โมเมนต์ที่ดีต่อใจในทุกโอกาสคือการได้เอ็นจอยกับอาหารจานเด็ดในบรรยากาศสุดเปอร์เฟ็คท์ ซึ่งอะไรจะว้าวเท่านั่งกินข้าวเคล้าบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าคุณกำลังมองหาจุดหมายนี้เรามีมาฝาก 12 ร้านชมวิวเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ สวยสุด สะดุดทุกสายตา อย่าลืมไปให้ครบทุกร้าน!
★ 1. Samsara Bar ★
เริ่มที่ร้านแรก Samsara Bar (แซมซาร่า) ร้านแฮงก์เอาท์ที่ไม่หรูหราห้าดาว แต่ว้าวอย่าบอกใคร แถมสนุกตั้งแต่ทางเข้าที่ดูลึกลับไปสักหน่อย แต่รับรองว่าไม่หลง ตัวร้านเป็นบ้านไม้เก่า ลุคเดิมๆ ไม่ได้เติมแต่ง แต่เชื่อไหมว่ากลายเป็นจุดเช็คอินระดับอินเตอร์ไปแล้ว เพราะมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตบเท้าเข้ากระชับพื้นที่กันอย่างคึกคัก ใครมาก่อนได้(วิวดี)ก่อน นั่งนานแค่ไหนก็ไม่เบื่อ ยิ่งใกล้ช่วงทไวไลท์ที่แสงสีส้มจับขอบฟ้า สั่งไวน์หรือค็อกเทลมาชนแก้วกันกรุ๊งกริ๊ง โรแมนติกมาก!
เมนูเน้นกินง่ายไซส์มินิ และฟิงเกอร์ฟู้ดเคี้ยวเล่นกรุบกริบ อาทิ รากบัวทอด ซิกเนเจอร์ของร้านที่แรกเห็นแอบคิด “ธรรมดา(จัง)” แต่พอส่งเข้าปากได้สัมผัสความกรุบกรอบ รสชาติเค็มๆ มันๆ ถึงกลับต้องเปลี่ยนความคิดและยกให้เป็นเมนูคู่โต๊ะที่ลองครั้งแรกแล้วตกหลุมรักเลย
ตามด้วย หมึกทอดกรอบ จานนี้ความพิเศษอยู่ที่แป้งบางกรอบ ไม่อมน้ำมัน เคี้ยวแล้วกรอบนอกหนึบใน กินเปล่าๆ ก็เพลิน แตะมายองเนสก็เข้าท่า แต่อย่าลืมบีบมะนาวจะช่วยเพิ่มดีกรีความว้าวอีกเท่าตัว
ยำผักบุ้งกุ้งกรอบ ผักบุ้งชุบแป้งทอด เสิร์ฟแยกกับน้ำยำรสเข้มข้น ใส่หมูสับกับกุ้งลวก กินเป็นกับแกล้มก็ได้ หรือจะกินกับข้าวสวยเป็นมื้อหลักก็อิ่มสบายท้องดี
ไม่หรูแต่เลิศมาก ดินเนอร์ครั้งต่อไปปักหมุดไว้ในใจได้เลย
พิกัด : 1612 ถนนทรงวาด แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
โทร 08-6978-9331
เปิดบริการ 17.00-24.00 น.
ราคา เฉลี่ย 500 บาท/ท่าน
★ 2. N10cafe ★
คาเฟ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมบ้านวังหลังริเวอร์ไซด์ ล่าสุดรีโนเวตร้านใหม่ให้สดใสยิ่งขึ้น แต่ไม่ทิ้งความเรียบเท่ในโทนสีดำและสีอิฐอันเป็นคาแรกเตอร์ของทางร้าน ใครอยากได้บรรยากาศสุดชิลริมแม่น้ำ ทางร้านได้ปรับพื้นที่ให้กว้างขวางนั่งสบายยิ่งขึ้น แถมมุมนี้ชมตะวันตกดินได้โรแมนติกมาก
เราชอบแสงไฟนวลตาแบบนี้เพราะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แถมยังขับผิวให้ดูหล่อดูสวยขึ้นทุกคน นั่งนานๆ ได้หมอนอิงสามเหลี่ยมก็ยิ่งฟิน นั่งพิงสบายกันถ้วนหน้า
สำหรับของหวานขายดี เริ่มที่ Macadamia Cheese Pie ชีสเค้กเนื้อนุ่มเนียนลิ้น กินแล้วไม่รู้สึกแน่นเกินไป ทั้งยังได้ความกรอบมันของแมคคาดาเมีย และความฉ่ำหวานของซอสคาราเมล
Red Velvet Cake เค้กกำมะหยี่สีแดงสลับชั้นกับครีมชีสรสหวานซ่อนเปรี้ยว ยกให้เป็นชิ้นเลอค่าน่าลิ้มลองทุกฤดูกาล
Blueberry Cheese Pie เนื้อเค้กสุดนุ่มละลายในปาก รสหวานอมเปรี้ยว เพิ่มความสดชื่นคูณสองด้วยซอสบลูเบอร์รี่ ตกแต่งด้วยโรสแมรี่และบลูเบอร์รี่สด
ส่วนเครื่องดื่ม Triple Choc Crunchy รวมช็อกโกแลตแบรนด์โปรดทั้ง Hershey’s , Ferrero Rocher และ KitKat มาปั่นเข้าด้วยกันจนเข้มข้น ท็อปด้วยวิปครีมลูกโต โรยซอสช็อกโกแลตเยิ้มๆ ชวนกิน
แต่ถ้าอยากชาร์ตพลังให้กับร่างกายต้องแก้วนี้ Ruby Tight เปรี้ยวๆ หวานๆ จากไซรัปสตรอว์เบอร์รี่และกระเจี๊ยบ ใครเริ่มง่วงเหงาหาวนอน จะกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
มุมสบายแบบนี้ นั่งได้นานเท่าที่ต้องการเลย
พิกัด : 342 ซอยวัดระฆัง ถนนพรานนก เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
โทร. 08-8000-8342
เปิดบริการ 09.00-20.00 น.
ราคา เฉลี่ย 90-220 บาท
★ 3. Sheepshank Public House ★
บางเวลาที่อยากนั่งชิลในมุมส่วนตัว เท่ๆ ขรึมๆ ไม่สนใจใคร แนะนำ Sheepshank Public House ที่จับอู่ต่อเรือเก่ามาแปลงโฉมให้ดูเท่มีสไตล์และเต็มไปด้วยกิมมิกอย่างเชือก รอก ไม้พายและเข็มทิศมาตกแต่งให้สมชื่อ Sheepshank ที่หมายถึงเงื่อนสำหรับผูกเรือชนิดหนึ่ง นอกจากลุคสุดเข้มในร้านที่นี่ยังเหมาะมานั่งชมพระอาทิตย์ตกดินพร้อมจิบเครื่องดื่มเย็นๆ มาคนเดียวก็ชิล แต่ถ้ามากับคนรู้ใจล่ะจะฟินแค่ไหน...ถามใจดู
สำหรับเมนูเด่นเทใจให้ Salmon mint tartare with crusty sourdough croutons แซลมอนรมควันรสเค็มนิดๆ เคล้าซอสมิ้นท์ เสิร์ฟพร้อมขนมปังกรอบ อร่อยเข้ากัน
Scallop salad with jamon ham สลัดหอยเชลล์ย่างราดด้วยน้ำสลัดรสเปรี้ยวหวาน กินเคียงกับผักสดและแฮมจามองรสเค็มนิดๆ
Pork belly with poached Asian pear and Madeira sauce ขอให้ลืมเรื่องรอบเอวสักครู่ เมื่อได้เจอกับชิ้นหมูนุ่มๆ หยุ่นๆ จานนี้ ทางร้านนำเนื้อหมูส่วนท้องมาซูวีจนนุ่มละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมกับซอสลูกแพรกลิ่นหอมรสหวานเข้ากันได้ดีกับเนื้อหมู และซอสไวน์สไตล์เมอเดียรา แกล้มกับสลัดผักรวมย่าง
ปิดท้ายด้วย Risotto with sun-dried tomato pesto, scallops and parma ham ข้าวริซอตโตผัดซอสมะเขือเทศอบแห้ง ใส่หอยเซลล์ย่างและพาร์ม่าแฮมสไลซ์
ส่วนเครื่องดื่มเย็นๆ ลอง Caipiroska Twiss ค็อกเทลสีชมพูจากส่วนผสมของวอดก้าราสเบอร์รี่ เลมอน น้ำสับปะรด และน้ำเชื่อมมะนาว
จบด้วยคลาสสิคค็อกเทล Mojito หอมกลิ่นรัมและมินท์ รสเปรี้ยวหวานนิดๆ
จะเลือกนั่งด้านใน หรือปันใจให้ด้านนอก ก็เพลิดเพลินได้เหมือนกัน
พิกัด : 47 ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
โทร. 0-2629-5165
เปิดบริการ วันจันทร์ 17.00-24.00 น. วันอังคาร-วันอาทิตย์ 11.00- 24.00 น.
ราคา : เฉลี่ย 140-980 บาท
★ 4. Theatre Cafe Restaurant ★
หากผ่านมาย่านวังหลัง ห้ามพลาด Theatre Cafe Restaurant ร้านอาหารไทยรสเลิศ ตกแต่งทันสมัย เน้นสีขาวดำ ดูเรียบเท่แต่ก็แฝงความเก๋ด้วยกิมมิกน่ารักอย่างกระถางไม้ประดับ หรือช่อดอกไม้ในโหลแก้ว นอกจากมุมนั่งเพลินในร้าน โซนริมแม่น้ำก็ได้อีกอารมณ์ ยิ่งใกล้ช่วงตะวันลับขอบฟ้า ประทับใจจนต้องรีบบันทึกภาพเก็บไว้
จานหลักแนะนำข้าวผัดน้ำพริกปลาดุกฟู ข้าวผัดตำรับบ้าน เลือกใช้ข้าวหอมมะลิมาผัดกับน้ำพริกปลาดุกฟู ปรุงรสกลมกล่อม โรยหน้าด้วยปลาดุกฟูกรุบกรอบ กินกับไข่ต้ม และต้นหอมช่วยตัดเลี่ยน
ส่วนของหวานแนะนำ Blueberry Pancake แพนเค้กเนื้อนุ่มเบา หอมหวานนิดๆ ไปกันได้ดีกับรสเปรี้ยวอมหวานของซอสบลูเบอร์รี
ส่วนเครื่องดื่มต้องลอง Jasmine Iced Tea ชาไทยรสเข้ม หอมกลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ สั่งมาดื่มได้ทุกครั้งที่อยากความเติมความสดชื่น
และ Peach Soda แก้วเดียวเฟี้ยวทั้งวัน แถมยังสนุกลิ้นเพราะมีเนื้อลูกพีชใส่มาให้เคี้ยวเล่นอีกด้วย
ถ้าอยากนั่งชิลต่ออีกหน่อย สั่งค็อกเทลสีสันคัลเลอร์ฟูลมาจิบต่อได้เลย!
พิกัด : 254 ซอยวัดระฆัง ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
โทร 0-2848-9488
เปิดบริการ 07.00 – 22.00 น.
ราคา : เฉลี่ย 80-500 บาท
★ 5. Woodbrook ★
คาเฟ่ลับที่กลายเป็นจุดนัดพบของเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์แห่งนี้ ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 3 ของโฮสเทล Urby ย่านถนนทรงวาด ภายในตกแต่งเรียบเท่ชวนนั่ง นอกจากโซนด้านในที่นั่งสบายแล้ว โซนริมน้ำก็ได้บรรยากาศที่ผ่อนคลายไปอีกแบบและเป็นมุมมหาชนที่คนนิยมจับจอง โดยเฉพาะบนบีนแบ็กที่เหยียดแขนขาสบายจนไม่อยากลุกไปไหน
จานเด็ดขายดี Spaghetti Bacon Spicy สปาเกตตี้ผัดกระเทียมเบคอนพริกแห้ง เส้นหนึบปรุงรสจัดจ้าน เบคอนทอดกรอบช่วยเพิ่มเทกเจอร์สนุกๆ ยามละเลียด
ส่วนชิ้นนี้เราปลื้มมาก Giant Cookie ซอฟท์คุ้กกี้สอดไส้นูเทลล่า อบร้อนๆ ผิวกรอบนอกนุ่มใน ไส้ทะลักเหมือนลาวา ท็อปด้วยไอศครีมรสวานิลลาผสมถั่วแมคคาเดเมีย เคี้ยวกรุบมันในปาก
ส่วนเครื่องดื่มยอดนิยม Brook Mountain กาแฟลาเต้เย็น ใส่คุ้กกี้แอนด์ครีมบดหยาบ เพิ่มดีกรีความเข้มข้นหอมมันอีกเท่าตัว
จากนั้นพลาดไม่ได้กับเมนูแห่งยุคสมัย Black Yuzu กาแฟดำผสมส้มยูซุ รสเปรี้ยวหวาน ผสมโซดาซาบซ่า ดื่มกระปรี้กระเปร่าจนหยดสุดท้าย
วันไหนอยากหนีความวุ่นวาย มาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันเลย
พิกัด : ชั้น 3 Hostel Urby ถนนทรงวาด แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
โทร 06-4424-2929
เปิดบริการ 10.00-19.00
ราคา : เฉลี่ย 50-120 บาท
★ 6. โรงรส ★
จากโรงรถเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกเปลี่ยนโฉมเป็น “โรงรส” ร้านอาหารไทยที่มีดีเรื่องรสชาติ ตกแต่งสวยสะดุดตาในโทนสีน้ำเงินกรมท่าให้เราได้รื่นรมย์กับบรรยากาศและมื้ออาหารอย่างแสนสุข จุดเด่นของร้านยังอยู่ที่วิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีไฮไลท์คือพระปรางค์วัดอรุณฯ ที่งดงามจับตา ช่วงเย็นหากอยากเปลี่ยนอารมณ์จะเลือกโซนโอเพ่นแอร์ที่ชั้นบนก็นั่งสบายไม่แพ้กัน ส่วนเมนูอาหารทางร้านนำเสนออาหารประจำภาคที่หมุนเวียนมาให้ได้ลิ้มลองทุกซีซั่น แวะมาเมื่อไหร่ก็ได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจทุกครั้ง
จานแรกข้าวผัดโรงรส ใช้ข้าวหอมมะลิเมืองเพชรผัดกับน้ำพริกลงเรือ กินคู่ไข่เค็มไชยาที่มีความเค็มพอเหมาะ ไม่เค็มหรือจืดจนเกินไป เสิร์ฟพร้อมกุ้งแม่น้ำย่างเนื้อแน่นเค็มมัน
โรตีแกงเขียวหวาน โรตีแผ่นหนานุ่ม จับคู่กินกับแกงเขียวหวานที่ใส่เนื้อไก่ให้เยอะมาก พร้อมกับมะเขือพวงที่เคี่ยวจนเปื่อยนุ่มเคี้ยวง่าย ปรุงรสชาติกลมกล่อมกำลังดี แต่หากอยากเพิ่มระดับความเผ็ดร้อนก็มีพริกลูกโดดใส่มาให้ด้วย
อีกจานห้ามพลาด แตงโมปลาแห้ง ของว่างโบราณที่ช่วยลดดีกรีความเผ็ดและล้างปากได้แบบสดชื่น
เมื่ออิ่มครบจบทั้งคาวหวาน ก็ถึงเวลาสดชื่นไปกับเครื่องดื่มแก้วพิเศษ กะลาสี ค็อกเทลปั่นเสิร์ฟในติหมาใบจากที่สั่งทำพิเศษจากสุราษฎร์ธานี ผสมผสานน้ำกะทิ สับปะรด และ White Rum ดื่มแล้วจี๊ดใจ
พิกัด : 392/16 ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
โทร 09-6946-1785
เปิดบริการ 11.00-15.00 น. และ 17.00-22.00 น. หยุดวันอังคาร
ราคา : เฉลี่ย 80-550 บาท
★ 7. ชมอรุณ ★
“ชมอรุณ” ร้านดังย่านท่าเตียนที่เนรมิตโกดังเก่าให้เป็นร้านริมน้ำที่มีดาดฟ้าโปร่งโล่ง เผยให้เห็นทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาและวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงที่ส่องกระทบพระปรางค์ระยิบระยับจับตาเหลือเกิน
เนื่องจากเป็นย่านชุมชนที่มีกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทางร้านจึงเน้นเสิร์ฟอาหารไทยที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว อาทิ ปลาหมึกไข่แดดเดียว ปลาหมึกไข่ตัวใหญ่ทอดน้ำปลาอย่างดีแล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ปลาหมึกนุ่มเหนียวเคี้ยวสู้ฟัน ด้านในมีไข่หมึกนุ่มๆ อย่าลืมเพิ่มความจี๊ดจ๊าดด้วยน้ำจิ้มซีฟู๊ด
ต่อด้วยเมนูสุดโปรดปรานของนานาชาติ ผัดไทยกุ้ง ผัดเส้นกับซอสด้วยไฟแรงปานกลาง ได้กลิ่นหอมกระทะและกลิ่นซอสสูตรของร้านอบอวลชวนหิวไปทั้งร้าน ส่วนรสชาติปรุงครบรสเปรี้ยวหวานเค็ม สมทบด้วยกุ้งใหญ่ไซส์พิเศษเพิ่มความน่ากิน
อีกเมนูคู่โต๊ะขนมจีนน้ำยาปู จุดเด่นคือความเข้มข้นหนักเครื่อง ใส่วัตถุดิบอย่างดีไม่มีกั๊ก โดยเฉพาะเนื้อปูก้อนใหญ่ ใส่ให้กินเน้นๆ เอาช้อนตักตรงไหนก็ไม่ผิดหวัง ปรุงรสชาติเผ็ดร้อน จนต้องกินไปพูดไปว่า...หร็อยจังฮู๊!
ส่วนเครื่องดื่มชวนลองคือม็อกเทลชื่อเพราะ อรุณสวัสดิ์ น้ำปั่นสีสวยทำจากลิ้นจี่ เสาวรสและน้ำเลมอน กับชมพันช์ น้ำสับปะรดผสมกับน้ำแอปเปิ้ล น้ำเลมอนและดอกอัญชัน สีสวยหวานรับกับวิวยามเย็น
เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงแบบนี้ เป็นใครก็ห้ามพลาด
พิกัด : 392/53 ซอยเพ็ญพัฒน์ 2 ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
โทร. 09-5446-4199
เปิดบริการ วันจันทร์ -วันพฤหัส 12.00-21.30 น. วันศุกร์-วันอาทิตย์ 12.00-22.00 น.
ราคา เฉลี่ย 180-700 บาท
★ 8. Chon Thai Restaurant ★
Chon Thai Restaurant หรือช้อน ห้องอาหารสุดหรูที่เปลี่ยนใต้ถุนบ้านทรงไทยสร้างจากไม้สักทั้งหลังให้เป็นพื้นที่เอ็นจอยกับอาหารไทยเลิศรสในบรรยากาศโปร่งโล่งเย็นสบาย หรือถ้าชื่นชอบความเป็นส่วนตัวหรือต้องการคุยธุรกิจแนะนำโซนห้องแอร์ชั้นบนจะเหมาะมาก แต่ถ้าวัยรุ่นอย่างเรา (ฮา) อยากแฮงก์เอาท์เมาท์มอยได้อย่างออกรส มุมโซฟาริมแม่น้ำตอบโจทย์ที่สุด
ที่นี่เน้นอาหารไทยที่ถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ อาทิ ไก่ย่าง ไก่หมักกับกระเทียม ขิง และตะไคร้จนเข้าเนื้อเข้าหนัง นำมาย่างถ่านให้หอมฉุยเรียกแขก เนื้อไก่นุ่มมากไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มก็ฟินแล้ว แต่ถ้าอยากชูรสแบบยกกำลังจะแตะน้ำจิ้มแจ่วรสเปรี้ยวแซ่บสักหน่อยก็อร่อยไปอีกขั้น
ยำปลาแซลมอนมะม่วงเปรี้ยว แซลมอนเนื้อนุ่มฉ่ำหั่นพอดีคำ กินกับยำมะม่วงรสจัดจ้าน แต่ถ้ายังไม่สาแก่ใจให้คีบแซลมอนจุ่มน้ำจิ้มซีฟู้ด พูดได้คำเดียว แซ่บ!
สำหรับคนรักเนื้อต้องลอง มัสมั่นเนื้อน่องลาย เนื้อนุ่มเคี้ยวเพลิน ซึมซับน้ำแกงมัสมั่นที่ปรุงออกรส หวาน เค็ม เปรี้ยวกำลังดี ในชุดมีโรตีเหนียวนุ่มให้ฉีกกินคู่กัน รวมถึงอาจาดเปรี้ยวๆ หวานๆ ให้ตัดเลี่ยน
ยกให้เป็นร้านสวยบรรยากาศดีที่ควรไปปักหมุดสักครั้ง
พิกัด : 3/2 ถนนขาว แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ
โทร 0-2206-6999
เปิดบริการ 06.00 – 23.00 น.
ราคา : เฉลี่ย 500 บาท/ท่าน
★ 9. ท่าอรุณ (Tha Arun) ★
ร้านอาหารไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เล่าเรื่องราวการรับวัฒนธรรมแบบฝรั่งผ่านการตกแต่งได้อย่างน่าสนใจ สมดังคอนเซ็ปต์ที่ตั้งใจสื่อคือ “เห่อฝรั่ง” เพราะในอดีตพื้นที่นี้เคยเป็นท่าเรือรับส่งสินค้าที่มาจากยุโรป เราจึงได้เห็นเฟอร์นิเจอร์ย้อนยุคประดับอยู่ทั่วร้าน อาทิ ตู้ยาจีนขนาดใหญ่ที่แฝงกลิ่นอายความโอเรียนทอล หรือแชนเดอเลียที่ส่องแสงระยิบระยับ หรูหราน่ามองทีเดียว สำหรับคนที่อยากชมวิวแม่น้ำแนะนำให้เลือกนั่งริมกระจก หรือจะนั่งด้านนอกก็ได้ชื่นชมทิวทัศน์รวมถึงพระปรางค์วัดอรุณฯ ที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำได้อย่างชัดเจน
เมนูของร้านเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นคุณตาคุณยาย แต่เพิ่มลูกเล่นให้เข้ายุคสมัยมากขึ้น อาทิ ยำมังคุด มังคุดแกะทั้งลูก หวานกรอบ คลุกเคล้ากับกุ้งและน้ำยำรสจี๊ดจ๊าดจากน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พริกขี้หนูสวน เคียงด้วยไข่เป็ดยางมะตูม
เสือใต้ ขนมจีนน้ำยาปูรสจัดจ้านเพราะใช้พริกแกงตำมือจากนครศรีธรรมราช กินกับผักพื้นบ้านแนมด้วยปลาชิงชังรสหวานเค็มไว้ตัดรสเผ็ด
ผัดหมี่กระเฉด เส้นหมี่ขาวผัดกับกุ้งและผักกระเฉดยอดอ่อน ปรุงรสชาติกลมกล่อม เผ็ดติดปลายลิ้นเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังมีเมนูห้ามพลาดอย่าง ต้มกะทิสายบัวปลาทู ใช้ปลาทูแม่กลองตัวเล็กเนื้อมัน สายบัวกรุบกรอบฉ่ำน้ำแกงที่เข้มข้นหอมกลิ่นกะปิ หอมแดง และพริกไทย
ปิดท้ายด้วยม็อกเทลพวงชมพู รสหอมหวานจากลิ้นจี่ และ เยาวราช รสเปรี้ยวสดชื่นจากส้มจี๊ด
ยามเย็นโซนริมน้ำจะเนืองแน่นเป็นพิเศษ ควรโทรจองล่วงหน้าเพื่อไม่พลาดมุมที่ดีที่สุด
พิกัด : 392/61 ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
โทร. 08-9988-8059
เปิดบริการ จันทร์-ศุกร์ 11.30-15.00 น.และ 16.00-22.00 เสาร์-อาทิตย์ 11.30-22.00 น.
ราคา เฉลี่ย 190-400 บาท
★ 10. บ้านอากงอาม่า (My Grandparent’s House) ★
บ้านอากงอาม่า (My Grandparent’s House) แค่ชื่อก็อบอุ่นเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กเมื่อสัก 20 ปีก่อน บ้านไม้ทรงไทยปั้นหยาหลังนี้สร้างตั้งแต่ปี 2472 ทุกพื้นที่ยังอบอวลไปด้วยความทรงจำผ่านภาพถ่ายและเฟอร์นิเจอร์โบราณ ตัวร้านเปิดโล่งรับลมธรรมชาติ หากอยากชมวิวริมแม่น้ำก็สามารถเลือกนั่งบริเวณระเบียงที่ยื่นออกไปด้านนอก จะนั่งคุยเล่นกับเพื่อน หรืออ่านหนังสือเงียบๆ ก็เพลินดี
เมนูเน้นของว่างโบราณแบบไทยๆ อาทิ เซ็ตซิกเนเจอร์ กินแล้วชื่นใจหายร้อนเพราะมีทั้งน้ำเก๊กฮวย เฉาก๊วย และทีเด็ดอย่างวุ้นมะพร้าวน้ำหอมสูตรอาม่าที่ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปด้วย
กุ้งโสร่ง กุ้งพันด้วยบะหมี่ไข่ ทอดให้กรอบนอกนุ่มใน ชูรสด้วยน้ำจิ้มเปรี้ยวนำเค็มหวานตาม
เต็มปากเต็มคำกันต่อกับขนมจีบหมูโบราณ ไส้แน่นๆ กินกับน้ำจิ้มจิ๊กโฉ่วผสมพริก
ปิดท้ายด้วยของหวานชวนกิน โมจิหยดน้ำ หวานฉ่ำละลายในปาก เพิ่มความสดชื่นด้วยสตรอว์เบอร์รี่
อยากชาร์ตพลังกายใจเมื่อไหร่ ก็แวะมาได้เสมอ
พิกัด : 253 ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
โทร. 0-2437-5183
เปิดบริการ 10.00-18.00น (บ้านปิดทุกวันพุธที่ 2 และ 4 ของเดือน)
ราคา : เฉลี่ย 20-110 บาท
★ 11. Mahanadi Eating House ★
“มหานที” ร้านอาหารไทยและบาร์ที่ปรับเปลี่ยนจาก Ibrik Resort by the River โรงแรมบูติกที่อยู่คู่ย่านวังหลังมานานนับสิบปี ตกแต่งสไตล์วินเทจ ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ โซฟาหนัง โคมไฟ และพัดลมแอนทีคที่ใช้ตั้งแต่สมัยเป็นโรงแรม ผนังสีขาวประดับภาพเขียนที่มองแล้วเพลินตา นอกจากชั้นล่างที่นั่งสบายยังมีชั้น 2 ให้เลือกนั่งได้ตามชอบ แต่ที่โดนใจสายชิลที่สุดคงเป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำ ช่วงแดดร่มลมตกขายดีตลอด
อาหารของร้านเน้นตำรับไทยที่มีไฮไลท์ชวนกิน อาทิ ข้าวผัดมหานทีกุ้งย่าง ข้าวผัดน้ำพริกสูตรเด็ด รสเผ็ดนิดๆ แต่กินได้สบายปาก เสิร์ฟกับกุ้งย่างและไข่ต้มยางมะตูมเยิ้มๆ ถ้ากินแล้วไม่เผ็ดสะใจจะเติมน้ำพริกเพิ่มก็ได้
ปลาช่อนแดดเดียว ปลาช่อนแดดเดียวเลาะก้างให้เสร็จสรรพ จากนั้นหั่นชิ้นให้กินสะดวก ทอดจนส่งกลิ่นหอมฉุย รสเค็มนิดๆ เข้ากันได้ดีกับน้ำจิ้มแจ่วสูตรลับประจำร้าน รสชาติหวานอมเปรี้ยว หอมกลิ่นสมุนไพรไทยอย่างตะไคร้ และใบมะกรูด
ต่อกันที่ยำใหญ่ญวน เมนูชาววังที่อุดมด้วยวัตถุดิบทั้งไก่ฉีก ซีฟู้ด กุ้งแห้ง และผักต่างๆ คลุกเคล้ากับเครื่องยำจนได้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน อย่าลืมตบท้ายด้วยไข่ต้ม อิ่มฟินพอดีๆ
จบของคาวอย่าลืมล้างปากด้วยของหวานลูกลานกะทิ ลูกลานเนื้อหนึบ รสหอมหวานพอเหมาะ
หรือจะลองสาคูเปียกลำไย เนื้อสัมผัสของสาคูนิ่มนวลละมุนลิ้น กินกับเนื้อลำไย เพิ่มความเค็มมันด้วยน้ำกะทิหอมๆ
ส่วนเครื่องดื่ม Corona น้ำสับปะรดปั่น รสหวานอมเปรี้ยว จิบแล้วชื่นใจ
ช็อกโกแล็ตเย็น ช็อกโกแลตเข้มข้นที่เลือกระดับความหวานได้ อากาศร้อนแค่ไหนก็คลายร้อนได้หมด
นั่งแล้วรู้สึกเย็นกายเย็นใจ สมชื่อร้านมหานทีจริงๆ
พิกัด : 256 ซอยวัดระฆัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
โทร 08-5151-5888
เปิดบริการ 12.00 – 15.00 น. และ 17.00 – 21.00 น. (หยุดวันจันทร์)
ราคา : เฉลี่ย 100-800 บาท
★ 12. Chakrabongse Dining ★
ปิดท้ายกันที่ Chakrabongse Dining ห้องอาหารน่านั่งแห่งวังจักรพงษ์ บ้านไทยโบราณสุดหรูที่นำเสนออาหารไทยตำรับดั้งเดิม Thai Royal Cuisine เน้นรสชาติและวิถีการปรุงที่พิถีพิถันของราชสกุลจักรพงษ์ คอนเซ็ปต์อาหารคือการจัดสำรับเสิร์ฟครบครันทั้งคาวหวาน แบ่งเป็นของว่าง จานหลักที่มีทั้งต้ม ผัด แกง ทอด เรื่อยไปจนถึงผลไม้และของหวาน ไม่เพียงรสชาติถึงเครื่องถึงรสยังให้ความสำคัญกับการตกแต่งจานด้วยความละเมียดละไม แค่เห็นก็น้ำลายสอ
เริ่มที่แกงเผ็ดเป็ดย่างน้ำแกงขลุกขลิกจากเครื่องแกงสูตรชาววังตำเองทุกขั้นตอน พระเอกคือเนื้อเป็ดเหนียวนุ่ม ไร้กลิ่นกวนใจ คนไม่ชอบกินเป็ดยังต้องกดเลิฟให้เมนูนี้
ปลากะพงทอดกับสมุนไพรไทย ปลากระพงตัวโตทอด กรอบนอกนุ่มใน หอมกลิ่นสมุนไพรนานาชนิด
ต้มยำกุ้งแม่น้ำ คัดเฉพาะกุ้งแม่น้ำตัวโต เนื้อแน่นสดหวาน น้ำต้มยำปรุงรสจัดจ้าน ซดคล่องคอจนหยดสุดท้าย
อีกเมนูชูรสยำถั่วพู ปรุงสูตรโบราณรสเผ็ดกำลังดี ใส่ไข่ต้มให้กินแกล้ม
ผัดผักเบญจรงค์ หรือผัดผักรวมมิตร 5 สี ผักสดกรอบเคี้ยวสดชื่น ทั้งหมดนี้กินคู่กับข้าวไรซ์เบอร์รีเสิร์ฟในกรวยใบตองครอบห้อยพวงมาลัยสวยงาม
ปิดท้ายด้วยพานาคอตตาตะไคร้ใบเตยหอม ของหวานกลิ่นอายไทยๆ ที่นำตะไคร้และใบเตยมาเพิ่มความอร่อยให้พานาคอตตาเนื้อเนียนได้อย่างลงตัว
อิ่มท้องพร้อมอิ่มใจแบบนี้ต้องมีไว้ในลิสต์
พิกัด : 396 ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
โทร. 08-0045-7778, 08-9810-0498
เปิดบริการ 18.00 – 21.30 น. (หยุดทุกวันจันทร์)
ราคา : เฉลี่ย 2,500 บาท/ท่าน
Tag:
, รวมร้านอร่อย, ร้านริมน้ำ,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น