The Spotted Pig เจ้าลูกหมูลายจุด ร้านเล็กๆ น่ารักแห่งนี้ตั้งโดดเด่นอยู่หัวมุมถนนศาลาแดงซอย 1 ตรงข้ามตึกอื้อจือเหลียง เป็นร้านอาหารลูกครึ่ง Mexican - American  เสิร์ฟแบบ All Day Dining ตั้งแต่ Brunch, Lunch, Dinner และจะเปลี่ยนป็น Bar ในตอนกลางคืน สำหรับสายแฮงก์เอาต์ ได้มานั่งสังสรรค์ เพลินไปกับเครื่องดื่มรสชาติดี       ภายในร้านกว้างขวาง มีสองชั้น สามารถรองรับลูกค้าได้จำนวนมาก ส่วนการตกแต่งใช้โทนสีขาวสบายตา สไตล์มินิมอลเรียบง่าย ผสามผสานกับความโคซี่ของเฟอร์นิเจอร์ไม้ พร้อมจัดมุมไว้ให้ถ่ายรูปกับต้นกระบองเพชรและภาพน้องหมูลายจุด สัญลักษณ์ประจำร้าน       เริ่มที่ออร์เดิร์ฟขายดีห้ามพลาดอย่าง Nacho Cheese Sauce Ground Beef นาโช่ชิพส์ หรือข้าวโพดแผ่นทอดกรอบ ราดชีสหอมๆ ท็อปด้วยเครื่องเคียงแน่นๆ ทั้งมะเขือเทศซัลซา พริกเขียวดอง ซาวร์ครีม และกัวกาโมเลที่ทำจากอะโวคาโดบด รสเผ็ดมัน     ต่อด้วย Mexi Burger Chicken  เบอร์เกอร์สไตล์เม็กซิกัน ทำจากแป้งตอติญ่า ห่อด้วยไก่เนื้อนุ่ม ผักคอสสดอร่อย และชีสเข้มข้น เสิร์ฟเคียงมากับมะเขือเทศซัลซา ทานแล้วสดชื่น     ถัดมาเราลองสั่งเป็น Beef Fajitas สเต๊กเนื้อวัวออสเตรเลีย เกรดพรีเมียม ย่างในความสุกระดับมีเดียมแรร์ เสิร์ฟบนจานกระทะร้อน พร้อมหัวหอมและพริกหวานผัด ทานคู่กับแป้งตอร์ติญา ซาวร์ครีม และซอสเผ็ด เนื้อวัวนุ่มๆ เข้ากันได้ดีกับความนุ่บหนึบของแป้งตอร์ติญา     Salmon Taco ทาโก้สอดไส้แซลมอนย่างหอมๆ พร้อมด้วยสับปะรดซัลซา ซอสอะโวคาโดสูตรพิเศษ  และเม็กซี่ซอส รสชาติละมุนๆ ไม่เผ็ดมาก ถ้าชอบเปรี้ยวอีกหน่อย แนะนำให้บีบมะนาวเพิ่มลงไป     ปิดท้ายกันที่ของหวานทานแล้วเย็นชื่นใจ Coconut Milk Ice Cream & Avocado ไอศกรีมมะพร้าวและอะโวคาโด รสชาติหวานมัน มีคอร์นเฟล็กโรยรอบๆ เพิ่มความกรุบกรอบ     สำหรับเมนูเครื่องดื่มแนะนำเป็น Pink Panther น้ำผลไม้สกัดเย็น ที่มีส่วนผสมของฝรั่ง แอปเปิ้ล บีตรูต และสับปะรด ท็อปด้วยไอศกรีมเสาวรส ให้ความเย็นแทนการใส่น้ำแข็ง     อีกหนึ่งเมนูน้ำผลไม้สกัดเย็นคือ Bug Bunny ด้วยส่วนผสมของฝรั่ง แครอต สาลี่ และสับปะรด ท็อปด้วยไอศกรีมเสาวรส ดื่มแล้วเฟรช ตื่นสุดๆ  

จริงอยู่ที่ขนมโตเกียวไม่ได้มาจากญี่ปุ่น แต่บรรยากาศของร้าน Rocket Rolls คาเฟ่ขนมโตเกียวแห่งสามย่านนั้นญี่ปุ่นมาก! ที่นี่นำเอาเมนูขวัญใจวัยเยาว์อย่างขนมโตเกียวมานำเสนอในรูปแบบคาเฟ่ขนาดย่อม แค่ก้าวเข้ามาในร้านเราก็จะได้กลิ่นหอมๆ ลอยอวลไปทั่วทั้งร้าน       ขนมโตเกียวของที่ร้านมีทั้งไส้คาวและไส้หวาน เด่นที่แป้งบางกรอบ ไม่หนาเกินไป มีทั้งไส้คาวและไส้หวาน วิธีสั่งก็ง่าย หยิบใบเซียมซีมาถือแทนบัตรคิวก่อน (รอไปอ่านไปจะได้ไม่เบื่อ) เมื่อถึงคิวก็เลือกรสชาติที่ชอบได้เลย         เราแนะนำไส้หวานอย่างคัสตาร์ดเก๊กฮวย รสนุ่มนวลและหอมกลิ่นเก๊กฮวย สังขยาใบเตยก็หวานนวลกำลังดี  หรือใครชอบรสเปรี้ยวสดชื่น ไส้ Lemon Curd หรือ Raspberry Curd ก็น่าจะตอบโจทย์       ส่วนแฟนคลับไส้คาวบอกเลยว่ามาครบทั้ง หมูสับ ไข่ ไส้กรอก ความน่ารักอยู่ที่ทางร้านจะทอดไข่นกกระทาแยกให้เป็นไข่ดาวฟองเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยนำไปวางบนแป้ง แล้วโรยหมูสับ จุ๊ซอสปิดท้าย         คิดถึงสมัยตอนเป็นเด็กๆ เลย

ใครที่ประทับใจกับความหอมหวาน แสนอร่อยของขนมหวานไต้หวันจากร้าน XinXin ที่อารีย์ อย่าลืมแวะไปเติมพลังกันต่อที่สาขาน้องใหม่ล่าสุด ตั้งอยู่ภายในโครงการ GalileOasis ย่านบรรทัดทอง ในส่วนของเมนูก็มีให้เลือกทั้งไอศกรีมซอร์เบต์ รสชาติสมุนไพรที่ใส่ท็อปปิงมาแบบจัดเต็ม บัวลอย เต้าฮวย รวมไปถึงชาอ๋องอิวกี่ แบรนด์ชาคุณภาพดีที่ขายมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ถึงปัจจุบัน       ตัวร้านดัดแปลงมาจากตึกเก่าอายุราว 40 ปี ภายในตกแต่งด้วยกระเบื้องสีเขียวอ่อน และตู้ยาจีน ที่ช่วยเสริมกลิ่นอายแบบจีนย้อนยุค อีกทั้งยังเลือกใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้และโคมไฟโทนสีส้ม ชวนให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นเป็นอีกเท่าตัว       เริ่มที่ Soft Sorbet A1 (155.-) ขนมหวานสไตล์ไต้หวันถ้วยโต ประกอบไปด้วย บัวลอยงาดำ บัวลอยเผือก บัวลอยมันหวาน ถั่วแดง เผือกบด รากบัว และเฉาก๊วย โดยกินคู่กับซอฟต์เสิร์ฟที่มีให้เลือก 2 รสชาติ คือ ขิง รสเข้มข้น กลิ่นหอมขึ้นจมูก และเฮอร์เบิลรสจับเลี้ยง กินแล้วสดชื่น โรยด้วยถั่วตัดกรุบกรอบ กินเพลินมาก     ต่อด้วย บัวลอยงาดำแห้ง (95.-) แป้งบัวลอยนุ่มหนึบ สอดไส้งาดำหอมกลมกล่อม ท็อปด้วยผงถั่วคินาโกะและเก๋ากี้ ราดน้ำเชื่อมสมุนไพรสูตรพิเศษ     เต้าฮวยพ่นไฟ (75.-) เต้าฮวยเนื้อเนียนเบาทำจากถั่วเหลืองผิวดำ พันธุ์พิเศษที่ให้โปรตีนมากกว่าถั่วเหลืองปกติถึง 8 เท่า โรยน้ำตาลไหม้มาให้เคี้ยวเพลินๆ     เมนูเครื่องดื่มเราแนะนำ Osmanthus Sakura Tea (85.-) ชาอูหลงหอมหมื่นลี้ที่ผสมผสานไซรัปซากุระ กลิ่นหอม รสกลมกล่อม ดื่มแล้วรู้สึกเฟรช หรือจะเลือกเป็น Raspberry Chestnut Tea (85.-) ชาอูหลงราสป์เบอร์รี และเกาลัด หอมกลิ่นรมควันจีนเบาๆ รสนวลละมุนลิ้น    

พื้นที่ภูเขาสูงและอากาศที่ค่อนข้างเย็นเป็นกำไรทางภูมิศาสตร์อันยอดเยี่ยม ที่ทำให้พื้นที่ใน จ.เชียงรายนั้นเป็นดั่งสวรรค์ของการปลูกชา ถ้าหากใครที่กำลังมองหาพิกัดแห่งการพักผ่อนพร้อมกับจิบหากลิ่นหอม ๆ ใน จ.เชียงรายแล้วล่ะก็ Sawanbondin Farm & Tea House (สวรรค์บนดิน) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เราอยากแนะนำ       ที่นี่นำเสนอเรื่องราวของ “ชา” เป็นหนึ่งในศาสตร์และศิลปะแสนทรงเสน่ห์ เริ่มต้นจากฟาร์มเล็ก ๆ เสิร์ฟชากันภายในบ้านดินหลังย่อม มาวันนี้ Sawanbondin Farm & Tea House (สวรรค์บนดิน) กลายเป็นร้านน้ำชาที่มีชื่อเสียง ด้วยความจริงจังในการพัฒนาชาของบ้านเกิด ที่นอกจากจะมีเมนูชาร้อนมากมาย พวกเขายังนำชาไปต่อยอดทำเป็นขนมและเครื่องดื่มที่น่าสนใจอีกหลากหลายเมนู และไม่ใช่แค่ชาเท่านั้น ผลิตผลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในบ้านเกิด จ.เชียงราย ไม่ว่าจะเป็นข้าวพื้นเมือง กาแฟ และผลหมากรากไม้ต่าง ๆ ที่สามารถเจริญงอกงามอยู่ตามรั้วบ้าน อย่าง ลูกหม่อนและดอกอัญชัน ก็ล้วนจับมาผสมผสานกันได้อย่างน่าสนใจ       Jardin des Fleurs หรือ ชาสวนดอกไม้ เป็นหนึ่งในชาซิกเนเจอร์ของร้าน ที่โดดเด่นเรื่องความหอม ผสมผสานไปด้วยใบชาดำจากภูเขาสูง ใบชาอู่หลงออร์แกนิก ใบหม่อนออร์แกนิก คาโมมายล์ออร์แกนิก กลีบกุหลาบออร์แกนิก และดอกหอมหมื่นลี้ เบลนด์เข้ากับกลิ่นน้ำมันจากส้ม มะลิ และกุหลาบ จิบเบา ๆ สลับกับกิน คุกกี้ข้าวหอมมะลิ สัมผัสกรุบ ๆ นั้นเข้ากันได้ดีทีเดียว       Classic Thai Tea Latte หรือ ชานมหอมนวลเย็น เป็นชาไทยที่ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากชาไทยสีน้ำตาลส้มที่คุ้นเคย ด้วยกลิ่นและรสชาติที่เบาและนุ่มนวล ทำให้จิบได้เรื่อย ๆ พร้อมกับกลิ่นหอมตรึงอยู่ที่จมูก     สำหรับเมนูที่ผสมผสานระหว่างชาและกาแฟได้อย่างลงตัว ต้องยกให้กับ อาโฟกาโต้ ไอศกรีมชาดำน้ำมันผิวส้ม ทำจากชาอู่หลงออร์แกนิก บ่มจนได้สีน้ำตาลเข้ม หอมกลิ่นไม้และน้ำมันสกัดจากผิวส้ม ราดด้วยกาแฟเข้มข้นเจือไปด้วยกลิ่นคาราเมลและช็อกโกแลต     ปิดท้ายด้วย เครปเค้ก กับจุดเด่นที่เนื้อเครปทำจากข้าว 2 ชนิด ได้แก่ ข้าวกล้องและข้าวไรซ์เบอร์รี่ ทำให้เห็นสีสันที่ชัดเจนระหว่างชั้นของเครปที่เรียงตัวมาอย่างสวยงาม สอดแทรกด้วยชั้นเนื้อครีมบางเบา ราดด้วยซอสอัญชัน-ลูกหม่อน รสชาติออกเปรี้ยวอมหวาน ตัดเลี่ยนได้อย่างลงตัว     ด้วยบรรยากาศของบ้านเรือนกระจกที่อยู่กลางสวนสีเขียวชอุ่ม ที่นี่ยังเหมาะกับการเดินเล่น ทักทายแมวเจ้าถิ่น หรือจะขึ้นไปยังชั้น 2 ของร้าน จะเป็นอีกพื้นที่สำหรับการนั่งจิบชา กินขนม ไปพร้อม ๆ กับการอ่านหนังสือสักเล่ม    

ถ้าให้พูดถึงเครื่องดื่มที่เด็กดื่มได้ผู้ใหญ่ดื่มดี ก็ต้องเป็นโกโก้นี่แหละ ที่ให้ความสมดุลรสชาติ ที่ไม่ขมเท่ากาแฟ แถมยังได้ความหวานเล็ก ๆ น้อย ๆ มีกลิ่นหอม ดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นได้ดี ในพื้นที่ทั่วประเทศไทยนอกจากจะมีการปลูกชาและกาแฟอย่างกว้างขวางแล้ว โกโก้ก็เป็นหนึ่งในพืชที่ได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน โดยที่ร้าน       kokoa.good คาเฟ่เล็ก ๆ ซึ่งซ่อมตัวอยู่ภายในหมู่บ้านกรรัฐ เมืองเชียงราย นับเป็นหนึ่งในคาเฟ่ที่เน้นนำเสนอโกโก้ในหลากหลายรูปแบบจนน่าทึ่ง         สำหรับคอคนรักโกโก้เป็นชีวิตจิตใจจะต้องตื่นเต้นอย่างแน่นอนด้วยตัวเลือกของโกโก้ที่ kokoa.good มี สำหรับเมนูแรกที่เราขอลองก่อนใครก็คือ น้ำโกโก้สด ที่ไม่ใช่สีน้ำตาลอย่างที่คิด แต่ใสราวกับน้ำเปล่า และรสชาติก็ไม่ได้ออกขมปนหวาน แต่กลับมีรสชาติเปรี้ยวเบา ๆ เหมือนน้ำมังคุดผสมน้ำลิ้นจี่ ให้ความสดชื่นเป็นอย่างดี     ส่วนโกโก้ที่เป็นโกโก้ที่เราคุ้นเคยนั้น มีให้เลือกทั้งโกโก้ดอยลาน โกโก้ตอยตุง โกโก้ประจวบฯ ซึ่งในแก้วต่อมา เราเลือกเป็น Prachuap หรือ โกโก้ประจวบฯ ที่ให้กลิ่นและรสชาติเหมือนใบไม้แห้ง มีรสชาติผสมผสานระหว่างความขมและเปรี้ยว     และ Kokao Good Signature แก้วซิกเนเจอร์ของร้าน เป็นการนำโกโก้ดอยลานและโกโก้ดอยตุงมาผสมกันจนได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และเข้มข้นสุด ๆ เพราะละลายด้วยน้ำร้อนไม่มีนมผสมเลยแม้แต่น้อย และด้วยพื้นที่ปลูกที่อยู่ทางภาคเหนือ ทำให้โกโก้แก้วนี้มีกลิ่นกล้วยตากชัดเจน     ทำให้เรารู้เลยว่าโกโก้ก็มีอะไรให้น่าค้นหาอยู่เหมือนกัน

ชวนทุกคนมาย้อนวันวานไปกับ Tokyyo Roaster (โตคีโอ โรสเตอร์) จากสตรีทฟู้ดส์หน้าโรงเรียน สู่คาเฟ่ขนมโตเกียวแบบพรีเมียม โดยใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดในตลาดมารังสรรค์ให้กลายเป็นขนมโตเกียวที่แปลกใหม่และน่าสนใจยิ่งกว่าเดิม       ตัวร้านเป็นตึกแถว 1 คูหา ทาสีเขียวหัวเป็ดสวยสะดุดตา ซ่อนตัวอยู่ในซอยเย็นจิตร 8 บนถนนจันทน์  เมื่อเปิดประตูเข้าร้านจะพบกับพนักงานที่เรียกแทนตัวเองว่า Torista (โตริสต้า) หมายถึงบาริสต้าที่ทำขนมโตเกียวได้อร่อยมากนั่นเอง การตกแต่งร้านดูน่ารักสดใส ในโทนสีเขียวตัดกับสีชมพู มีภาพวาดลายเส้นการ์ตูนประดับเรียงรายบนผนัง อีกมุมหนึ่งยังมีดิสเพลย์รถเข็นพร้อมกล่องขนม และผนังสังกะสี ให้ถ่ายรูปเล่นกันด้วย       ประเดิมที่เมนูแรก Tokyyo Custard Cream with Cracking Candy ขนมโตเกียวสอดไส้ครีมคัสตาร์ด สัมผัสนุ่มละมุน หอมกลิ่นวานิลลา ก่อนเสิร์ฟบีบครีมสดไว้ด้านบน และโรยด้วยเป๊าะแป๊ะ ขนมโบราณที่เมื่อกินเข้าไปจะรู้สึกซ่าๆ เป๊าะแป๊ะในปาก ให้ความเพลิดเพลินขณะกำลังเคี้ยว       Tokyyo Vanilla Custard Cream with Golden Threads ขนมโตเกียวแป้งบางกรอบสอดไส้ครีมสด และฝอยทองที่ไม่หวานจนเกินไป แป้งม้วนเป็นทรงกรวยสวยงาม และปักบนเมล็ดกาแฟในแก้วใบจิ๋วก่อนจัดเสิร์ฟ ดูพรีเมียมมากๆ       เพิ่มความหนักท้องขึ้นอีกนิดกับขนมโตเกียวไส้คาว Tokyyo Salmon & Truffle Cream สอดไส้แซลมอนรมควันจากนอร์เวย์ ผสานความหอมของครีมชีสทรัฟเฟิล เพิ่มเท็กซ์เจอร์เคี้ยวกรุบๆ ด้วยไข่กุ้ง รสชาติเค็มๆ มันๆ กำลังดี     Tokyyo Salted Egg Custard ขนมโตเกียวสอดไส้ไข่เค็มลาวา โดยร้านเลือกใช้ไข่เค็มจากอำเภอไชยา จังหวัด สุราษฎร์ธานี  ให้รสสัมผัสหวาน เค็ม มัน อร่อยนัว กลมกล่อม     ปิดท้ายด้วย Tokyyo London ชาเขียวมัตฉะสุดเข้มข้น ออนท็อปด้วยแผ่นโตเกียวแป้งบางกรอบ และแอบซ่อนผลไม้ตามฤดูกาลไว้ด้านในทั้ง สตรอว์เบอร์รี บลูบอร์รี ผสมผสานกับเบคอนกรอบ ขอบแก้วปาดด้วยเนยถั่วและอัลมอนด์ เพิ่มความหอมมันเมื่อได้ลิ้มลอง     สำหรับใครที่เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว แนะนำให้จอดรถที่สมาคมแต้จิ๋ว แล้วเดินมาร้าน 50 เมตร เมื่อสั่งอาหารครบ 300 บาท สามารถแสดงบัตรจอดรถกับพนักงานที่ร้าน เพื่อรับส่วนลด 30 บาท  

ใครมีแพลนไปชะอำ-หัวหิน ต้องจดคาเฟ่ ริมผาชมวิว ไว้ในลิสต์ เพราะนอกจากโลเคชันที่ตั้งอยู่บนเนินเขามองเห็นวิวธรรมชาติกว้างสุดสายตาแล้ว เมนูขนมและเครื่องดื่มก็ยังครีเอตออกมาได้สวยงามไม่แพ้กัน รสชาติละมุนละไม กลมกล่อม ถูกใจทั้งสายถ่ายรูป และสายกินแน่นอน       ตัวร้านตกแต่งออกมาคล้ายกับโรงนาของประเทศแถบตะวันตก โดยเลือกใช้ ไม้ เป็นวัสดุหลัก ผสานมากับปูนเปลือย เผยให้เห็นความดิบเท่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ โดดเด่นด้วยวิวภูเขาเพชรบุรีที่ไม่ว่าจะเลือกนั่งโซนใด ก็บรรยากาศดีไม่แพ้กัน         เริ่มด้วย Bitter Brown (120.-) กาแฟนมรสเข้มมันนัว ท็อปด้วยวิปครีมและบราวน์ชูก้า เพิ่มความหอมด้วยอบเชยและมะตูมอบแห้ง น่ารับประทาน     หากชอบความสดชื่นต้องลอง Passion in Black (120.-) เอสเปรสโซช็อตรสเข้มข้นผสานมากับรสเปรี้ยวหวานของเสาวรส ตกแต่งด้วยผลเสาวรสหั่นเสี้ยว และดอกกล้วยไม้ดูสวยงาม ดื่มแล้วกระปรี้กระเปร่า     ใครไม่ใช่สายกาแฟ เราแนะนำ Burning Brown (120.-) เป็นนมสดบราวน์ชูก้า รสหวานมันนัว กินพร้อมไข่มุกบราวน์ชูก้าเนื้อนุ่มหนึบ จับคู่กับ Canele (90.-) คาเนเล่เนื้อหนึบหนับ หอมกลิ่นวานิลลา ท็อปมาด้วยวิปครีมนุ่มละมุน และผลสตรอว์เบอร์รีสด    

เรียกได้ว่ามาแรงจนใครที่ไปหัวหิน ต้องแวะเข้าไปเช็คอินกันสะทุกราย สำหรับ bOnnie on the beach คาเฟ่สุดชิลริมทะเล ที่พกพาความน่ารักสไตล์มินิมอลมาให้ชาวคาเฟ่ฮอปเตอร์ตามไปแชะภาพสวยๆ ท่ามกลางเสียงคลื่นและลมทะเล       โดดเด่นด้วยดีไซน์ร้านสุดเรียบง่าย โทนสีครีมรับกับแสงธรรมชาติ แบ่งเป็นโซนอินดอร์ ที่มีไฮไลต์เป็นกระจกใสบานใหญ่เผยให้เห็นวิวทะเลสวยงาม โดยทางร้านเลือกใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้เกือบทั้งหมด ช่วยเสริมบรรยากาศให้อบอุ่นขึ้นเป็นอีกเท่าตัว     ส่วนโซนเอ้าท์ดอร์ก็ชิลไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะได้สัมผัสลมทะเลแบบเต็มๆแล้ว โซนนี้ยังเป็นพื้นที่แบบ Pet Friendly ที่สามารถพาสัตว์เลี้ยงของคุณมาร่วมพักผ่อนได้อีกด้วย       เมนูแรก Peach Tonic (140.-) ความขมของอเมริกาโน ผสานกับกลิ่นหอมของไซรัปพีชรสหวานละมุน เติมความสดชื่นด้วยโทนิค ออกมาเป็นเครื่องดื่มรสชาติกลมกล่อม เข้ากันได้อย่างลงตัว       จับคู่กับ Red Velvet Cake (150.-) เนื้อเค้กนุ่มๆ รสหวานกำลังดี สลับชั้นมากับครีมชีสคุณภาพ ตกแต่งด้วยผลไม้สดอย่าง สตรอว์เบอร์รี และเคปกูสเบอร์รี     หรือจะเลือกเป็น Orange Blossom (120.-) เครื่องดื่มเบาๆ ที่นำน้ำส้มมาเบลน์กับชาคาโมมายล์ เติมความซ่าสดชื่นด้วยโทนิค และมะนาวเล็กน้อย และ Raspberry Mango Frozen (150.-) เมนูสมูทตี้สุดสดชื่น ที่นำผลไม้รสเปรี้ยวหวาน อย่าง ราสป์เบอร์รี และมะม่วง มาปั่นรวมกับโยเกิร์ต เนื้อเนียน นุ่มละมุน      

เปิดประสบการณ์พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมรับประทานอาหารรสอร่อยที่ Turtle Bay Hua Hin คาเฟ่และที่พักสไตล์ Eco Friendly โดดเด่นด้วยรูปทรงบ้านพักหน้าตาเก๋ไก๋ หลังคาโค้งมนคล้ายเต่า โดยออกแบบตามโลเคชันซึ่งอยู่ บริเวณหมู่บ้านเขาเต่า อำเภอหัวหิน โอบล้อมไปด้วยภูเขา ทั้งสงบและได้ความเป็นส่วนตัว       สำหรับโซนคาเฟ่เป็นแบบ Open Air พร้อมต้อนรับทุกคนอย่างอบอุ่น โดยเน้นใช้วัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่ และตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้าน ส่วนโซนที่พักแบ่งออกเป็น บ้านสำหรับสองท่านจำนวน 3 หลัง และบ้านสำหรับสี่ท่านจำนวน 1 หลัง       เมนูของร้านส่วนใหญ่เน้นหน้าตาสวยงาม และประดับด้วยดอกไม้กินได้ อาทิ Whole Food Salad (290.-) สลัดไก่ย่างที่เลือกใช้ผักสดปลูกเองภายในที่พัก กินพร้อมน้ำสลัดงาดำ รสเค็มมันกลมกล่อม     กะเพราหมูตุ๋น (190.-) เมนูยอดนิยมที่นำหมูสันคอมาตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม ยีออกเป็นเส้นๆ ผัดกับเครื่องเทศรสจัดจ้าน หอมกลิ่นกะเพรา กินพร้อมไข่ลวกอร่อยอิ่มสบายท้อง หรือจะเลือกเป็น Pepper Pig (190.-) หมูสะเต๊ะเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำน้ำซอส หอมกลิ่นงา จับคู่มากับน้ำจิ้มสูตรพิเศษ โดยนำถั่วไปปั่นกับกะทิและปรุงรสให้กลมกล่อม       ตบท้ายด้วย Turt Puff (79.-) ชูครีมสูตรเฉพาะของทางร้าน รูปทรงคล้ายเต่าสอดไส้ครีมคัสตาร์ดเยิ้มๆ ไว้ตรงกลาง จับคู่กับ Turtle Bay Blossom (180.-) เครื่องดื่มที่ให้รสสัมผัสคล้ายกับขนม มีส่วนผสมของน้ำตาลดอกมะพร้าวและน้ำกะทิสด โดยได้สีชมพูจากบีตรูทมาเพิ่มความสวยงาม รสชาติหอมหวาน กินเพลิน    

คนรักทุเรียนไม่ต้องขับรถไปกินทุเรียนไกลๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้มีคาเฟ่ทุเรียนเปิดใหม่ Durianism Café Samyan โครงการ Block 28 สามย่าน แค่ฟังชื่อร้านก็รู้แล้วว่านี่คือคาเฟ่สหรับสาวกทุเรียนตัวจริง       คุณวิน เจ้าของร้านเล่าว่า คาเฟ่มีต้นกำเนิดมาจากร้าน Tree House Durian Café คาเฟ่ทุเรียนชื่อดังของจังหวัดจันทบุรี ส่วนบรรยากาศในร้านใช้สีพาสเทล เหลือง-ขาว เข้ากับเมนูทุเรียนที่มีให้เลือกหลากหลาย     เริ่มต้นด้วย โทสต์ทุเรียน ขนมปังโทสต์ที่กรอบและหอมเนย เสิร์ฟพร้อมเนื้อทุเรียนหมอนทองเกรดพรีเมียมชิ้นโตจุใจ เนื้อกรอบนอกนุ่มใน เคียงด้วยไอศกรีมทุเรียนรสละมุน ซอสทุเรียน แล้วโรยด้วยทุเรียนทอดเพิ่มความฟิน     เค้กทุเรียน เนื้อเค้กนุ่มเบา ใส่เนื้อทุเรียนสุกนิ่มลงไปกับวิปปิงครีมด้วย กินแล้วได้กลิ่นหอมอวลในปาก ต่อด้วยครัวซองต์ทุเรียน ครัวซองต์เนยสดและซอสทุเรียนหอมๆ       นอกจากนี้ยังมี หมอนทองสมูทตี้ ทุเรียนหมอนทองปั่นกับนมสด โรยด้วยทุเรียนทอดกรุบกรอบ ส่วนคอกาแฟอย่าพลาด กาแฟทุเรียน ที่เข้ากันดีอย่างน่าแปลกใจ แถมมีเนื้อทุเรียนให้เคี้ยวด้วย       ก่อนกลับอย่าลืมซื้อคอร์นเฟล็กทุเรียนติดมือกลับบ้าน ทางร้านใช้ผงทุเรียนที่สกัดจากเนื้อทุเรียนแบบเต็มๆ มาคลุกเคล้ากับคอร์นเฟล็ก เพิ่มความหอมหวานด้วยคาราเมล     กินเพลินแบบหยุดยากจริงๆ

เป็นแหล่งแฮงค์เอาต์ใหม่ที่รับรองว่าต้องได้ใจสายสุขภาพกับคาเฟ่ลุคเก๋ Sip & Co. ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 โรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ ใจกลางถนนหลังสวน แม้จะอยู่ในย่านธุรกิจแต่เมื่อเข้ามาในร้านก็สัมผัสได้ถึงความสงบและผ่อนคลายจากการออกแบบที่เปิดรับแสงธรรมชาติสว่างไสว ทิ้งเสปซโปร่งสะอาดตา ตกแต่งในสไตล์สแกนดิเนเวียนจากชุดเฟอร์นิเจอร์ของ NORSE Republic ชวนให้อยากให้เวลาละเลียดเครื่องดื่มแก้วโปรดกับอาหารดีสักมื้อ     อาหารที่นี่มีความพิถีพิถันตามคอนเซ็ปต์ Café & Kitchen และเพราะร้านเปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้าจึงมีเมนูมื้อเช้าให้เลือกมากมาย อาทิ Papaya & Mango Smoothie Berries Bowl สมูทตี้มะละกอและมะม่วงที่ให้รสหวานโดยไม่ใส่น้ำตาลเพิ่ม โรยหน้าผลไม้สดทั้งบลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี ราสป์เบอร์รี เพิ่มสัมผัสกรุบกรอบจากกราโนลา ดาร์กช็อกโกแลตสับ และมะพร้าวคั่ว     หรือจะเป็นเมนูบรันช์ที่อยู่ท้องหน่อยอย่าง Roasted Prawn Avocado Toast โทสต์ขนมปังซาวร์โดว์ที่เนื้อขนมปังด้านในนุ่มเคี้ยวหนุบหนับ ส่วนอะโวคาโดเลือกใช้สายพันธุ์แฮสที่เนื้อหวานมันหมักในซอสสูตรพิเศษให้รสเปรี้ยวกลมกล่อมและเผ็ดนิดๆ ทอปด้วยกุ้งย่างซอสบาร์บีคิวและผักสลัดสดสวย เป็นจานที่ครบรสชาติเลยทีเดียว และ Tossed Taco Salad ใช้แป้งตอร์ติญาข้าวโพดมาอบเป็นชามกรอบๆ เคี้ยวเพลิน ด้านในเป็นสลัดผักคลุกเคล้ากับเนื้อสับ อะโวคาโด และถั่วดำในน้ำสลัดรสเปรี้ยวสดชื่น โรยหน้าด้วยเชดดาร์ชีสและซาวร์ครีม จานนี้เป็นไอเดียจากเชฟใหญ่ชาวแม็กซิกัน หากไม่กินเนื้อก็สามารถเปลี่ยนเป็นหมู ไก่ หรือวีแกนได้ด้วย       สำหรับจานหลักมีทั้งจานเบาๆ ที่สาวๆ ต้องหลงรักอย่าง Fresh Salmon Chowder ซุปครีมข้นที่อุดมไปด้วยผักนานาชนิดหั่นเต๋าที่เคี่ยวมาจนนุ่มเคี้ยวเพลิน กับตัวเอกคือแซลมอนโพชเนื้อนุ่มละมุนลิ้น กินคู่กับขนมปังกรอบและซาวร์ครีม หรือจานข้าวที่ชวนสุขภาพดีไปกับข้าวไรซ์เบอร์รี Caribbean Jack Chicken เสิร์ฟกับเนื้อน่องไก่เลาะกระดูกทอดสีสวย ผักโขมผัด แครอตและบร็อกโคลีย่าง เพิ่มรสชาติด้วยชัตนีย์แตงกวา ถ้าอยากเป็นกินข้าวหอมมะลิก็ขอเปลี่ยนได้       สำหรับขนมหวานบอกเลยว่าสายโทสต์ไม่ควรพลาด Midtown Caramel Toast โทสต์ขนมปังบริยอชเนื้อนุ่มผิวนอกกรอบ ทอดด้วยเนยชุ่มฉ่ำและน้ำอ้อยหวานนวลๆ ทอปด้วยวิปครีม นูเทลลา และไอศกรีมที่เราสามารถเลือกรสที่ชอบเองได้จากตู้ไอศกรีมของทางร้าน เสิร์ฟกับผลไม้สดทั้งบลูเบอร์รี กล้วย สตรอว์เบอร์รี่ และมะม่วงสุกหวานหอม นอกจากเมนูเอาใจคนรักสุขภาพแล้ว ที่นี่ยังมีเบเกอรี เค้ก และพายอบสดใหม่ทุกวัน รวมทั้งไอศกรีมหลากรสชาติเอาใจคุณหนูๆ ด้วย       ส่วนใครที่อยากหาที่พักหลบร้อนพลางนั่งทำงานไปด้วยบรรยากาศที่นี่ก็นับว่าเหมาะทีเดียว เพราะมีที่นั่งให้เลือกหลากหลายทั้งโต๊ะสูง เคาน์เตอร์ และโต๊ะเตี้ย ประกอบกับมีหลากหลายเมนูเครื่องดื่มสดชื่นคอยกระตุ้นให้สมองแล่น โดยเฉพาะกาแฟที่นี่ซึ่งคัดสรรเมล็ดกาแฟคั่วสดใหม่จาก CoffeeWORKS ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติอัดแน่นเอาใจคอกาแฟไม่ว่าจะเสิร์ฟแบบร้อนหรือเย็น ในช่วงอากาศร้อนๆ แบบนี้ขอแนะนำ Ruby Americano เอสเปรสโซดับเบิลช็อตเลเยอร์กับน้ำทับทิมและแครนเบอร์รีสีแดงสวยสมชื่อรูบี้ หอมหวานชื่จใจ หรือ Cold Brew Coffee กาแฟโคลด์บรูวแบบมีเดียมบอดี ให้รสสัมผัสเอิร์ธและนัตตี สดชื่นแบบไร้น้ำตาล       หากไม่ดื่มกาแฟ ต้องลอง Matcha Honey Lemon ที่ได้ความขมฝาดนิดๆ ของชาเขียวมัตฉะเข้มข้นผสานความหวานอมเปรี้ยวของน้ำผึ้งมะนาวทำให้ดื่มง่าย รีเฟรชมากๆ ส่วนเครื่องดื่มปิดท้ายที่เหมาะสำหรับหน้าร้อนสุดๆ Somchoon Soda หรือส้มฉุนโซดา เสิร์ฟแบบเย็นฉ่ำเป็นเกล็ดหิมะ ได้กลิ่มหอมของมะนาว มะกรูด และน้ำใบเตยที่จะยังอบอวลค้างอยู่ในสัมผัสแม้หลังดื่มไปแล้ว ในแก้วนี้ยังมีผลไม้ฉ่ำๆ เต็มคำทั้งส้ม เงาะ และลิ้นจี่       อ่านรีวิวนี้แล้ว อย่าลืมไปที่อินสตาแกรม @gourmetandcuisine แคปโพสต์ของร้าน Sip & Co. ที่มีแฮชแท็ก #SipWithUs และแท็ก @SipandCo.BKK ไปแสดงที่หน้าร้านเพื่อรับโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อเครื่องดื่ม 1 แก้วรับฟรี 1 แก้วทันที ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคมนี้กันด้วยนะ

พูดเรื่องร้านที่มีเมนูมะพร้าวโดดเด่นทั้งที อย่าพลาด White Flower Café by ครัวดอกไม้ขาว โครงการ Block 28 นอกจากที่ร้านจะโด่งดังจากเมนูไทย จีน ฝรั่งแล้ว เรื่องเค้กก็ขึ้นชื่อ โดยเฉพาะ Coconut Cake เค้กมะพร้าวอ่อนที่ใครมาแล้วไม่ได้กินก็เหมือนมาไม่ถึง         เค้กมะพร้าวอ่อนของที่นี่เสิร์ฟชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดกำลังอิ่ม หน้าตาไม่ได้หรูหราแต่ความละมุนนั้นกินขาดสมกับเป็นเมนูสร้างชื่อ เนื้อเค้กเป็นสปันจ์เค้ก นุ่มเบา เนื้อครีมนวลและหวานกำลังดี ตรงกลางมีเนื้อมะพร้าวอ่อนเป็นชิ้นๆ ส่วนด้านบนโรยด้วยมะพร้าวเป็นเส้นๆ ให้มีหลายเนื้อสัมผัสในหนึ่งคำ กินหมดชิ้นก็ไม่เลี่ยน       หากยังไม่จุใจ ยังมีเมนูมะพร้าวที่น่าประทับใจไม่แพ้กันอย่าง Coconut-Americano Frost รสเข้มของกาแฟเจอกับความหอมหวานชื่นใจจากน้ำมะพร้าวปั่นแบบเกล็ดน้ำแข็ง เข้ากันดีอย่างน่าแปลกใจ Coconut Affogato อัฟโฟกาโต ไอศกรีมมะพร้าวโฮมเมดเย็นเจี๊ยบราดด้วยช็อตกาแฟที่ได้ชิมแล้วชอบมากเช่นกัน       นอกจากนี้ที่ครัวดอกไม้ขาวยังมีไอศกรีมมะพร้าวแบบโฮมเมดแพคเกจสวยงามไว้ให้ซื้อกลับไปติดตู้เย็นที่บ้านได้     ตอบโจทย์คนรักมะพร้าวที่สุด

แค่ชิมครั้งเดียวก็ติดใจ สำหรับ Casual Cake คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดริมถนนพัฒนาการในบรรยากาศโฮมมี่อบอุ่นเหมือนนั่งอยู่ในคาเฟ่ที่ญี่ปุ่น แถมยังเต็มไปด้วยเค้กโฮมเมดหน้าตาน่ารักและน่ากิน ฝีมือคุณแพร เจ้าของร้านที่ทำทุกชิ้นอย่างตั้งใจ         แน่นอนว่า Best Seller ต้องเมนูนี้ Coconut Cake เค้กมะพร้าวสีขาวมินิมอลที่ได้ชิมแล้วเข้าใจทันทีว่าทำไมถึงขายหมดไวกว่าใครเพื่อน เนื้อเค้กนุ่มเบา สลับชั้นด้วยไส้มะพร้าวอ่อนเป็นชิ้นๆ รสชาติหอมหวานที่ใช้จากสวนเจ้าประจำเท่านั้น เมื่อกินกับครีมสดหอมมันแล้วเข้ากันดีจริงๆ เผลอแป๊บเดียวก็หมดชิ้นแล้ว จะสั่งแบบชิ้นเล็กหรือสั่งแบบปอนด์เป็นเค้กวันเกิดก็ได้เช่นกัน       ไม่ใช่แค่เค้กมะพร้าวจะดีงามเท่านั้น Yuzu Cheesecake ชีสเค้กยูซุก็มาแรง ชีสเค้กเข้มข้นรสเปรี้ยวอมหวาน ตกแต่งด้วยบลูเบอร์รี่และส้ม ด้านล่างเป็นทาร์ตกรุบกรอบ กินแล้วสดชื่น นอกจากนี้ยังมี Creme Brulee Cheesecake, Mango Cheesecake ,Scone       รวมถึงเมนูจากผลไม้ตามฤดูกาลที่หมุนเวียนกันมาโชว์โฉมอยู่เรื่อยๆ อีกด้วย  

จากนิตยสารแฟชั่น ELLE สู่ ELLE Cafe Pattaya คาเฟ่ครัวซองต์ชวนอบอุ่นน้องใหม่ ในโครงการ  A’ La Campagne ที่ยกขบวนครัวซองต์สไตล์ฝรั่งเศส แบบต้นตำรับแสนอร่อยมาให้ลิ้มลอง ท่ามกลางบรรยากาศร้านสุดร่มรื่น และวินเทจ ตอบโจทย์ทั้งสายกินและสายถ่ายรูป       ตัวร้านตกแต่งเป็นสไตล์โรงนาในประเทศโซนยุโรป โดยนำไม้พาเลตที่เหลือใช้จากท่าเรือแหลมฉบังมาขึ้นเป็นผนังอาคาร  ส่วนหลังคากรุเป็นกระจกใสโปร่งแสง เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวัน ภายในนอกจากจะแบ่งเป็นโซนสำหรับคาเฟ่แล้ว ยังมีโซนขายของฝาก ที่คัดสรรมาจากผู้ผลิตในท้องถิ่นและศิลปินทั่วไป       ครัวซองต์ของทางร้านจะใช้การหมักแป้งแบบวิธีดั้งเดิมเพื่อให้ได้เนื้อแป้ง และกลิ่นเฉพาะตัว มีให้เลือกหลากหลายรสชาติ อาทิ Yuzu Meringue (150.-) สอดไส้ครีมยูซุ รสหวานอมเปรี้ยว ท็อปด้วยเมอแรงก์เนื้อเบาหวานฉ่ำ     ใครรักนูเทลลาต้องเมนูนี้ Croissant Noisette Almond & Nutella (165.-) ครัวซองต์ที่ราดด้วยนูเทลลามาแบบฉ่ำๆ เพิ่มเท็กเจอร์กรุบกรอบเวลาเคี้ยวด้วยอัลมอนด์ด้านบน     หรือจะเลือกเป็น Butter Croissant (95.-) ครัวซองต์รสออริจินัล เนื้อสัมผัสกรอบเบา หอมฟุ้งกลิ่นเนย จับคู่กับ Hibiscus & Rosella (150.-) เครื่องดื่มสุดสดชื่น ที่นำชบา และกระเจี๊ยบ มามิกซ์รวมกัน ดื่มแล้วชื่นใจ       นอกจากนี้ยังมี Chocolate Croffle (120.-) ครอฟเฟิลเคลือบช็อกโกแลตรสเข้มข้น โรยด้วยอัลมอนด์ หอมอร่อยกินเพลิน  

ไม่ต้องไปภูเก็ตก็ได้ละเลียดโดนัทจากร้านดังคิวยาว John Donut ที่วันนี้มาเปิดสาขาในกรุงเทพฯ และเป็นการจับมือกันระหว่างเชฟป้อง-ภาวิณี บุญทวีกับบริษัท เบอร์แทรม (1958) จำกัด โดยคุณมีนา อัครพงศ์พิศักดิ์ ที่เข้ามาช่วยด้านการจัดการและการลงทุน เพื่อให้คนรักจอห์นโดนัทไม่ต้องเดินทางไกลก็ได้กิน           จุดเด่นของโดนัทร้านนี้คือเน้นนวดแป้งสดๆ และทอดใหม่ทุกวัน ใช้เนยเยอะ ไข่เยอะ เพื่อให้ได้โดนัทที่นุ่มนวลเป็นพิเศษ รวมถึงมีวาไรตี้ให้เลือกมากถึง 50 หน้าหมุนเวียนไปในแต่ละวัน อาทิ Classic Icing / Classic Sugar Cinnamon เมนูนี้ทำให้เรานึกถึงประโยค Simply is the best เรียบง่ายแต่ตราตรึงใจที่สุด เชฟใช้แป้ง brioche ที่ใช้เทคนิคการทำที่เรียกว่า poolish แบบผสม sourdough แป้งจึงนุ่มฟูเป็นพิเศษ รวมถึงใช้เนยสดแท้ 100% ไม่ต้องแต่งเติมรสชาติใดๆ ก็ได้ใจเราไปเต็มๆ     อีกชิ้นที่ติดอันดับ Best Seller ของร้านคือ Pink Salt Caramel เชฟกวนคาราเมลใหม่ทุกเช้า รสออกหวานแล้วตัดเค็มบางๆ ด้วยเกลือชมพู     Strawberry Cream Cheese สะดุดตากว่าใครเพราะมีไฮไลท์เป็นสตรอว์เบอร์รีลูกโต สอดไส้แยมโฮมเมดและสตรอว์เบอร์รีสด เพิ่มความสดชื่นละมุนลิ้นด้วยครีมชีสรสหวานกลมกล่อม     Cake Donut (Old fashion) โดนัทเนื้อนุ่มแบบเนื้อเค้ก มีกลิ่นหอมของเครื่องเทศและผิวผลไม้ Citrus     ถ้าอยากสดชื่นไปอีกขั้นสั่ง Apple Fritter ที่ใช้เนื้อแอปเปิ้ลเขียวผัดกับเครื่องเทศ โรย Lemon Icing Poppy Seed Glaze รสชาติออกเปรี้ยวหวาน กินได้เรื่อยๆ แบบไม่เลี่ยน     ถัดมาเป็นเมนูกึ่งคาวหวาน Maple Bacon โดนัทเคลือบ Maple Sauce สูตรเฉพาะที่มีเบคอนทอดไร้น้ำมันชิ้นเล็กๆ ใส่มาให้เคี้ยวกรุบสนุกลิ้น     Churros ชูโรสน้ำตาล ผิวกรอบนอกนุ่มใน แป้งไม่หวานมาก เมื่อได้รสหวานจากน้ำตาลที่เคลือบบางๆ จึงลงตัวเข้ากันพอดี ไม่หวานเกิน     ปิดท้ายด้วย Cointreau Creme Brulee บอมโบโลนีโดนัทสัญชาติอิตาลีที่ไม่มีรู สอดไส้ครีมวนิลาหวานน้อย ด้านบนเคลือบน้ำตาลกรอบ ก่อนรับประทานให้พรมด้วย liquor  Cointreau สีใสรสขมอ่อน ๆ หอมกลิ่นส้มชัดเจนมาก     ไม่ต้องเดินทางไกล ไม่ต้องต่อคิวยาว แค่ขับรถมาที่ร้าน หรือสั่งเดลิเวอร์รี่ก็ได้กินแล้ว

ถ้าถามว่าย่านใหญ่ที่กำลังเติบโตไม่หยุดในช่วงนี้ ก็ต้องบอกเลยว่าซอยปรีดี พนมยงค์ หรือ ถนนสุขุมวิท 71 ตลอดเส้นนี่แหละ ที่เริ่มมีสีสันมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการเดินทางเข้ามาของบรรดาร้านอาหารและคาเฟ่ จนย่านบีทีเอสพระโขนงนี้กลายเป็นแหล่งแฮงเอาท์สำหรับวัยรุ่นและเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์ไปเป็นที่เรียบร้อย       PRIDI เป็นอีกพิกัดใหม่ล่าสุด ตั้งอยู่ภายใต้ชายคาบ้านหลังใหญ่ในซอยปรีดี พนมยงค์ 25 เกิดจากหุ้นส่วนผู้มีความสนใจและเชี่ยวชาญในเรื่องกาแฟและการอบขนมปังมารวมตัวกัน นอกจากชื่อของร้านที่บ่งบอกถึงทำเลที่ตั้งแล้ว คำว่า “ปรีดี” ยังสื่อถึงความสุข และยังพ้องเสียงกับ “ปีดี” ที่เจ้าของร้านทุกคนหวังว่าการเริ่มต้นทำคาเฟ่แห่งนี้จะช่วยสร้างปีที่ดีให้กับพวกเขาด้วย       บรรยากาศภายในร้านนั้นอบอุ่นไปทุกอณู ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคาเฟ่แห่งนี้ตั้งอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ที่มาพร้อมสวนด้านหลัง พื้นไม้สีน้ำตาลยังคงเป็นวัสดุดั้งเดิมของบ้านหลังนี้ ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนมาเยี่ยมเยือนบ้านของเพื่อนที่พร้อมให้การต้อนรับอยู่เสมอ       สำหรับเมนูของร้านนั้นออกไปทางเมนูกินง่าย เหมาะสำหรับมื้อเช้าหรือมื้อสาย (แต่จริง ๆ แล้วก็สามารถกินได้ทั้งวันนั่นแหละ) เริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มกาแฟเพิ่มหลังงานในยามเช้ากับแก้วที่มีชื่อว่า Espresso Tonic ขมปนหวานพร้อมความซ่าให้ความสดชื่นได้เป็นอย่างดี จะจิบคู่กับ Tebirkes ขนมอบสไตล์เดนิชโรยหน้าด้วยเมล็ดป๊อบปี้ สอดไส้มาร์ซิปันที่ทำจากอัลมอนด์และน้ำตาล รสชาติไม่หวานมาก หรือคู่กับ Sourdough ขนมปังซาวร์โดกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมกับเนยและสเปรดลูกจันทน์สูตรโฮมเมดให้รสหวานนุ่มนวล ก็เข้ากันดีทั้งนั้น         จานต่อมา Endive & Preserved Nutmeg เป็นเมนูจานสลัดรสชาติออกเปรี้ยว โดดเด่นที่ความกรุบกรอบของใบอองดีฟสด และแรดิช มาพร้อมกับมอร์ตาเดลลา ไส้กรอกอิตาลีหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ราดด้วยออริกาโนวินิเกรตต์     ต่อด้วย Fish & Butter ปลากะพงนำไปจี่บนกระทะจับคู่มากับเห็ดผัด ราดด้วยซอสพอนสึ ยูซู บัตเตอร์ ให้รสชาติหอมนุ่มละมุน กลมกล่อม     ที่เราได้ลิ้มลองในโอกาสนี้ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ยังมีอาหารและเครื่องดื่มอีกหลายหลายเมนูที่รอให้เข้าไปสัมผัส และเราก็เชื่ออย่างเต็มหัวใจว่ามาเยือน PRIDI แล้ว ทุกคนจะปรีดีอย่างแน่นอน

แค่เห็นร้านนี้ก็พุ่งตัวไปโดยไว นี่คือร้านขนมหวานสุดน่ารักของคุณเอ เจ้าของร้านที่ชื่นชอบการตระเวนชิมขนมหวานในต่างแดน จนลงเรียนอย่างจริงจังทั้งกับอาจารย์ชาวไต้หวันและชาวจีน ตัวร้านดึงดูดสายตาด้วยคาแรกเตอร์เจ้ามังกร 4 ตัวคือ Rui Rui,Ohki ,Ali และ Nobi ที่ได้ไอเดียจากภาพวาดของลูกชายสุดรัก       จุดเด่นของทางร้านอยู่ที่การเลือกวัตถุดิบอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นใบชาอัสสัมนำเข้าจากไต้หวัน เช่นเดียวกับน้ำเชื่อมบราวน์ชูการ์นำเข้าจากไต้หวันทั้งหมดเพื่อได้รสชาติแบบต้นตำรับ รวมถึงครีมชีสปั่นสดเพื่อความละมุน     เริ่มด้วย เป่าปิงมะม่วง น้ำแข็งไสแบบไต้หวันที่ใส่เนื้อมะม่วงลงไปในเป่าปิงด้วย เนื้อสัมผัสเบานุ่มเหมือนปุยหิมะ เติมดวงตาแป๋วๆ ด้วยน้ำตาลไอซิ่ง เสิร์ฟพร้อมมะม่วงสุก ครีมชีส วุ้นAiyu และเฉาก๊วยสไตล์ไต้หวันที่นุ่มกว่า ส่วนใครเป็นแฟนบิงซูอย่าพลาดบิงซูชาไต้หวัน รสชาชัดเจน เนื้อสัมผัสคล้ายเส้นสายไหมกินแล้วละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมทาโร่บอล ไข่มุกบราวน์ชูการ์ และเจลลี่       ส่วนเครื่องดื่มต้องยกให้ ชาส้มจี๊ดใช้ใบชามะลิยูนนานนำเข้าจากเมืองจีนนำมาสกัดเย็นแบบไนโตรโคลด์บริว ใส่น้ำส้มจี๊ดสด บ๊วย เนื้อส้มสดแล้วแล้วเบิร์นไฟปิดท้ายเพิ่มกลิ่นหอม หรือจะลอง Apple Coffee กาแฟออร์แกนิกแบบไนโตรโคลด์บริว ใส่น้ำแอปเปิลรสเปรี้ยวอมหวานและเนื้อแอปเปิลให้เคี้ยวด้วย    

แค่เปิดประตูร้านกลิ่นชาก็โชยมาเตะจมูกแล้ว “หล่อเลี้ยง” ร้านขนมในคอนเซ็ปต์โรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งซอยสาทร 11 ที่มาพร้อมเมนูขนมหวานและเครื่องดื่มเย็นฉ่ำที่กินแล้วเหมือนได้หล่อเลี้ยงร่างกายและหัวใจ         ที่นี่มีเมนู “หวานเย็น” ชื่อเก๋ไก๋ไว้รอดับร้อน เริ่มด้วยแก้วแรก ทะเลดำ ที่ได้แรงบันดาลใจจากการนั่งมองทะเลในช่วงค่ำคืน น้ำแข็งไสคลุกซอสน้ำตาลทรายแดงโฮมเมด ด้านล่างเป็นสาคูซึ่งเป็นตัวแทนของเม็ดทราย ใส่เฉาก๊วยทำเอง และแปะก๊วยด้านบนตัวแทนพระจันทร์ที่ลอยอยู่บนผืนน้ำ         แก้วถัดมายอดภูผา ช็อกโกแลตมอลต์หอมมัน ด้านล่างเป็นสาคู ส่วนด้านบนโปะด้วยพุดดิ้งนมเด้งดึ๋งทำเองเหมือนหิมะบนยอดเขา ต่อด้วย ป่าต้นบ๊วย ครบรสเปรี้ยวหวานเค็ม น้ำแข็งไสรสบ๊วย ด้านล่างเป็นสาคูเช่นกัน ด้านบนท็อปด้วยวุ้นบ๊วยดองสีสวยน่ากิน ให้ค่อยๆ ละเมียดได้จนหมดแก้ว     หากยังไม่จุใจ สั่งเลย เซียน ต่อยอดจากทะเลดำมาเป็นขนมถ้วยโต เพิ่มบัวลอยลงไปให้เป็นก้อนเมฆ ใส่แปะก๊วย เฉาก๊วย และสาคู กินเย็นๆ แล้วลืมอากาศร้อนด้านนอกไปสนิท       นอกจากนี้ที่ร้านยังทำขนมอร่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นขนมดาวเสาร์สูตรไต้หวัน คุ้กกี้ไส้สับปะรดกวน หรือจะเป็นขนมไข่นุ่มไส้คัสตาร์ดที่ใครแวะมาก็ต้องซื้อกลับบ้าน       ยกให้เป็นร้านน่าเช็คอินประจำซีซั่นนี้เลยล่ะ

ที่สุดของความอร่อยแบบพรีเมียม สำหรับเหล่าขนมจากร้าน Mika Pâtisserie คาเฟ่มินิมอลชื่อดัง ที่ตั้งอยู่บนชั้น 4 ศูนย์การค้า The Emquartier โดยทางร้านเน้นเสิร์ฟขนมหวานหน้าตาน่ารัก รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันจากวัตถุดิบคุณภาพดี ไม่ว่าจะไปนั่งรับประทานที่ร้าน หรือเลือกสั่งทางออนไลน์มาฟินที่บ้านก็ดีไม่แพ้กัน     เราแนะนำให้ลอง Caviar Tiramisu เค้กคาเวียร์ทิรามิสุตัวดังที่บรรจุมาในกล่องสวยหรูดูแพง ตัวเม็ดคาเวียร์ทำจาก เอสเปรสโซช็อต คั่วกลาง-เข้ม โดยใช้เทคนิค Molecular Gastronomy เหมือนร้าน Fine Dining สัมผัสหนึบหนับ หอมกาแฟ ผสานมากับ มาสคาโปนชีส เลดี้ฟิงเกอร์ ชุบกาแฟ และเหล้าคาลัวร์จากเม็กซิโก กลมกล่อมละมุนลิ้นเป็นที่สุด       ต่อด้วยเมนูยอดฮิต Ultimate Blueberry Cheese Pie บลูเบอร์รีสดล้นกล่อง ท็อปมาบนซอสบลูเบอร์รี รสเปรี้ยวอมหวาน และครีมชีสโฮมเมด กินพร้อมแครกเกอร์บดอบเนยกรุบกรอบ มีให้เลือกทั้งสูตรออริจินัล และสูตรคีโต       สำหรับช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ต้องเมนู Mika’s Chocolate Truffle Lava เค้กช็อกโกแลตไร้แป้งในตำนานเจ้าแรกในไทย ที่เลือกใช้ช็อกโกแลตนำเข้าจากฝรั่งเศสถึง 3 ชนิด รสเข้มข้นหวานน้อย เนื้อสัมผัสนุ่มละมุน สามารถกินได้ทั้งแบบเย็น และแบบอุ่นๆ เป็นลาวา     สั่งได้ที่ LINE official : @mikapatisserie Delivery : Robinhood, LINE MAN

สายฟู้ดดี้คนไหนกำลังคิดถึงรสชาติอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ของไต้หวัน ต้องไม่พลาดที่จะแวะไป Mah Moji 馬麻 คาเฟ่ฝั่งธน ใกล้ไอคอนสยาม ที่เน้นเสิร์ฟเมนูอร่อยทั้งคาว หวาน และเครื่องดื่มสไตล์ไต้หวัน สามารถสั่งกินกันได้อย่างจุใจเลยล่ะ       ตัวร้านโดดเด่นด้วยโทนสีน้ำเงิน แดง ขาว ที่มีแรงบันดาลใจมาจากธงชาติของไต้หวัน โซนชั้น 2 ตกแต่งเป็นสไตล์โรงเตี๊ยมจีน โดยจัดวางโต๊ะและเก้าอี้ไม้ไว้อย่างเป็นสัดส่วน ประดับด้วยภาพวาดหญิงสาวและตัวอักษรจีนที่ใครเห็นเป็นต้องสะดุดตา       เริ่มด้วยเมนูกินเล่นเพลินๆ อย่าง มันหวานทอด (89.-) มันหวานกรอบนอก หนึบใน เสิร์ฟมาพร้อมดิปบ๊วยรสเปรี้ยวหวาน และดิปมัสตาร์ดรสเผ็ดอ่อนๆ หรือจะเลือกเป็น สี่สหายของทอด (189.-) ที่ประกอบไปด้วย ลูกชิ้นปลาหมึกเนื้อหนึบหนับ เปาะเปี๊ยะกุ้งทอด ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อกุ้งเต็มคำ เทียนปุระ ปลาทอดในรูปแบบเฟรนช์ฟรายส์ และไก่ทอดไต้หวัน เนื้อชุ่มฉ่ำ กินพร้อมน้ำจิ้มพริกเผา รสเผ็ดร้อน       ต่อด้วยจานเด่นที่เรายกนิ้วให้ ชุดข้าวหน้าหมูตุ๋นไต้หวัน (179.-) ความพิเศษอยู่ที่หมูสับตุ๋นที่ทางร้านใช้เวลาหมักกับเครื่องเทศและสมุนไพรถึง 2 คืน รสเข้มข้นกลมกล่อม กินพร้อม ยำแตงกวาและซุปลูกชิ้นหมู     ชุดชาอูหลงพรีเมียม+โมจิไต้หวัน (250.-) เซ็ตชาที่เสิร์ฟมาในกาดินสีหยกสวยงาม โดยตัวชาอูหลงพรีเมียมจะมีรสชาติเข้มข้น หอมกว่าชาอูหลงทั่วไป จับคู่กับโมจิไต้หวัน แป้งบาง นุ่มหนึบ สอดไส้ถั่วลิสงคั่วบด และถั่วลิสงงาดำคั่วบด อร่อยเข้ากันสุดๆ       นอกจากนี้ยังมี ชาอูหลงลาเต้ (55.-) รสชาติกลมกล่อม หวาน มัน และ ชาเขียวมะลิส้มจี๊ด (65.-) ชาเขียวมะลิหอมเตะจมูก ที่เพิ่มความเปรี้ยวหวานด้วยส้มจี๊ด ดื่มแล้วสดชื่น