เชฟโดมินิก เครนน์ เชฟหญิง LGBTQ+ เชื้อสายฝรั่งเศส หุ้นส่วนและเชฟร้าน Atelier Crenn ที่ซานฟราสซิสโก สหรัฐอเมริกา เธอเป็นทั้งนักเคลื่อนไหวเพื่อความยั่งยืนและผู้เขียนหนังสือ Rebel Chef – In Search of What Matters (2020) และเป็นผู้ได้รับรางวัล Icon Awards 2021 จากเวที World’s 50 Best Restaurant ประจำปีนี้
รางวัล Icon Awards เป็นรางวัลที่มอบให้แก่เชฟที่มีความทุ่มเทให้กับอุตสาหกรรมร้านอาหารอย่างโดดเด่นคู่ควรกับการยกย่องในระดับโลก และใช้แพลตฟอร์มของตนเพื่อยกระดับความตระหนักรู้และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เชฟโดมินิก เครนน์ เคยได้รับรางวัล The World’s Best Female Chef มาแล้วจากเวทีนี้ในปี 2016 อีกทั้งยังสร้างประวัติศาสตร์มากมายตลอดการทำงานของเธอ
เชฟโดมินิก เครนน์ เกิดที่ประเทศฝรั่งเศสและได้สั่งสมความชื่นชอบการทำอาหารมาจากพ่อและแม่ก่อนมาที่สหรัฐอเมริกาเมื่ออายุ 24 ปีเพื่อฝึกฝนการเป็นเชฟอย่างจริงจัง เชฟเครนน์เป็นเชฟหญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่ง Executive Chef ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ที่โรงแรม Intercontinental จากนั้นเธอกลับมาซานฟรานซิสโกเพื่อร่วมงานกับร้านอาหารชื่อดัง Luce ก่อนเปิดร้านอาหารของตัวเองในนาม Atelier Crenn ในปี 2011 และสามารถคว้าดาวมิชลินดวงแรกมาได้หลังเปิดตัวเพียงไม่กี่เดือน
หลังจากนั้น 1 ปีเธอสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นเชฟหญิงคนแรกในอเมริกาที่คว้า 2 ดาวมิชลินมาให้กับร้านของตัวเอง ต่อมาในปี 2018 เธอก็ได้ทลายขีดจำกัดอีกครั้งเมื่อร้านของเธอสามารถคว้า 3 ดาวมิชลินมาครองได้ในที่สุด และในปี 2019 Atelier Crenn ก็ได้เข้ามาอยู่อันดับที่ 35 ในลิสต์ของ The World’s 50 Best Restaurant
เชฟเครนน์กล่าวว่า “ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้รับรางวัล Icon Award ในปีนี้ การที่ผลงานของฉันได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมอาชีพนั้นทำให้ฉันรู้สึกภาคภูมิใจและซาบซึ้งใจอย่างมาก ฉันหวังว่าจะใช้เวทีนี้เป็นโอกาสที่จะมอบสิ่งตอบแทนให้กับสังคมและสร้างแรงบันดาลใจใหแก่ผู้คนในเจเนอเรชั่นต่อไป ให้คุณซื่อตรงกับตัวเองและจงสนุกสนานไปกับการเดินทางอยู่เสมอ”
ร้าน Atelier Crenn มองว่า “อาหารคือบทกวี” เชฟเครนน์เชื่อในการเล่าเรื่องผ่านอาหารของเธอ แต่ละจานจึงมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง เธอเปิดร้านอาหารแห่งที่สอง Petit Crenn ในซานฟรานซิสโกเมื่อปี 2015 ในบรรยากาศที่แคชชวลขึ้น จากนั้นจึงเปิด Bar Crenn ไวน์บาร์ที่ตั้งอยู่ติดกับ Atelier Crenn ในปี 2018 เป็นการแสดงความเคารพต่อซาลอนของชาวปารีเซียงในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
ที่เมืองโซโนมาห่างจากซานฟรานซิสโกไปไม่ไกลนัก เชฟเครนน์ปลูกผลผลิตของเธอเองที่ Blue Belle Farm โครงการสำคัญที่ส่งเสริมเป้าหมายของเธอที่อยากให้ร้านอาหารในเครือของเธอนั้นไร้ขยะ (waste-free) โดยปุ๋ยหมักจากของเหลือของแต่ละร้านจะถูกส่งกลับมาที่ฟาร์ม เชฟเครนน์ยังเป็นสมาชิกที่แอคทีฟของ International Culinary Committee เธอส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ ความยั่งยืน และความเท่าเทียม ผ่านการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น Basque Culinary Center และ Pan American Development Foundation เธอยังได้เข้าร่วมกับการเสวนาและการประชุมต่างๆ รวมทั้งเป็นสปีกเกอร์ให้กับ #50 Best Talks ในปี 2018 และเมื่อโควิด-19 แพร่ระบาด เธอเปลี่ยนร้าน Petit Crenn จากร้านอาหารไฮเอนด์เป็นครัวที่ทำอาหารส่งให้กับบุคคลากรในด่านหน้า รวมทั้งทำอาหารกล่องสุขภาพจากผลิตผลออร์แกนิกและแพลนต์เบสให้กับคนไร้บ้านในซานฟรานซิสโกกว่า 2,000 กล่องต่อสัปดาห์
เชฟโดมินิก เครนน์ จะได้รับมอบรางวัลในพิธีประกาศผล The World’s 50 Best Restaurants สนับสนุนโดย S.Pellegrino และ Acqua Panna ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่ Antwerp, Flanders ในวันที่ 5 ตุลาคม 2021
Tag:
The World's 50 Best Restaurants
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น