7 ร้านอาหารอินเดียต้องเช็คอิน อร่อยจนต้องกลับมากินซ้ำ

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563

 81,356 Views

อาหารอินเดียขึ้นชื่อเรื่องรสชาติชวนกินไม่น้อยหน้าอาหารชาติใดในโลก แม้บางคนจะยังกล้าๆ กลัวๆ เรื่องกลิ่นรสที่ไม่คุ้นเคย แต่ถ้าได้ลอง 7 ร้านอาหารอินเดียต้องเช็คอินที่เรานำมาฝากนี้ รับรองจะติดใจจนต้องกลับมากินซ้ำอีกหลายครั้ง

★ 1. บาวาร์ชิ ชิดลม 

บาวาร์ชิ ชิดลม นำเสนออาหารอินเดียตอนเหนือที่ถือว่าเป็นอาหารเก่าแก่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง เชฟใหญ่ประจำห้องอาหารตั้งใจตีโจทย์ให้ออกนอกกรอบเดิมๆ ด้วยการผสมผสานวัตถุดิบหลากหลายชนิดร่วมกับการปรุงแบบดั้งเดิม สร้างสรรค์เป็นเมนูรสเลิศที่ยังคงอบอวลด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศชั้นดี

บาวาร์ชิ ชิดลม

บาวาร์ชิ ชิดลม

เริ่มต้นด้วย Papadum ข้าวเกรียบอินเดียเสิร์ฟพร้อมซอสชัทนีย์ 4 รสชาติ ได้แก่ ซาวร์ครีม บีทรูท มะม่วง และสับปะรด แค่ออเดิร์ฟก็ปลุกน้ำย่อยให้เต้นโครมครามพร้อมรับมือกับมื้ออาหารแล้ว

บาวาร์ชิ ชิดลม

Bhel Puri ของว่างทำจากข้าวพอง ผักรวม เสริมรสเปรี้ยวด้วยซอสมะขาม เคี้ยวกรุบกรอบในคำเดียว

บาวาร์ชิ ชิดลม

Tandoori Prawn กุ้งแม่น้ำคลุกเคล้ากับมัสตาร์ดและคาราเวย์ ย่างในเตาทันดูร์ที่ช่วยชูรสชาติและกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสิร์ฟพร้อมซอสชัทนีย์สูตรพริกขี้หนูและสับปะรด

บาวาร์ชิ ชิดลม

Malabar Machi แกงเผ็ดปลาสูตรดั้งเดิมรัฐเกรละ เข้มข้นด้วยรสชาติและกลิ่นหอมของหัวกะทิ เครื่องแกง และเม็ดมะม่วงหิมพานต์บดที่แทรกซึมอยู่ในเนื้อปลาชั้นดี วางบนข้าวปรุงหญ้าฝรั่นสีเหลืองนวล

บาวาร์ชิ ชิดลม

ส่วนเมนูที่คนไทยคุ้นเคย ได้แก่ Olive Naan แป้งนานรสมะกอก และMissi Roti โรตีต้นตำรับ จับคู่กับแกงเข้มข้นสูตรดั้งเดิมที่มีให้เลือกหลายเมนู อาทิ Daal Makhani ที่มีส่วนผสมของถั่วเลนทิลดำและมะเขือเทศ เคี่ยวบนเตาถ่านข้ามคืนจนเข้มข้นและเนียนนุ่มลิ้น Achari Gobhi Mutter แกงดอกกะหล่ำใส่เครื่องเทศดองรสเปรี้ยวกับมะม่วง พริกขี้หนู และขมิ้น

บาวาร์ชิ ชิดลม

บาวาร์ชิ ชิดลม

หากกินมังสวิรัติแนะนำ Shahi Malai Kofta เกี๊ยวไส้ชี้สสไตล์โฮมเมดชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟกับน้ำเกรวี่มะเขือเทศและหอมหัวใหญ่รสเข้มข้น ละมุนลิ้นและครีมมี่แบบสุดๆ

บาวาร์ชิ ชิดลม

ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่ม Tarined Margarita หรือ Chai Martini สมบูรณ์แบบกว่านี้ไม่มีแล้ว

พิกัด : President Tower Arcade ชั้น B ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 11.00-23.30 น.
โทร. 0-2656-0102, 088-868-2211
 

★ 2. Akbar Restaurant & Bar 

ด้วยสไตล์การตกแต่งของร้านที่ให้ความรู้สึกราวกับยกทุกสิ่งอย่างมาจากดินแดนภารตะ ไม่เว้นแม้กระทั่งพนักงานหนุ่มน้อยตาคมที่ยืนรอให้บริการอย่างสุภาพและเป็นกันเอง ทางร้านยังคงบรรยากาศแบบดั้งเดิมมานานกว่า 40 ปีนับตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ เช่นเดียวกับเมนูอาหารที่ยังคงรสชาติแบบต้นตำรับทั้งอาหารอินเดียและปากีสถาน นอกจากนี้ยังมีอาหารนานาชาติไว้รองรับผู้มาเยือนอย่างเต็มอิ่มด้วย

Akbar Restaurant & Bar

Akbar Restaurant & Bar

Butter Chicken ไก่ทันดูรีในน้ำแกงเข้มข้นจากส่วนผสมของวิปครีมและโยเกิร์ต กลิ่นหอมเครื่องเทศจางๆ ปลุกน้ำย่อยให้ตื่นตัวทีเดียว

Akbar Restaurant & Bar

Special Tandoori Mix ประกอบด้วย ไก่ย่าง แพะย่าง ปลาย่าง แกงไก่ แกงกระเจี๊ยบ แกงถั่ว ข้าวผัดหญ้าฝรั่น โยเกิร์ตใส่สลัด แป้งนาน และของหวานกุหลาบจามุน

Akbar Restaurant & Bar

Chicken Hyderabadi Biriyani ข้าวหมกไก่ทำจากข้าวบัสมาติ กินคู่ไก่นุ่มน่องโต โรยหอมเจียวและผักชีเพิ่มกลิ่นรส

Akbar Restaurant & Bar

อร่อยฟินเหมือนนั่งกินอยู่ในดินแดนภารตะ!

พิกัด : 1/4ซอยนานาเหนือ ถนนสุขุมวิท ซอย 3 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 10.30-01.00 น.
โทร 0-2255-6935, 0-2253-3479
 

★ 3. Indus 

ร้านอาหารอินเดียสูตรดั้งเดิมที่ได้แรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตของผู้คนริมฝั่งแม่น้ำอินดัสซึ่งไหลผ่านตอนเหนือของอินเดียและหลายประเทศ นำเสนอสไตล์โมเดิร์นทั้งการตกแต่งจานอาหารและบรรยากาศสบายๆ ให้ความรู้สึกเฟรนด์ลี่แตกต่างจากร้านอาหารอินเดียแบบดั้งเดิมที่เคยสัมผัส ใครที่แอบกังวลเรื่องกลิ่นเครื่องเทศอาจต้องแปลกใจเพราะร้านนี้มีเพียงความหอมกรุ่นที่กระตุ้นความหิวเท่านั้น

Indus

Indus

ระหว่างรอจานหลักทางร้านจะเสิร์ฟของว่าง ปาปาดัมกับซอส 3 รสชาติและหอมแดงให้เคี้ยวเล่นเพลินๆ

Indus

จานต่อมาแนะนำ Papdi Chaat เมนูเรียกน้ำย่อย ข้าวเกรียบทอดกรอบทำจากแป้งถั่วชิ้นพอดีคำ โรยด้วยถั่วชิกพี มันฝรั่ง โยเกิร์ต ชูรสด้วยซอสสะระแหน่และซอสมะขาม

Indus

ต่อด้วย Raan ขาแกะสูตรอินดัสหมักกับเครื่องเทศ 6 ชนิดนานถึง 24 ชั่วโมง และสโลว์คุกอีก 7 ชั่วโมง จากนั้นย่างในเตาทันดูร์เพิ่มกลิ่นหอมจากเตาดิน ยกให้เป็นเมนูคู่โต๊ะที่ควรสั่งมาลิ้มรสอย่างยิ่ง

Indus

ของย่างก็มีให้สั่งอย่างหลากหลาย แต่ถ้ายังลังเลใจแนะนำ Mixed Grill รวมมิตรเตาทันดูร์ นำทัพโดยไก่นุ่มหมักโยเกิร์ตย่าง ปลากระพงย่าง กุ้งกุลาย่าง และเคบับเนื้อแพะสับเสียบไม้ย่าง ทุกชิ้นหอมกลิ่นเครื่องปรุงรส เนื้อนุ่มไม่แห้งกระด้าง แม้วางไว้สักพักก็ยังนุ่มฉ่ำเหมือนเพิ่งเสิร์ฟใหม่ๆ

Indus

Butter Chicken ไก่รมควันเคี่ยวในน้ำเกรวีที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ราดเนยและครีมเพิ่มความหอมมัน กินคู่ Garlic Nan กรอบนอกนุ่มในหอมกลิ่นกระเทียม ถ้าไม่จุใจอยากให้ลอง Family Nan แผ่นใหญ่ไซส์ยักษ์ที่ฉีกกินได้จุใจทั้งครอบครัว

Indus

Indus

Indus

ส่วนชีสเลิฟเวอร์แนะนำ Palak Paneer ผักโขมสับใส่ครีม ผัดกับคอตเตจชีสหั่นสี่เหลี่ยมชิ้นโตเต็มคำ เป็นเมนูที่กินได้เต็มที่เพราะแคลอรี่ต่ำมาก

Indus

ปิดท้ายล้างปากด้วย Gulab Jamun Flambé ขนมหวานทำจากแป้งผสมนม ปั้นเป็นลูกกลมแล้วทอดในเนย ก่อนเสิร์ฟสมทบด้วยน้ำเชื่อมหอมหวาน ควรสั่งมากินคู่ Masala Tea ชานมร้อนสไตล์อินเดียที่เติมความหวานได้ตามชอบ

Indus

จิบเพลินๆ ฟีลกู้ดเหมือนนั่งอยู่ริมแม่น้ำอินดัส!

พิกัด : ซอยสุขุมวิท 26 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 11.30-14.30 น. และ 18.00-22.30 น.
โทร 0-2258-4900
 

★ 4. Tuk Tuk 

Tuk Tuk ชื่อร้านที่สื่อถึงความเป็นเอเชียได้อย่างชัดเจน ด้านในยังเข้าถึงง่ายเพราะเน้นกลิ่นอายบนท้องถนนอันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของประเทศอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นสตรีทอาร์ทสีจัดจ้านที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา หรืออาหารการกินที่สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนได้อย่างน่าสนใจและชวนหิวทีเดียว

Tuk Tuk

Tuk Tuk

ทางร้านนำจานเด็ดสไตล์สตรีทฟู้ดมาปรุงอย่างพิถีพิถัน เน้นวัตถุดิบสดใหม่และเครื่องเทศต้นตำรับเพื่อคงเอกลักษณ์ของอาหารอินเดียไว้ แต่ใช้วิธีปรับระดับให้เข้ากับลิ้นคนไทยมากขึ้นจนเราลืมกลิ่นและรสชาติที่ค้างคาใจไปเลย

Tuk Tuk

อุ่นเครื่องเบาๆ กับ Okra Fries กระเจี๊ยบชุบแป้งที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศสีแดงช่วยเพิ่มสีสันชวนน้ำลายสอ ทอดกรอบๆ เสิร์ฟพร้อมมายองเนสและน้ำพริกเผาไทย เป็นเมนูกินเล่นเพลินๆ เหมือนเฟรนฟรายส์

Tuk Tuk

Chicken Lollipops ปีกไก่บนที่รูดเนื้อขึ้นคล้ายโลลิป๊อบ คลุกเคล้ากับเครื่องเทศสีแดง ทอดในน้ำมันร้อนๆ จนเนื้อนุ่มหนังกรอบ หยิบกินได้แบบพอดีคำ รสชาติเผ็ดซ่านติดปลายลิ้น เสิร์ฟให้กินกับมินท์ชัตนีย์และน้ำจิ้มไก่

Tuk Tuk

ขยับมาจานหลักจากเตาทันดูร์ Chicken Tikka ไก่ย่างสไตล์อินเดีย หมักเครื่องเทศจนซึมซาบเข้าเนื้อ และย่างจนหอมกรุ่นได้ที่ เสิร์ฟให้กินคู่มินท์ชัตนีย์ ควรบีบมะนาวนิดหน่อยจะชูรสชาติความอร่อยยิ่งขึ้น

Tuk Tuk

หรือจะเปลี่ยนจากไก่เป็นปลากระพงย่างหอมๆ ก็เข้าทีกับ Tawa Seabass เมนูเพื่อสุขภาพประจำร้าน เสิร์ฟกับซอสสับปะรด รสหวานอมเปรี้ยวเจือรสเผ็ดนิดๆ เพิ่มความสดชื่นและช่วยลดกลิ่นเครื่องเทศลงด้วย

Tuk Tuk

มาร้านอาหารอินเดียทั้งทีเมนูต้องมีคือ Garlic Naan แป้งนานกรอบนุ่มหอมกลิ่นกระเทียม ทางร้านมีแกงให้เลือกสั่งมากินคู่หลายอย่าง อาทิ Coastal Prawn Curry แกงกุ้งกะทิ เครื่องแกงเข้มข้นหอมมันกุ้ง

Tuk Tuk

หรือถ้าชอบความเนียนนุ่มละมุนลิ้นสั่ง Butter Chicken ที่ครบครันความหอมมันจากเนยนม

Tuk Tuk

บางท่านที่ยังไม่คุ้นชินกับอาหารอินเดีย ที่นี่ก็มีทางเลือกไว้ให้อิ่มท้องแบบไม่น้อยหน้ากัน อาทิ Old School Pad Thai สตรีทฟู้ดไทยรสชาติกลมกล่อมจากซอสสูตรลับฉบับตุ๊กตุ๊ก ลองแล้วจะติดใจ

Tuk Tuk

ปิดท้ายด้วยขนมหวานล้างปาก Nutella Naan เปลี่ยนแป้งนานในเมนูของคาวมาเป็นของหวานราดนูเทลลา เคี้ยวหนึบหอมหวานคล้ายโรตีที่คุ้นเคย

Tuk Tuk

และ Grilled Pineapple สับปะรดย่างเนย สับปะรดพันธุ์หอมสุวรรณ หวานฉ่ำอมรสเปรี้ยวเล็กน้อย หั่นเป็นชิ้นตามยาวเสียบไม้ย่าง เคลือบด้วยเนยหอมๆ กินคู่ไอศกรีมกะทิเนื้อเนียนหอมมันจากกะทิคั้นสด

Tuk Tuk

ส่วนเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ Rani’s Kiss สลับสีสวยถึง 3 เลเยอร์ ชั้นล่างเป็นน้ำส้มสดผสมน้ำมะนาว ใส่ใบมินต์อินฟิวส์เพิ่มกลิ่นรส โรยน้ำแข็งและโซดา ตรงกลางเป็นแบล็กเคอแรนท์ไซรัปปราศจากน้ำตาล 100% ก่อนปิดจ๊อบด้วยโซดา

Tuk Tuk

ยกให้เป็นเครื่องดื่มเปรี้ยวซ่าที่สั่งมาปิดท้ายมื้อได้สุดเปอร์เฟ็กต์

พิกัด : C24-C25 The Circle Ratchapruk ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
เปิดบริการ ทุกวัน  11.30-21.30 น.
โทร. 0-2108-9954
 

★ 5. Punjab Grill 

ร้านอาหารอินเดียแบบไฟน์ไดนิงที่ได้รับการชื่นชมว่าเป็นสุดยอดอาหารอินเดียตอนเหนือ นำเสนอเมนูที่มีเอกลักษณ์เด่นชัดและพิถีพิถันทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ การใช้เครื่องเทศในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อไม่ให้กลบรสชาติของส่วนผสมหลักไปจนถึงการปรุงให้สุกแบบช้าๆ ในเตาทันดูร์

Punjab Grill

Punjab Grill

แนะนำ Tandoori Jheenga หลายคนอาจคุ้นเคยกับไก่ย่างทันดูรี หนึ่งในอาหารอินเดียยอดนิยมทางตอนเหนือของรัฐปัญจาบ ลองเปลี่ยนรสชาติจากเนื้อไก่เป็นกุ้งบ้างก็ได้รสสัมผัสที่กรอบเด้งไปอีกแบบ ทางร้านนำกุ้งลายเสือมาหมักเครื่องเทศมาซาลาและนมเปรี้ยวก่อนนำไปย่างในเตาทันดูร์ รสชาติที่ได้จะมีความเปรี้ยวและเผ็ดร้อนชวนกิน

Punjab Grill

Crab and Lentil Shorba เนื้อปูในซุปถั่วเลนทิลแบบดั้งเดิม รสเผ็ดซ่าติดปลายลิ้นเพิ่มสีสันด้วยอิคุระ

Punjab Grill

ปิดท้ายด้วย Tawa Scallops หอยเชลล์ย่างสูตรของร้านที่หอมอบอวลด้วยกลิ่นเครื่องเทศผสานความสดหวานของหอยเชลล์ ชวนน้ำลายสอทีเดียว

Punjab Grill

พิกัด : ซอยสุขุมวิท 13 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 18.00-22.30 น. และ Sunday Brunch ทุกวันอาทิตย์ 12.00-15.00 น.
โทร. 0-2645-4952
 

★ 6. Al Saray  Fine Lebanese & Indian Cuisine 

เราอาจจะคุ้นเคยกับอาหารหลากหลายชาติแต่สำหรับอาหารอินเดียหรือเลบานอนแล้วอาจไม่ค่อยคุ้นลิ้นนัก ด้วยมีร้านให้เลือกน้อยอีกทั้งคนส่วนใหญ่ยังติดภาพจำถึงกลิ่นฉุนของเครื่องเทศทำให้เสียโอกาสในการลิ้มลองรสชาติของอาหารที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถ้าคุณเป็นนักกินตัวจริงเราไม่อยากให้พลาดประสบการณ์แห่งรสชาติ เพราะที่นี่ไม่ใช่แค่เปลี่ยนความคิด แต่คุณจะหลงรักเลยล่ะ

Al Saray  Fine Lebanese & Indian Cuisine

Al Saray  Fine Lebanese & Indian Cuisine

เริ่มต้นที่เมนูเรียกน้ำย่อย Hummus ถั่วลูกไก่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เนื้อครีมๆ มันๆ ผสมผสานกับน้ำมะนาวและน้ำมันงา เคี้ยวเล่นเพลินๆ อร่อยจนต้องสั่งเพิ่ม

Al Saray  Fine Lebanese & Indian Cuisine

Fattouch สลัดรวมมิตร โรยผงชูมัส(Sumac Spice) และขนมปังกรอบแผ่นบาง ราดน้ำทับทิมเข้มข้น

Al Saray  Fine Lebanese & Indian Cuisine

ต่อด้วยจานหลัก Mixed Grill Platter ของย่างกลิ่นหอมนำขบวนโดยเนื้อแกะ เนื้อไก่ แป้งนาน หัวหอม มะเขือเทศ และข้าวโพด

Al Saray  Fine Lebanese & Indian Cuisine

และ Mutable Batenjan มะเขือเผาบดคลุกเคล้ากับน้ำมะนาวและงา โรยเมล็ดทับทิมเพิ่มสีสัน

Al Saray  Fine Lebanese & Indian Cuisine

พิกัด : ถนนสีลม ซอย 2/1 แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 11.00-24.00 น.
โทร 0-2234-4988
 

★ 7. Rang Mahal 

ราง มาฮาล” (Rang Mahal) บนชั้น 26 ของโรงแรมแรมแบรนดท์ กรุงเทพฯ (Rembrandt Hotel Bangkok) ตกแต่งบรรยากาศให้เรารู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าห้องโถงของดินแดนภารตะอันโอ่อ่า ตระการตาด้วยลายแสนสวยบนพรมและผ้าที่ประดับตกแต่ง ร่วมด้วยวงดนตรีตามแบบฉบับอินเดียคอยขับกล่อม ขณะที่อีกด้านก็จะพบกับวิวพาโนรามามองเห็นแสงไฟระยิบระยับของกรุงเทพฯ พลางชิมเครื่องเคียงที่เจ็บจี๊ดด้วยสีสันแต่รสอร่อยถูกใจมากไม่ว่าจะเป็น หอมแดงดองรสออกเปรี้ยว ไช้เท้าดองโรยงารสออกหวาน และเครื่องจิ้มจากใบมินท์บดสีเขียวสด กินเข้าคู่กับแป้งนานได้อย่างเหมาะเจาะ

Rang Mahal

Rang Mahal

นานของที่นี่มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ Naan นานทันดูร์แป้งกรอบนุ่มรสดั้งเดิม และ Garlic Naan นานใส่กระเทียมหอมมันเนื้อเหนียวนิดๆ แล้วมาเพิ่มดีกรีความหนักท้องกันต่อด้วย Tandoori Prawns กุ้งลายเสือหมักในเครื่องเทศอินเดียสีออกเหลือง ปรุงในหม้อดินส่งกลิ่นหอม จานนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังกินกุ้งสะเต๊ะไม้เนื้อแน่นเต็มคำ

Rang Mahal

ตามด้วย Paneer Tikka Badshahi คอตเตจชีสหรือชีสนมแพะหั่นเต๋าหมักในเครื่องเทศก่อนจะย่างในเตาทันดูร์ ด้วยรสชาติชีสที่เข้มข้นขอแนะนำว่าให้กินเครื่องเคียงตามไปด้วยเลย รับรองเพลิน แล้วยังมี Raan E Khyber ขาแกะหมักด้วยเครื่องเทศและเหล้ารัม เนื้อร่อนหอมฉุย รับประกันว่าไร้กลิ่นคาว

Rang Mahal

ต่อด้วยจานหลักกับแกง 3 อย่าง ได้แก่ Jheenga Kadhai แกงกุ้งใส่มะเขือเทศสับและเครื่องเทศ รสชาติเข้มข้นเผ็ดร้อน พ่วงรสเปรี้ยวๆ ติดปลายลิ้นในเนื้อกุ้งทุกคำ Murgh Tikka Masala แกงมาซาลาไก่ที่ให้รสชาติแสนคุ้นเคยคล้ายแกงบ้านเรา แต่จะให้กลิ่นขึ้นจมูกมากกว่า และ Roganjosh Kashmiri แกงแพะย่างเนื้อนุ่มปรุงรสด้วยซอสหัวหอมและเครื่องเทศให้รสกลอมกล่อมเผ็ดร้อนแต่หอมหวาน

Rang Mahal

Rang Mahal

Rang Mahal

ปิดท้ายด้วยขนมหวานขึ้นชื่อ Gulab Jamun กุหลาบจามุนหรือแป้งผสมนมทอดในน้ำมันเนยราดด้วยน้ำเชื่อมทำจากลูกกระวานและจันทร์เทศ หอมหวานแบบสุดๆ

Rang Mahal

พิกัด : ห้องอาหาร Rangmahal ชั้น 26 โรงแรมแรมแบรนดท์ กรุงเทพฯ ซอยสุขุมวิท 18 ถนนสุขุมวิท คลองเตย กรุงเทพฯ
เปิดบริการ ทุกวัน กลางวัน (บุฟเฟ่ต์ 11.00 – 14.30 น.) และกลางคืน 18.00 – 24.00 น.
โทร 0-2261-7100 ต่อ 7532


Tag: , รวมร้านอร่อย, อาหารอินเดีย,

เรื่องโดย

ความคิดเห็น

Editor’s Pick

Recent

Most Viewed