แค่ได้ยินก็ชวนให้อยากลิ้มลองกับชุดอาหารกลางวันเมนูใหม่ที่ห้องอาหารไทย ฟร้อนท์ รูม (Front Room) ที่โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ (Waldorf Astoria Bangkok) ซึ่งนำแรงบันดาลใจจากอาหารพื้นบ้านสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยมาเรียบเรียงใหม่ โดยมี เชฟชารีฟ ปัตนกุล เชฟประจำส่วนของห้องอาหารฯ ผู้มีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดนราธิวาสเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของอาหารจานพิเศษเหล่านี้ ในรูปแบบของชุดอาหารมื้อกลางวัน ให้บริการแล้วถึง 30 มิถุนายน 2566
ไม่บ่อยนักที่คนภูมิภาคอื่นจะมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารพื้นบ้านสามจังหวัดชายแดนใต้แท้ๆ ครั้งนี้เมื่อเชฟชารีฟและทีมเชฟประจำห้องอาหารฟร้อนท์ รูม ร่วมกันรังสรรค์เมนูจากตำรับอาหารประจำครอบครัวมาสู่อาหารจานพิเศษที่อัดแน่นด้วยเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ทั้งยังคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา มาอย่างครบครัน อาทิ ปลากุเลา น้ำบูดู ชาซีลอน เราจึงไม่อยากให้พลาดกัน และที่พิเศษคือในทุกการสั่งชุดอาหารสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางห้องอาหารฟร้อนท์ รูมจะแบ่งรายได้ 150 บาทมอบให้แก่มูลนิธิอะมีรุลมุอ์มินีนเพื่อเด็กกำพร้าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย
ชุดอาหารกลางวันสามจังหวัดชายแดนใต้ 3 คอร์ส เริ่มจากอะมูสบุช กรือโป๊ะ หรือข้าวเกรียบปลา ส่งตรงมาจากนราธิวาส กรือโป๊ะต่างจากข้าวเกรียบปลาทั่วไปตรงที่ใช้เนื้อปลาถึง 80% จึงมีเนื้อแน่นและไม่พองฟูเหมือนข้าวเกรียบชนิดอื่น นำมาเคลือบผงน้ำจิ้มไก่ให้รสชาติหวานๆ เผ็ดๆ กินเคียงกับเครื่องดื่มค็อกเทล เจ้าพระยา จากรัมสัญชาติไทย สับปะรด และลิ้นจี่ เติมความสดชื่นก่อนเริ่มมื้ออาหาร
จานเรียกน้ำย่อย ปานีปูรีมะตะบะปลากุเลาฟู เป็นปานีปูรีที่สอดไส้แบบมะตะบะที่เราคุ้นเคย มีรสเค็มชัดจากปลากุเลาจากอำเภอตากใบ ราดน้ำกระเทียมดอง ทอปด้วยดอกดาหลาดอง และ ข้าวยำปักษ์ใต้ชมพู่ดอง เครื่องข้าวยำปักษ์ใต้ห่อด้วยใบชะพลู ทอปด้วยชมพู่ดองที่กรอบและจุ๊ยซี่ฉ่ำน้ำ ราดน้ำบูดูรสเข้มข้น อร่อยครบรสในคำเดียว และยังเผ็ดซ่าติดปลายลิ้นด้วยพริกขี้หนูเม็ดเล็ก
จากนั้นเข้าสู่ชุดสำรับ 4 อย่าง ซึ่งเชฟชารีฟเล่าว่าอาหารจังหวัดนราธิวาสนั้นจะได้รับอิทธิพลมาจากอาหารมาเลเซียซึ่งโดดเด่นด้วยกลิ่นเครื่องเทศ รสออกหวาน และการใช้วัตถุดิบที่ผ่านการหมักหรือดองในการปรุง ทีมเชฟเลือกเมนูที่สมดุลในรสชาติมานำเสนอด้วยเทคนิคการปรุงสมัยใหม่ออกมาเป็นจานที่น่าสนใจ เริ่มจาก ปลาอินทรีย์ย่างน้ำปลา ที่หมักเนื้อปลาก่อนนำไปย่างจนได้เนื้อปลาที่นุ่มเด้งเคี้ยวสนุก เคียงด้วยกะหล่ำปลีย่างทั้งซีกโรยด้วยผงปลากุเลาเค็ม เป็นจานที่อร่อยมากๆ
ตามด้วย ตูปะซูตง หรือหมึกต้มหวานเนื้อนุ่มละมุน ราดซอสน้ำตาลมะพร้าวใส่หมึกดำให้สีสวย ไส้ทำจากข้าวหอมมะลิผสมข้าวเหนียวแบบกำลังดีเคี้ยวนุ่มหนุบหนับ และ แกงกุรุหม่าเป็ดทอด ที่ใช้ขาเป็ดหมักผงกุรุหม่านำไปกงฟีในน้ำมันผงกุรุหม่าให้ได้กลิ่นหอมในทุกอณูของเนื้อเป็ดที่กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟกับน้ำแกงรสเข้มข้นที่ปรุงรสให้กลมกล่อมด้วยโยเกิร์ต
ทั้งหมดตัดรสด้วย อาจาดสับปะรด ซึ่งอาจาดหมายถึงเครื่องเคียงที่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชูและน้ำตาลทรายเคี่ยว เชฟเลือกสับปะรดฝานบางมาทำเป็นอาจาดรสเปรี้ยวหวานเติมความสดชื่นกับอาหารในสำรับได้อย่างลงตัว ชุดสำรับเสิร์ฟกับข้าวหอมมะลิหรือข้าวกล้อง หรือจะเลือกข้าวทั้งสองแบบก็ได้ตามชอบใจ
ก่อนปิดท้ายด้วยของหวานที่ใครๆ ก็รัก ไอศกรีมชาชักโรตีกรอบ ไอศกรีมชาชักทำให้เป็นโฟมเหมือนกับการขึ้นฟองของชาชักต้นตำรับ เย็นสดชื่นทั้งยังมีรสเข้มข้นและหอมกลิ่นชา กินกับแผ่นแป้งโรตีอบบางกรอบเป็นเท็กซ์เจอร์ที่เข้ากัน ปิดท้ายด้วย เจลลีชมพู่ดอง ทอปด้วยผงบ๊วยกับพริกเกลือเป็นของหวานล้างปาก
ชุดเมนูอาหารสามจังหวัดชายแดนใต้ให้บริการในมื้อกลางวัน ราคา 1,650 ++ บาทต่อท่าน โดยทางห้องอาหารฯ จะนำรายได้ 150 บาทต่อการสั่ง 1 ชุด มอบให้แก่มูลนิธิอะมีรุลมุอ์มินีน เพื่อเด็กกำพร้าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป สำรองที่นั่งโทร 02 846 8888 อีเมล bkkwa.fb@waldorfastoria.com หรือ LINE @WaldorfAstoriaBKK
Tag:
อาหารใต้, โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น