คุยเรื่องสตรีทฟู้ดทั้งทีจะพลาดย่านนี้ไปคงไม่ได้ ในเมื่อชาวสามย่านนั้นถูกล้อมไว้ด้วยร้านสตรีทฟู้ดที่มีครบทั้งความเก่าแก่ รสชาติดี ราคาสบายกระเป๋า และพ่วงมาด้วยร้านที่ต้อง “เข้าคิว” นาน อีกทั้งยังเป็นย่านที่หาของอร่อยลงกระเพาะได้ตั้งแต่เช้ามืดไปจนถึงดึก (ย้ำว่าดึกจริงๆ) การฝากพุงไว้ในย่านนี้จึงตอบโจทย์อย่างที่สุด
เวลาชีวิตของคนละแวกนี้เริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่ แน่นอนว่าอาจไม่คึกคักเท่ายามค่ำคืน แต่ในช่วงเช้าร้านรวงดังๆ ก็เริ่มเปิดขายกันบ้างแล้ว และหากออกเดินจาก MRT สถานีสามย่านมุ่งสู่ถนนบรรทัดทองลองแวะกินโจ๊กในตำนานก่อนเลยที่โจ๊กสามย่าน (ซอยจุฬา 11 ทางผ่านพอดี) ที่นี่เป็นร้านเก่าแก่ 60 ปีแล้ว เทียบกับคนก็เป็นคุณตาคุณยายใจดีและยังคงความ “ขลัง” อยู่ เราจะได้เห็นคนต่อคิวยาวตั้งแต่ฟ้าเริ่มสว่าง และยังเป็นจุดรวมตัวของหนุ่มๆ ชาวเดลิเวอรีมารอรับโจ๊กร้อนๆ ตามออร์เดอร์กันเพียบ
จุดเด่นที่มัดใจเราคือปลายข้าวหอมมะลิอย่างดี เคี่ยวแล้วเนื้อโจ๊กยังเป็นเม็ดให้ได้มีเนื้อสัมผัสเวลาตักเข้าปาก พ่วงด้วยเครื่องในล้างสะอาด (ตับชิ้นใหญ่จัง) หมูเด้งก้อนโต และน้ำซุปที่กลมกล่อม เพิ่มความพิเศษด้วยไข่ลวก ไข่ออนเซ็น หรือไข่เยี่ยวม้า และอย่าลืมปาท่องโก๋กรอบๆ มากินคู่กัน (โจ๊กสามย่าน เปิดบริการ 05.00-09.00 น. และ 15.30-21.00 น. โทร. 0-2216-4809, 08-5846-1110)
ไม่ไกลกันมากนักคือร้านส้มตำเล็กๆ แต่ดังมาก ส้มตำเจ๊แดง ขวัญใจหนุ่มสาวละแวกนี้ (ไปทีไรคนแน่นตลอด) ฮอตไม่ฮอตก็เข้าไปอยู่ในมิชลินไกด์เป็นที่เรียบร้อย ใครอยากมากินบอกไว้ตรงนี้ว่าร้านนี้เขาเปิดไวปิดไว มาช่วงก่อนเที่ยงจะปลอดภัยที่สุด
มาถึงส้มตำเจ๊แดงก็ต้องจัดให้ครบ ตำปูปลาร้า เส้นมะละกอกรอบๆ รสนัวนัก ดับเผ็ดด้วยไก่ทอด มาทั้งสะโพก หนังกรอบ เนื้อนุ่ม หมักมากำลังดี ไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มแต่อย่างใด และขอแนะนำอีก 1 จานเด็ด ลาบปลาดุก เราชอบที่เนื้อปลายีมาได้เนียนดี กินแล้วไม่ระแวงก้าง รสเผ็ดอ่อนๆ ปั้นข้าวเหนียวแล้วจิ้มเข้าปากได้เลย (ส้มตำเจ๊แดง เปิดบริการ 10.30-16.00 น. โทร. 0-2214-2590)
กินส้มตำเสร็จแล้วหาอะไรเบาๆ พักพุงกันก่อนกับสุดยอดรถเข็นที่ดังแบบพลุแตกแห่งเส้นบรรทัดทอง กุยช่ายทอดอาแปะเจ้าเก่า (ซอยจุฬา 6) ไม่ได้กินก็เหมือนมาไม่ถึง ด้วยความที่กุยช่ายเจ้านี้มีแฟนประจำเหนียวแน่น สิ่งที่ควรทำคือโทรจองคิวก่อนตั้งแต่ตอนเช้าจะได้ไม่หงุดหงิดใจ (และไม่โมโหหิว) เหตุที่กุยช่ายร้านนี้ขายดีสุดๆ อยู่ที่ความเก๋าเพราะยังทอดด้วยเตาถ่าน กุยช่ายจึงหอมและกรอบ สีเหลืองทอง ผิวเกรียมนิดๆ พอได้ที่แล้วตอกไข่ใส่ลงไปละเลงในกระทะด้วย จากนั้นตักใส่กระทง ราดด้วยน้ำจิ้มเปรี้ยวและซีอิ๊วดำเป็นอันเสร็จพิธี แต่เตือนไว้ก่อนว่าเหงือกอาจจะพองได้เนื่องจากหิวเพราะยืนรอนาน เป่าก่อนเอาเข้าปากนะ (กุยช่ายอาแปะเจ้าเก่า เปิดบริการ 12.00-18.00 น. หยุดวันเสาร์-จันทร์ โทร. 08-5145-5847 โทรสั่งช่วงเช้าเวลา 08.00-10.00 น. รับของช่วงบ่าย)
ใครยังไหวก็เดินต่อได้ยาวๆ ถนนสายนี้อัดแน่นไปด้วยร้านดังแบบไล่ชื่อไม่หมด ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเอี่ยมน้อย, ตุ้งแฉ่เตาถ่าน, จึงอักลัก เฉลิมบุรี (ข้าวพระรามลงสรงดีงามมาก) ตั้งซุ่ยเฮงโภชนา ฯลฯ ที่เหมาะมากๆ สำหรับฝากท้องไว้ช่วงกลางวันยาวไปถึงหัวค่ำ
แต่ความสนุกของการเดินกินละแวกนี้คือไม่ว่าจะดึกแค่ไหนก็ยังมีร้านอร่อยเปิดให้เราฝากชีวิต (และกระเพาะ) เอาไว้ได้ โดยเฉพาะร้านดังขวัญใจชาวโซเชียล เจ๊โอว ข้าวต้มเป็ด ที่ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าพลาดและได้โปรดอย่าท้อในการต่อคิว แม้จะมีเมนูดังที่สร้างปรากฏการณ์ไปเมื่อหลายปีก่อนอย่าง “มาม่าโอ้โห” ที่ขายหลังห้าทุ่มเท่านั้น เมนูอื่นๆ ของเจ๊โอวก็เด็ดไม่น้อยไปกว่ากันเลย
อุ่นเครื่องค่ำนี้ให้ตาตื่นด้วยยำแซลมอน กินกี่ครั้งก็กดไลค์อยู่ดี เพราะน้ำยำเขาอร่อยจริง เผ็ด เปรี้ยว จี๊ดจ๊าด แถมแซลมอนก็ชิ้นหนาเคี้ยวสะใจ (ขออธิบายให้เห็นภาพว่าถ้าไปกินกับเพื่อนก็ไม่ต้องแย่งแซลมอนกันเพราะให้เยอะ) ได้ความเผ็ดฝาดจากกระเทียมและกลิ่นหอมจากใบสะระแหน่ ส่วนเป็ดพะโล้ก็ดี ให้อารมณ์เหมือนเป็ดพะโล้ของแม่ กลิ่นหอม เป็ดนุ่ม รสเค็มอ่อนๆ หั่นมาชิ้นไม่หนาเกินไป กินกับข้าวต้มอร่อยเชียว และสำหรับคนไม่สะดวกกลับดึกเกินไปแต่อยากกินมาม่าโอ้โหกับเขาบ้าง ทางร้านก็มีทางเลือกเป็นมาม่าต้มยำทะเลแบบชามเล็ก ซดคนเดียวไม่ต้องแบ่งให้ใคร รสชาติก็นัวไม่ด้อยไปกว่ามาม่าโอ้โหเลย (เจ๊โอว ข้าวต้มเป็ด เปิดบริการ 17.30-02.00 น. โทร. 06-4118-5888)
กินของคาวแล้วต้องต่อด้วยของหวานให้เย็นใจ เดินย้อนกลับมาแล้วเข้าคิวต่อกันเลยที่ร้านน้ำเต้าหู้เจ๊วรรณ (เข้าคิวอีกแล้ว!) นอกจากน้ำเต้าหู้ยังมีเต้าทึง เฉาก๊วย บัวลอย แปะก๊วย เต้าฮวย และอีกสารพัดให้เลือกกันจนตาลาย ร้อนๆ แบบนี้ประเดิมด้วยน้ำเต้าหู้เย็นกันก่อน 1 แก้ว (ใส่น้ำแข็งด้วย) น้ำเต้าหู้ร้านนี้อร่อยตรงที่มีรสหอมของถั่วชัด ดูดแป๊บเดียวหมดแก้ว ต่อด้วยเฉาก๊วยนมสดทรงเครื่อง ชามใหญ่จนตกใจ เฉาก๊วยเด้งดึ๋งดี (เปลี่ยนจากนมสดเป็นน้ำเต้าหู้ได้) และบัวลอยนมสดภูเขาไฟ ใต้ผงไมโลเข้มข้นและน้ำแข็งไสมีบัวลอยงาดำนุ่มๆ ซ่อนอยู่ กินแล้วชื่นใจดีเหมือนกัน (น้ำเต้าหู้เจ๊วรรณ เปิดบริการ 16.00- 22.30 น. โทร. 08-1421-3761)
ใครคิดถึงร้านเต้าทึงสุดคุ้นเคย เช็งซิมอี๊ ลือลั่นสะท้านโลกันต์ ก็เดินเลี้ยวไปได้ที่สาขาสวนหลวงสแควร์ มีเครื่องให้เลือกเพียบเช่นเคยทั้งซาหริ่ม ทับทิมกรอบ แปะก๊วย เผือก มะพร้าว ฟักทองเชื่อม ลอดช่อง ลูกเดือย ถั่วแดง ฯลฯ โปะน้ำแข็งให้พูนแล้วราดน้ำลำไย น้ำแดง น้ำกะทิ ได้เลยตามชอบ (เช็งซิมอี๊ ลือลั่นสะท้านโลกันต์ เปิดบริการ 11.00-24.00 น. โทร. 0-2214-0612)
ดึกขนาดนี้แล้วถ้ายังไม่อยากกลับเชิญนั่งต่อที่ฌาบีบี โรตี-ชา ในโครงการสวนหลวงสแควร์เช่นกัน นอกจากอาหารฮาลาลจะอร่อยแล้วยังมีชาให้เราได้จิบเพลินๆ โดยเฉพาะเมนูซิกเนเจอร์ชื่อเดียวกับร้าน ฌาบีบี ที่นอกจากชาจะหอมเข้มยังมีน้ำแข็งก้อนที่ทำจากชา เวลาละลายแล้วจะได้ไม่เจือจาง หรือหากอยากเติมความสดชื่นยามดึกลองชาแอปเปิล หอมหวาน เทลงบนน้ำแข็งทำจากชาเช่นกัน แถมมีเนื้อแอปเปิลมาให้เคี้ยว ปิดท้ายคืนนี้ได้ดีเชียว (ฌาบีบี โรตี-ชา เปิดบริการ 11.00-03.00 น. โทร. 09-9359-5979)
อร่อยยาวจนเกือบเช้าเลย
Tag:
, บรรทัดทอง, รวมร้านอร่อย, สตรีทฟู้ด, สามย่าน,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น