ปัจจุบันมีร้านอาหารสไตล์โอมากาเสะเกิดขึ้นมากมาย ด้วยรูปแบบอาหารที่มีความตื่นเต้น แปลกใหม่ และเซอร์ไพรส์กับวัตถุดิบต่างๆ ที่เชฟนำเสนอ รวมถึงมุมมองศิลปะที่สื่อผ่านเมนูและการตกแต่งจานอาหาร ทำให้ร้านอาหารสไตล์โอมากาเสะมีเสน่ห์ไม่เหมือนใครวันนี้ทีมงาน G&C ขอรวบรวม 7 ร้านโอมากาเสะในรูปแบบต่างๆ ให้โอมากาเสะเลิฟเวอร์ได้ตามไปปักหมุดตามชอบกันเลย!
1. TenkoOmakase
โอมากาเสะน้องใหม่ “TenkoOmakase” ตั้งอยู่ภายในโรงแรม Pullman Bangkok ซอยรางน้ำ ที่ได้เชฟคุณภาพและหน้าตาดีอย่าง เชฟ “โกจิ โคบายาชิ” ผู้มีประสบการณ์ด้านอาหารญี่ปุ่นมากว่า 10 ปี และเคยร่วมงานกับร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว เมืองซานฟรานซิสโกอีกด้วย
วัตถุดิบของที่ร้าน “TenkoOmakase” นั้นมีตั้งแต่ เนื้อวัว TAKESHIMA A4 วากิว, หอยเชลล์ฮอกไกโด, กุ้งทะเลแดงจากคิวชู, ข้าวจากนิกาตะและมะเขือเทศมรดกสืบทอดจากยามานาชิ และวัตถุดิบคุณภาพที่จะหมุนเวียนสับเปลี่ยนให้อร่อยตามฤดูกาลอีกด้วย
TenkoOmakaseมีให้เลือกทั้งหมด 2 คอร์ส Premium Omakase Course ราคา 6000 บาท (21 คำ) และ Dinner Nigiri Course ราคา 4500 บาท (14 คำ) โดยจะเปิดให้บริการทั้งหมด 2 รอบเวลา 18.00 และ 20.00 น. จำกัดเพียง 10 ที่นั่งต่อรอบเท่านั้น
ที่ตั้ง : 8/2 ถนนรางน้ำ แขวงถนนพญาไทย เขตราชเวที กรุงเทพ
เวลาเปิด – ปิด : 18.00 – 23.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ :02-680-9999
2. Ginza Tenharu
ใครที่หลงใหลวิถีการกินแบบโอมากาเสะคงพอทราบว่าไม่ได้จำกัดเพียงแค่ซูชิเท่านั้น แต่ยังมี ‘โอมากาเสะเทมปุระ’ ซึ่งมีเสน่ห์ไม่แพ้กัน เพราะเป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะตัวของเชฟ เช่นเดียวกับร้าน Ginza Tenharuโอมากาเสะเทมปุระจากกินซ่า ประเทศญี่ปุ่น ที่เพิ่งเปิดสาขาที่เกษร วิลเลจ นับเป็นแห่งที่สามต่อจากสิงคโปร์
สำหรับคอนเซ็ปต์ร้านมีความเป็นร้านเทมปุระเล็กๆที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว มีที่นั่งล้อมรอบเทมปุระบาร์ให้เห็นเฮดเชฟ คาวากุจิ ไดกิ ทอดเทมปุระแบบคำต่อคำ วัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่นทุกวัน ที่โดดเด่นคือ Nodoguro หรือปลาคอดำเนื้อหวานมัน หากินยาก ส่วนแป้งสำหรับทำเทมปุระเป็นสีขาวละเอียด ใช้น้ำมันทานตะวันสกัดเย็นทอดในอุณหภูมิที่ 190 องศาเซลเซียส เชฟตั้งใจให้แป้งเคลือบวัตถุดิบบางที่สุด ทุกคำจึงกรอบและไม่อมน้ำมัน กินคู่เกลือ MaaruiShio จากเกาะโกโตะ เมืองนางาซากิ และเครื่องจิ้มอีก 6 ชนิดช่วยชูรสชาติ
Ginza Tenharu มีให้เลือกทั้งหมด 4 คอร์ส Koto Course ราคา 1800 บาท / Lunch Omakase Course ราคา 3000 บาท / Yugiri Course ราคา 4500 บาท / Omakase Course 6500 บาท
ที่ตั้ง : Gaysorn Village 999 ถนนเพลินจิต ปทุมวัน กรุงเทพฯ
เวลาเปิด – ปิด : 12.00-14.30 น. และ 18.00-23.00 น. (ปิดวันจันทร์และวันหยุดของตลาดปลาโทโยสุ)
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2070-0014 (จองล่วงหน้าเท่านั้น)
3. IChikaOmakase
โอมากาเสะที่ห้องอาหารอิชิกะมีความตั้งใจอยากให้ทุกคนที่มาได้สัมผัสกับการกินโอมากาเสะด้วยรูป รส และกลิ่นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ที่นี่จึงไม่ได้นำเข้าวัตถุดิบจากตลาดปลาสึกิจิเพียงอย่างเดียว แต่ยังนำวัตถุดิบขึ้นชื่อของแต่ละภูมิภาคทั่วญี่ปุ่นและวัตถุดิบตามฤดูกาลมาผสมผสานกันเป็นเมนูสุดอร่อยในหนึ่งคำนั่นเอง
โดยเชฟอคิระ เชฟประจำห้องอาหารที่ชำนาญการทำอาหารญี่ปุ่นมา 28 ปี ได้ทำ MozukuJunsaiสาหร่ายโมสุคุกินกับเจลนุ่มลื่นที่มาจากยอดอ่อนของใบบัว(จุนไซ) ได้รสเปรี้ยวและกลิ่นหอมอ่อนๆ เสิร์ฟมาในแก้วใสใบจิ๋วทรงสูง เป็นออร์เดิร์ฟเปิดต่อมรับรสได้ดีทีเดียวซึ่งนี่เป็นเพียงเมนูออร์เดิร์ฟสุดพิเศษที่เชฟตั้งใจทำมาเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยเท่านั้น เพราะแต่ละคอร์ยังมีความอร่อยพร้อมด้วยวัตถุดิบคุณภาพให้ได้ลิ้มลองอีกมากมายเลยล่ะ
IChikaOmakaseมีให้เลือก 2 เวลา คอร์สมื้อกลางวัน มีให้เลือกราคาท่านละ 1700++ / 2700++ /3700 บาท ++ ส่วนคอร์สมื้อเย็น มีให้เลือกราคาท่านละ 3700++ / 4700++ / 6700++ /9700 บาท ++
ที่ตั้ง : ชั้น M โรงแรมแรมแบรนดท์โฮเทล กรุงเทพฯ เลขที่19 ซอยสุขุมวิท18 แขวง/เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
เวลาเปิด – ปิด : 12.00-14.30 น. และ 18.00-22.30 น.
เบอร์โทรศัพท์ : 06-1165-6546
4. Umi
สำหรับคนที่หลงใหลการกินแบบโอมากาเสะ คงพอทราบกันว่าร้านแรกๆ ที่ทำให้วิธีการกินแบบนี้เริ่มเป็นรู้จักในบ้านเราคือ Umi สุขุมวิท 49 ซึ่งตอนนี้ Umi ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัวสาขาใหม่ที่เกษรวิลเลจในคาแรกเตอร์ที่แตกต่างจากที่เดิม ทั้งการตกแต่งร้านและรสชาติที่มีความนุ่มเบามากกว่า ฝีมือเชฟบรรพต เจ้าของประสบการณ์ด้านอาหารญี่ปุ่นกว่า 20 ปี
ความน่าสนใจของอุมิ ไม่ใช่แค่การคัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังชนะขาดที่เรื่อง ‘ข้าว’ ซึ่งใช้พันธุ์ข้าวและน้ำส้มสายชูที่ใช้หมักอย่างดี ซูชิแต่ละคำจึงมีรสชาติที่กลมกลืนไม่เหมือนใคร
Umiให้บริการมื้อกลางวันด้วยคอร์สซูชิ 9 คำ ราคา 2600++ บาท และ12 คำ ราคา 3200++ บาทส่วนมื้อเย็นคอร์สซูชิ 12 คำ 4000++บาท และ 16-18 คำ 6800++ บาท
ที่ตั้ง : ชั้น 1 เกษรวิลเลจ ถนนเพลินจิต ปทุมวัน กรุงเทพฯ
เวลาเปิด – ปิด : รอบ 18.00 น. และ 20.15 น. (ปิดวันจันทร์)
เบอร์โทรศัพท์ : 06-1165-6546
5. Sushi KappouKitaohji
ซูชิ คัปโปะ คิตะโอจิ ร้านสไตล์โอมากาเสะแห่งใหม่ล่าสุดของ Kitaohji Thailand ที่พิถีพิถันแบบทุกขั้นตอน ตั้งแต่เรื่องวัตถุดิบที่ทางร้านการันตีว่าคัดจากแหล่งดีที่สุดส่งตรงแบบวันต่อวัน สร้างสรรค์ทุกคำด้วยทีมเชฟมากประสบการณ์ชาวญี่ปุ่น
ส่วนการตกแต่งภายในร้านได้แรงบันดาลใจจากความงามของวัดโบราณชูเซนจิ (Chuzenji) มองแล้วสบายตา รวมถึงจานชามแต่ละชิ้นนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งหมด ลวดลายไม่ซ้ำกัน ช่วยทำให้คอร์สโอมากาเสะของที่นี่น่าจดจำมากขึ้นอีกเท่าตัว
Sushi KappouKitaohjiมี 2 คอร์สให้เลือก ราคา 4500++ บาท และ 8000++ บาท
ที่ตั้ง : ชั้น G 39 Boulevard สุขุมวิท 39 (ซอยพร้อมจิต) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เวลาเปิด – ปิด : 17:00 - 23:00 (ปิดวันจันทร์)
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2160-0308
6. Sushi Ichizu
ว่ากันว่าหากไม่นับรวม SukiyabashiJiroของคุณลุงจิโร่ที่ขึ้นแท่นตำนานซูชิ ก็มี Sushi Mizutaniนี่แหละที่ถือว่าเป็นสุดยอดระดับตำนาน หลังจากสั่งสมประสบการณ์จากคุณลุงจิโร่จนออกมาเปิดร้านของตัวเอง น่าเสียดายที่ต้องเกษียณตัวเองก่อนเวลาอันควร ทำให้ซูชิเข้าสู่ยุคทองของ Sushi Sugita และ Sushi Saito แต่ความน่าตื่นเต้นไม่ได้หยุดอยู่ที่ร้านซูชิ 2 ร้านนี้อีกต่อไป เพราะฟู๊ดดี้ชาวไทยได้ชักชวนซูเชฟของซูชิซูกิตะ เดินทางมายังกรุงเทพฯ เพื่อเปิดร้าน Sushi Ichizu
เชฟริคุ โทดะ (Riku Toda) เชฟซูชิของซูชิอิชิซู ได้รับการบ่มเพาะฝีไม้ฝีมือจากเชฟระดับเทพ ฮาชิโระ มิตสุทานิ (HachiroMitzutani) หนึ่งในลูกศิษย์ของลุงจิโร่ เขาจึงมีรากฐานของซูชิสไตล์เอโดะมาเอะ (Edomae) อย่างชัดเจน ซึ่งจุดเด่นที่นี่มีส่วนประกอบ 2 ส่วน ข้าว (ชาริ) และปลา (เนตะ) ที่นี่หุงข้าวแบบอัลเดนเต้และอาศัยวิธีปั้นที่อัดอากาศเข้าไปให้ข้าวแน่นพอดี ผสมกับน้ำส้มสายชูที่เบลนด์ขึ้นเอง ส่วนปลาก็มีทั้งสดและดอง ขึ้นอยู่กับชนิดของปลา พร้อมด้วยปรัชญาที่ว่า “วันนี้ได้วัตถุดิบอะไรมาก็จะทำสิ่งนั้น ไม่ใช่วันนี้จะทำสิ่งนี้แล้วถึงซื้อวัตถุดิบมา” ถึงเราจะบอกว่าโอมากาเสะเป็นมื้ออาหารที่แล้วแต่เชฟ แต่ด้วยเรื่องของความไว้ใจเชฟก็ต้องตอบแทนคนกินผ่านมื้ออาหาร
Omakase Course 16 คำ ราคา 8000++ บาท
ที่ตั้ง : ปากซอยสุขุมวิท 39 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ
เวลาเปิด – ปิด : 2 รอบ 17.30 และ 20.30 น. (ปิดวันจันทร์)
เบอร์โทรศัพท์ : 06-5738-9999
7. Sushi Zo
ซูชิโซ เป็นร้านของเคโซ เซกิ (Keizo Seki) เชฟชาวโอซาก้าที่มีโอกาสไปใช้ชีวิตในเมืองลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา จนเริ่มเปิดซูชิโซขึ้นในปี 2006 ซึ่งร้านของเขาได้ดาวมิชลินมาครองถึง 2 ดวง ดวงแรกเป็นของสาขาลอสแองเจลิสที่ได้ในปี 2009 และอีกดวงเป็นสาขานิวยอร์คที่เพิ่งได้มาสดๆ ร้อน ในปี 2016 ในสหรัฐอเมริกายังมีสาขาของซูชิโซที่ย่านดาวน์ทาวน์ในลอสแองเจลิสอีกสาขา
ซูชิโซ คล้ายกับร้านโอมากาเสะซูชิทั่วไปตรงที่ไม่รับวอล์คอิน ไม่ใช่เพราะหยิ่งอะไรหรอกนะ แต่เชฟตั้งใจปั้นซูชิดีๆ ก็เลยต้องขอทราบจำนวนลูกค้าเพื่อจะได้ตระเตรียมข้าวของให้ถูก ที่สำคัญเชฟเลือกใช้วัตถุดิบจากหลายแหล่ง โดยเชฟเล่าว่าเขาเลือกใช้ข้าวและน้ำแร่จากฮอกไกโดสำหรับหุงข้าวแล้วปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู 2 ชนิด ทั้งน้ำส้มสายชูแดงและขาว ใช้เทคนิกการปั้นเพื่อไม่ให้ข้าวแน่นหรือกระจายตัวมากเกินไป กรรมวิธีการแล่ รวมไปถึงการตกแต่งจานที่สวยงาม ไม่เพียงเท่านั้นเชฟจะลำดับเมนูให้มีการไต่ระดับของรสชาติเพื่อให้สามารถสัมผัสความอร่อยของแต่ละจานได้อย่างลึกซึ้ง โดยแต่ละคำนั้นแทบจะไม่ผ่านการปรุงแต่งเพื่อคงรสชาติตามธรรมชาติเอาไว้ให้มากที่สุด
Omakase Course 18 คำ ราคา 7000++ บาท
ที่ตั้ง : พลาซ่า แอทธินี ทาวเวอร์ ถนนวิทยุ ใกล้กับร้าน Islero และ Chairman
เวลาเปิด – ปิด : เสิร์ฟวันละ 2 รอบ 17.30 น. และ 20.00 น. รอบละ 12 ที่นั่ง ปิดทุกวันจันทร์
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2168-8490
Tag:
, ซูชิ, อาหารญี่ปุ่น, โอมากาเสะ,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น