เมืองไทยเข้าสู่ฤดูร้อน(สุดๆ)อย่างเป็นทางการแล้ว หลายคนก็มีวิธีคลายร้อนแตกต่างกันไป ส่วนคนช่างกินอย่างเราอะไรจะดีเท่าได้กินของอร่อยที่ช่วยลดดีกรีความร้อนไปพร้อมกันอย่าง“ข้าวแช่”ของว่างโบราณที่เราถือโอกาสนำมาฝากผู้อ่านด้วย ซึ่งแต่ละร้านสืบทอดสูตรจากรุ่นสู่รุ่นไว้แบบครบเครื่องถึงรส ที่สำคัญเราคัดมาแต่ร้านที่มีให้สั่งกันตลอดทั้งปี เรียกว่าอยากคลายร้อนตอนไหนก็ได้อย่างใจต้องการเลย
★ 1. ข้าวแช่บ้านพระนาง ★
ยุคนี้จะมีสักกี่บ้านที่มีข้าวแช่เป็นเมนูโปรดของครอบครัว อีกทั้งเวลาแขกไปใครมาก็มักทำเลี้ยงจนติดอกติดใจในรสชาติไปตามๆ กัน จนหลายคนยุให้ทำขายกระทั่งกลายเป็นที่มาของ “ข้าวแช่บ้านพระนาง” ร้านนี้โดยสูตรลับตำรับชาววังเป็นมรดกตกทอดจากคุณยายสุจินต์ เลื่อนฉวี ศิษย์เก่าจากโรงเรียนการเรือนวังจันทรเกษม ซึ่งวันนี้ได้มือวางอันดับหนึ่งอย่างคุณขิ่น (หลานสาว) และคุณมด (เพื่อน) เป็นผู้สืบสานตำนานแห่งรสชาติ
ในชุดมีข้าวแช่ให้เราโรยน้ำแข็งเพิ่มความเย็นฉ่ำได้ตามชอบ กินกับลูกกะปิที่กวนนานกว่า 4 ชั่วโมง ปั้นเป็นลูกกลมเท่าปลายนิ้วก้อย รสชาติเค็มนำและหอมกลิ่นเครื่องปรุงขึ้นจมูก พริกหยวกยัดไส้ที่เราเทใจให้ตั้งแต่แรกเห็น ด้วยพริกหยวกไซส์ยักษ์ยัดไส้หมูสับแล้วหรุ่มด้วยไข่ กรอบนอกนุ่มใน เคี้ยวเพลิน ยังมีหอมแดงที่มาแรงได้ใจ ตามด้วยผัดไช้โป๊กวนกับน้ำตาลที่รสชาติหนักแน่นหวานนำ เรายังโปรดปรานปลาหวาน หมูฝอย และไข่เค็มที่ล้วนช่วยเติมเต็มรสชาติ แต่ที่ไม่เหมือนใครยกให้พริกแห้งยัดไส้กะปิ กัดเข้าไปแล้วเจอไส้กะปิที่ปรุงรสเผ็ดนิดๆ พอจี๊ดใจ (เมนูนี้ไม่มีในชุดแต่สั่งเพิ่มได้) สนนราคารวม 250 บาท อยากกินเมื่อไรก็กริ๊งกร๊างได้เลย
ไม่มีหน้าร้าน สั่งซื้อได้ที่ 09-2926-9190, 09-0969-5553
Line : kaochaebaanpranangและ
FB : ข้าวแช่บ้านพระนาง kaochaebaanpranang
★ 2. หลายรส ★
คุณโด่ง-พิมพร เกษมสุวรรณ ผู้สืบทอดตำรับอาหารชาววังจากคุณป้า(หม่อมอุบล ยุคล)หนึ่งในเมนูที่เราชิมแล้วติดใจคือข้าวแช่ที่เสิร์ฟให้กินได้ทั้งปี คุณโด่งเล่าว่าข้าวแช่ของร้านเป็นสูตรวังละโว้ ซึ่งแต่ละวังก็มีทีเด็ดไม่เหมือนกันแล้วแต่ต้นเครื่องสุดยอดฝีมือประจำวังนั้นๆ จะงัดไม้เด็ดอะไรมาพิชิตใจคนกิน
อย่างสูตรนี้พิถีพิถันตั้งแต่ข้าวแช่เสิร์ฟแยกกับน้ำลอยดอกมะลิที่ผ่านการอบจนหอมกรุ่น ส่วนข้าวหุงพอเป็นไตแล้วขัดในตะแกรงที่มีน้ำไหลผ่าน ก่อนนึ่งจนสุกหอมก็พร้อมเสิร์ฟให้กินกับเครื่องเคียงครบชุด ได้แก่ ลูกกะปิ ปลาแห้งป่นตำกับเครื่องเคราหลายชนิดปั้นเป็นลูกกลมแล้วผึ่งลมให้พอหมาด ก่อนชุบไข่ทอด รสชาติเค็มมันกินกับข้าวแล้วเข้ากันพอดี สมทบด้วยเนื้อฝอยเนื้อเค็มย่างพอได้กลิ่น ทุบแล้วฉีกเป็นฝอย ผัดเคล้ากับน้ำตาลจนเหนียวขึ้นเงา หอมหวานเจือเค็มเล็กน้อยพอได้รส พริกหยวกยัดไส้ด้านในปรุงจากหมูและกุ้ง นึ่งแล้วหรุ่มด้วยไข่พอให้ออกสีเหลืองทองที่ทั้งหอมและชวนกิน หอมแดงทอด ไส้ทำจากปลาริวกิวต้มแล้วตำจนเปื่อย คั่วหอมๆ พอแห้งค่อยใส่พริก มะพร้าว และน้ำตาลทราย ผัดจนหนึบหนับได้ระดับทั้งเค็มหวาน อีกอย่างที่ปลื้มจนลืมไม่ลงคือปลายี่สนผัดหวาน หยิบส่งเข้าปากแล้วตามด้วยข้าวแช่เย็นๆ ชื่นใจอย่าบอกใคร ชุดละ 300 บาทก็อิ่มครบยกสำรับแล้ว
พิกัด : 120/4-5 ซอยสุขุมวิท 49 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 10.00-21.00 น.
โทร. 0-2712-5777
★ 3. บ้านวรรณโกวิท ★
ไม่ว่าจะร้อน หนาว หรือฝน ที่ “บ้านวรรณโกวิท” เรือนไม้อายุกว่า 130 ปีบนถนนตะนาวก็มีข้าวแช่ให้เราได้อุดหนุนตลอดทั้งปีในราคาเพียงชุดละ 250 บาทเท่านั้นข้าวแช่ตำรับชาววังบ้านวรรณโกวิทเป็นสูตรที่ตกทอดมายาวนาน มีความละเมียดละไมและจัดหน้าตาได้สวยงามน่ากิน ที่นี่มีเครื่องเคียงเป็นพริกหยวกสอดไส้ที่ต้องคัดพริกเม็ดตรง สีออกขาว ไส้หมูสับที่หมัก 3 เกลอทิ้งไว้ 1คืน หรุ่มด้วยไข่เป็ดและไข่ไก่ผสมกันเพื่อให้ได้ทั้งความกรอบและนุ่ม
ส่วนลูกกะปิที่นับเป็นนางเอกก็ต้องใช้กะปิดีจากชลบุรี หนักกระชาย ตะไคร้ หอมแดง และกุ้งแห้ง ผัดนาน 4-5 ชั่วโมงจนแห้งและเหนียวปลาหวานทำจากปลากระเบนยี่สนผัดกับหอมแดงเจียว ส่วนไช้โป๊คัดอย่างดีจากตำบลเจ็ดเสมียน ราชบุรี ล้างให้สะอาดแล้วผัดกับไข่และน้ำตาลมะพร้าวให้กรอบมีรสหวานนวล มีผักเคียงเป็นกระชายและแตงกวาส่วนน้ำแช่ข้าวใช้ทั้งดอกมะลิชมนาด กุหลาบ กระดังงา สลับหมุนเวียนกันไป ใส่เหยือกแก้วให้เรารินเองแล้วเติมน้ำแข็งตามชอบ เริ่มจากชิมลูกกะปิก่อน กินข้าว แล้วตามด้วยน้ำหอมๆ ชื่นใจเข้ากับบรรยากาศร่มรื่นของตัวบ้านหายร้อนเป็นปลิดทิ้ง
พิกัด : 64 ซอยดำเนินกลางใต้ ถนนราชดำเนินกลาง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 11.00-15.00 น. (หยุดวันจันทร์)
โทร. 08-1922-6611
★ 4. บ้านหมอมี (Baan MohMee) ★
“บ้านหมอมี”ร้านอาหารไทยในบ้านหลังงามของตระกูลเกษมสุวรรณที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5นอกจากมีเมนูโบราณขึ้นชื่ออย่างแกงรัญจวนซึ่งสืบทอดกันมาหลายรุ่นแล้วยังมีข้าวแช่ตำรับหมอมีเมนูคลายร้อนสุดคลาสสิกที่มีขายตลอดทั้งปีด้วย ความพิเศษของข้าวแช่ร้านนี้นอกจากจะมีน้ำลอยดอกมะลิหอมๆ แล้วยังนำ “น้ำยาอุทัยหมอมี”ที่หยดใส่น้ำดื่มแล้วหอมชื่นใจมาเป็นส่วนหนึ่งในสำรับช่วยเพิ่มสุนทรีในการกินได้ดีเยี่ยมอีกจุดเด่นคือข้าวเมล็ดขาวสวยซึ่งผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอนตั้งแต่การล้างขัดจนกว่ายางจะหมด นำไปผึ่งแล้วนึ่งต่ออีก10 นาทีก่อนผึ่งอีกครั้งแล้วนึ่งด้วยน้ำมะลิจนสุก ไม่ว่าจะกินกับน้ำลอยมะลิหรือน้ำยาอุทัยสีชมพูที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ก็อร่อยชื่นใจทั้งคู่
ส่วนเครื่องเคราก็มีหลากหลายทั้งพริกหยวกสอดไส้หมูสับชิ้นโตไส้แน่นลูกกะปิทอดหอมแดงสอดไส้หมูสับ หมูสับปลาเค็ม ไช้โป๊หวานหมูฝอยและเนื้อฝอยที่ทำออกมาได้เข้มข้นหอมเครื่องทุกคำ ซึ่งทางร้านขอสงวนสูตรการทำเครื่องเอาไว้ให้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเอง ใครอยากชิมข้าวแช่บ้านหมอมีอย่าลืมโทรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 วัน เพื่อให้ทางร้านได้มีเวลาเตรียมเครื่องเคราอย่างเต็มที่ ยิ่งในหน้าร้อนแบบนี้ทำขายแทบไม่ทันเลยทีเดียว
พิกัด : 2 ซอยเกษมสันต์ 3 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 11.00-21.00 น.
โทร. 0-2216-3888,09-6864-4222
★ 5. ข้าวแช่แม่ศิริ บางลำพู ★
ปิดท้ายกันที่ “ข้าวแช่แม่ศิริ” ร้านข้าวแช่ในตำนานแห่งบางลำพูที่คนรักข้าวแช่รู้จักชื่อเสียงกันดีอยู่แล้ว เสน่ห์ของร้านคือเป็นข้าวแช่สูตรชาวมอญแท้ๆ ในรูปแบบร้านแผงลอยที่มีที่นั่งไม่มากนัก กินง่าย คลายร้อนแบบทันท่วงทีราคาชุดละ 25 บาทเท่านั้น
ชุดข้าวแช่แม่ศิริมีข้าวแช่ในน้ำลอยดอกมะลิมา 1 ถ้วยเสิร์ฟพร้อมเครื่อง 4 อย่าง (ไม่มีผักแกะสลักหรือเครื่องเคราหรูหราแต่อย่างใด) เริ่มด้วยปลาหวานที่เราชอบมากเพราะผัดได้แห้งและเนียน มีความเหนียวนิดๆ รสหวานนำตามด้วยเค็มไช้โป๊หวานผัดกับน้ำตาลจนเหนียวแต่มีความกรอบเวลาเคี้ยว ลูกกะปิชุบไข่ 2 ลูก กะปิไม่แข็งหอมกลิ่นกระชาย ส่วนหมูฝอยรสออกเค็มและแห้งดี หากใครไม่เคยกินข้าวแช่มาก่อนก็ไม่ต้องเกร็งไป เพราะคุณลุงเจ้าของร้านจะคอยแนะนำวิธีกินว่าให้เริ่มจากชิมเครื่องก่อนแล้วตามด้วยข้าวเพื่อรับรสให้เต็มคำ จากนั้นค่อยตามด้วยน้ำลอยดอกมะลิหอมๆ อร่อยหายร้อนในทันใด ถ้าติดใจก็สั่งกลับบ้านได้ ชุดละ 30 บาทเท่านั้น
พิกัด : ซอยไกรสีห์ ถนนพระสุเมรุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 11.00-16.00 น.
Tag:
, ข้าวแช่, รวมร้านอร่อย,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น