ชายจุกทราบดีถึงความตั้งใจของคนจัดงานนี้ ซึ่งชายชอบมากเพราะการกระตุ้นเตือนคนเมืองอย่างเราถึงความสำคัญของการมีอยู่ของธรรมชาตินั้นสำคัญมาก ใครหลายคนชอบเรียกกันว่า ยั่งยืน หรือ Sustainable งานนี้ไม่ได้ตั้งตนเองแบบนั้นแต่แนวคิดก็มาสายเดียวกันซึ่งดีมาก เราได้รับ Rules of The Land มาอยู่ในมือ พอได้อ่านก่อนเข้าไปก็แบบเออจริงจังดี ยกตัวอย่างการให้เอาขวดส่วนตัวไปเติมน้ำในงาน ห้ามนำขวดแก้วถ้วยพลาสติกเข้ามาในงาน ชายไม่ชอบตรงที่ห้ามเพียงทิ้งบุหรี่ในงาน แต่อยากให้มีโซนสูบบุหรี่มากกว่า เพราะเราต้องใช้ชีวิตร่วมกันถึง 4 วัน
ชายไปถึง Wonderfruit สยามคันทรีคลับ พัทยา ตั้งแต่เช้าราว 10 โมง เพื่อมาหาอะไรกินเบาๆ ก่อนไปจอยกับ Wonder Feasts มื้อกลางวัน แต่ไม่มีใครเปิดร้านเท่าไหร่ แต่ก็เข้าใจได้ มันคงดีไม่น้อยถ้ามีโซนร้านอาหารเปิดเช้า โซนนี้เปิดบ่าย โซนนี้เปิดเย็น เพราะไลฟ์สไตล์ของคนที่มางานนี้ต่างกันเยอะมาก คนไม่น้อยมาเวิร์กชอปตอนเช้า โชคยังดีที่มีร้านอาหารในโซนของเวิร์กชอปเอง รวมถึง Rocketfruit ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ชายเปลี่ยนแผนจากการหาของกินไปดูฟาร์มของงาน ซึ่งปีนี้จริงจังขึ้นทั้งทุ่งนาและสวนผัก โดยมีฉากหลังเป็นปราสาทรวงข้าว รักเลยมุมนี้ และไม่น่าเชื่อว่ามุมนี้มันกลายเป็นมุมสงบของงานนี้ไปเลย โดยเฉพาะเวิร์กชอปของ F.A.C.T. Collection ที่นำเอาสตอรี่ของคนกะเหรี่ยงมาสร้างชุมชนเล็กๆ ในงาน ทั้งกาแฟจากดอย งานมัดย้อม อาหารหมักดอง เป็นเวิร์กชอปที่ดี
อย่างที่ชายบอกไว้ว่าชายจอง Wonder Feasts ไว้สำเร็จหนึ่งมื้อคือมื้อกลางวันของวันเสาร์ โดยเชฟ Jeriko Van Der Wolf จากร้าน Cocotte ที่เด่นเรื่องอาหารแนวฟาร์มทูเทเบิ้ลอยู่แล้ว มื้อนี้จัดที่ Theatre of Feasts ซึ่งเป็นโครงสร้างเดียวกันกับปีก่อนแต่เติมนั้นนี่ให้ดูดีขึ้น ปีหน้าบอกเลยชายจะไม่พลาดมื้อค่ำเพราะไลท์ติ้งคือสวยมาก ชายได้ไปแอบดูและคุยกับเชฟที่รู้จักกัน กลับมาๆ ชาย ฝันเฟื่องอีกแล้ว จานชามมีดส้อมตรงนี้ใช้แบบที่ย่อยสลายได้ง่าย
ชายว่าเธียร์เตอร์ดีตรงที่ใช้โต๊ะอาหารยาวทำให้ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า แน่นอนว่าร่วมมื้ออาหารเดียวกัน มื้อนี้เชฟใช้เตาถ่านเป็นหลักทำให้อาหารแทบทุกจานหอมไปด้วยกลิ่นของควันฟืน เชฟเจอริโก้เริ่มที่ Big Cheesy Sourdough ขนมปังซาวด์โดว์ก้อนยักษ์เจาะเอาไส้ออกทำเป็นชามใหญ่ใส่ด้วยชีสกามองแบร์กับทรัฟเฟิล เอาขนมปังซาวด์โดว์ปิ้งมาจิ้ม อร่อยมาก บางโต๊ะจิ้มเกลี้ยงไม่พอยังสอยขอบขนมปังที่เป็นชามต่อด้วย เรียกว่ากินเป็นล่ะจ้า มาพร้อมกับสลัดผักที่ช่วยแก้เลี่ยน
จานนี้ก็ดี Pealla Style Risotto ผัดในกระทะเหล็กแบบปาเอย่าแต่ใช้ข้าว Carnaroli จากอิตาลี ที่นิยมใช้ทำริซอตโต้ จานนี้ข้าวไม่กรุบด้านใน ชายเชื่อว่าคนไทยชอบแบบนี้มากกว่าแหละ แต่ชายน่ะกินได้หมดแหละ ผัดกับซัฟฟรอน อาหารทะเล โชริโซ่ พริกเบลล์ และกรีนพี เชฟใช้เตาฟืนผัดออกมาได้ดีมาก
มาที่ไฮไลท์ Australian Wagyu Tomahawk ความยากอยู่ที่อุปกรณ์ส้อมและมีดไม้นี่แหละ ไม่ใช่ว่าเนื้อเหนียวนะแต่มีดไม้ไม่คม ชายเข้าใจดีถึงการเข้าธรรมชาติ มือละกันนะจ๊ะ มันอร่อยถึงขั้นน้องที่รู้จักกันยกด้ามขวานขึ้นมาแทะ ไม่เชื่อดูสิ ซอสมีพริกไทยดำและแจ่วสูตรของ Cocotte อร่อยดีนะ
ปิดท้ายด้วยของหวานที่เชฟเจอริโก้ออกมาเชิญชวนให้เราไปล้อมที่โต๊ะยาวสำหรับเตรียมอาหาร เชฟค่อยๆ นำเอา Giant Paris-Bangkok ของหวานที่ทำจากแป้งเพรสตี้สอดไส้มูสพลารีน มะม่วง และแยมมะพร้าว มาวางเรียงยาวเป็น 10 เมตร ถึงสองแถว มันอลังการมาก ส่วนรสชาติก็ดีตามหน้าตาเลย
ชายว่ามื้อนี้อร่อย และเชฟก็ท้าทายตัวเองได้ด้วยอุปกรณ์ครัวที่ไม่คุ้นเคย ชายที่ร้านเชฟอาจจะทำสไตล์แบบนี้ไม่ได้ล่ะ มื้ออาหารแบบนี้ก็ต้องที่นี่แหละ
ชายพักท้องด้วยการหาเบียร์และค็อกเทลมาช่วยย่อยระหว่างรอร้านรวงเปิด ซึ่งส่วนใหญ่เปิดสี่โมงนานจุง นี่เพิ่งบ่ายสาม เราเลยไปหากาแฟเย็นๆ มาจิบ March Cold Brew ร้านกาแฟโคลด์บริวสามล้อถีบของสองสาวที่ชายแอบถามได้ความว่าจะมาเปิดขายที่เยาวราชในเดือนมีนาคม ชายไม่ได้ถามว่าใช้กาแฟอะไรแต่เป็นไนโตรโคลด์บริวเปรี้ยวนิดๆ สดชื่นดี
ส่วนน้ำสมุนไพร Zweet Herb ก็ดีงาม ชายถูกดึงดูดด้วยคำว่าเติมได้ไม่อั้น ราคา 200 บาท คือคุ้มมาก ชายว่าร้านนี้ตีความคอนเซปต์ของงานแตกล่ะ งานนี้อาจจะเผลอหลุดอะไรเล็กๆ น้อยๆ ไป เพราะห้ามนำแก้วพลาสติกเข้ามาแต่แก้วที่เราใช้ในงานคือพลาสติกหมดนาจา ยังดีที่น้ำเปล่าเค้าทำเป็นกล่องกระดาษ ร้านนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีนำแก้วมาเวียนใช้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแก้ว และประหยัดเงินได้ไม่น้อย
สุดท้ายความร้อนก็ทำให้เราต้องจบที่แคมป์ของ Italasia จินโทนิคน่าจะช่วยได้ แต่ชายดันเหลือบไปเห็นเอลเดอร์ฟาวเวอร์ก่อนเลยขอเปลี่ยน โอ้ยสดชื่นฟื้นแล้ว เรียกน้ำย่อยได้ดีเชียว แดดร่มลมตกชายชวนแก้มแดง (น้องในทีม) ออกล่าหาอาหารอร่อย แวะเยี่ยมเพื่อนที่ Egg Picnic ข้าวไข่เจียวของนิตยสารเพื่อนบ้าน 2 Magazine ตามด้วย Dean & Deluca ในเวอร์ชั่นกลางทุ่ง แวะกิน Duck Hash on Toast ของ SOT ที่เชฟชาร์ลีมาจอยกับ Peppina ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ข้นชีสของร้านตำกะเตี๋ยว และ Roasted Beef ของ Mad Moa เราปูพื้นปิกนิคจริงจังกันมาทีเดียว
เมื่ออิ่มไลน์อัพดนตรีก็เริ่มต้นขึ้นยาวไปถึงดึกๆ แล้วพบกันใหม่ปีหน้า Wonderfruit ชายจะคิดถึงเธอ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น