ห้องอาหารเพบเบิลส์บาร์แอนด์กริลล์ โรงแรมเรเนซองส์พัทยา รีสอร์ทแอนด์สปา ร่วมกับเชฟวิชิต มุกุระ มอบประสบการณ์มื้ออาหารไทยไฟน์ไดนิง ดีกรีมิชลินสตาร์ 1 ดาว ในแบบฉบับของเชฟวิชิต ที่รังสรรค์ความแปลกใหม่สไตล์โมเดิร์นได้อย่างน่าประทับใจในงาน Michelin Experience with Chef Vichit Mukura
ในค่ำคืนนี้ก็เช่นกัน เชฟวิชิตตั้งใจนำเสนอเมนูอาหารทะเล แต่ต้องไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนในเมืองนี้คุ้นเคยหรือหากินได้ทั่วไป เชฟจึงรังสรรค์ออกมาเป็นลาบปลามะแขว่นทอดในแป้งกรอบ ที่ผสมผสานวัตถุดิบจากภาคเหนืออย่างมะแขว่นเข้ากับเครื่องกรอบ ปรุงรส ใส่ในกรวยแป้งกรอบที่มีผงมะแขว่นเป็นส่วนผสมเพื่อเพิ่มความเผ็ดร้อนเล็กน้อย ตกแต่งด้วยผักแพว เสิร์ฟคู่กับน้ำพริกอ่องในมะเขือเทศ ที่เลือกใช้มะเขือเทศลูกเล็กๆ ลวกสุกและลอกเปลือกออก วางมาบนข้าวกรอบกับแคปหมู ได้รสชาติอาหารไทยภาคเหนือไปเต็มๆ
จานต่อมา ยำเนื้อปูม้ากับอะโวคาโดและสมุนไพรสด เชฟเลือกใช้กรรเชียงปูม้าตัวใหญ่ ยำกับอะโวคาโดที่คนส่วนใหญ่มักคุ้นชินกับการกินอะโวคาโดในเมนูสลัด แต่เชฟทำเป็นยำใส่ตะไคร้ หอมแดง พริก น้ำมะนาว น้ำปลา ส่วนเนื้อปูก็นึ่งฆ่าเชื้อจัดเรียงในพิมพ์ กินกับสลัดผักให้ความสดชื่น เสริมรสด้วยซอสน้ำยำสีแดงสวยที่ทำจากมิกซ์เบอร์รี และซอสน้ำยำสีเหลืองทำจากมะม่วงปั่นกับรากผักชี กระเทียม พริก มะนาว น้ำปลา เพิ่มสีสันและความอร่อยไปในตัว
ตามด้วยไก่ทอดกับต้มขมิ้นซึ่งจะมีความเป็นใต้ๆ สักหน่อย แต่ปรุงให้พิถีพิถันขึ้นโดยเชฟจะเคี่ยวน้ำซุปในแบบคอนซูเม่นาน 5 ชั่วโมง เสิร์ฟคู่กับไก่ที่เลือกใช้เฉพาะอกและสะโพก ทอดให้หนังกรอบ มีดอกชิโซะวางมาในจานสวยงาม เวลากินให้เริ่มที่ไก่ก่อนหนึ่งคำ ตามด้วยน้ำซุป และเด็ดดอกชิโซะทีละดอกกินไปพร้อมกัน เป็นไก่ต้มขมิ้นแนวใหม่ที่ต้องลิ้มลอง
สำหรับเมนคอร์สมีให้เลือกเป็นเนื้อหรือปลา เนื้อสันนอกย่างข้าวคั่วน้ำปลาหวานกับสะเดา เนื้อเป็นสตริปลอยด์จากออสเตรเลีย มาร์เบิ้ล 6-7 ย่างให้พอสุกแล้วพรมด้วยน้ำปลาหวาน และโรยข้าวคั่วพริกป่น แล้วจึงนำมาหั่นเป็นชิ้น เสิร์ฟกับน้ำปลาหวาน สะเดา ซึ่งเป็นของคู่กัน โรยด้วยหอมเจียว ส่วนใครเลือกจานปลาเป็น ปลาเก๋าแดงทอดข้าวคั่วน้ำปลาหวานกับสะเดาก็จะได้กินปลาที่ทอดจนหนังเหลืองสวย แล้วนำไปอบกับน้ำปลาหวาน โรยด้วยข้าวคั่วกับพริกป่น และเสิร์ฟในแบบเดียวกัน ซึ่งในเซ็ตจะมีข้าวหอมมะลิแดงและข้าวเหนียวนึ่งเคียงมาด้วย
มาถึงของหวานกันบ้าง เชฟอยากให้ได้ความรู้สึกสดชื่นเพราะอยู่ริมทะเล จึงเลือกนำเสนอไอศกรีมโยเกิร์ตมะกรูดเชื่อมและส้มโอ ชั้นล่างวางเป็นครัมเบิลกรุบกรอบ ทอปด้วยมะกรูดเชื่อม และโรยด้านบนด้วยส้มโอทับทิมสยามที่ถูกทำให้กลายเป็นน้ำแข็งด้วยไนโตรเจนเหลว เมนูนี้เป็นความแปลกใหม่ที่ลงตัวมากๆ
จบด้วยเมนูขนมกาแฟ เป็นบัวลอยข้าวเหนียวมะม่วง แป้งบัวลอยนิ่มเหนียว ภายในเป็นเนื้อมะม่วง ขนมโสมนัส คุกกี้แบบไทย และเยลลีกระเจี๊ยบเคลือบด้วยพริกเกลือ เป็นฟินเนเล่ ที่จบมื้อได้ประทับใจทุกคนจริงๆ
เป็นประสบการณ์ความอร่อยจากเชฟวิชิตที่ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ
Tag:
อาหารไทย, เชฟวิชิต มุกุระ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น