Fine dining อาจจะธรรมดาไปแล้วล่ะ เพราะครั้งนี้เรายกร้านอาหารที่มาในรูปแบบ Art Concept ทุกเมนูสวยหรูซะจนคิดไม่ถึงว่านี้คือเมนูอาหารแสนอร่อยที่เราคุ้นเคย ถือเป็นร้านอาหารทางเลือกไว้ให้ดินเนอร์กันเก๋ๆ พร้อมดื่มด่ำกับอาหารจานอร่อยกันได้อย่างเพลิดเพลินเชียวล่ะ
1. Maison De Bangkok
เมื่อเราพูดถึงศิลปะกับอาหาร หลายคนคงนึกถึงเมนูในแบบต่างๆ ที่เคยเห็น แต่สำหรับร้าน Dark Room คือการนำศิลปะแต่ละแขนงมาผสมผสานเข้ากับอาหารสไตล์เจแปนนิสและเวสเทินฟู้ด ซึ่งเปิดระบบสัมผัสของเราให้รับรู้พร้อมกันทั้งรูป รส กลิ่น เสียงได้อย่างลงตัว โดยเชฟกันต์ รตนาภรณ์ ที่พ่วงตำแหน่งเจ้าของร้านเป็นคนครีเอทจานต่างๆ ทั้งหมด 15 คอร์สด้วยกัน ซึ่งเมนูจะเปลี่ยนไปทุกๆ 3 เดือน
เมนูแนะนำ
Bird’s Nest แต่งจานคล้ายกับรังนก โดยใช้แผ่นข้าวญี่ปุ่นทอดปรุงรสและเฟรนส์ฟรายหมักเห็ดทรัฟเฟิลทำเป็นรัง แล้ววางไข่นกกระทาที่อัดแน่นด้วยไข่กุ่ง แบล็ค คาเวียร์ และ เรด คาเวียร์ไว้ด้านบน กินคู่กับชีสดิป ผัก และดอกไม้ออร์แกนิค
Black is Black ราวิโอลีโฮมเมดทำเนื้อแป้งขึ้นมาใหม่ให้บางและนุ่มสอดไส้กุ้งหวาน แล้วราดซอสข้นที่ได้จากเห็ดทรัฟเฟิลและหมึกดำของปลาหมึก นอกจากนี้ยังมีเมนูเบเกอรีที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
ที่ตั้ง : Dark Room (Maison De Bangkok) KRAM COLLABO ซอยพบมิตร สุขุมวิท39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เวลาเปิด – ปิด : 18.30 น. เป็นต้นไป
เบอร์โทรศัพท์ : 088-556-5566
2. Haoma
เห็นทีเทรนด์อาหารแบบ Farm to table จะน่าสนใจมากขึ้นซะแล้ว เมื่อ Haoma ร้านเก๋ในซอยสุขุมวิท 31 ตีโจทย์ใหม่ ด้วยการยกร้านอาหารไปตั้งไว้กลางฟาร์มผักเสียเลย นำทีมโดยเชฟดีเค (Deepanker Khosla) เชฟชาวอินเดียที่ผ่านประสบการณ์ด้านอาหารมาแล้วอย่างโชกโชน ทั้งเครือโรงแรมดังอย่าง Starwood รวมถึงร้าน Charcoal Tandoor Grill & Mixology มารับหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่
เมนูแนะนำ
Stick to the roots จานสลัดสุดครีเอต เชฟชวนเราพลิกอีกด้านของโลกขึ้นมาให้มองเห็นฝั่งรากของพืชผัก ในจานจึงมีทั้งบีทรูทอบเกลือ หัวเทอร์นิฟกงฟีต์ บีทรูทอบแห้ง รากบัวดอง มาการองแครอต จัดวางอย่างเก๋ไก๋ วาดลวดลายบนจานด้วยซอสบีทรูทเช่นกัน เนื้อสัมผัสน่าสนใจ เพราะมีทั้งความกรอบ ความหวาน ความเปรี้ยวในจานเดียว
Deep sea diving จานนี้เชฟนำวัตถุดิบของญี่ปุ่นมาไว้ด้วยกัน ทั้งหอยเชลล์ฮอกไกโดตัวอวบและหนวดปลาหมึกยักษ์นุ่มหนึบ เสิร์ฟพร้อมมันม่วง ถั่วแระญี่ปุ่น กลีบส้ม และเพิ่มรสด้วยซอสมิโซะ
ที่ตั้ง : 231/3 ซอยสุขุมวิท 31 ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เวลาเปิด – ปิด : 17.30-23.00 น. (ปิดวันจันทร์)
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2258-4744 ,06-1460-5441
3. Cuisine de Garden BKK
ส่งตรงความอร่อยมาถึงกรุงเทพฯ เป็นที่เรียบร้อยสำหรับ Cuisine de Garden ร้านที่หลายคนหลงรักจากเชียงใหม่ แน่นอนว่าการมาครั้งนี้ย่อมมีความพิเศษซ่อนอยู่ โดยเฉพาะคอนเซ็ปต์ “Nature Inspired” ที่สื่อออกมาได้อย่างน่าประทับใจทั้งๆ ที่อยู่ในย่านกลางเมืองอย่างเอกมัย
เมนูแนะนำ
Soil ความอร่อยใน Chapter 1 ที่สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนดินด้วย Beef Tartar เนื้อวัวสุดนุ่มคลุกเคล้าด้วยเครื่องเทศและไอศกรีมชาร์โคลที่ทำออกมาได้เหมือนกับหน้าดินที่ชุ่มฉ่ำน้ำ ก่อนจะตกแต่งด้วยผักแขยงและบีตรูตอบกรอบให้อารมณ์ความเย็นสดชื่น
Starry Night ที่ได้แรงบันดาลใจจากภาพวาดของจิตรกรเอกอย่างวินเซนต์ แวน โก๊ะ (Vincent Van Gogh) จานนี้เป็นปลาหมึกย่างเนื้อเหนียวนุ่มยัดไส้ซุปผักราตาตุยที่ผสานเครื่องเทศแกงกะหรี่ ตกแต่งด้วยเจลมะนาวดองรสเปรี้ยวๆ ไข่ปลาแซลมอนให้รสเค็ม พร้อมด้วยซอสไอโอลีที่ทำจากผงกะหรี่และน้ำมันมะกอก
ที่ตั้ง : 12/6 ซอยเอกมัย 2 ถนนสุขุมวิท 63 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เวลาเปิด – ปิด : 18.00 – 23.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
เบอร์โทรศัพท์ : 061-626-2816
4. Re-interpretation of Thai Cuisine
หลังจากร้าน 80/20 ร้านอาหารในดวงใจของใครหลายคนปิดปรับปรุงไปเมื่อปีที่ผ่านมา เชฟโจ-ณพล จันทรเกตุ และเชฟซากิ โฮชิโนะ ก็กลับมาให้เราตื่นเต้นอีกครั้งพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ Re-interpretation of Thai Cuisine แบบ 4R กับสไตล์อาหาร Modern Thai Cuisine
เมนูแนะนำ
Tiger Prawn Crudo กุ้งลายเสือว่ายน้ำจับขึ้นมาปรุงสดๆ เนื้อกรอบหวาน หอมวีเนแกรตจากส้ม 5 ชนิด กินคู่คุกกี้โดกรุบกรอบผสมเปลือกกุ้งและหัวกุ้งแล้วดีงามจริงๆ
A Dream of Trang BBQ Pork หรือหมูย่างเมืองตรัง จานนี้ก็เก๋ เชฟโจครีเอตหน้าตาให้ต่างไปจากเดิมด้วยหนังหมูกรอบ หอม ไม่หวานจ๋อย เสิร์ฟพร้อมกระเทียมโทนดองน้ำผึ้ง บะจ่าง และซอสพริกทำเอง กินคู่สาโทแดงที่ได้จากข้าวสังข์หยดแล้วเข้ากันดีเชียว
ที่ตั้ง : 1054, 1052, 26 ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ
เวลาเปิด – ปิด : 18.00-23.00 น. (หยุดวันจันทร์)
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2234-2822
5. วังหิ่งห้อย
ชวนคุณมาเปิดประสบการณ์ Fine Dining แบบใกล้ชิดธรรมชาติกันที่วังหิ่งห้อย ร้านอาหารไทยอินสปายในคอนเซ็ปต์ “ดิน น้ำ ลม ไฟ” เสิร์ฟพร้อมอาหารและเครื่องดื่มที่ผสานสัมผัสทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และตื่นตาตื่นใจไปกับหิ่งห้อยนับร้อยตัวสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ที่หาชมได้ยากยิ่งกลางใจเมืองซึ่งไม่ใช่เพียงภาพในจินตนาการอีกต่อไป
เมนูแนะนำ
Lunar River ดุจเงาสะท้อนของดวงจันทร์ลงบนผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับ สัมผัสความสดชื่นของสลัดผลไม้กับครีมซอสเลมอนหวานอมเปรี้ยวสุดครีมมี่ที่ทำเอาใจละลายไปตามๆ กัน
Blue Planet ขนมหวานไส้งาดำราดซอสอัญชัน สื่อภาพความยิ่งใหญ่ของสายน้ำที่เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของโลก เมนูนี้ออกแบบมาเพื่อท้าทายนักชิมอย่างเราให้ร่วมเดินทางตามหาความหวานละมุนที่ซุกซ่อนอยู่ด้านใน เพลิดเพลินและคุ้มค่าทีเดียว
ที่ตั้ง : 1054, 1052, 26 ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ
เวลาเปิด – ปิด : 18.00-23.00 น. (หยุดวันจันทร์)
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2234-2822
6. Sweet Chef Café
จากรายการทำขนมชื่อดัง Sweet Chef Thailand สู่ร้าน “Sweet Chef Café” ที่หยิบยกเอาเมนูของหวานสุดครีเอทที่แข่งขันในรายการมาเป็นเมนูประจำร้าน ให้แฟนรายการและเหล่านักชิมของหวานได้ลิ้มลอง โดยแต่ละเมนูถือเป็นลายเส้นของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนที่อยากจะสร้างสรรค์เมนูของหวานแปลกใหม่ หน้าตาดี แต่คงไว้ซึ่งความอร่อยนั่นเอง
เมนูแนะนำ
มูสหยดน้ำผึ้ง (Honey Bubble Yuzu Mousse) มูสเย็นๆ เนื้อละมุน มีรสหวานอมเปรี้ยวจากส้มยูซุและน้ำผึ้ง เนื้อมูสทำจากเลมอนครีมชีสเคลือบไวท์ช็อกโกแลต แอบซ่อนความสดชื่นด้านในด้วยเจลลี่ส้มยูซุผสมน้ำผึ้ง มะม่วงสุก สปันจ์เค้กวานิลลา ทานคู่กับคุกกี้น้ำผึ้งกรุบๆ ตัดด้วยไอศกรีมส้มยูซุรสเปรี้ยว
ครีมชีสว่านหางจระเข้ (Aloe Vera Creamcheese Muesli) ครีมชีสไลท์ๆ ผสมว่านหางจระเข้ กินคู่กับสเฟียร์โยเกิร์ต ตัดด้วยเลมอนครีมและกรานิต้าราสป์เบอร์รี่และสตรอว์เบอร์รี่ เป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่ได้ความเบาและสดชื่นไปพร้อมๆ กัน
ที่ตั้ง : 264 3 ถนน พระรามที่ ๑ แขวง ปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
เวลาเปิด – ปิด : 12.00 - 21.30 น.
เบอร์โทรศัพท์ : 06-2591-6666
7. Prime
ห้องอาหารไพร์ม คือหนึ่งในสเต็กเฮ้าส์เลื่องชื่ออันดับต้นๆ ของกรุงเทพที่มีทเลิฟเวอร์ตัวจริงต้องไม่พลาด เพราะสร้างความอิ่มฟินทั้งรสชาติอาหารและได้ซึมซับความงามของแสงไฟระยิบระยับสะท้อนระลอกคลื่นริมเจ้าพระยายามค่ำคืน การได้กลับมาเยือนในวันที่เชฟไซฟูล กาซิม (Shaiful Kassim) มาประจำการในตำแหน่ง Executive Chef และสร้างสรรค์อาหารจานใหม่ให้มีความชิคและหรูหรายิ่งขึ้น โดยเน้นการใช้วัตถุดิบพื้นถิ่นเป็นส่วนประกอบจึงมีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย
เมนูแนะนำ
Dry Aged Ranger Valley Wagyu Striploin จานนี้ใช้เนื้อวากิวจากออสเตรเลียการันตีคุณภาพด้วย Ranger Valley หนึ่งในผู้ผลิตเนื้อวากิวระดับพรีเมียม เสิร์ฟมาในระดับความสุก Medium Rare พร้อมผักเคียงตามฤดูกาลที่ช่วยสร้างสมดุลรสชาติกับเนื้อวากิว
Brittany Wild Turbot ปลาเทอร์บอตสดเนื้อหวานชิ้นโต มาพร้อมผักเคียง อาทิ Pomme Anna ต้นหอม หัวหอม และซอสซุกินี
ที่ตั้ง : ชั้น 3 โรงแรมมิลลิเนียม ฮิลตัน กรุงเทพ 123 ถนนเจริญนคร แขวงต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
เวลาเปิด – ปิด : 18:00-23.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2442-2000
8. เท็นชิโนะ
ร้านอาหารญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ มีอยู่มากมายแต่ที่มีสไตล์โดดเด่นไม่ซ้ำใครมากที่สุดต้องยกให้ร้านอาหารญี่ปุ่นร่วมสมัย “เท็นชิโนะ” ในร้านตกแต่งสไตล์โบฮีเมียนชิก ที่ใช้โทนสีเขียววินเทจสวยไม่เหมือนใคร ภายในร้านแบ่งที่นั่งให้เลือกหลายแบบทั้งโต๊ะยาวเหมาะกับสังสรรค์กลุ่มเพื่อน โซฟานุ่มสบายที่เป็นมุมส่วนตัวเหมาะสำหรับคู่รัก หรือจะนั่งหน้าบาร์เพื่อจิบค็อกเทลสไตล์ญี่ปุ่นก่อนมื้ออาหารก็ได้
เมนูแนะนำ
Sushi of the Day ใช้ปลานำเข้าจากตลาดปลาโทโยสุ ได้แก่ ปลาทูน่าหรือมากูโร่ส่วนอากามิเนื้อสีแดงสดรสเข้มข้น ปลาทูน่าส่วนเนื้อติดมันที่เรียกว่าชูโทโร่ ปลามาได หอยเชลล์โฮตาเตะ และปลาไหลทะเลอะนาโกะ กินพร้อมกับข้าวซูชิที่มีรสเปรี้ยวกำลังดี
Live Lobster and Seaweed Butter กุ้งล็อบสเตอร์ตัวโตย่างกับเนยรสสาหร่ายได้ทั้งกลิ่นหอมชอบกินและได้รสอูมามิจากสาหร่าย เนื้อล็อบสเตอร์เด้งหวาน ราดด้วยซอสเปรี้ยวที่มีส่วนผสมของส้มยูสุให้กลิ่นหอมสดชื่น
ที่ตั้ง : โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ 8/2 ซอยรางน้ำ ถนนพญาไท ราชเทวี กรุงเทพ
เวลาเปิด – ปิด : ทุกวัน 18.00-23.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2680-9999
Tag:
, ร้านอาหาร, อาหารดอกไม้, ศิลปะบนจานอาหาร,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น