The Mew หนึ่งในคาเฟ่เก๋ไก๋ ไฮไลท์ที่คนเที่ยวเขาใหญ่ต้องมีไว้ในลิสต์ พื้นที่ของร้านกว้างขวางจัดสรรให้นั่งสบายได้หลายโซน ใครอยากสูดอากาศบริสุทธิ์แนะนำให้นั่งโต๊ะริมลำธารเล็กๆ ที่มีลมเย็นๆ พัดผ่านตลอดเวลา ส่วนด้านในก็เย็นฉ่ำนั่งชิลได้ทั้งโต๊ะเก้าอี้บุนวม หรือจะชวนกันหย่อนกายบนโซฟานุ่มๆ ก็มีให้เลือกหลายมุม นอกจากจะตกแต่งร้านได้ชวนนั่งยังมีเมนูอร่อยมาเอาใจสายกินให้ได้ฟินจนลืมเวลา         เริ่มที่ Korean Kimchi Pork with Naan Bread หมูหมักซอสพริกเกาหลี วิธีกินให้คีบหมูวางบนแป้งนาน ตามด้วยผักสด เหมาะเป็นเมนูรองท้องระหว่างวันก่อนถึงมื้อหลักได้แบบไม่อิ่มเกิน     ด้านขนมอบเน้นทำสดใหม่ทุกวันและมีให้เลือกมาก อาทิ  Homemade Scone สคอนเนื้อนุ่มร่วน หอมกลิ่นเนย กินคู่ซอสเบอร์รี แยมเสาวรส และมาสคาร์โปเนครีมที่นุ่มเนียนละมุนลิ้น     เครื่องดื่มไฮไลท์ยกให้  Rose and Lychee Lemonade ชากุหลาบผสมน้ำลิ้นจี่และน้ำมะนาว เปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วสดชื่นมีแรงเดินเที่ยวได้ทั้งวัน  

ย่านสุขุมวิทถือเป็นย่านฮิตที่รวบรวมร้านกาแฟเจ๋งๆ ไว้ให้เหล่า Café hopping แวะเวียนไปจิบกาแฟ ดื่มด่ำบรรยากาศ หรือจะนั่งทำงานชิลๆ อยู่เสมอ เช่นเดียวกับที่นี่ “Sometime I Feel”     “Sometime I Feel” ร้านกาแฟขนาดกะทัดรัดกับลุคสุดเท่ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 นำเสนอความสวยงามของงานอาร์ตผ่านการสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มที่แตกต่าง ไม่ซ้ำใคร อีกทั้งมีแกลอรีที่เปิดโอกาสให้ศิลปินเข้ามาจัดแสดงผลงานได้อย่างไม่จำกัด     เนื่องจากมีความชอบที่ต่างกันของหุ้นส่วนทั้ง 4 จึงทำให้เกิดการตกแต่งร้านในแบบ non-style fusion หรือการตกแต่งแบบไร้รูปแบบ ภายนอกมีความดิบด้วยโครงของเรือนกระจกที่ใช้ทำกาแฟ ตัดกับสีเขียวของต้นไม้ ส่วนภายในร้านตกแต่งโทนสีครีม ดำ และน้ำเงิน แบบเรียบง่าย เพิ่มกิมมิกด้วยรูปภาพจากงานอาร์ตส่วนตัวและผลงานที่ศิลปินนำมาจัดแสดงนั่นเอง       มากันที่กาแฟของร้านกันบ้าง ร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟไทยเป็นหลัก ผสมผสานกับเมล็ดกาแฟจากลาวและบราซิลจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์อื่นๆ ที่หมุนเวียนให้ลูกค้าลองชิมกันทุกๆ เดือนอีกด้วย     เริ่มกันที่เมนูแรก Orangepresso กาแฟรสเข้มผสานเข้ากับกลิ่นส้มหอมๆ โดยด้านในมีเจลลี่เนื้อส้มและน้ำส้มผสมสปาร์คกลิ้งแบ่งชั้นกับเอสเพรสโซ่ช็อตรสเข้ม เวลาดื่มคนให้เข้ากันถือเป็นเมนูกาแฟที่ช่วยเติมความสดชื่นระหว่างวันได้เป็นอย่างดี       เอาใจสายหวานด้วย Double Trouble Float กาแฟสกัดผ่านเนื้อมะนาวเพิ่มความหอม ผสมกับวานิลลาไซรัป และซอสญี่ปุ่นเพิ่มความหวาน จากนั้นท็อปด้านบนด้วยฟองนมและไอศกรีมวานิลลา กลายเป็นเมนูเครื่องดื่มกึ่งของหวานที่น่าจะถูกใจสาวๆ ได้ดีเชียวล่ะ       แต่สายแข็งต้องเมนูนี้ Espresso Shot เอสเพรสโซ่รสเข้มเบลนด์จากเมล็ดกาแฟไทยจังหวัดชุมพร ที่ให้กลิ่นหอมคล้ายถั่ว เปรี้ยวอ่อนๆ ที่ปลายลิ้นเสิร์ฟคู่กับน้ำร้อน จิบกาแฟหอมๆ พร้อมนั่งทำงานต่อได้ยาวๆ    

Uncle Tigger’s คาเฟ่ไก่ทอดสุดฮิปย่านแบริ่ง ตกแต่งสดใสในโทนเหลือง ดำ ขาว ตัวร้านโปร่งโล่งมีสเปซให้ยืดแขนขาได้สบาย  เหมาะกับชวนก๊วนเพื่อนมานั่งชิล หรือมาเป็นครอบครัวก็สนุกสนานได้เต็มที่แบบไม่รบกวนกัน พระเอกของร้านยกให้ไก่ทอดสูตรลับจากความช่างคิดของลุงเสือที่นำเครื่องเทศมากถึง 14 ชนิดมาหมักจนเข้าเนื้อ ลองทำ ลองชิม จนได้รสชาติเข้มข้นถูกใจ ผสานเทคนิคควบคุมไฟอย่างใจเย็นเพื่อให้ได้แป้งบางกรอบ เนื้อนุ่มฉ่ำ กัดแต่ละคำจะรู้สึกฟินจนหยุดกินไม่ได้เลยล่ะ     ทางร้านยังเน้นทอดใหม่เมื่อลูกค้าสั่ง เนื้อไก่จึงนุ่มนวลไม่แห้งกระด้าง ขนาดนั่งเมาท์ไปกินไปสักพัก เนื้อไก่ก็ยังฉ่ำลิ้น เหมือนเพิ่งเสิร์ฟมาใหม่ๆ ยังไงยังงั้น         เริ่มที่เมนูกินเล่น Bacon & Mayo Cheese Fries มันฝรั่งทอดเสิร์ฟมาพร้อมกลิ่นหอมของชีส รสชาติเข้มข้นเค็มมัน เพิ่มความน่ากินด้วยเบคอนทอด โรยพาสลีย์ชูกลิ่นหอมปิดท้าย เป็นเมนูที่ยิ่งหยิบก็ยิ่งเพลินจริงๆ       ต่อด้วย หมึกวงทอดกรอบ หมึกกล้วยหั่นวง คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงรสหลายชนิด ทอดจนกรอบนอกหนึบใน เคี้ยวเค็มๆ มันๆ เสิร์ฟคู่ดิปครีม เพิ่มความหอมมันแบบคูณสอง       ถัดมาเป็นปีกไก่ทอดที่มีให้เลือกหลายรสชาติ อาทิ  Black Mahlah Wings , Red Mahlah Wings 2 เมนูรสเด็ดเผ็ดร้อนจนต้องเป่าปาก และ Classic Wings รสชาติสุดคลาสสิกที่สั่งมากินกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ           ซิกเนเจอร์ห้ามพลาด Chicken & Waffles ไก่ทอดชิ้นโตวางบนวัฟเฟิลกรอบๆ หอมๆ ราดซอสสูตรลับฉบับลุงเสือ อย่าลืมบีบเลมอนเพิ่มความสดชื่น เมนูนี้กินคนเดียวก็เพลิน หรือกินกับเพื่อนก็ยิ่งสนุก       ที่ร้านลุงเสือไม่ได้มีดีแค่ไก่ทอด เพราะหมูทอดก็สุดล้ำ แนะนำ สะแด่วคอหมูทอด เต็มปากเต็มคำกับคอหมูนุ่มๆ กินเปล่าๆ ก็เข้าที หรือจะจุ่มน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ดก็เข้าท่า       เดินหน้ากันต่อกับสะแด่วหมูบิงซูและไข่ดองพริกน้ำปลา นำสะแด่วหมูสุดนุ่มเรียงบนข้าวสวยร้อนๆ ท็อปด้วยไข่ดองพริกน้ำปลาเป็นมันเยิ้มชวนกิน เพิ่มความจัดจ้านด้วยน้ำจิ้มแจ่ว เคี้ยวมันส์ตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้าย       นอกจากนี้ยังมีเมนูเอาใจคนกินเส้นอย่างสปาเกตตีลุงเสือ จุดเด่นคือเส้นเหนียวนุ่ม เข้ากันดีกับซอสคาร์โบนาราที่ปรุงได้รสชาติกลมกล่อมและหอมกรุ่น  แต่ถ้าชอบซดน้ำซุปร้อนๆ รสจัดจ้านคล่องคอลองสั่งมาม่าต้มยำน้ำข้นทะเลและไข่แดงดิบก็ไม่ผิดหวัง       ปิดท้ายด้วยของหวานล้างปาก Okinawa Waffle วัฟเฟิลโฮมเมดจากแป้งสูตรเฉพาะ กรอบนอกนุ่มในกินแล้วไม่รู้สึกเลี่ยนหรือหนักท้องเกินไป จับคู่กับวิปครีมนมสด เพิ่มกิมมิกชวนกินด้วยไข่มุก ราดไซรัปฉ่ำๆ หวานหอมลงตัว       ส่วนแก้วนี้ Shu Shu Original Milk Tea ชาไต้หวัน จะนั่งดื่มที่ร้าน หรือซื้อติดมือกลับไปดื่มต่อที่บ้าน ก็ยังดื่มได้สดชื่นตั้งแต่หยดแรกจนถึงหยดสุดท้าย  

แม้ทางเข้าจะค่อนข้างลึกลับซับซ้อนแบบต้องตั้งใจเดินตามหากันสักนิด แต่เมื่อผลักประตูกระจกเข้ามาใน “ไทง้วน คาเฟ่” คาเฟ่สไตล์โมเดิร์นไชนีสในชั้นล่างของบ้านเก่าอายุ 200 ปี ของชาวจีนรุ่นแรกที่เข้ามาปักหลักอาศัยในย่านตลาดน้อย เยาวราช เราก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง หลังจากปะทะบรรยากาศเก๋ไก๋กรุ่นกลิ่นอายอดีตของที่นี่       ความโดดเด่นของไทง้วนคือการปรับเปลี่ยนบ้านเก่าด้านหลังศาลเจ้าให้ดูร่วมสมัยและคงความเป็นบ้านคนจีนไว้อย่างลงตัว ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ประตูบานเฟี้ยม พื้นกระเบื้องหลากสี และภาพวาดบนผนังที่อดใจถ่ายรูปไม่ได้ในทุกมุม ที่สำคัญที่นี่มีห้องไพรเวทที่เป็นส่วนตัวให้นั่งคุยงานสบายๆ อีกด้วย       สำหรับเมนูอร่อยของที่นี่ก็น่าแชะและน่าชิมไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นวุ้นเก๊กเก่ากี้ เมนูซิกเนเจอร์เก๊กฮวย เก๋ากี้ ซานจา และน้ำผึ้ง เพิ่มความหวานนิดๆ ด้วยน้ำตาลทรายแดง เสิร์ฟในโดมแก้วสวยงาม และ ซอร์เบต์ลำไย เกล็ดน้ำแข็งทำจากน้ำลำไยหอมหวานในแก้วทรงสูง โรยหน้าด้วยเครื่องเต้าทึง       เพิ่มความอิ่มกันต่อด้วย หมั่นโถวดิป ที่อบจนแป้งกรอบนอกนุ่มใน เลือกจิ้มได้ทั้งช็อกโกแลต นมข้นหวาน และเนยถั่วผสมนูเทลลา และเปี๊ยะวัฟเฟิลไส้หมูแดงและเผือกไข่เค็ม ทีเด็ดอยู่ที่การอบด้วยเครื่องทำวัฟเฟิลจนแป้งกรอบอร่อยยิ่งขึ้น       แต่ถ้าใครแค่อยากนั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ เราแนะนำชาผลไม้ ชุดชาร้อนที่เบสด้วยชามะลิผสมผลไม้รวม รสออกเปรี้ยวอมหวานนิดๆ เสิร์ฟพร้อมสัมปันนีชิ้นเล็กๆ น่ารัก และเอสพลัมโซดา กาแฟบ๊วยสูตรเด็ดที่ราดกาแฟเพียงครึ่งชอต เพื่อไม่ให้ขมจนเกินไป ดื่มแล้วสดชื่นสุดๆ    

กระทรวงการคั่ว น้องใหม่ในเครือ Café by Chiangmai บริหารงานโดยปลัดกระทรวงหนุ่มที่ดูแลด้วยตัวเองทุกขั้นตอน คนรักกาแฟทั้งหลายจะได้รื่นรมย์ไปกับ Specialty Coffee ที่ปลัดตั้งใจคัดมาเป็นพิเศษและยังเลือกได้ว่าอยากจิบกาแฟแบบไหน ไม่ว่าจะเป็น Espresso Blend ที่มีเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีทั้งในและต่างประเทศหมุนเวียนมาให้ได้ลิ้มลอง หรือ Filter ก็มีกาแฟ Original Single ให้เซอร์ไพรส์ได้ตลอดเหมือนกัน         สำหรับ Espresso Blend คุณปลัดจัดให้เลือก 4 ระดับ ได้แก่ รัฐมนตรีเบลนด์ กาแฟคั่วอ่อนสุด ได้กลิ่นหอมและรสเปรี้ยวของผลไม้ชัดเจน ปลัดเบลนด์ กาแฟคั่วอ่อน หอมหวานแบบน้ำผึ้ง แต่ซ่อนเปรี้ยวเล็กน้อยอย่างลงตัว ข้าราชการเบลนด์ กาแฟคั่วกลาง หอมแบบช็อกโกแลต เหมาะดื่มเย็นหรือผสมนมจะช่วยให้ละมุนลิ้นยิ่งขึ้น ใครต้องการความเข้มข้นแบบสุดขั้วต้องลอง ประชาชนเบลนด์ กลิ่นคั่วเข้มชัดเจน เหมาะดื่มเป็นเอสเปรสโซเย็น หรือผสมนมก็กลมกล่อมโดนใจ     หากต้องการประสบการณ์แปลกใหม่แนะนำชงด้วย Filter เริ่มจากเลือกเมล็ดกาแฟ Original Single คั่วกลางหรือคั่วอ่อนตามชอบแล้วสนุกกับอุปกรณ์ที่มีทั้งดริปด้วยกรวยกระดาษ, Aeropress, Syphon หรือ Clever Coffee Dripper ที่ให้กลิ่นหอมและรสชาติที่แตกต่างกัน     เมนูแนะนำ Iced Americano อเมริกาโนเย็นจากกาแฟเอธิโอเปียและไทยเชียงราย ฮันนี่ โปรเซสให้กลิ่นรสสดใสในโทนดอกไม้และผลไม้กลุ่มซิตรัส หากอยากจิบอุ่นๆ จะเปลี่ยนเป็น Hot Americano ก็ได้     Espresso on the Pink Rock เอสเปรสโซสกัดเย็น ราดบนน้ำแข็งทำจาก Acerola Cherry เชอร์รี่ที่มีวิตามินซีสูง น้ำแข็งจะค่อยๆ ละลาย โดยที่ Flavor หลักของกาแฟยังโดดเด่น ทำให้จิบได้เพลินๆ จนหมดแก้ว     Single Original Filter Coffee ดริปร้อนจากกาแฟเคนย่า โทนผลไม้จัดจ้าน เหมาะกับคอกาแฟที่ต้องการท่องไปในโลกแห่งสีสันสไตล์เคนย่า     Yellow Sky Cream Cheese เหมาะเป็นกาแฟแก้วที่ 2 ของวัน ดื่มแล้วกระปรี้กระเปร่าด้วยส่วนผสมของน้ำผึ้งมะนาว ตามด้วยไนโตรโครบรู ทอปด้วยครีมชีส รสเปรี้ยวเค็มหวานผสานกันได้อย่างลงตัว แนะนำให้จับคู่กับเลมอนทาร์ตสักชิ้นจะฟินมาก     หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากกาแฟเป็นน้ำผลไม้ปั่นก็มีให้เลือกหลายเมนู แต่ที่อยากแนะนำคือ Mo-Now Lisa แตงโมผสมน้ำมะนาวปั่นจนเนื้อเนียน รสชาติเปรี้ยวหวานลงตัว     กระทรวงไหนก็คงไม่ชิลเท่ากระทรวงนี้!

เมืองหลวงฝุ่นควันมากมาย ฝุ่นเยอะขนาดนี้หนีมาสูดอากาศบริสุทธิ์กลางทุ่งนากันให้ชุ่มปอดดีกว่า ที่ “โชคดี คาเฟ่” คาเฟ่เปิดใหม่แดนอีสาน จังหวัดขอนแก่น พาเพื่อนๆ ดื่มด่ำกับอาหารและเครื่องดื่มหลักร้อยแต่วิวหลักล้าน มีที่นั่งแบบอินดอร์และเอาท์ดอร์ไว้จิบเครื่องดื่มและฟินกับขนมแสนอร่อยได้อย่างเพลิดเพลินในราคาหลักร้อยแต่วิวหลักล้าน     เมื่อเข้ามาในร้านเราจะพบกับโซนที่นั่งติดแอร์ ประดับผนังด้วยดอกไม้สีสันสดใส พร้อมด้วยกระจกใสรอบร้าน ทำให้เห็นวิวทุ่งนาเขียวขจีแบบเต็มตา ส่วนด้านนอกมีเก้าอี้ให้นั่งชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ แถมด้วยมุมถ่ายรูปเก๋ๆ รวมไปถึงทางเดินยาวไปกลางทุ่งนา เพื่อให้แชะรูปสวยสู้แดดกับวิวเขียวขจีที่หาไม่ได้ในกรุงเทพ           เมนูเครื่องดื่มของร้านมีให้เลือกมากมาย เริ่มกันที่เครื่องดื่มโซดาสีสันสดใสอย่าง “เสาวรสโซดา” และ “อัญชันโซดา” แก้กระหายคลายร้อนได้เป็นอย่างดี     หรือใครเป็นคอกาแฟอาจเลือกสั่งเป็น “คาราเมล มัคคิอาโต” กาแฟมัคคิอาโตเข้มข้น เพิ่มความหอมหวานด้วยคาราเมลไซรัป หรือเป็น “มัทฉะ เอสเพรสโซ่” กาแฟสดหอมๆ แบ่งชั้นกับชาเขียวมัทฉะรสเข้มข้น เวลาดื่มคนให้เข้ากัน จะได้รสของชาเชียวและกาแฟผสมกันอย่างลงตัว       และสำหรับเมนูขนมชื่อดังของร้านที่ใครมาต้องสั่งคือ “วาฟเฟิลฮ่องกง” วาฟเฟิลแป้งกรอบสไตล์ฮ่องกงหอมกลิ่นเนย ราดด้วยซอสช็อกโกแลต เสิร์ฟพร้อมวิปปิ้งครีมหอมมัน ทานคู่กับกาแฟเข้มๆ เข้ากันได้ดีเลยล่ะ    

มอคค่าแอนด์มัฟฟินส์ เป็นคาเฟ่ที่อยู่คู่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ มาอย่างยาวนาน ตอนนี้ปรับโฉมใหม่ให้ดูกว้างขวางน่านั่งมากกว่าเดิม ร้านนี้ตั้งอยู่ภายในบริเวณปาริชาติ คอร์ท ที่ล้อมด้วยสวนสวยของโรงแรม ภายในร้านสวยงามเรียบง่ายมีอุปกรณ์ทำขนมทั้งไทยและเทศมาตกแต่ง รวมถึงกระเบื้องดินเผาแฮนด์เมด ดูหรูหราด้วยเคาน์เตอร์หินอ่อน ประดับด้วยงานทองแดง งานไม้ หนังและผ้าสวยๆ จากจิม ทอมป์สัน         เชฟอจิณญา ซาวดัณคาร์ (Ajinkya Soundankar) หัวหน้าพ่อครัวขนมอบ แนะนำเมนูใหม่ของเขาที่ได้แรงบันดาลใจเมื่อครั้งยังทำงานอยู่ที่นิวยอร์ก เช่น เครื่องดื่มสีสันสดใสอย่าง Freaky Shakes เป็นมิลค์เชคที่มีให้เลือกทั้งรสสตรอว์เบอร์รี ช็อคโกแลตและชาไทย ตกแต่งแก้วด้วยลูกกวาดสีสดใสช่วยเติมความหวานสดชื่นให้กับวันได้เป็นอย่างดี     ส่วนเค้กที่ใครเห็นก็ต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแชร์ลงโซเชียลทันทีอย่าง Camera Chocolate เค้กช็อกโกแลตรูปกล้องถ่ายรูป เนื้อในเป็นสปองจ์ช็อกโกแลตสลับกับกานาชรสเข้มข้น สเปรย์เคลือบด้วยไวท์ช็อกโกแลต  Bucket Cake เค้กในถังใบเล็กน่ารัก เป็นเค้กช็อกโกแลตที่ใช้ช็อกโกแลตนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส กับกานาชรสขมนิดๆ ตกแต่งด้วยบัตเตอร์ครีมให้ดูเหมือนมีน้ำไหลออกจากถัง ประดับด้วยมาการองและผลไม้สดสีสันสดใส       ที่นี่มีเมนูหนักท้องเข้ามาเสริมทัพเพิ่มขึ้นอย่างสลัดและแซนวิช สลัดเราสามารถเลือกผักและส่วนผสมอื่นๆ ได้ตามใจชอบ หรือจะสั่งที่เชฟจัดไว้ให้แล้วก็ได้ อย่างเช่น Quinoa Salad สลัดคีนัว กับผักโขมเบบี้ที่เสิร์ฟมาแบบฟูจานท๊อปด้วยเฟต้าชีส ราดน้ำสลัดบัลซามิครสเปรี้ยวอมหวาน      ส่วนแซนวิชเป็นแบบหน้าเปิดใช้ขนมปังซาวโดชิ้นใหญ่ เราลอง Smoked Salmon Sandwich ใช้รมควันแซลมอนที่โรงแรมทำเอง ได้กิล่นหอมและรสเค็มอ่อนๆ เข้ากันได้ดีกับโพชเอ้กและอะโวคาโด เรียกได้ว่าชิ้นเดียวก็เต็มอิ่ม     มาร้านนี้แล้วอย่าลืมซิกเนเจอร์คู่ร้านอย่าง Sausage Roll ที่ทำทุกขั้นตอนอย่างใส่ใจทั้งแป้งที่รีดและสลับชั้นด้วยเนยคุณภาพดีได้เกรด AOP จากฝรั่งเศส รวมถึงไส้กรอกสูตรโฮมเมดที่ไม่ว่าใครก็ตกหลุมรัก     

เมื่อนึกถึงขนมปังสูตรต้นตำรับฝรั่งเศสแล้วล่ะก็ หลายคนคงนึกถึงร้านเด่นร้านดังในกรุงเทพฯ แต่ความจริงแล้วเชียงใหม่ก็เป็นที่ตั้งของร้านขนมปังสไตล์ฝรั่งเศสอย่าง Chez Nous ที่ชาวเชียงใหม่รักกันสุดหัวใจ     “เชนู” (Chez Nous) มาจากภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “บ้านเรา” ซึ่งเกิดจากความตั้งใจของ คุณไหม - ปิยะกมล วาณิชย์มงคล ที่ต้องการให้ที่นี่เป็นเสมือนบ้านสไตล์คันทรี่ในชนบทของประเทศฝรั่งเศสที่แวดล้อมไปด้วยบรรยากาศอันแสนอบอุ่นและเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอบอวลของขนมปังอบสดใหม่สูตรต้นตำรับ จากวิธีการทำที่พิถีพิถัน ร่วมด้วยวัตถุดิบที่อิมพอร์ตมาจากฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็น แป้ง เนย อัลมอนด์ ไปจนถึงช็อกโกแลต       เริ่มกันด้วย Thousand Layers Croissant ครัวซองต์พันชั้นสูตรซิกเนเจอร์ที่โดดเด่นด้วยความกรอบนอกนุ่มในสอดแทรกรสชาติหอมหวานมันและละมุนในทุกๆ คำ จากชั้นแป้งบางๆ ที่เรียงซ้อนเป็นชั้นสวย ต่อด้วย Almond Croissant ครัวซองต์อัลมอนด์ที่ต้องรีบจับจองกันตั้งแต่ตอนเช้าๆ เพราะหมดกันตั้งแต่หัววัน ซึ่งความอร่อยคงต้องยกให้กับไส้ครีมอัลมอนด์เนื้อนุ่มที่ผสานกับความกรุบกรอบของอัลมอนด์สไลซ์ได้อย่างลงตัว       ถ้าใครอยากลองขนมหายากก็ต้องลอง Kouignamann หรือ ควิน-ยา-มาน ขนมฝรั่งเศสโบราณจากแคว้นบริตตานีย์ที่พกพาจุดเด่นความเข้มข้นหวานมันของแป้งพัฟกรอบนอกนุ่มในที่ซุกซ่อนความชุ่มฉ่ำของเนยและคาราเมลอย่างเต็มพิกัด     แต่ถ้ายังไม่จุใจก็ยังมีเมนูบรันช์ง่ายๆ ให้เลือกชิมอย่าง Wholewheat Breadbowl ที่ทำเก๋ด้วยการนำขนมปังโฮลวีทโฮมเมดทรงหัวกะโหลกมาคว้านไส้ออกทำเป็นชาม ก่อนจะเติมความอร่อยของปลาแซลมอนรมควันคลุกเคล้าด้วยซอสทาร์ทาร์รสอมเปรี้ยว โรยหน้าอีกนิดด้วยชีสและไข่แดงแล้วนำไปอบ เสิร์ฟร้อนๆ พร้อมสลัดผักเพิ่มความสดชื่น     แล้วปิดท้ายกับ Chef Dark Chocolate 64 %  เครื่องดื่มสุดเข้มข้นโดดเด่นด้วยความอร่อยของช็อกโกแลตนำเข้าจากฝรั่งเศสที่มีให้เลือกทั้งแบบร้อนและแบบเย็น แน่นอนว่านอกจากความเข้มข้นยังพกพารสชาติหอมมันหวานน้อย ช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ต้องถูกใจอย่างแน่นอน     บอกเลยว่าไม่ลองไม่ได้  

หากใครผ่านมาแถวย่านพระรามสอง ลองแวะ Mitta Café ร้านคาเฟ่สุดชิลที่อยู่ติดริมถนน แม้จะไร้เครื่องปรับอากาศแต่ก็ยังเย็นสบายเพราะได้ร่มเงาจากต้นไม้นานาพันธุ์ บรรยากาศในร้านมีมุมอาร์ตๆให้เลือกถ่ายรูปตามใจชอบ พร้อมลิ้มรสเครื่องดื่มและเบเกอรีโฮมเมดสไตล์ไทยๆ อบสดใหม่ หอมฟุ้งมาแต่ไกล นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้คนแวะเวียนมายัง Mitta Café ไม่ขาดสาย         เริ่มกันด้วยเมนูซิกเนเจอร์อย่าง โรลลูกตาล เค้กเนื้อฟองน้ำนุ่มฟูห่อครีมสดลูกตาลหวานละมุน ด้านบนปาดด้วยครีมสีฟ้าจากดอกอัญชันปลูกเอง สวยเตะตาน่าลิ้มลอง     ต่อด้วยเมนูตามฤดูกาลที่เราเทใจให้รัวๆ ชีสเค้กลำไย ครัมเบิ้ลกรุบกรอบเป็นฐานชั้นล่าง ตามด้วยชีสเค้กและครีมสดรสหอมมัน ท็อปด้วยลำไยสดหวานฉ่ำลูกโตๆ อีกที จานนี้ใครชิมก็ต้องติดใจ     หรือจะลอง แสร้งว่ากล้วยปิ้ง เค้กกล้วยน้ำว้าเสิร์ฟอุ่นๆ หอมกรุ่น ราดด้วยซอสสูตรพิเศษเฉพาะของทางร้านที่ทำจากคาราเมลและน้ำมะพร้าว หวานกลมกล่อม ลงตัวสุดๆ     คอกาแฟห้ามพลาด Waytan Coffee เอสเปรสโซช็อตเข้มข้นราดลงบนชั้นนมสดและลูกตาลอัญชันสีม่วงสวยรสหวานหอมมัน ดื่มง่าย จิบแล้วสดชื่นดี       ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มตามฤดูกาลสุดชื่นใจ ลิ้นจี่มะดันปั่น รสเปรี้ยวอมหวาน หอมกรุ่นกลิ่นลิ้นจี่ ดื่มแล้วแฮปปี้อย่าบอกใคร  

“นิยาย” คำสั้นๆ ที่ฟังแล้วไม่มีวันเอ้าท์ ถูกเลือกมาใช้เป็นชื่อร้านคาเฟ่ในสวนเขียวขจีที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่อยู่ในซอยทุ่งมังกร 6 ย่านตลิ่งชัน ภายนอกนั้นเป็นบ้านหลังน้อยน่ารัก มีที่นั่งพักหรือมุมสวยๆ ไว้ถ่ายรูปอยู่ไม่น้อย         เดินเข้ามาข้างในก็ใช่ย่อย คิ้วท์ยิ่งกว่ากับการตกแต่งสไตล์วินเทจ ผนังสีขาวถูกแซมด้วยกรอบรูปหลากชิ้น มีของเก่าสะสมและดอกไม้แห้งวางแต่งอยู่ทุกมุมร้าน พร้อมรื่นรมย์ไปกับอาหารรสเลิศและเค้กโฮมเมดหอมกรุ่น รวมแล้วเป็นบรรยากาศน่ารักแสนอบอุ่น ราวกับฉากหนึ่งในนิยายที่คุณสามารถเลือกได้ว่าจะรับบทเป็นตัวละครใด         เริ่มที่เมนูซิกเนเจอร์ ก๋วยเตี๋ยวยำกุ้งย่าง เส้นใหญ่เหนียวนุ่มและกุ้งย่างเนยหอมกรุ่น ราดด้วยน้ำยำรสเปรี้ยวหวาน อร่อยฟินประทับใจ     สปาเก็ตตีผัดพริกแห้งเบคอน สปาเก็ตตีเส้นหนึบหนับสุกกำลังดีผัดพร้อมเบคอน ปรุงรสเผ็ดร้อนหอมกลิ่นพริกแห้ง     อีกหนึ่งเมนูโดนใจยกให้ แซลมอนฉู่ฉี่ เนื้อปลาแซลมอนกรอบนอกนุ่มใน ราดด้วยซอสฉู่ฉี่รสเผ็ดกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมไข่ฝอยและข้าวสวย อิ่มเอมจริงๆ กับจานนี้     มาถึงของหวานที่เรารัก เค้กมะพร้าว เนื้อเค้กเบานุ่ม หวานน้อย หอมกรุ่นกลิ่นมะพร้าวอ่อน ยิ่งชิมก็ยิ่งเพลิน สมแล้วที่เป็นนางเอกประจำร้าน     หรือจะลอง เค้กลิ้นจี่โยเกิร์ต รสหวานหอมของซอสลิ้นจี่ผสานกับเนื้อเค้กและเนื้อครีมอันนุ่มนวล ถูกใจตั้งแต่คำแรกที่ลิ้มลอง     เครปเค้ก ของหวานซิกเนเจอร์อีกจานที่ดีต่อใจ เครปเค้กสลับชั้นกับครีมเลมอนรสเปรี้ยว ราดด้วยซอสชาเอิร์ลเกรย์ผสมกับช็อกโกแลตสูตรพิเศษจากทางร้าน หอมมัน เข้ากันได้อย่างลงตัว     ส่วนเครื่องดื่มเราแนะนำ มัทฉะเย็น หวานมัน เข้มข้นเต็มรสชาเขียว จิบคลายร้อนเพลินๆ ไม่มีเบื่อ     ตอนจบแบบ Happy Endings มีอยู่จริงใน “นิยาย”

Three Bears Pastry” คาเฟ่น่ารักน่านั่งในซอยสุขสวัสดิ์ 30 ของเชฟออย เจ้าของตุ๊กตาหมีเบชาเมล 3 ตัว (ซึ่งให้แก่นักเรียนของเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ที่ได้ท็อป 3 ของคลาส) ที่นำความรักและความหลงใหลในการทำขนมมาสร้างสรรค์เป็นเมนูของหวานและเบเกอรีโฮมเมดสูตรอร่อยของตัวเอง       แม้จะมีการรีโนเวตปรับเปลี่ยนการตกแต่งร้านให้เป็นโทนสีน้ำเงินขาวที่มาพร้อมโลโก้หมีโฉมใหม่แสนน่ารักไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่รับรองว่าความอร่อยยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเมนูใหม่ๆ ที่เชฟหยิบเอาแรงบันดาลใจจากประสบการณ์การทำงานครัวในต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นมาผสมผสานจนกลายเป็นซิกเนเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร       คนรักเค้กต้องลอง Three Choc Cheese Cake ชีสเค้กที่รวมความอร่อยของดาร์กช็อกโกแลต ไวต์ช็อกโกแลต และช็อกโกแลตนมได้อย่างลงตัว และ Matcha Milk Choc เค้กชาเขียวสอดไส้ครีมสดและถั่วแดง เพิ่มความกลมกล่อมละมุนละไมด้วยครีมช็อกโกแลตนมหอมหวาน ถ้าอยากหนักท้องมากขึ้น Waffle Granola วัฟเฟิลกรอบนอกนุ่มในท็อปด้วยคัสตาร์ดครีมโรยกราโนลาโฮมเมดกรุบกรอบ ราดซอสราสป์เบอร์รี เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลาหอมหวานเป็นตัวเลือกที่ดี         แต่ถ้ามีเวลาไม่มาก แค่แวะเข้ามาชิมเมนูเครื่องดื่มอย่าง Honey Lemon Sparkling Espresso น้ำผึ้งมะนาวโซดาแสนสดชื่น ราดเอสเพรสโซช็อตเพิ่มความเข้มข้น และ Duo Cha Thai Espresso ความลงตัวของนมสด ชาไทยหอมหวาน และเอสเพรสโซช็อตเข้มกำลังดี       หรือจะเติมความหวานแบบเบาๆ ด้วย Real Homemade Ice-Cream ไอศกรีมโฮมเมดสูตรเด็ดของเชฟออย เราแนะนำรสเอิร์ลเกรย์หอมกลิ่นชา เสิร์ฟพร้อมคุกกี้รูปหมีแสนน่ารักก็สดใสไปทั้งวันแล้ว  

ย้อนไปก่อนหน้านี้ คุณเอื้อง-ธีตา เริ่มต้นเดินบนเส้นทางสายขนมอย่างจริงจัง ด้วยการเปิดร้านเบเกอรี่ในชื่อ Theera นำความรู้เรื่องขนมที่ได้จากการเรียนที่เลอ กอร์ดอง เบลอ มาปรับสูตรให้เป็นเบเกอรี่เพื่อสุขภาพ รวมถึงขนมแบบกลูเต็นฟรีและวีแกน นอกจากจะดีกับลูกชายของคุณเอื้องที่มีภาวะออทิสซึ่ม ยังเป็นทางเลือกให้ผู้ที่มีอาการแพ้อาหารอีกด้วย (สมกับที่เธอนิยามการทำขนมไว้ว่าเป็นช่วงเวลาที่คลายเครียดและเป็นสุข) ก่อนที่เส้นทางของเธอจะชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยการเปิดตัว Steps with Theera ร้านสีขาวย่านเอกมัยในรูปแบบของเทรนนิ่งเซนเตอร์ที่มีคาเฟ่แสนอบอุ่นอยู่ชั้นล่าง ร่วมกับคุณแมกซ์ Co-founder ที่มีพื้นฐานการสอนผู้พิเศษมานานหลายปี       ที่นี่จึงไม่ได้เป็นเพียงคาเฟ่ธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับฝึก-เรียนรู้-เตรียมตัวของเด็กพิเศษ หลายคนในฐานะของเทรนนี ก่อนจะก้าวออกไปใช้ชีวิตร่วมกับคนทั่วไปอย่างมีประสิทธิภาพพร้อมกับสุขภาพใจที่แข็งแรง       Eat-Live-Learn : ใช้ชีวิตไปด้วย เรียนรู้ไปด้วย   “เราสอนทักษะในการดำรงชีวิตประจำวัน ซักผ้า รีดผ้า การเดินทาง วิธีขี้นบีทีเอส นั่งรถเมล์ เรียก Grab การเปิดบัญชีที่ธนาคาร รวมถึงทักษะในการประกอบอาชีพด้วย คาเฟ่เป็นพื้นที่ที่เทรนนีสามารถเรียนรู้ทักษะได้หลายรูปแบบ ทั้งการทำงานเป็นทีม แก้ปัญหาเฉพาะหน้า การมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การแต่งตัวให้สุภาพเรียบร้อย มาทำงานให้ตรงต่อเวลา ซึ่งไม่ว่าจะไปทำอาชีพใดก็ตาม จำเป็นจะต้องมีทักษะเหล่านี้ด้วย”   คุณเอื้อง ธีตา Pastry Chef แห่ง Step with Theera และ Theera   คุณเอื้องอธิบายภาพกว้างๆ ให้เราฟังอย่างอารมณ์ดี นอกจากน้องๆ จะได้ลงมือช่วยทำขนม  ฝึกเป็นบาริสต้าแล้ว ยังมีเนื้องานอื่น ทั้งการฝึกทำอาร์ตเวิร์กหรือแม้แต่เขียนบทความโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะช่วยดึงทักษะเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคนให้ออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น และที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คาเฟ่แห่งนี้ยังเป็นพื้นที่ให้คนภายนอกเข้ามาสื่อสารพูดคุยและได้มองเห็นว่าน้องๆ สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ (เช่นเดียวกับครั้งนี้ เราได้เจอกับน้องปัณณ์ หนุ่มน้อยที่ขยันขันแข็งสุดๆ จนต้องขอถ่ายรูปมาฝากกันซะเลย) บรรยากาศภายในร้านจึงเต็มไปด้วยข้อความให้กำลังซึ่งกันและกันบนบอร์ด และที่น่ารักไปกว่านั้น ยังมีวิธีการสื่อสารผ่านรูปภาพ Sign of the month หรือการใช้ภาษามือที่เข้าใจง่ายอีกด้วย   น้องปัณณ์ เทรนนีคนขยันของเราวันนี้   เมนูของที่ร้านเน้นเมนูเพื่อสุขภาพเป็นหลัก ใครแพ้อาหารจำพวกแป้งก็มีเมนู Gluten-Free แยกไว้อย่างชัดเจน เริ่มด้วยข้าวกล้องกับแกงมันหวาน ให้หนักท้องกันก่อน ที่ร้านใช้ส่วนอกไก่ไร้มัน เราชอบที่แกงมีความข้นจากการใส่มันบดลงไปด้วย ลดการกะทิให้น้อยลง และไม่ใส่ผงชูรส แถมรสเผ็ดดีทีเดียว ตามด้วย Chia and Acai Layered Breakfast Jar with Fresh Fruit สมูทตี้โบวล์ที่อัดแน่นไปด้วยรสเปรี้ยวหวานของผลไม้ ได้ประโยชน์จากนมถั่วเหลือง พีนัทบัตเตอร์ เมล็ดเจีย และรสหวานละมุนจากน้ำผึ้ง โรยกราโนล่าทำเอง (แบบกลูเต็นฟรี) Gluten-Free and Vegan Pancakes แพนเค้กแบบกลูเต็นฟรี ทำจากแป้งข้าวกล้องผสมกับแป้งบัควีต ใส่เมล็ดเจีย นมข้าว กะทิ ได้รสหวานจากน้ำตาลทรายแดง ท้อปด้านบนด้วยแอปเปิลคาราเมลและครัมเบิลกรุบกรอบ         ปิดท้ายด้วย Warm Peanut Butter Bar เนื้อนุ่มและแน่นได้ความหวานจากกล้วยและอินทผาลัม เสิร์ฟอุ่นราดด้วยซอสคาราเมล กินคู่ไอศกรีมนมถั่วเหลืองโฮมเมด รสนุ่มนวลดีเชียว     กระซิบอีกนิด หากใครแวะมาที่ร้านแล้วเจอน้องๆ เทรนนีกำลังทำงานอยู่ อย่าลืมส่งยิ้มทักทายเป็นกำลังใจให้ เพราะรอยยิ้มของเรามีความหมายกับน้องๆ มากทีเดียวค่ะ

จากรายการทำขนมชื่อดัง Sweet Chef Thailand  สู่ร้าน “Sweet Chef Café” ที่หยิบยกเอาเมนูของหวานสุดครีเอทที่แข่งขันในรายการมาเป็นเมนูประจำร้าน ให้แฟนรายการและเหล่านักชิมของหวานได้ลิ้มลอง โดยแต่ละเมนูถือเป็นลายเส้นของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนที่อยากจะสร้างสรรค์เมนูของหวานแปลกใหม่ หน้าตาดี แต่คงไว้ซึ่งความอร่อยนั่นเอง       เพียงแค่หน้าร้านเราก็จะพบกับประตูบานใหญ่สีชมพูหวานสะดุดตา สมกับชื่อ Sweet จริงๆ เมื่อเดินเข้ามาภายในร้าน เจอกับผนังสีลาเวนเดอร์ และโซฟาสีม่วงและโต๊ะลายหินอ่อนสีขาวสบายตา เพิ่มดีเทลเล็กๆ ที่มุมกำแพงโค้งที่ใส่ลวดลายเป็นรูปสลักอุปกรณ์เครื่องครัวอีกด้วย       ไม่รอช้า เริ่มที่ความหวานจานแรกอย่าง “พีชชี่ ฟีชชี่ (Peachy Fizzy)” ไอศกรีมลูกท้อผสมแชมเปญได้ความสดชื่นและความหอมไปพร้อมๆ กัน ด้านล่างเป็นเมอแรงค์กรุบกรอบ กินคู่กับชีสเค้ก เคิร์ตลูกท้อ และซอสวานิลลาพีช เปรี้ยวอมหวานแต่กลมกล่อม ทีเด็ดอยู่ที่ลูกท้อที่นำไปตุ๋นในเครื่องเทศจนได้กลิ่นหอมและได้ความเผ็ดเล็กๆ อีกด้วย       ส่วนใครเป็นฮันนี่เลิฟเวอร์ต้องเมนูนี้เลย “มูสหยดน้ำผึ้ง (Honey Bubble Yuzu Mousse)” มูสเย็นๆ เนื้อละมุน มีรสหวานอมเปรี้ยวจากส้มยูซุและน้ำผึ้ง เนื้อมูสทำจากเลมอนครีมชีสเคลือบไวท์ช็อกโกแลต แอบซ่อนความสดชื่นด้านในด้วยเจลลี่ส้มยูซุผสมน้ำผึ้ง มะม่วงสุก สปันจ์เค้กวานิลลา ทานคู่กับคุกกี้น้ำผึ้งกรุบๆ ตัดด้วยไอศกรีมส้มยูซุรสเปรี้ยว เป็นจานที่กินได้เพลินไม่รู้เบื่อเลยทีเดียว     ปิดท้ายเมนูขนมหวานที่ซ่อนสมุนไพรเพื่อสุขภาพภายในจานกันบ้าง “ครีมชีสว่านหางจระเข้ (Aloe Vera Creamcheese Muesli)” ครีมชีสไลท์ๆ ผสมว่านหางจระเข้ กินคู่กับสเฟียร์โยเกิร์ต ตัดด้วยเลมอนครีมและกรานิต้าราสป์เบอร์รี่และสตรอว์เบอร์รี่ เป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่ได้ความเบาและสดชื่นไปพร้อมๆ กัน       นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูเครื่องดื่มไว้ลิ้มลองอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น “Bitter Orange with Ginger Juice” น้ำส้มซ่าที่เติมความสดชื่นและความหอมหวาน หรือจะเป็น “Torch Ginger Drink” น้ำดอกดาหลาสีสวย ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ พร้อมความหวาน พอเมื่อดื่มแล้วรู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี    

ภายใต้โกดังเก่าสีขาวที่ภายนอกดูลึกลับแท้จริงแล้วคือคาเฟ่สุดอินดี้ที่เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ชื่อ Simple Plan x River ร้านเรียบง่ายมีสไตล์เป็นของตัวเอง ผนังด้านในเป็นปูนเปลือยดิบ ตกแต่งด้วยกรอบรูปน้อยใหญ่ ไร้เครื่องปรับอากาศแต่ไม่ร้อนอบอ้าวเพราะได้ความเย็นจากธรรมชาติแม่น้ำท่าจีน มีหน้าต่างเปิดโล่งรับลมได้อย่างเต็มที่ทำให้อากาศปลอดโปร่ง ใครอยากสัมผัสบรรยากาศดีๆ ได้มองวิวสวยๆ พร้อมจิบกาแฟรสเลิศ เราแนะนำให้มาเยือนที่นี่เลย           ขอประเดิมเมนูแรกด้วย Red Velvet เค้กสีแดงเนื้อละเอียดที่มีส่วนผสมของโกโก้รสเข้ม สลับชั้นกับครีมชีสเปรี้ยวเล็กๆ หอมมัน เข้ากั๊นเข้ากัน     ต่อด้วยเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ Spice Coffee กาแฟเอสเปรสโซรสเข้มผสมกับน้ำมะพร้าวหวานชื่นใจ หอมกลิ่นซินนามอน ดื่มแล้วกระปรี้กระเปร่า     หรือจะลอง ชาพีช รสเปรี้ยวอมหวาน จิบแล้วคลายร้อนได้อย่างดี แถมมีเนื้อพีชชุ่มฉ่ำมาให้เคี้ยวเล่นเพลินๆ     กาแฟข้าวกล้องงอก กาแฟลาเต้ที่เพิ่มความหอมมันด้วยผงข้าวกล้องงอก หอม ดื่มง่าย รสกลมกล่อม     อย่าลืมสั่ง Honey Brandy กาแฟคั่วกลางอ่อน หอมกลิ่นน้ำผึ้งจางๆ ยิ่งจิบยิ่งฟิน ถูกใจคอกาแฟ       เสาร์-อาทิตย์ใครยังไม่มี Plan ลองแวะเวียนไป  Simple Plan x River สิ                                                     

Truly Scrumptious ร้านคาเฟ่น้องใหม่ในซอยสุขุมวิท 49 ที่เน้นเสิร์ฟเค้กโฮมเมดทำเองวันต่อวัน รวมถึงเครื่องดื่มที่มีให้เลือกหลายเมนู แต่อะไรทำให้ร้านนี้กลายเป็นร้านเค้กขวัญใจใครหลายคนภายในเวลาไม่ถึงปี เรามาหาคำตอบกัน     Truly Scrumptious เป็นที่รู้จักในนามร้านขนมเค้กออนไลน์ผ่านอินสตาแกรมมากว่า 1 ปี จนกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจเหล่านักกินเค้กมากมาย โดย คุณดิ๋ง นิดา สิงหเนตร และ คุณแพรว ชุลีอร ชลิตอาภรณ์ หุ้นส่วนสาวแสนสวย คิดค้นสูตรเองจากความชอบส่วนตัว และประสบการณ์ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ประเทศอังกฤษเป็นเวลาหลายปี ทำให้เค้กของร้านมีความเนื้อแน่นสไตล์อังกฤษนั้นเอง         บรรยากาศร้านมีความเรียบง่าย ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ภายในถูกออกแบบสไตล์อังกฤษ ปูพื้นด้วยกระเบื้องสีขาวสลับดำ พร้อมด้วยกระจกใสรอบร้าน ทำให้มีความโปร่ง โล่งสบาย เหมาะกับการมานั่งจิบกาแฟพร้อมกินขนมเค้กยามบ่ายจริงๆ         เค้กตัวแรกถือเป็นเค้กซิกเนเจอร์ที่คุณดิ๋งแอบกระซิบมาว่าไม่เคยกินที่ไหนแน่นอน “Signature Black Beer Cake” เค้กเบียร์ดำ เนื้อเค้กด้านล่างเป็นช็อกโกแลตรสเข้มแบ่งชั้นกับครีมชีสหนาๆ ฟินๆ โดยความพิเศษอีกอย่างคือ ร้านได้เพิ่มคอนญักผสมอยู่ในครีมชีสด้วย ปิดท้ายด้านบนสุดด้วยบลูเบอร์รีสดเพิ่มรสชาติเปรี้ยวอ่อนๆ ทำให้เค้กชิ้นนี้กลมกล่อมและเข้ากันได้เป็นอย่างดี     ตามมาด้วย “Chocoflan” เค้กช็อกโกแลตเนื้อนุ่มแบ่งชั้นกับวานิลลาฟลานหอมละมุน ราดด้วย Cajeta หรือคาราเมลเม็กซิกันเข้มข้น และถั่วพีแคน เป็นรสชาติหอมหวานที่ใครก็ปฎิเสธไม่ลง       ยังคงอยู่กับเมนูช็อกโกแลตอย่าง “Dark Chocolate Oreo Pie with Raspberries” ทาร์ตชิ้นใหญ่ที่ด้านล่างเป็นบิสกิตโอริโอกรุบกรอบ ตรงกลางเป็นช็อกโกแลตกานาชรสเข้มข้น ท็อปด้วยราสป์เบอร์รีสดที่นอกจากจะช่วยตัดรสชาติกับดาร์กช็อกโกแลตแล้ว ยังทำให้หน้าตาเค้กชิ้นนี้น่ากินมากยิ่งขึ้น     อีกหนึ่งเค้กขายดีไม่แพ้กันอย่าง “Signature Carrot Cake” เค้กแครอตที่หลายคนคุ้นเคย มีวอลนัตกรุบกรอบแทรกตัวอยู่ในเนื้อเค้ก พร้อมด้วยกลิ่นซินนามอนหอมๆ ด้านบนเป็นครีมชีสสูตรเฉพาะของทางร้าน ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาด     นอกจากนี้ทางร้านยังมีบริการกาแฟสด และเครื่องดื่มต่างๆ ไว้ดื่มคู่กับเค้กของร้านอีกด้วย  

แค่มองผนังร้านที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีหวานของร้าน Another Day Desserts คาเฟ่ดอกไม้แห่งใหม่ที่ชั้น G ดิ เอ็มควอเทียร์ก็ชวนให้รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ ยิ่งได้กลิ่นหอมของขนมอบใหม่ที่ลอยมาเตะจมูก ทำให้รู้ในทันทีว่าเราควรเก็บเรื่องไดเอตไปคุยกันวันอื่น!       คุณจิมมี่-อัครวินท์ เตชะอุบล เจ้าของร้านได้ไอเดียการตกแต่งจากคาเฟ่ในอังกฤษที่มีดอกไม้เบ่งบานเข้ากับการนั่งจิบชาและละเลียดของหวานอย่างสบายอารมณ์ แล้วเพิ่มความพิเศษขึ้นอีกนิดด้วยการรวบรวมขนมที่ใครๆ ก็หลงรักมาไว้ด้วยกันเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นวาฟเฟิล คากิโกริ บิงซู โทสต์ แพนเค้ก ฯลฯ ที่ใช้วัตถุดิบอย่างดี อาทิ เนยจากฝรั่งเศสและนมฮอกไกโดของญี่ปุ่น     มาถึงที่ร้านห้ามพลาด Bubble Waffles ‘Pistachio Rose’ วาฟเฟิลที่กรอบนอกนุ่มใน เลือกได้ทั้งรสออริจินอลและช็อกโกแลต ด้านในซ่อนไอศกรีมโฮมเมดกลิ่นกุหลาบหอมหวาน มีสตรอว์เบอร์รี่สดไว้เพิ่มรสเปรี้ยว ตามด้วยอีกหนึ่งเมนูฮอต Original Premium Pancakes ใครชอบแพนเค้กแบบญี่ปุ่นอย่าพลาดเชียว เนื้อแพนเค้กทั้งนุ่มและฟู (เสิร์ฟมาแบบเด้งดึ๋ง) ก่อนกินราดน้ำผึ้งลงไปเพิ่มดีกรีความหวานกินคู่ไอศกรีมและกล้วยหอม       ส่วนคนรักเค้กที่ร้านก็มีให้เลือกหลายเมนูด้วยกัน แนะนำ Pistachio Rose Cake เค้กสีชมพูอ่อนที่มีถั่วพิตาชิโตและกลีบกุหลาบชิ้นเล็กๆ ตกแต่งอยู่โดยรอบ ครีมกุหลาบกลิ่นหอมชัดดี ชิ้นนี้ค่อนข้างหวาน แต่เมื่อละเลียดคู่ชาร้อนแล้วกำลังเหมาะ ปิดท้ายด้วย Italian Soda นอกจากซาบซ่าแล้วยังน่ารักมาก เสิร์ฟแก้วใหญ่ มีสายไหมฟูฟ่องท็อปด้านบน เลือกรสและสีสันได้ตามชอบทั้ง Rose Lychee ,Yuzu Lavender, Blue Peach และ Elderflower Apple       ตอบโจทย์คนรักความหวานแบบครบทุกข้อไปเลย  

What “wood” you like to drink? นิยามน่ารักของร้าน Underwood Coffee House ที่นำต้นไม้มาอยู่ในทุกๆ องค์ประกอบของร้าน ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศภายนอกที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มน้อยใหญ่ ร่มรื่น ส่วนภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แท้โทนสีน้ำตาล เข้ากันได้ดีกับผนังสีเขียวเข้มด้านหน้า มีต้นไม้กระถางตกแต่งตามโต๊ะและมุมต่างๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตา ใครกำลังมองหาร้านกาแฟชิลๆ หรือ Workspace แสนสงบ ขับรถไม่ไกลจากกรุงเทพฯ  เราแนะนำที่นี่เลย อยู่ตรงถนนพุทธมณฑลสาย 4 จังหวัดนครปฐม นี่เอง           เมนูหลักที่เราอยากให้ลิ้มลอง สปาเกตตีคาโบนารา เส้นเหนียวนุ่มชุ่มฉ่ำซอส ครีมมี่สุดๆ เพิ่มรสชาติเข้มข้นด้วยไข่ไก่ อร่อยถูกใจ     ของหวานล้างปากเราแนะนำ เค้กส้ม เค้กโฮมเมดรสเปรี้ยวอมหวาน ท็อปด้วยแครนเบอร์รีอบแห้งหนึบหนับ     เครื่องดื่มต้องลอง Shikuwasa Matcha มัทฉะผสมผสานกับส้มชิคุวาซาจากประเทศญี่ปุ่นและโซดา แก้วนี้เข้มข้น เปรี้ยวซ่า สดชื่นถึงใจ     เอาใจคนรักชาเขียวด้วย Rich Genmaicha Latte ชาเขียวข้าวคั่วหอมกรุ่นมิกซ์กับนมสด โรยด้วยผงข้าวคั่ว หวานพอดี จิบเพลินๆ       ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มขายดี Ma-Peed Soda ส้มมะปี๊ดจากจังหวัดจันทบุรี คั้นสดๆ ผสมกับความซาบซ่าจากโซดา ดับร้อนได้ดี เป็นอีกแก้วที่ต้องไปโดน     ร่มรื่น สดชื่น ผ่อนคลาย สมเป็น Underwood จริงๆ

เป็นความตั้งใจของเจ้าของร้านที่จะนำเสนอเมนูสุดเฮลท์ตี้ให้กับคนย่านชานเมืองได้ลิ้มรสแบบไม่ต้องฝ่ารถติดเข้าเมืองซึ่งมีให้อิ่มหนำทั้งเมนูคาวหวาน เครื่องดื่ม และสมู๊ทตี้ โดยตัวร้านรีโนเวทบ้านเก่าให้เป็นอาร์ตคาเฟ่เก๋ๆ ประดับภาพวาดแนวแอ็บสแต็กกลมกลืนไปกับพื้นที่สีเขียวรอบร้าน     เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับโซนห้องแอร์ที่ตั้งของบาร์เครื่องดื่ม และยังเป็นมุมนั่งเล่นที่เน้นความเรียบง่ายในโทนสีขาวสลับดำ เราสามารถนั่งชิลริมกระจก หรือจะเดินทะลุออกหลังบ้านที่เป็นโซนโอเพ่นแอร์ก็นั่งได้เย็นใจเหมือนกัน เพราะมีหลังคากรองแสงแดดและพัดลมตัวใหญ่ช่วยไล่ไอร้อน รอบบริเวณประดับด้วยภาพวาดแนวแอ็บสแต็กกลมกลืนกับสถานที่ ดูคล้ายอาร์ตแกลเลอรี่ขนาดย่อมที่พร้อมสะกดสายตาทุกคู่ให้หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นได้นานๆ         เมนูของร้านเน้นปรุงง่าย อร่อยและได้สุขภาพจากวัตถุดิบออร์แกนิกที่เจ้าของร้านสรรหามาอย่างประณีตไม่ว่าจะเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และธัญพืชต่างๆ ที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย เริ่มที่เมนูเรียกแขกของร้านอย่าง Acai Mixed Berry Simple Bowl สมูตตี้รสเปรี้ยวจากเบอร์รี่นานาชนิด โดยเฉพาะอาซาอิเบอร์รี่ที่หนึ่งเรื่องต่อต้านอนุมูลอิสระ ทอปปิงด้วยสตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ กล้วย เมล็ดเชีย และกราโนล่า       Chicken Tortilla Wrap ตอร์ติญาไก่ เสิร์ฟคู่กับอะโวคาโดกัวคาโมเล่ และซัลซ่ารสจัดจ้านสไตล์เม็กซิกัน เสริมด้วยสลัดผักเพิ่มความสดชื่นแบบคูณสอง       Spaghetti Bacon & Dry Chilli สปาเก็ตตี้ผัดกับพริกแห้งและเบคอน สปาเก็ตตีผัดค่อนข้างแห้งเส้นหนึบไม่มันเยิ้ม ปรุงรสเผ็ดร้อนกำลังดี โรยชีสปิดท้ายเพิ่มรสเค็มมันและกลิ่นหอมเรียกน้ำย่อย       ส่วนของหวานไฮไลท์ของร้านที่เราไม่อยากให้พลาด ได้แก่ Simple Fruits Waffle วัฟเฟิลโฮลวีท 2 ชิ้นวางซ้อนกัน เสิร์ฟพร้อมน้ำผึ้งและผลไม้ ได้แก่ สตรอว์เบอร์รี กีวี บลูเบอร์รี และกล้วย       ส่วนเครื่องดื่มแนะนำ Earl Grey Lemon Tea รสเปรี้ยวของมะนาวผสานความหวานเล็กน้อยจากไซรัป เมื่อยกขึ้นจิบจะสัมผัสกลิ่นหอมของชาและมะนาวสดไปพร้อมกัน ใครกำลังง่วงนอนรับรองตื่น!     อีกเมนูขายดีไม่น้อยหน้ากัน ได้แก่ Space Rose Soda มอบความสดชื่นคืนความสดใสให้กับผู้ที่กำลังรู้สึกเนือยๆ ด้วยรสหวานซ่อนเปรี้ยวที่มาพร้อมกลิ่นหอมของมินต์ แค่จิบนิดๆ ก็รู้สึกฟิตและกระปรี้กระเปร่าแล้ว     ด้านคอฟฟี่เลิฟเวอร์อย่าเพิ่งน้อยใจ เพราะร้านนี้มีของดีให้เลือกลิ้มลองอยู่หลายรายการ อาทิ Caramel Macchiato เอสเปรสโซช็อตเข้มข้นบนชั้นนมหอมมัน เลือกได้ทั้งเมนูร้อนและเย็น     จิบชิลๆ นั่งคุยได้นานๆ ตรงตามความต้องการของร้านที่อยากให้เป็นบ้านหลังที่สองของทุกคน!   

Botanica café จุดเริ่มต้นจากความชอบในการสะสมของแอนทีคและเหล่าต้นไม้สีเขียวของเจ้าของร้าน นำมาสู่การเปิดคาเฟ่ที่รวบรวมของสะสมหายากที่ทางร้านนำมาประดับตกแต่ง สร้างความยูนีค น่าค้นหา พร้อมด้วยเหล่าแมกไม้นานาพรรณสร้างความสดชื่นให้ของสะสมต่างๆ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง       เจ้าของร้านบอกกับเราว่าอยากนำของสะสมที่ตัวเองรัก มาแชร์ให้คนที่หลงใหลในสิ่งเดียวกันได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็น จาน แก้ว ชุดชา และข้าวของเครื่องใช้วินเทจต่างๆ อีกทั้งลูกค้าสามารถหยิบจับของแอนทีคภายในร้านมาใช้เป็นพร็อพเพื่อถ่ายรูปได้โดยไม่หวง ถือเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองการแต่งร้านที่เจ้าของร้านชอบอีกด้วย       เริ่มที่เมนูชูโรงชื่อเดียวกับร้านอย่าง “Botanica​ coffee​” เครื่องดื่มเข้มข้นที่นำมัตฉะกับกาแฟมาจับคู่กันในแก้วเดียว สามารถเลือกดื่มทีละชั้นก็ได้ หรือคนแล้วดื่มพร้อมกันก็ดี     ต่อกันด้วยของหวานตัวท็อปอย่าง “นิวยอร์ก​ชีสเค้ก ​(Newyork Cheesecake)​” เนื้อเค้กสัมผัสเนียนนุ่ม เปรี้ยวกลมกล่องกำลังดี ทานคู่กับผลไม้ตระกูล​เบอรี่สดชื่น     “นมสตอวร์เบอร์รี่ ​(Strawberry Milk)”​ น้ำสตอวร์เบอร์รี่สดหวานหอม เพิ่มความละมุนด้วยฟองนมนุ่มๆ ด้านบน ท็อปด้วยสตอวร์เบอร์รี่สดหั่นพอดีคำ วิธีดื่มคือนำช้อนตักสตอวร์เบอร์รี่กับฟองนมด้านบนกินก่อน จากนั้นดื่มนมตาม เป็นเครื่องดื่มที่ได้รสชาติของสตอวร์เบอร์รี่หลายมิติทีเดียว       ปิดท้ายด้วย “Botany​ ​Fruit” ​ไอศกรีมวานิลลาหวานหอม เสิร์ฟพร้อมเอสเพรสโซ่ช็อต และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่รสเปรี้ยว เวลาทานให้ราดเอสเพรสโซ่ตามชอบ ตักคู่กับไอศกรีมวานิลลา ปิดท้ายด้วยผลไม้ต่างๆ ที่ได้ทั้งความหอมจากกาแฟ ความหวานเย็นจากไอศกรีม และความสดชื่นจากเบอร์รี่ หากใครไม่ใช่คอกาแฟ สามารถเปลี่ยนเป็นมัตฉะ หรือโกโก้ได้เช่นกัน      

ได้เวลาสัมผัสความเท่แบบดุดันกับ “Black Smith” ร้านคาเฟ่เปิดใหม่ย่านอารีย์ที่ผสมผสานความเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์และบรรยากาศโรงตีเหล็กเก่าได้อย่างลงตัว   เมื่อเดินเข้ามาในอารีย์ซอย 3 เราจะพบกับคาเฟ่สไตล์ Industrial Loft ที่มีประตูโค้งสีดำและป้ายร้านเหล็กสีทองแดงสะดุดตา เพิ่มความดุดันด้วยชุดพรมหนังสัตว์ แต่งพื้นด้วยหินกรวดสีน้ำตาลบริเวณกลางร้าน บรรยากาศคล้ายนั่งจิบเครื่องดื่มและทานอาหารท่ามกลางทะเลทราย ผสมผสานความหรูหราและความดิบเท่ออกมาได้อย่างลงตัว         ร้าน “Black Smith” เปิดให้บริการ 2 ช่วง โดยช่วงกลางวัน (11.00 – 18.00 น.) เปิดเป็นคาเฟ่ให้ทุกคนเข้ามาจิบกาแฟสูตรพิเศษและเค้กโฮมเมดที่เปลี่ยนรสชาติทุกเดือน ส่วนรอบค่ำ (19.00 – 00.00 น.) ที่นี่จะกลายเป็นร้านอาหารและค็อกเทลบาร์สุดชิค เสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารสไตล์ฟิวชั่นให้ทุกคนได้ลิ้มลอง       ประเดิมที่เมนูกาแฟสูตรพิเศษที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ “House Blend – White” ชุดกาแฟสูตรพิเศษที่ใส่ใจแนบที่มาของกาแฟมาให้ภายในเซต ซึ่งแก้วที่เราชิมนั้นประกอบด้วยเมล็ดกาแฟจาก 3 แหล่ง ได้แก่ ดอยสะเก็ต ลาว และบราซิล ผ่านกรรมวิธี Washed Process จากนั้นนำไปคั่วแบบ Medium-Dark Roast ได้กลิ่นช็อคโกแลตและอัลมอนต์อบอวลอยู่ในจมูก โดยวิธีการดื่มกาแฟเซตนี้ ทางร้านให้เรา D.I.Y รสชาติเองโดยแยกนมและกาแฟมาให้เราเติมความเข้มเองตามชอบ ถือเป็นชุดกาแฟที่ใส่ใจในรสชาติของผู้ชิมได้ดีจริงๆ       จากนั้นเพิ่มความสดชื่นด้วย “Smith” เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านที่นำกาแฟ cold brew ไปผสมกับส้มแมนดาริน เลม่อน เพิ่มสีสันด้วยสตรอว์เบอร์รี่และราสพ์เบอร์รี่สีแดงสด เป็นเมนูกาแฟที่ดื่มง่ายเลยทีเดียว       ปิดท้ายด้วยม็อคเทลสูตรพิเศษ “Give” ที่มีส่วนผสมของราสพ์เบอร์รี่ สตอวร์เบอร์รี่ น้ำทับทิม และเลม่อน ตัดรสหวานหอมด้วยน้ำผึ้ง เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ช่วยสร้างความสดชื่นระหว่างวันได้เป็นอย่างดี     อย่างที่บอกว่าที่ร้าน “Black Smith” ยังมีเหล่าเค้กโฮมเมดหน้าตาดี ทำสดวันต่อวัน ซึ่งทางร้านจะเปลี่ยนหน้าเค้กทุกๆ เดือนตามฤดูของผลไม้ที่นำมาทำนั่นเอง