แม้อากาศจะชวนเหงื่อแตกจนหลายคนหันไปพึ่งไอศกรีมเพื่อดับร้อน แต่สำหรับหญิงไทยที่ทั้งสวยและจิตใจงามอย่างแก้มแดง (อย่าเพิ่งอ้วกกันนะคะ) กลับต้องการสัมผัสความเย็นที่ล้ำลึกกว่านั้น เพราะสำหรับคนไทยแล้วจะมีอะไรที่คลายร้อนได้เด็ดดวงไปกว่า "ข้าวแช่" อีกแล้ว

ข้าวแช่เป็นอาหารคลายร้อนที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 นิยมรับประทานเป็นอาหารกลางวันในฤดูร้อน โดยเริ่มกินตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมเรื่อยไปจนสิ้นเดือนเมษายน แต่ในสมัยก่อนยังไม่มีน้ำแข็งลอยเคียงคู่กับน้ำลอยดอกไม้อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2448 เมื่อนายเลิศ เศรษฐบุตร ได้เปิดโรงน้ำแข็งเป็นแห่งแรกของประเทศไทยก็นับเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการข้าวแช่ เพราะข้าวแช่ได้เพิ่มดีกรีความเย็นขึ้นกว่าเดิมมาตั้งแต่นั้น

แน่นอนว่าข้าวแช่ที่แก้มแดงจะชวนไปลิ้มลองก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตำนานเลยก็ว่าได้ เพราะเรากำลังจะไปสัมผัสกับข้าวแช่ตำรับ "บ้านปาร์คนายเลิศ" ห้องอาหาร มา เมซอง บุคคลที่ทำให้คนไทยรู้จักกับคำว่า "ปั้นน้ำเป็นตัว" อย่างแท้จริง เชื่อว่าตอนนี้หลายคนคงคิดว่าข้าวแช่บ้านปาร์คคงต้องมีความวิจิตรพิสดารมีความเก่าแก่ แต่ความจริงแล้วข้าวแช่ของที่นี่กลับให้อารมณ์ความเรียบง่าย เหมือนเรานั่งโต๊ะกินข้าวแช่สวยๆ ในบ้านต่างหาก

หน้าตาของข้าวแช่บ้านปาร์คฯ โดดเด่นที่ความหมดจด แต่ทว่าภายใต้ความเรียบง่ายที่กล่าวถึงกลับแฝงรายละเอียดที่สลับซับซ้อน เริ่มตั้งแต่การทำข้าวที่ต้องใช้ข้าวหอมมะลิหุงให้พอเป็นตากบ (กึ่งดิบกึ่งสุก) คือเมล็ดข้าวจะมีความขุ่นอยู่ข้างในและมีความใสอยู่ข้างนอก จากนั้นข้าวก็จะถูกนำมาขัดแป้งออกให้หมด ก่อนนำไปนึ่งอีกครั้ง แล้วนำมาใส่น้ำลอยดอกไม้อบควันเทียน

วิธีกินข้าวแช่ให้อร่อยตามตำรับบ้านปาร์คให้เริ่มด้วยการตักน้ำแข็งใส่ข้าว แล้วชิมเครื่องเคียง ซึ่งเครื่องเคียงประกอบไปด้วย พริกหยวกยัดไส้ ทำเป็นไข่ตาข่ายห่อหมูสับกับกุ้งที่ผัดเครื่องปรุงเอาไว้ เด่นที่ความเผ็ดของรากผักชีและกระเทียม ตามด้วยปลาช่อนแดดเดียว ทอดกรุบกรอบชิ้นพอดีคำ ปลายี่สนผัดหวาน ที่นำเนื้อมายีผัดและปรุงรสออกหวานในลำคอ เนื้อแห้ง - เนื้อหวาน ที่ใช้เนื้อสันในตากแห้ง นำมาทุบ และทอด ให้เนื้อสัมผัสกรอบหอมนุ่มในเวลาเดียวกัน หัวไช้โป๊วผัด ที่มีเทคนิคผัดให้มีความใสดูน่ากิน และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คงไม่พ้น ลูกกะปิ เครื่องเคียงที่ตัดสินความอร่อยของข้าวแช่ ซึ่งแก้มแดงกล้าบอกเลยว่าไม่ผิดหวัง เพราะความหวานนุ่มนวลของเนื้อปลาช่อนผสานกับความเค็มของกะปิได้อย่างลงตัว โดยเคล็ดลับของความอร่อยนั้น เชฟแอบกระซิบมาว่าขั้นตอนทุกอย่างล้วนทำด้วยมือนั่นเอง

อ๊ะๆ ได้ชิมเครื่องไปแล้ว อย่าลืมตักข้าว และตามด้วยผักแนมกันด้วยนะ เพียงเท่านี้ทุกคำของข้าวแช่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหอมเย็นและชื่นใจ

ข้าวแช่บ้านปาร์คสามารถลองลิ้มชิมรสได้ตลอดเดือนเมษายน ในราคาชุดละ 450 บาท++ เท่านั้น แต่ถ้าใครสนใจเยี่ยมชมบ้านปาร์คนายเลิศไปพร้อมกันด้วยล่ะก็ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0-2253-0123 หรือ 0-2655-4773 หรือที่ info@nailertparkheritagehome.com

ห้องอาหารมา เมซอง (Ma Maison) 
Facebook : nailertparkheritagehome
Instagram : NaiLertPark_Heritage Home
Website : http://www.nailertparkheritagehome.com/

Tag: , ข้าวแช่, อาหารไทย,