฮกเชฟจริงๆ ที่เสิร์ฟอาหารได้สวยเป๊ะและอร่อยแบบนี้แก่ผู้ร่วมโต๊ะทั้ง 22 คน 4 คอร์ส ได้อย่างพร้อมเพรียงและรวดเร็ว
เชฟเกตาโน่ พาลุมโบ
มีเชฟผู้ช่วยแค่ 1 คน
จัดเสิร์ฟอย่างปราณีตทุกจาน
จานแรก Angus Beef Carpaccio with a healthy salad, lemon dressing and parmesan cheese foam คาร์ปัชชิโอเนื้อวัวแองกัส เสิร์ฟกับสลัดผักเลมอนเดรสซิ่ง และโฟมชีสพาร์เมซาน ที่โฟมยังคงตัวสวยและเข้มข้นตัดกับรสเลมอนและเสริมให้เนื้ออร่อยดี ตามด้วยจานที่สอง Tomato Gazpacho Chili Soup with crab meat and cucumber จานนี้เบาๆ ด้วยซุปมะเขือเทศเย็นรสเผ็ดนิดๆ แบบขลุกขลิกเสิร์ฟกับเนื้อปูที่อัดแน่นและแตงกวาชวนสดชื่น เป็นจานที่รสชาติจี๊ดๆ ชวนให้ประสาทตื่นตัว ลืมบอกว่าเมนูเหล่านี้เราเลือกได้ตั้งแต่ตอนที่จองในหน้าเว็บ สำหรับคนที่ต้องการทานเมนูมังสวิรัติ (Vegetarian) ก็มีให้เลือก รวมทั้งสั่งจานเสริมและเครื่องดื่มพิเศษเพิ่มได้เช่นกัน
Angus Beef Carpaccio
Tomato Gazpacho Chili Soup
สำหรับเมนคอร์สมีให้เลือก 3 อย่าง คือเนื้อวัว เนื้อแกะ และปลา (ในเดือนมีนาคม–เมษายน จะมีการเปลี่ยนเมนูอีกครั้ง) Braised Australian Short Ribs Beef with barbeque sauce and roasted vegetables เนื้อซี่โครงออสเตรเลียนชอร์ตริบส์ย่างซอสบาร์บีคิว Roasted New Zealand Lamb Loin with hazelnuts, baby turnip and purple potato puree เนื้อแกะสันในนิวซีแลนด์ เสิร์ฟกับเบบี้เทอร์นิปและพูเร่มันม่วงที่อร่อยกินเพลิน และ Pan Fried Butterfish with saffron potatoes, asparagus, cherry tomato and beetroot reduction เนื้อปลาบัตเตอร์ฟิชนาบกระทะในซอสบีทรูตสีสันสดใส ปริมาณของอาหารทุกคอร์สรับรองว่าอิ่ม
Braised Australian Short Ribs Beef
Roasted New Zealand Lamb Loin
ระหว่างที่ของหวาน Passion Fruit Mascarpone Cream Cheese Cake with raspberry coulis and green tea ice cream ชีสเค้กมาสคาร์โปนเสาวรสและไอศกรีมชาเขียว กำลังจะเสิร์ฟ เราก็รู้สึกว่าโต๊ะดินเนอร์ของเรากำลังเคลื่อนตัวลงอย่างช้าๆ นึกในใจว่าจบแล้วเหรอ ทว่าเมือถึงพื้นกลับกลายเป็นเชฟเกตาโน่ที่โบกมือลาลงไป ก่อนเปลี่ยนตัวรับเอาสาวน้อยนักไวโอลินขึ้นมาแทน พนักงานบอกเราว่ามีบ้างเหมือนกันที่แขกที่จองไว้จะจัดหานักดนตรีมาด้วยแบบนี้ จากนั้นเครนก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมเพลงบรรเลงเพราะๆ จากไวโอลินให้เราได้ฟินไปกับบรรยากาศและขนมหวานรสเปรี้ยวอมหวาน เป็นการปิดท้ายมื้ออาหารที่ผสมผสานหลายอารมณ์ทั้งหวาดเสียว ตื่นเต้น สนุกสนาน เอร็ดอร่อย และสุดชิวนี้ได้อย่างดี ก่อนที่เครนจะค่อยๆ หย่อนเราส่งกลับสู่พื้นดินอย่างนิ่มนวลอีกครั้ง สรุปว่าที่คิดมากต่างๆ นานา พอถึงเวลาขึ้นไปจริงๆ กลับกลายเป็นความสนุกและตื่นเต้นจนลืมความกลัวไปเลย
นักไวโอลินสาวขึ้นมาบรรเลงเพลง
Passion Fruit Mascarpone Cream Cheese Cake
ลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล
ใครที่ไม่กลัวความสูง ชอบความท้าทาย และอยากได้ประสบการณ์ดินเนอร์ครบรสครบอารมณ์ใจกลางเมืองแบบนี้ สำรองที่นั่งและดูรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.dinnerinthesky.co.th ให้บริการวันละ 2 รอบคือ รอบ Sunset เวลา 18.00 น. และรอบ City Lights เวลา 19.30น. จนถึงสื้นเดือนเมษายนนี้เท่านั้น
ข้อมูล
ที่อยู่ : 546 ถนนสุขุมวิท (ทางเข้าอยู่ติดกับ ไดโนซอร์ แพลนเน็ต ไปทางซ้าย)
เวลา : ทุกวัน รอบ 18.00น. และรอบ 19.30น.
ราคา : 4,990 – 5,390 บาท
เว็บไซต์ : www.dinnerinthesky.co.th
อีเมล : info@dinnerinthesky.co.th
Fb : ditsThailand
Tag:
, ดินเนอร์ อินเดอะสกาย,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น