โรงแรมขนาดกะทัดรัดที่แฝงตัวไปกับชุมชนริมฝั่งคลองบางกอกน้อยได้อย่างเป็นมิตร เพราะถ้าหากใครอยากไปเยือนคงต้องจอดรถที่วัดดุสิดารามวรวิหาร ก่อนเดินมาตามทางซอกแซกผ่านซอยเล็กซอยน้อยอีก 250 เมตร เพื่อได้พบกับโรงแรมสุดร่มรื่นริมน้ำหลังงามที่สร้างจากไม้สักแทบทั้งหลัง       ความน่าสนใจของโรงแรมแห่งนี้คงต้องยกให้กับสถาปัตยกรรมที่คงความร่วมสมัยอย่างแท้จริง เพราะเมื่อดูภายนอกเราจะคิดถึงบ้านทรงไทยหลังใหญ่ที่มีระเบียง เสา คาน และต้นไม้ร่มรื่นที่ตั้งอยู่ใจกลางบ้าน แต่ถ้าดูให้ดี เราจะเห็นถึงรายละเอียดการตกแต่งที่ซ่อนอยู่ อย่างการประกอบบ้านไปจนถึงประตูบ่นเลื่อนก็ทำให้นึกถึงบ้านญี่ปุ่นอยู่นิดๆ ในขณะที่เครื่องเรือนก็เล่าเรื่องก็ถูกวางดีไซน์ออกมาเข้าคู่กันได้อย่างไม่เคอะเขิน ร่วมด้วยผ้าไทยที่ทำให้บรรยากาศละมุนและอบอุ่น       ในส่วนของห้องพักของมีทั้งหมด 22 ห้อง โดยแบ่งตามขนาดและวิวของห้องพัก เริ่มด้วย Superior Studio ห้องสตูดิโอขนาดกะทัดรัดที่พกพาวิวสวยๆ ของสวนและชุมชนข้างเคียง Deluxe Studio River View ห้องสตูดิโอที่ต้อนรับทุกคนด้วยวิวของคลองบางกอกน้อย พร้อมระเบียงให้รับสายลมเย็นๆ Junior Suite ห้องขนาดใหญ่ที่มอบความสะดวกสบายของเตียงและโซฟาให้ทุกคนรับลมผ่านสวนสวย และ Riverfront Suite ห้องไฮไลต์ที่เปิดกว้างให้ชมความงามของพื้นที่รอบๆ ถึง 270 องศา ทำให้ได้เห็นจุดบรรจบกันระหว่างคลองบางกอกน้อยและแม่น้ำพระยาที่เราขอบอกว่าแค่ได้เห็นวิวแบบนี้ก็อิ่มอุ่นกันไปถึงหัวใจแล้ว           พูดถึงเรื่องอิ่มแน่นอนว่า Chann ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะเครื่องดื่มของที่นี่เขาร่วมมือกับร้าน Arch คาเฟ่ร้านดังย่านปุณวิถี จนได้ชื่อใหม่ว่า Chann x Arch มีเมนูพิเศษที่น่าลองอย่าง Scone with Roselle Jam สโคนกล้วยตากเนื้อหนึบเสิร์ฟพร้อมกับแยมกระเจี๊ยบรสเปรี้ยวๆ หอมๆ หรือจะลอง Apple Tart ทาร์ตชิ้นพอดีคำที่อัดแน่นไปด้วยความหอมหวานของแอปเปิลสไลซ์ และขนมกลีบลำดวนหอมๆ ติดรสเค็มนิดๆ มาตัดรส         ส่วนเครื่องดื่มก็อย่าลืมลอง Burgundy กาแฟดำที่เติมความสดชื่นหอมหวานด้วยน้ำเบอร์รี่ที่ให้คาเฟอีนแน่นๆ พร้อมด้วยรสชาติหวานซ่อนเปรี้ยว หรือจะลอง Oolong Peach Tea ชาอู่หลงโคลด์บริวที่เติมความหอมละมุนของพีชมาทำให้เราหลงรัก    

แฟนคลับโดนัททั้งหลายโปรดทราบ! ตอนนี้ Kinn Bake โดนัทเดลิเวอรีสุดฮอตในไอจีเขามีหน้าร้านประจำการอยู่ย่านสาทรแล้วนะ ร้านเล็กๆ แต่น่ารักของคุณประสงค์ พรพิชยานุรักษ์ และคุณสุภัสสร ช่อผกา ที่พลิกวิกฤตโควิด -19 ให้เป็นโอกาส ตะลุยในตลาดโดนัทโฮมเมดจนได้มาเปิดหน้าร้านอย่างจริงจัง ทั้งคู่เลือกคำว่า Kinn (คิน) ในภาษาญี่ปุ่นที่สื่อถึงคำว่า “ทอง” นั้นมาตั้งเป็นชื่อเพื่อความมงคล     เดินเข้าไปในร้านจะพบกับความอบอุ่นสไตล์ญี่ปุ่นที่เน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก ไม้ที่น้ำตาลอ่อนผสานสีครีมให้ความรู้สึกสบาย เฟอร์นิเจอร์ไม้สานให้ฟิลโคซี่ พร้อมเสิร์ฟโดนัทมินิมอลอุ่นๆ หอมกรุ่นจากเตา แป้งเหนียวนุ่มเป็นเอกลักษณ์จากสูตรที่คิดค้นเอง นี่แหละที่ทำให้ลูกค้าติดใจ โดนัททุกตัวเบสออนรสออริจินอลทั้งหมด ไม่มีไส้แต่จะได้รสชาติจากพาวเดอร์ที่โรยอยู่ด้านบน แม้จะฟังดูไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ แต่ก็ถือเป็นความอร่อยโฮมมี่ที่กินได้ไม่มีเบื่อ       เริ่มชิมจาก Original Donut ถือเป็นเมนูแรกที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมา โดนัทรสดั้งเดิมอุ่นๆ หอมฟุ้งออกจากเตา เนื้อนุ่มๆ เหนียวหนึบกินอร่อย แถมหวานกำลังพอดี กัดกี่ทีก็เพลิน สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเอกของร้าน       ต่อด้วย Chocolate Godiva Donut สำหรับใครที่เป็นช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ต้องลองตัวนี้เลย โดนัทเนื้อฟูๆ หอมๆ โรยด้วยผงช็อกโกแลตชั้นดีที่เป็นการรวมตัวระหว่าง ช็อกโกแลตนมและดาร์กช็อกโกแลต ทำให้รสชาติกลมกล่อม ไม่เข้มจนเกินไป     Hokkaido Donut ก็อร่อยนะ ผงนมฮอกไกโดสูตรลับฉบับของทางร้าน รสชาติหอมมัน หวานละมุน กินพร้อมแป้งโดนัทร้อนๆ กำลังลงตัว สาวกชาเขียวต้องนี่ Matcha Green Tea Donut ที่ทางร้านใช้ผงมัทฉะเกรดพรีเมี่ยม ผสมเป็นสูตรของตนเองจนได้รสหวาน หอมกรุ่นกลิ่นชาเขียวฟุ้งอยู่ในปาก ในแบบที่ไม่ขมเลยสักนิด     และนี่เมนูน้องใหม่ล่าสุด Sweet Potato Donut มันม่วงญี่ปุ่นที่ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน นำมาอบและบดเป็นผงสีม่วงสดใส เข้ากันได้ดีกับเนื้อแป้งนุ่มฟู ของโดนัท ได้รสหวานจากมันม่วงแท้ๆ แน่นอน     จิบคู่กับเครื่องดื่มรสชาติดีๆ อย่าง Orange Yuzu Coffee รสเข้มผสมความเปรี้ยว ที่ได้มาจากกาแฟเอสเปรสโซ่และน้ำส้มยูซุคั้นสดๆ     หรือจะลอง Green Matcha Green Tea มัทฉะคุณภาพดีจากประเทศญี่ปุ่น ราดลงในนมสด รวมกันเป็นรสชาติที่หอมมัน กลมกล่อม แถมความหวานกำลังพอเหมาะ (ถูกใจเราตรงนี้) ด้านบนยังมีมาร์ชเมลโล่นุ่มหนึบหนับ ให้คุณให้เคี้ยวเพลินๆ อีกด้วย  

สวนมะพร้าวเขียวขจีที่มีเนื้อที่กว้างขวางกว่า 2 ไร่เศษๆ แห่งอำเภอบ้านแพ้ว ดินแดนแห่งโคโคนัท ถูกเนรมิตให้เป็น “พร้าวหอมคาเฟ่” คาเฟ่มะพร้าวสุดลับของคุณวุฒิ ณรัณ ทัศนากร ที่ได้แรงบันดาลใจในการริเริ่มร้านแห่งนี้มาจากการที่อยากให้ย่านพักอาศัยของตนเอง เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มิใช่แค่เพียงทางผ่านธรรมดาๆ เท่านั้น       บ้านไม้สไตล์โมเดิร์ลบ่งบอกถึงความทันสมัย เดินเข้าไปจะพบกับสวนมะพร้าวขนาดใหญ่สุดร่มรื่น แพไม้ไผ่แข็งแรงให้ความรู้สึกเย็นสบาย มุงด้วยหลังคาจากเข้ากับธรรมชาติรอบข้างได้ดี แม้จะไร้เครื่องปรับอากาศแต่ก็ไม่ร้อนอบอ้าว เนื่องจากมีท้องร่องสีเขียวใสช่วยเพิ่มความเย็นสดชื่น นั่งดื่มด่ำบรรยากาศดีๆ และหม่ำอาหารไทยรสเลิศที่รังสรรค์จากวัตถุดิบท้องถิ่นเลื่องชื่อแห่งอำเภอบ้านแพ้ว อย่าง “มะพร้าว” อาทิ       ตำผลไม้รวมมะพร้าวอ่อน (95 บาท) ผลไม้สดนานาพันธุ์ อาทิ สับปะรด แก้วมังกร องุ่นแดง แอปเปิล ส้มแมนดาริน และนางเอกประจำจานอย่างมะพร้าวอ่อน หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ปรุงรสให้อร่อยสไตล์ส้มตำไทย รสชาติหวานอมเปรี้ยว สดชื่นไปกับผลไม้ต่างๆ ชิมกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ     หนักท้องขึ้นมาอีกหน่อยกับ ข้าวผัดน้ำพริกปลาทูทอด (89 บาท) หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ ข้าวคลุกน้ำพริกตาแดงสูตรเฉพาะของทางร้าน กลิ่นหอมฉุยชวนน้ำลายสอ เสิร์ฟพร้อมปลาทูทอดตัวโต น้ำพริกตาแดงเผื่อใครอยากเติมความแซ่บอีกขั้น และผลไม้รสเปรี้ยวอย่าง เสาวรส และผักสด     ต้มยำกุ้งน้ำข้นมะพร้าวอ่อน (199 บาท) กุ้งตัวใหญ่ๆ และเนื้อมะพร้าวอ่อนหวานๆ อยู่ในน้ำแกงต้มยำที่เข้มข้น รสเปรี้ยวผสานความเผ็ดพอเหมาะ รวมกันเป็นรสชาติที่กลมกล่อม ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมะพร้าวอ่อนแบบฟินๆ อีกด้วย     สายหวานต้องสั่ง มะพร้าวน้ำหอมบัตเตอร์ (90 บาท) เค้กมะพร้าวสไตล์โฮมเมดแสนอร่อย เนื้อเค้กฟองน้ำนุ่มๆ กลิ่นใบเตยหอมกรุ่น สลับชั้นกับครีมสดหอมมัน แถมยังได้รสสัมผัสสนุกๆ ของมะพร้าวขูด     ส่วนเครื่องดื่มต้องสั่ง กาแฟพร้าวหอม (75 บาท) กาแฟดอยช้างจากจังหวัดเชียงรายสุดเข้มข้น ราดลงไปในนมผสมกะทิหอมมัน สำหรับใครที่ไม่ใช่คอกาแฟลอง ชาเขียวพร้าวหอม (75 บาท) ชาเขียวชั้นดีถึง 3 สายพันธุ์เป็นสูตรลับประจำร้านที่ผสานนมและน้ำกะทิหอมกรุ่น ให้รสหวานพอดี จิบแล้วชื่นใจ       ฟินขนาดนี้ต้องขับรถแวะไปที่สมุทรสาครบ่อยๆ แล้ว!

เชื่อว่าคนรักสมุด ดินสอ และยางลบน่าจะคุ้นหูกับชื่อ Grey Ray แบรนด์เครื่องเขียนสัญชาติไทยกันอย่างแน่นอน ไอเทมสุดฮิตของแบรนด์นี้คงไม่พ้นปลอกดินสอดีไซน์เก๋ที่พกพาสีสันอันเรียบง่าย อันมาจากไอเดียเพื่อให้เราใช้ดินสอกันได้นานขึ้น ไม่ต่างจากสมุดขนาดกะทัดรัดที่เราเห็นหน้าตาและสีสันก็แทบจะตกหลุมรักขึ้นในทันที ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็ได้สะท้อนผ่านการตกแต่งด้วยเครื่องเรือนสุดเนี้ยบเท่ห์ แต่แฝงความอบอุ่นในทุกอณู     หากจะบอกว่าที่นี่คือคาเฟ่เครื่องเขียนก็คงไม่ผิดนัก เพราะเราจะได้สัมผัสกับสินค้าของ Grey Ray กันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ห้องข้างในยังมีสินค้าจากแบรนด์ไทยอื่นอีกหลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า ฟิกเกอร์ เรื่อยไปจนถึงสติ๊กเกอร์สุดน่ารัก ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อลงท้ายด้วยคำว่า “แอนด์ มอร์” ทั้งที ที่นี่ยังมีโซน Co-Working Space ที่เอาไว้ทำงานหรือจัดกิจกรรมพิเศษอีกด้วย       สำหรับเครื่องดื่มที่เสิร์ฟนั้นจะชูโรงกาแฟโคลด์บริวเป็นหลัก เพราะสามารถเสิร์ฟความอร่อยได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่มีเสียงของเอสเพรซโซแมชชีนมากวนใจ โดยกาแฟที่เลือกใช้จะเป็นกาแฟซิงเกิลออริจินจากอินโดนีเซีย ลาว และไทย จนได้กาแฟกาแฟรสเข้มที่ซุกซ่อนความหอมของคาราเมล     เริ่มกันด้วย Miles Brew (220 บาท) เครื่องดื่มที่มีเบสเป็นกาแฟแต่เติมความหวานละมุนบางเบาของน้ำมะตูมอินฟิวส์สูตรโฮมเมดผสมเครื่องเทศอีกเล็กน้อย จนได้กาแฟรสเย็นๆ ที่ให้กลิ่นหอมขึ้นจมูก     ตามด้วย Signature Latte (120 บาท) กาแฟที่เสิร์ฟมาพร้อมนมสดรสหวานละมุนให้เราเติมตามความชอบ หรือจะลอง Black Cocao (80 บาท) โก้โก้สีเข้มที่พกพารสชาตินุ่มนวลมาผสมกับนมสดเติมรสหวานมัน         แต่ถ้ายังไม่จุใจก็ยังมี Forrest Gump (75 บาท) คุกกี้ถั่วสูตรฝรั่งเศสที่เน้นความเข้มข้นหนึบหนับจากแบรนด์ Phawan Patisserie ที่ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งเพลิน ร่วมด้วยไอศกรีมหลากรสที่เราขอบอกเลยว่าชื่นใจอย่างที่สุด  

หาก The Kheha” แลนมาร์กใหม่แห่งถนนบำรุงเมืองให้ความรู้สึกเหมือนมาพักที่บ้านเพื่อนหัวใจศิลปิน ในส่วนของ The Kheha Café” ก็คงเหมือนเพื่อนสายอาร์ตคนนี้เปิดครัวต้อนรับเราด้วยกาแฟรสดีและอาหารอร่อยที่ปรุงอย่างใส่ใจและน่ากินทุกจาน เป็นเมนูโฮมเมดที่นำเสนอในรูปลักษณ์เก๋ไก๋ โดนใจทั้งในฐานะอาหารท้องและอาหารตา         ที่นี่มีทั้งอาหารไทยที่คงรสชาติเข้มข้นจัดจ้านแบบไทยแท้ ส่วนอาหารฝรั่งก็เน้นดึงความอร่อยของวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชุดแกงเขียวหวานไก่อร่อยเด็ด เสิร์ฟพร้อมไข่ลูกเขยและข้าวสวยร้อนๆ สปาเกตตีซอสเพสโตแซลมอนย่าง หอมกลิ่นเพสโต มาพร้อมแซลมอนชิ้นโต รวมทั้งตับไก่บดกลมกล่อมหอมมัน กินกับขนมปังกระเทียมหอมเนย และสลัดแซลมอน แซลมอนรมควันและผัดสดนานาชนิด ราดน้ำสลัดสูตรพิเศษที่น่าจะถูกใจสาวๆ         รวมทั้งเมนูใหม่สุดสร้างสรรค์โดยเชฟมากฝีมือ ทั้งเต้าหู้ทอด กินคู่ดิปปิงชีสสูตรเด็ดหอมมัน ไข่ตุ๋นอาร์ติสต์ ผสานความอร่อยของไข่ตุ๋นและต้มยำทะเลรสจัดเครื่องแน่นทั้งกุ้ง หอย และปลาหมึก ข้าวผัดกะปิ เมนูจานเดียวกินง่าย เสิร์ฟพร้อมผักสดและปลาทูทอดตัวโต         สปาเกตตีกะเพราหมูสับไข่แดงเค็ม รสเผ็ดนิดๆ ของหมูสับเข้ากันได้ดีกับความเค็มมันจากไข่แดงเค็ม และแก้แฮงก์จิตรกร เมนูชื่อเก๋ที่มีทั้งข้าวต้ม ยำเกี้ยมไฉ่ และหมูหวานกินเพลิน       ส่วนคอกาแฟต้องถูกใจ Yin Yang Coffee กาแฟเย็นปั่นเสิร์ฟในแก้วทรงสูง มาพร้อมเหยือกใส่นมให้เติมนมสดสีขาวลงในกาแฟสีดำเข้มสมชื่อเมนู และ Latte Tree ลาเต้ร้อนที่แต่งลาเต้อาร์ตเป็นรูปต้นไม้สวยเก๋ ที่นี่ใช้กาแฟเบลนด์พิเศษที่ผสมผสานกาแฟจากนิการากัวและเชียงรายเข้าด้วยกัน รสกลมกล่อมหอมละมุน ดื่มง่าย       สำหรับคนรักของหวานห้ามพลาดบลูเบอร์รีชีสเค้ก เนื้อเค้กหอมมันราดซอสบลูเบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวาน เค้กช็อกโกแลตเนื้อแน่นหนึบ แถมยังไร้แป้ง และสตรอว์เบอร์รีซันเด ไอศกรีมวานิลลาและสตรอว์เบอร์รีสดหอมหวานที่แสนจะเมดมายเดย์      

หลังจากสร้างชื่อด้วยอาหารญี่ปุ่นและบุตเฟ่ต์สุดอร่อยจนเราติดอกติดใจไปตามๆ กัน มาตอนนี้ “โออิชิ กรุ๊ป” ก็ขอเอาใจสายหวานด้วยเปิดตัวร้านขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นร้านแรก ในชื่อว่า “โอโยกิ” (OYOKI By OISHI) ซึ่งมาจากคำว่า “OISHI” และ “YOKI” คำแสลงในภาษาญี่ปุ่นที่แปลได้ว่า ยอดเยี่ยม จึงรับประกันได้ว่าขนมหวานทุกเมนูต้องอร่อยตามแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างแน่นอน     โดยจุดเด่นความอร่อยในครั้งนี้ต้องยกให้กับไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟที่มีกรรมวิธีการผลิตไม่เหมือนใคร ด้วยการทำที่อุณหภูมิต่ำกว่า -4˚C และมีปริมาณไขมันในไอศกรีมเพียง 3 – 6% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าไอศกรีมทั่วไปที่มีไขมันอยู่ถึง 10 – 18% ทำให้สัมผัสของเนื้อซอฟต์เสิร์ฟจึงมีความเนียนนุ่มและละเอียด แถมยังมี 3 รสชาติให้เลือก ได้แก่ Hokkaido Soft Serve ซอฟต์เสิร์ฟรสนมฮอกไกโดที่ Yuzu Yogurt Soft Serve ซอฟต์เสิร์ฟยูซุผสมโยเกิร์ตรสสดชื่นเปรี้ยวอมหวาน และ Matcha Soft Serve ซอฟต์เสิร์ฟรสชาเขียว     เริ่มกันด้วย Crème Brulee Soft Serve (150 บาท) ไอศกรีมโคนวาฟเฟิลโฮมเมดที่ชูโรงด้วยท็อปปิ้งบราวน์ชูการ์เบิร์นไฟอ่อนๆ จนได้กลิ่นหอมของน้ำตาลไหม้ที่ซุกซ่อนความนุ่มนิ่มของปันจ์เค้กและซอฟต์เสิร์ฟนมฮอกไกโดเนื้อเนียน จะกินแบบกัดทั้งโคนหรือใช้ช้อนตักเพื่อสัมผัสความเนียนนุ่มก็ไม่ผิดกติกา       ตามด้วย Matcha Nippon Parfait Cone (140 บาท) ซอฟต์เสิร์ฟมัทฉะรสเข้มข้นหอมมันเสิร์ฟในโคน พร้อมท็อปปิ้งตามแบบฉบับขนมญี่ปุ่นดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็น “วาราบิ” ขนมขึ้นชื่อของเกียวโตทำมาจากแป้งของรากต้นวาราบิ มีลักษณะเนื้อหนึบใสนำไปคลุกเคล้ากับผงคินาโกะหรือผงถั่วเหลืองคั่วบดจนทั่ว “ดังโงะ” ลูกกลมๆ เนื้อนุ่มแน่น และ “ถั่วแดงกวน” ก่อนจะราดด้วยซอสคุโรมิตสึรสหวานหอม     ส่วนเครื่องดื่มเราก็ขอแนะนำ Kuromitsu Fresh Milk & Warabi (80 บาท) ที่ให้อารมณ์เหมือนกินนมสดบราวน์ชูการ์ใส่ไข่มุกที่เราคุ้นเคย แต่พอเป็นนมคุโรมิตสึที่ทำจากน้ำตาลอ้อยเลยให้รสชาติหอมหวานนุ่มนวลกว่า แถมท็อปปิ้งก็เปลี่ยนจากไข่มุกมาเป็นวาราบิเนื้อหนึบแทน แต่ถ้าใครชอบเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นเราขอแนะนำ Matcha Honey Yuzu (Light) (80 บาท) เครื่องดื่มสุดเก๋ที่นำเอาน้ำส้มยูสุผสมน้ำผึ้งมารวมกับชาเขียวมัตฉะรสเข้ม จนกลายเป็นรสชาติที่น่าลองอย่างที่สุด       พบกับร้าน Oyaki ได้ทั้ง 2 สาขา ได้แก่ ชั้น B สีลมคอมเพล็กซ์ และชั้น B1 สามย่านมิตรทาวน์

Na café คาเฟ่ในคฤหาสถ์สไตล์ยุโรป ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ที่มีอายุ 120 ปีผ่านไปหมาดๆ ตึกเก่าในย่านเก่าบนถนนนครสวรรค์ บรรยากาศร่มรื่น หลังตึกปลูกสวนครัวเล็กๆ ชวนให้แวะไปเดินเล่น ชิมกาแฟ และหลายคนอาจจะไม่รู้ว่ายังมีอาหารไทยในรสชาติดั้งเดิมให้ชิมอีกด้วย       ปัจจุบันตึกนี้แปรเปลี่ยนเป็นศูนย์เรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรม และเป็นที่พักของศิลปิน คาเฟ่แห่งนี้ก็มีเป้าหมายร่วมกันเพราะอยากให้คาเฟ่นี้เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอาหาร จึงมีอาหารต่างชาติหมุนเวียนกันไปในรูปแบบต่างๆ เช่น มีอาหารเปรูจากเชฟเปรูที่แวะเวียนมาและได้ปรุงอาหารเปรูให้คนไทยได้ชิม ทางคาเฟ่ยังได้ทำงานกับองค์กรผู้ลี้ภัย จึงได้จัดอาหารจากผู้ลี้ภัยโดยเชิญผู้ลี้ภัยจากประเทศต่างๆ มาปรุงอาหาร เช่น อาหารโซมาเลีย อาหารปากีสถาน อาหารอาฟกานิสถาน  เป็นต้น เพื่อให้คนไทยรู้จักผู้คนเหล่านี้โดยผ่านอาหาร     นอกจากนี้ยังมีอาหารไทยจากแต่ละภูมิภาค อาหารเพื่อนบ้าน ที่ใครสนใจอยากจะแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ทางคาเฟ่ก็ยินดี ส่วนอาหารไทยที่มีประจำคืออาหารไทยรสชาติดั้งเดิมหรืออาหารโบราณ โบราณตามที่คุณทวด คุณย่า คุณยาย ได้จดบันทึกไว้ในตำราอาหารเก่า ซึ่งเชฟหนุ่มธัชพงศ์ ก้อนทอง เป็นผู้แกะรอยหารสชาติ เชฟบอกว่าตนเองสนใจเป็นพิเศษว่าอาหารโบราณนั้นรสชาติเป็นอย่างไร และได้ฝึกปรือกับรุ่นพี่หลายคนที่สนใจทำอาหารตามตำรับนี้ก่อนมาทำที่ Na Café ซึ่งก็สอดคล้องไปกับแนวคิดของผู้จัดการร้านที่อยากสร้างย่านเก่าบนถนนนครสวรรค์ให้กลับมาคึกคักเหมือนในอดีต     อาหารไทยของที่นี่ เช่น เมี่ยงไหลบัว ที่นำผักสวนครัวซึ่งปลูกไว้หลังบ้าน เช่น สับปะรด ไหลบัว ตะลิงปลิง หรือผลไม้รสเปรี้ยวตามฤดูกาลมาทำเป็นเมี่ยง ราดด้วยน้ำเมี่ยงที่ทำจากน้ำตาลโตนดกับกะปิเคี่ยวรวมกัน     ขนมจีนรักษา อาหารมังสวิรัติที่มีเส้นขนมจีนกับผัก สมนุนไพรต่างๆ นำมาซอย  เช่น ข่าอ่อน มะม่วงเปรี้ยว แตงกวา มันแกว ถั่วพู และผสมกะทิกับน้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำตาล ปรุงรสราดและคลุกให้เข้ากันก่อนรับประทาน จัดเป็นอาหารสุขภาพทั้งในยุคโน้นและยุคนี้ แกงเผ็ดคอหมูย่างสับปะรดกับกล้วยดิบ คนโบราณชอบนำกล้วยดิบมาทำแกงรสชาติจะมันๆ เหมือนมันเทศ  แต่เชฟเลือกใช้กล้วยไข่ห่ามเพือ่ให้มีรสหวานธรรมชาติ และมีรสเปรี้ยวๆ หวานๆ จากสับปะรด แกงเผ็ดที่รสเปรี้ยวหวานกลมกล่อม       ฉู่ฉี่เมืองปราณ เมนูนี้นำมาจากหนังสือตำรับสายเยาวภาของพระองค์เจ้าเยาวภาสนิทวงศ์ พิมพ์ในปี 2478 เชฟบอกว่าแปลกดีเพราะฉู่ฉี่มักจะนึกถึงปลาทูกับกะทิ แต่เมนูนี้เป็นปลาหมึกอาจจะเป็นเพราะมาจากเมืองปราณที่มีปลาหมึกมาก ผัดกับพริกชี้ฟ้า กระเทียม หอมแดง ตำรวมกัน และปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู น้ำตาล น้ำปลา ผัดขลุกขลิก รสไม่เผ็ด แต่เปรี้ยว หวานกำลังอร่อย กินกับข้าวหมดออย่างไม่รู้ตัว     นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ เช่น ยำ 3 ชี  ยำผลไม้ตามฤดูกาล  ปีกไก่ทอดซอสน้ำปลา เรียกได้ว่าไม่ผิดหวังแน่  หรือแม้แต่ไปจิบกาแฟในบ้านหลังงามที่พาเราย้อนกลับในอดีตกว่า 100 ปีนี้ ก็อิ่มเอมใจ

เรียกว่ากลับมาพร้อมความสดใส สำหรับร้านขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น อย่าง Kyo Roll En ที่ในช่วงห่างกันสักพัก เขาได้คิดค้นความอร่อยขึ้นมาใหม่แบบยกชุด ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบแบบไทยๆ มาให้เราได้สดชื่นประทับใจกันมากยิ่งขึ้น   เริ่มกันด้วย Kanom Thai Roll Set ชุดโรลขนมไทย เค้กโรลใบเตยหอมนุ่มที่ซุกซ่อนความอร่อยของครีมสดและฝอยทองรสหวานหอมได้อย่างเหมาะเจาะ มาพร้อมกับซอสกะทิรสเค็มนิดๆ เนื้อมะม่วง วุ้นมะพร้าว และที่สำคัญยังมามีซอฟเสิร์ฟรสถ่านไม้ไผ่มาช่วยตัดเลี่ยนอีกด้วย     ตามด้วย Mango Mille-Crepe Roll Set ชุดเซ็ตเค้กโรลขนาดกะทัดรัดที่ชูโรงความนุ่มหอมของเครปเค้กโรลเนื้อหนึบที่สอดไส้ความหวานฉ่ำของเจลลี่มะม่วงและครีมสดไว้ภายใน เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมเย็นชื่นใจ หรือจะลอง Mochi Mochi Anmitsu เมนูรวมมิตรความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยความเย็นของไอศกรีมและท็อปปิงกว่า 10 อย่าง โดดเด่นด้วยโมจิหลากรสโดยเฉพาะรสฟักทองและมันม่วงที่เคี้ยวเพลินเกินห้ามใจ       แต่ถ้าใครชอบความอร่อยฉบับกะทัดรัด Yuzu Yogurt Monaga ไอศกรีมแซนวิชที่พกพาความอร่อยของเวเฟอร์กรุบกรอบและไอศกรีมโยเกิร์ตเนื้อนุ่มที่แอบเซอร์ไพร์สเราด้วยแยมยูสุส้มเปรี้ยวๆ หอมๆ ยิ่งกินก็ยิ่งเพลิน ร่วมด้วยทีเด็ดอย่าง Ishi – Bun เมนูสุดสร้างสรรค์ที่ด้วยขนมปังถั่วดำทำเป็นรูปหินเสิร์ฟพร้อมกับซอสชาเขียวมัตฉะสุดเข้มข้นและไอศกรีมรสถ่านไม้ไผ่         แล้วปิดท้ายกับความเย็นชื่นใจของ Mango Yuzu Smoothie สมูตตี้ที่นำความหอมหวานของมะม่วงน้ำดอกไม้ไทยมาผสานรสชาติส้มยูสุ จนได้รสชาติหวานอมเปรี้ยว หอมไม่เหมือนใคร     ต้องรีบไปชิมกันแล้วนะ

หากใครเบื่อเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันมลพิษ รถติดเป็นนิตย์พาลให้ปวดหัวไม่เว้นวัน งั้น G&C แนะนำให้คุณไปเช็คอินที่นี่เลย Hiddenwoods คาเฟ่น้อยในป่าใหญ่แห่งย่านบางน้ำผึ้ง จ. สมุทรปราการ ของคุณแมน ปัญญา เต็มคำขวัญ ผู้สรรสร้างพื้นที่กรีนเพลสกว่า 3 ไร่เศษนี้ให้กลายมาเป็นแอเรียฟอกปอดอย่างเต็มพิกัด ให้คุณได้ดื่มด่ำกับความร่มรื่นของแมกไม้สีเขียวน้อยใหญ่ ที่มีมาให้เห็นนานาพันธุ์แบบสุดลูกหูลูกตา       ซึ่งแต่เดิมนั้นคุณแมนตั้งใจจะสร้างเป็นที่อยู่อาศัย เอาไว้พักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น แต่เห็นนักท่องเที่ยวเริ่มเวียนมาย่านบางน้ำผึ้งค่อนข้างมาก ทั้งจากทางเรือบ้าง ขี่จักรยานบ้าง เลยอยากสร้างคาเฟ่เล็กๆ ที่กลมกลืนไปกับต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี ทั้งผนังปูนเปลือยดิบๆ อิฐโล้นๆ พื้นไม้ตะแบกสีน้ำตาล ประกอบเป็นร้านที่ให้ฟิลธรรมชาติอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมอร่อยไปกับอาหารสไตล์โฮมคุ้กน่าหม่ำทั้งหลาย ได้แก่       Carbonara Ometette ที่รวมเอาคอมฟอร์ทฟู้ด 2 อย่างไว้ในจานเดียวกัน ไข่ออมเล็ตห่อด้วยสปาเก็ตตีคาโบนารา รสครีมมี่กำลังดี กินพร้อมเบคอนเค็มมัน และไข่กุ้งที่ให้สัมผัสกรุบกรับ เคี้ยวสนุก เมนูนี้ขายดีมาก (ขอบอก)     เอาใจสายหวานด้วย Red Velvet Brownies บราวนี่สไตล์โฮมเมด เนื้อแน่นๆ นุ่มๆ อุ่นร้อนจนหอมฟุ้ง รสหวานละมุน กินคู่กับวิปครีม และผลไม้รสเปรี้ยวอย่าง แครนเบอร์รี สุดเข้ากัน     เครื่องดื่มเราแนะนำ Butterfly Pea Honey Lime Juice อัญชันน้ำผึ้งมะนาว รสเปรี้ยวอมหวานสดชื่น หอมกลิ่นสมุนไพรไทยอย่าง ตะไคร้ และ ใบมะกรูด ยังมีเจลลี่ผลไม้เนื้อเด้งๆ ไว้สร้างความเซอร์ไพรส์ให้คุณเวลาดื่มอีกด้วยนะ     ส่วนใครเป็นคอกาแฟต้องสั่ง Dirty Rose กาแฟจากโบโลเวน รสกลมกล่อม หอมกรุ่น ทางร้านเลือกเมล็ดคั่วอ่อนเพื่อให้ได้รสที่นุ่มนวล ดื่มง่าย ราดลงไปในนมสด จากนั้นโรยด้วยกลีบกุหลาบแห้งเพื่อเพิ่มความหอม ค่อยจิบๆ ฟินสุดใจ     มองเผินๆ เหมือนจะไม่รู้แต่ Hiddenwoods เขารับให้เช่าสถานที่ด้วยนะ  

ถ้าถามถึงคาเฟ่ที่มีบรรยากาศและสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนที่ไหนแล้วล่ะก็ ชื่อของ Arch ต้องติดอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคาเฟ่น้องใหม่แห่งนี้จึงกลายเป็นจุดหมายของเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์ที่ต่างแวะเวียนมาสัมผัสบรรยากาศและเครื่องดื่มของที่นี่กันสักครั้ง       ความโดดเด่นของคาเฟ่แห่งนี้เรียกว่าทำได้อย่างสมชื่อ Arch ด้วยการคงเหลือความสวยงามของซุ้มโค้งที่ล้อไปกับตัวตึกเดิมเอาไว้ ก่อนจะนำรูปแบบความโค้งนี้มาใช้ในทุกๆ ส่วนของการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นเพดานที่ทำให้เรานึกถึงโบสถ์ในยุโรป เรื่อยไปจนถึงลวดลายบนกำแพงที่เราจะเห็นเส้นโค้งๆ ล้อไปตามจุดต่างๆ จนเราอยากหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพเอาไว้ แต่ทีเด็ดที่แท้จริงคงต้องยกให้กับสระน้ำขนาดย่อมที่วางใจกลางคาเฟ่ที่ทำให้ที่แห่งความวุ่นวายดูสงบเงียบขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ       สำหรับสไตล์เครื่องดื่มก็ขอบอกว่าเก๋ไม่เหมือนใครด้วยการตีความคำว่า Specialty Coffee ให้คอกาแฟเข้าถึงได้ง่ายขึ้น จนออกมาเป็นเครื่องดื่มที่คนรักกาแฟหรือเพิ่งจะดื่มกาแฟต้องชื่นชอบ เริ่มด้วย Dirty กาแฟตัวเบสิกที่ใช้เมล็ดกาแฟจากเชียงใหม่มาผสานกับนมสดเย็นๆ จนได้รสชาติขมอมหวานละมุนสุดๆ     ตามด้วย Flamingo Latte กาแฟชื่อน่ารักกับกาแฟลาเต้ที่ทำจากนมสตรอว์เบอร์รี่ จนได้กาแฟรสนุ่มที่มีทั้งความขม หวาน และอมเปรี้ยว จิบเพลินสุดๆ หรือจะลอง Burgundy เครื่องดื่มสีแดงสุดสนุกที่ให้รสชาติเหมือนค็อกเทล เพราะมีทั้งความเปรี้ยวและหวาน แต่จริงๆ แล้วแก้วนี้ทำมาจากกาแฟดำมาผสมกับน้ำเบอร์รี่หลากชนิด       ถ้าใครมองหาขนมมาคู่กับเครื่องดื่ม เราขอแนะนำ Chocolate Croissant ครัวซองต์โฮมเมดหอมกลิ่นเนยไส้ช็อกโกแลตลาวาสุดเข้มข้น แต่ถ้าใครไม่นิยมกาแฟที่นี่ก็มีเครื่องดื่มอื่นอย่างชาโคล์ดบริวให้ลองอย่าง Chai Herbal Black Tea ชาอินเดียวที่พกพาความหอมของสมุนไพรและอบเชยที่เพียงจิบก็จะช่วยให้จิตใจสงบขึ้นมาเลยล่ะ    

เมนูสุดน่ารักที่ชักนำเราให้มาเยือนกรีนเฮาส์แห่งนี้คือ “เค้กกระถาง” ที่เปลี่ยนลุกเค้กธรรมดาให้ดูสนุกและยั่วน้ำลายยิ่งขึ้น แถมมีให้เลือกหลายรสชาติ อาทิ Dirty Pot เสิร์ฟในกระถางฟู้ดเกรดที่สะอาด ปลอดภัย (กินหมดแล้วยังเก็บกระถางไปปลูกต้นไม้ต่อที่บ้านได้) ด้านในเป็นเค้กช็อกโกแลตรสเข้ม หวานน้อย สลับด้วยชั้นครีมฟัดจ์ โรยโอริโอบด ตกแต่งด้วยดอกเดซี่สีขาว มีพลั่วไซส์จิ๋วให้ตักขนม ได้อารมณ์เหมือนกำลังพรวนดิน เอ็นดูในความช่างคิด!           ต่อด้วย Chocolate  Strawberry Mousse เนื้อมูสละมุนลิ้นรสหวานกำลังดี โรยโอริโอบดแล้วปิดจ็อบด้วยสตรอว์เบอร์รีรสหวานเจี๊ยบ Blueberry Cheese Pie เด่นที่รสเปรี้ยวอมหวาน ตกแต่งด้วยคุกกี้ดอกไม้มุ้งมิ้งสีชมพู  หรือจะสั่ง Banoffee นุ่มหวานละลายในปากกับ Thai Tea หอมหวานสไตล์ไทยมาลองเปลี่ยนรสชาติดูบ้างก็ได้     นอกจากเค้กกระถางยังมีเค้กซิกเนเจอร์อีกหลายชิ้นให้ลิ้มลอง อาทิ Chocolate Forest Cake เค้กไร้แป้งที่เราปลื้มมากเพราะเต็มไปด้วยเสน่ห์ของความเข้มขมติดปลายลิ้นแบบช็อกโกแลตแท้ กินสลับกับไอศกรีมและผลไม้ตระกูลเบอร์รีที่ช่วยเติมพลังความสดชื่น     New York Cheesecake อีกหนึ่งลิสต์ต้องกินของร้าน กัดเข้าปากคำแรกจะได้กลิ่นหอมของชีสขึ้นจมูกและอบอวลอยู่ในปากแม้จะกลืนลงคอไปแล้ว ผสานกับความนุ่มเนียนลิ้นของเนื้อเค้กที่แทบละลายในปาก บอกเลยว่าเทใจให้ตั้งแต่คำแรก     หากอยากกินจานหลักที่หนักท้อง อยากให้ลอง ข้าวผัดโคตรปู เชฟประโคมใส่เนื้อปูก้อนโตให้เต็มที่ไม่มีหวง เพราะอยากให้ลูกค้ากินได้สะใจ ข้าวผัดยังหอมกลิ่นกระทะ ผัดได้แห้งกำลังดี ฟินจนไม่อยากวางช้อน       ส่วนเครื่องดื่มแก้วแรกอยากแนะนำ อเมริกาโน่น้ำตาลสด แก้วนี้หอมทั้งกาแฟและน้ำตาลสดที่ส่งตรงจากบ้านแพ้ว ลดระดับความเข้มของกาแฟจนได้รสชาติละมุนจิบง่ายขึ้น คนไม่ปลื้มอเมริกาโน่ยังดื่มได้ชิลๆ       ส่วนคนไม่ดื่มกาแฟลองแก้วนี้ Caramel Cream Flappe คาราเมลเข้มข้นหอมมัน ท็อปด้วยวิปครีมลูกโต       สำหรับสาวๆ ที่อยากเพิ่มวิตามินซีให้กับร่างกายสั่ง Berry Ice Tea ชาผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ รสเปรี้ยวสดชื่น ใส่เบอร์รี่มาให้เคี้ยวเล่นเพลินๆ       ใครอยากหลบความวุ่นวายจากภายนอกต้องบอกว่าที่นี่ตอบโจทย์มาก อิ่มท้องแล้วยังได้นั่งผ่อนคลายใต้ร่มไม้ ไม่เพียงไม้ใหญ่ยังมีไม้ประดับหลากชนิดให้นั่งชมเพลินๆ ถูกใจจะซื้อกลับไปนั่งชมต่อที่บ้านก็ยังได้

หากคิดถึงหาดทรายสายลมแต่ไม่อยากเดินทางไกล แวะมา MR.Q ร้านขนมหวานย่านเจริญกรุงแล้วสั่ง Blue Ocean บิงซูมะพร้าวอัญชัน เมนูดีไซน์เก๋ตกแต่งเป็นหาดทรายสีขาว ทำจากมะพร้าว กะทิ และนมปั่น ตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเลที่เพิ่มสีสันด้วยดอกอัญชัน ใส่ท็อปปิงวุ้นมะพร้าวและไข่มุกเผือกให้เคี้ยวหนึบหนับ ได้อารมณ์เหมือนนั่งชิลอยู่ริมทะเล สวย เก๋ ยิ่งละเลียดก็ยิ่งสดชื่น         อีกไฮไลต์ของสายหวาน Taiwanese Shaved Ice น้ำแข็งไสฟูเบา รสชาติหวานหอมทำจากน้ำฟักเขียวปั่นกับไซรัป เลือกไซส์ที่ต้องการแล้วสั่งท็อปปิงได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นทาโร่บอลนุ่มหนึบหลากสีที่มีพระเอกอย่างน้องมันม่วงมิสเตอร์คิว (สีม่วง) เป็นตัวชูโรง เฉาก๊วยไต้หวันรสหวานกำลังดี ถั่วแดงกวนหวานๆ มันๆ หรือจะเป็นมันหวานสีเหลืองก็เข้าที ตบท้ายราดด้วยนมสดเพิ่มรสหวานมันแบบดับเบิ้ล     ส่วนเครื่องดื่มที่อวดสีสันคัลเลอร์ฟูลไม่น้อยหน้าก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมูทตี ม็อกเทล ชานม เราเลือก I Am Sexy สมูทตีที่มีส่วนผสมของนม สตรอว์เบอร์รี และลิ้นจี่ รสเปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วสดชื่นกระปรี้กระเปร่าได้ทั้งวัน     นอกจากเป็นที่รวมของเมนูชวนว้าวแล้ว ภายในร้านยังคุมโทนด้วยสีพาสเทลแสนหวาน จำลองมุมต่างๆ ให้เป็นห้องนั่งเล่น ห้องแต่งตัว และสระบอลหลากสี น่ารักน่าชังจนต้องขอลดวัยลงไปเล่นสนุกบ้าง ช่างเป็นร้านที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลาจริงๆ  

คิวยาวแค่ไหนทาสแมวก็ยอมต่อแถวรอขอให้ได้ลิ้มรสชาติไอศกรีมซีรีส์ใหม่ของ Icedea ที่ยกก๊วน 4 น้องเหมียวมาขโมยหัวใจคนรักแมวได้แบบอยู่หมัด เริ่มที่น้องเหมียวตัวแรกน้องหนู น้องแมวคุณหนูมุ้งมิ้ง ไอศกรีมบราวนี่ถ่าน แทรกด้วยชิ้นบราวนี่และช็อกโกแลตชิป เคี้ยวหนึบเต็มคำ เคียงคู่ด้วยน้องโพด น้องแมวข้าวโพด ไอศกรีมข้าวโพดและไอศกรีมนิวยอร์กชีสพาย แทรกคอร์นเฟล็กและแป้งพายให้เคี้ยวกรุบสนุกปาก       ต่อด้วยน้องสตอ น้องแมวสตรอว์เบอร์รี ซอร์เบต์สตรอว์เบอร์รีกับไอศกรีมวานิลลา แทรกชิ้นวัฟเฟิล ถั่ว และช็อกโกแลต ปิดท้ายด้วยน้องแอ๊บ น้องแมวแอปเปิล ซอร์เบต์แอปเปิลรสอมเปรี้ยว ตัดกับไอศกรีมแอปเปิลนุ่มๆ แทรกด้วยเนื้อแอปเปิลชิ้นโต     ฝั่งทาสหมาอย่าน้อยใจ เพราะซีรีส์ Happy Dog ก็แบ๊วได้ใจเหมือนกัน มีให้เลือก 4 น้องหมา ได้แก่ น้องดัลเมเชียน ไอศกรีมคุกกี้และครีม น้องโกลเดนริทรีฟเวอร์ ไอศกรีมชาเอิร์ลเกรย์ น้องไซบีเรียนฮัสกี ไอศกรีมนมเม็ดถ่าน และน้องคอร์กี้ ไอศกรีมนมภูเขาไฟ         ต่อกันที่ไอศกรีมผลไม้ แนะนำว่าให้ลองทุกรสแล้วจะพบว่ามันว้าว! อาทิ ทุเรียนเปลือก ทำจากทุเรียนหมอนทอง 100 % กัดเข้าไปจะเจอเมล็ดที่กินได้ เพราะทำจากอัลมอนด์ (สมจริงกว่านี้มีอีกไหม) เปลือกชั้นในสีขาวเป็นรสนม ส่วนเปลือกเขียวเป็นรสชาเขียว ทั้งหอมและหวาน ละมุนลิ้นสุดๆ     ส่วนแท่งนี้เราเลิฟมาก ข้าวโพดชีส ไม่ใช่แค่รสข้าวโพดเข้มข้นเต็มคำ แต่กลิ่นหอมและรสชาติที่เหมือนเพิ่งยกขึ้นจากเตาเหมือนกำลังกินข้าวโพดปิ้งจริงๆ     ไอศกรีมข้าวเหนียวมะม่วง ซอร์เบต์มะม่วงประกบด้วยข้าวเหนียวมูนทำจากกะทิ เนื้อหนึบๆ อะไรจะเหมือนข้าวเหนียวมูนจริงจังขนาดนี้!         นอกจากนี้ยังมีไอศกรีมอีกหลายรสชาติจะสั่งใส่ถ้วยหรือโคนก็ละเลียดได้สุดเพลินเหมือนกัน

แค่มองแว้บแรกก็พอเดาได้ไม่ยากว่าคุณภัทร เจ้าของร้าน Quul Café เคยไปใช้ชีวิตและเรียนทำขนมที่ประเทศญี่ปุ่นมาก่อน ร้านของเธอจึงสะท้อนบรรยากาศของความเป็นญี่ปุ่นออกมาได้ชัดเจน ตั้งแต่การเลือกใช้โทนสีขาวน้ำตาลอบอุ่น มีหน้าต่างบานใหญ่ให้เห็นเมฆปุยๆ บนท้องฟ้า รวมถึงคำบนผนังที่อ่านแล้วรู้สึกดีทั้ง Tomodachi ที่สื่อถึงมิตรภาพ หรือ Shiawase ที่หมายถึงความสุข       ชื่อร้านเป็นการเล่นคำของ 来る (คุรุ) ที่แปลว่า “มา” และคำว่า Cool ในภาษาอังกฤษ กลายเป็น Quul Café สอดคล้องกับที่คุณภัทรอยากให้ที่นี่เป็นเหมือนบ้านเพื่อนที่ทุกคนอยากแวะมากินเค้ก จิบกาแฟ นั่งพูดคุยกัน และที่เก๋ไปกว่านั้น ชั้นดาดฟ้าด้านบนยังถูกจัดให้เป็นแคมป์ปิ้งขนาดย่อม มีเตนท์หลังเล็กๆ และที่นั่งเอาไว้ให้นั่งเล่นรับลมอีกด้วย       แน่นอนว่าเค้กของที่นี่เป็นเค้กสไตล์ญี่ปุ่น ครีมนุ่มเบาละมุน ใช้วัตถุดิบอย่างดีและไม่ใช้ไขมันทรานส์ซึ่งจะหมุนเวียนไปในแต่ละวัน อาทิ Cantaloupe Shortcake เค้กแบบมินิมอลที่นำเนื้อแคนตาลูปไปบดละเอียดทำเป็นไส้ระหว่างชั้นเค้ก เข้ากับครีมนุ่มๆ ละเลียดเพลินดี สั่งคู่กับเครื่องดื่มฝีมือเพื่อนๆ ของคุณภัทรอย่าง Coffee & Passion กาแฟที่เพิ่มรสสดชื่นด้วยเนื้อเสาวรส Orange in Peach ม็อกเทลสีสวยจากน้ำส้มและลูกพีชสด และFresh Strawberry Milk นมสดปั่นที่มีเนื้อสตรอว์เบอร์รี่ผสมอยู่ด้วย มีเกล็ดน้ำแข็งให้ได้เคี้ยว           ส่วนจานคาวที่ร้านเน้นอาหารจานเดียว เรียบง่าย และอิ่มท้อง อาทิ ข้าวผัดแกงเขียวหวาน ที่ใส่ทั้งกุ้งและปลาหมึก ทำได้ถึงเครื่อง นอกจากนี้ยังมีเมนูขวัญใจลูกค้าอย่าง ข้าวผัดปลาทูและก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้งที่อยากให้มาลอง     ส่วนช่วงค่ำ ที่นี่จะถูกเนรมิตให้เป็นบาร์เก๋ เสิร์ฟค็อกเทลในบรรยากาศสบายๆ เหมือนได้มานั่งเล่นบ้านเพื่อนจริงๆ

ขยับขยายความอร่อยจากร้านแรกที่เตาปูนมาให้คนรักไอศกรีมได้ชิมกันชิลๆ มากยิ่งขึ้น สำหรับ "ไอศกรีมทิพย์รส" ร้านไอศกรีมเก่าแก่ในตำนานที่เปิดมานานกว่า 50 ปี และยังคงครองใจลูกค้าประจำตลอดมา     หลังจากรีโนเวตและปรับเปลี่ยนบรรยากาศร้านให้โมเดิร์นน่านั่ง รวมทั้งสร้างสรรค์เมนูยอดนิยมต่างๆ ได้อย่างเก๋ไก๋น่ากินมากขึ้นแล้ว ตอนนี้ยังเพิ่มสาขาใหม่เอาใจสายหวานที่ ชั้น G เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน โดยยกพลเมนูเด็ดและเมนูใหม่ๆ มาใช้เลือกชิมแบบละลานตา   นอกจากเมนูสุดฮิตขวัญใจทุกเพศทุกวัยอย่างไอศกรีมไข่แข็งแล้ว เราอยากแนะนำให้ลองเมนูเด็ดแสนน่ากิน ไม่ว่าจะเป็นส้มชื่น ไอศกรีมลิ้นจี่กินคู่ขนมไทยโบราณอย่างส้มฉุน รสหวานเปรี้ยวสดชื่น และถังทอง รวมความอร่อยของไอศกรีม 3 รสชาติ ได้แก่ งาดำ เผือก และกะทิรวมมิตร เสิร์ฟคู่ขนมถังแตกชิ้นโตแป้งนุ่ม เข้ากันได้อย่างลงตัว       ส่วนใครอยากมานั่งพักเหนื่อย พร้อมละเลียดเครื่องดื่มเบาๆ ลองสั่งเย้ายวน น้ำมะตูมผสมดอกคำฝอยหอมหวานกำลังดี หรือชวนฝัน น้ำเก๊กฮวยผสมคาโมมายล์ กลิ่นหอม ดื่มแล้วผ่อนคลายสุดๆ มาจิบสักแก้วก็หวานชื่นใจไม่แพ้กัน      

หากใครกำลังมองหาคาเฟ่น่ารักๆ ย่านปริมณฑลอย่างสมุทรปราการแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำร้าน Ploy’s Coffee & Bakery บ้านสีขาวหลังเล็กท่ามกลางธรรมชาติไว้ในอ้อมใจ เพราะนอกจากบรรยากาศจะชนะเลิศจากแสงเงาที่เหมือนยกเกาหลีมาไว้ที่นี่แล้ว ขนมและเครื่องดื่มยังดีงามชวนตกหลุมรักกันได้ง่ายๆ     คุณพลอยและคุณเจ๋งเจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่าร้านนี้เกิดจากความตั้งใจที่จะทำให้ที่นี่เป็นเหมือนบ้านให้ทุกคนได้มาใช้เวลานั่งเล่นและอ่านหนังสือ คุณเจ๋งเลยออกแบบให้มีหน้าตาเหมือนบ้านที่มีหลังคารูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วอย่างที่เราชอบวาดกันในสมัยยังเป็นเด็กน้อย ในขณะที่การตกแต่งก็เป็นข้าวของเครื่องใช้ที่คุณพลอยชอบ และนั่นก็ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนผ่านเครื่องเรือน ผ้าม่าน และของสะสมที่ทำให้เรานึกถึงภาพในความทรงจำ       เริ่มกันด้วย Basque Burnt Cheesecake ชีสเค้กหน้าไหม้เมนูสุดฮิต โดดด้วยความนุ่มหอมผสานกลิ่นไหม้นิดๆ กินคู่กับผลไม้สดเปรี้ยวๆ หวาน ตามด้วย Carrot Cake เค้กแครอทเนื้อนุ่มหอมที่พกพาเนื้อแครอทชิ้นเล็กๆ เคี้ยวหนึบเข้าคู่กับครีมชีสที่แต่งหน้าด้วยวอลนัทเคี้ยวกรุบกรอบ       แต่ถ้าใครรักช็อกโกแลตก็ต้องลอง Fudge Brownie เนื้อแน่นรสเข้มข้นแต่แอบอมหวานที่เชื่อว่าเด็กๆ จะต้องชอบอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีขนมชิ้นเล็กๆ อย่าง Scone ขนาดกะทัดรัดสีเหลืองเข้ม เพราะทาด้วยไข่แดง ขณะที่เนื้อในก็นุ่มหอมกินคู่กับแยมสตรอว์เบอร์รี่       หรือจะลอง Chocolate Chips Cookie คุกกี้โฮมเมดเคี้ยวเพลินที่แฝงด้วยช็อกโกแลตชิพนุ่มๆ แล้วอย่าลืมปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มสูตรเด็ดอย่าง Dirty Coffee ที่คุณเจ๋งเลือกใช้กาแฟบ้านเกิดจากจังหวัดน่านมาใช้ผสมกับนมเย็น จนได้กาแฟรสชาติเข้มข้นหอมมัน       และที่สำคัญ ในวันเสาร์อาทิตย์เขามีขนมจีนน้ำเงี้ยวและข้าวซอยไก่เป็นเมนูพิเศษอีกด้วยนะ

Varen BKK คาเฟ่สีขาวที่โดดเด่นอยู่ในย่านเมืองเก่าที่ขโมยหัวใจเราไปเต็มๆ เพราะนอกจากตัวร้านจะตกแต่งในสไตล์มินิมอล มีประตูโค้งและกระจกบานใหญ่รับแสงธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังดีไซน์เมนูออกมาได้อย่างน่าประทับใจ มีการนำ “ทอง” มาเป็นกิมมิกเพิ่มความสนุก นั่นเพราะเจ้าของร้าน คุณณัฐฑี จุฑาวรากุล และคุณชยากร ดีมั่นคงวณิช ไม่ได้เป็นเพียง Coffee Lover เท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าของธุรกิจทองคำด้วย         กาแฟของ Varen มีทั้ง Houseblend,Seasonalblend และ Specialblend คัดเมล็ดกาแฟอย่างดีจากทั่วทุกมุมโลก เริ่มด้วย Varen (150 บาท) เมนูชื่อเดียวกับร้าน (และมาจากชื่อของลูกชายคนเล็ก “น้องวาเรนทร์”) กาแฟโคลด์บรูว์เสิร์ฟพร้อมเมเปิลไซรัปและน้ำแอปเปิล มี Lemon Candy เลมอนแปะแผ่นทองกินได้มาให้ด้วย     ต่อด้วย Valentine (140 บาท) แก้วนี้นอกจากลาเต้อาร์ตจะงามแล้ว ยังมีประกายทองวิบวับน่าตื่นตาตื่นใจ หรือจะลอง Volcano Coffee (130 บาท) ความลงตัวของกาแฟและช็อกโกแลต ตกแต่งด้วยผงโกโก้ด้านบน เหมาะกับคนที่ชอบรสชาติหวานมัน       ใครไม่ชอบกาแฟ ลองเปลี่ยนเป็นชา Honey Lemon Tea (120 บาท) ชามะนาวเปรี้ยวหวานสดชื่น หรือ Lemon Honey Comb (120 บาท) น้ำผึ้งมะนาวโซดาที่มาพร้อมรังผึ้ง ส่วนเมนูขนมก็ทำออกมาได้น่ารักและอร่อยเข้ากับเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็น Cheesecake (115 บาท) เนื้อนุ่มละมุน รสเปรี้ยวอมหวาน เช่นเดียวกับ Lemon Cake (95 บาท) ทำจากเลมอนสดที่เข้ากับกาแฟอย่างที่สุด           แว่วว่าเร็วๆ นี้ ทางร้านจะมีเมนูอาหารไทยฟิวชั่นไว้เสิร์ฟด้วย อดใจรออีกไม่นาน  

ถึงซีรีส์เกาหลีเรื่องล่าสุดจากเน็ตฟลิกซ์อย่าง The King (2020) จะเพิ่งจบไปหมาดๆ แต่ความอร่อยของเรายังไม่จบ!!! เพราะเราสามารถอร่อยไปกับเมนูเครื่องดื่มสุดสดชื่นกันได้แบบไม่มีลิมิตกันที่ร้านชาน้องกวางสุดฮิตกันที่ชั้น 3 ไอคอนสยาม   หากใครไม่ได้เป็นแฟนซีรีส์เราก็ขอเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า ร้านชาของเพื่อนนางเอกที่ปรากฏอยู่ในเรื่องนี้ก็คือร้าน The Alley นี่แหละ แถมร้านในเรื่องเขาได้สร้างขึ้นมาเพื่อซีรีส์ชุดนี้กันโดยเฉพาะ ดังนั้น หากใครที่กำลังคิดถึงซีรีส์เรื่องนี้ หรือกำลังเกิดอาการค้างคาใจกับเนื้อเรื่องอยู่ละก็ เราก็แนะนำให้แวะมาอย่างด่วนๆ เพราะที่นี่เขาได้เตรียม 4 เมนูเด็ดที่เราเห็นผ่านตาในซีรีส์มาให้ลองกัน     เริ่มกันด้วย Brown Sugar Deerioca Puff & Fresh Milk (120 บาท)  นมสดนุ่มที่พกพาความหวานหอมของไข่มุกบราวน์ชูการ์ แล้วมาเปลี่ยนบรรยากาศกับ Brown Sugar Deerioca & Matcha Latte (120 บาท) ชาเขียวลาเต้รสเข้มที่มาพร้อมกับไข่มุกบราวน์ชูการ์เคี้ยวหนึบ       แต่ถ้าไม่จุใจต้องลอง Tropical Passion Fruit Green Tea (100 บาท) ชาเขียวเสาวรสสดเปรี้ยวสดชื่นที่มาพร้อมท็อปปิ้งอย่างโคโคนัทเจลลี่มาเคี้ยวเพิ่มความอร่อย แต่ทีเด็ดที่เราเทใจให้คงไม่พ้น Royal No.9 Tea Latte (100 บาท) ชาเบลนด์สูตรพิเศษที่โดดเด่นด้วยความหอมหวานผสานกลิ่นเปรี้ยวนิดๆ มาเสิร์ฟในรูปแบบลาเต้ จนได้เครื่องดื่มรสละมุนถึงขีดสุด       สำหรับคนที่อยากลองเมนูฮิตแล้วล่ะก็ ต้องห้ามพลาด Dalgona Coffee Brown Sugar Deerioca & Fresh Milk (100 บาท) กาแฟทัลโกนาที่ทำให้เราติดใจด้วยฟองครีมกาแฟ ไข่มุก และนมรสหวานหอม แล้วอย่าลืม Royal No.9 Milk Tea + Deerioca (105 บาท) ชานมสูตรเด็ดที่แฝงความนุ่มหนึบของไข่มุก       กินเพลินเลยล่ะ

ในที่สุด สตรีท ชูโรส (Street Churros) คาเฟ่สำหรับคนรักชูโรสแบรนด์ดังจากประเทศเกาหลีก็ยกความอร่อยมาเสิร์ฟกันถึงบ้านเราแล้วที่ชั้น 6 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ความพิเศษของชูโรสร้านนี้ต้องยกให้การทำชูโรสแบบแฮนด์คราฟต์ ทำใหม่ทุกชิ้นทุกวัน ด้วยวัตถุดิบแบบพรีเมี่ยม ใครรักความหวานที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เนื้อสัมผัสกรอบๆ ล่ะก็อย่าพลาดเชียว         มาถึงหน้าร้านแล้ว ลองดูเมนูกันก่อน พระเอกของร้านนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Original Churros (59 บาท) ชูโรสทรงเกือกม้าชิ้นโต กรอบนอก เนื้อในนุ่มอร่อยที่ให้เราเลือกได้ว่าจะเคลือบซินนามอน หรือเคลือบช็อกโกแลต (แต่ถ้าสั่ง 2 ชิ้นเราจะได้ชูโรสที่เอามาต่อกันเป็นรุปหัวใจได้นะ น่ารัก) ส่วนดิปปิ้ง (20บาท) มีให้เลือก 4 แบบทั้งช็อกโกแลต นมข้นหวาน สตรอว์เบอร์รี่ และบัตเตอร์สกอตช์ แต่หากรู้สึกว่าชิ้นใหญ่ไป ลองเปลี่ยนมาสั่ง Stick Churros (120 บาท) ชูโรสแบบสติ๊กที่ย่อส่วนให้ชิ้นเล็กลง กินง่าย (ขวัญใจเด็กๆ เลยเมนูนี้)         ที่เราชอบมากต้องยกให้ Brown Sugar Ice-Chu (130 บาท) การจับคู่กันอย่างลงตัวของชูโรสและไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟที่เติมความหวานด้วยน้ำตาลบราวน์ชูการ์ ตักไอศกรีม 1 คำ กัดชูโรสอีก 1 คำ เข้ากันดีเชียว     นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเครื่องดื่มให้กินคู่กัน ทั้งกาแฟและชานม เราแนะนำ Milk Tea Bubble (65 บาท)ชานมหวานกำลังดีมาพร้อมไข่มุกหนึบหนับ และหากอยากซื้อติดไม้ติดมือไปฝากคนรู้ใจ ทางร้านมี Giftbox Mini Churros (285 บาท) ในกล่องรูปรถสีเขียวสุดน่ารัก     คนได้รับต้องยิ้มแก้มปริแน่นอน

ใครจะไปนึกฝันว่าภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 นั้นมีร้านแนวคันทรี่ๆ อยู่ ใช่แล้ว! ที่พูดถึงนี่คือ G&G café คาเฟ่สไตล์ฟาร์มแท้ๆ เริ่มตั้งแต่การแต่งร้านที่ละม้ายคล้ายกับโรงนาในแถบยุโรป ภายในเป็นผนังไม้สีขาวที่ถูกแซมด้วยสีเขียวของต้นไม้กระถาง ดอกไม้สดสีสันสดใส และดอกไม้แห้งสไตล์วินเทจกิ๊บเก๋         รั้วสีขาวที่ล้อมอยู่ด้านนอกเป็นที่นอนของน้องๆ อย่างเจ้าแพะ แกะ หมูแคระตัวอ้วนพีน่ากอด และเต่า รวมกันราวๆ 20 ตัว ที่ทุกครอบครัวสามารถพาคุณหนูๆ มาให้อาหารได้ตลอดวัน เดิมทีน้องๆ ทั้งหมดนี้ก็เป็นสัตว์เลี้ยงของหลานผู้เป็นเจ้าของร้านอย่างคุณเกรฟ กฤติญาณี และคุณกรีน กรกวี ฉวีบริสุทธิ์ มาก่อน ประจวบเหมาะกับคุณแม่ของคุณเกรฟและคุณกรีนมีไอเดียอยากเปิดร้าน จึงลงตัวที่ร้านกาแฟในสไตล์ฟาร์มคันทรี่ และได้อักษรย่อของสองพี่น้องมาตั้งเป็นชื่อร้านนั่นเอง         เรื่องอาหาร G&G café จะเน้นให้เรียบง่าย แต่ได้ความอร่อย  เช่น เมนูอาหารเช้า อาหารมื้อสาย ขนมโฮมเมด และเครื่องดื่มหลากหลาย ที่ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ หรือน้องๆ หนูๆ ก็สามารถรับประทานได้ไม่ยาก     เริ่มต้นวันใหม่ง่ายๆ กับเมนู Breakfast Toast (75 บาท) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เบรกฟาส ชุดที่ 3” ขนมปังแผ่นหนานุ่ม ทาเนยและปิ้งจนเป็นสีเหลืองกรอบ ด้านบนมีไข่ดาวแบบ Sunny up เป็นไข่ขาวนิ่มๆ ที่มีไข่แดงเยิ้มๆ ฟินๆ โรยด้วยแฮมกับไส้กรอกสไลซ์ทอด และเพิ่มไฟเบอร์ให้ร่างกายด้วยผักสลัดต่างๆ     จานที่สองเป็น ไข่กระทะ (50 บาท) อาหารเช้าสุดคลาสสิกที่คุ้นเคย เต็มอิ่มกับไข่ 2 ฟอง สุกกำลังกิน ที่มาพร้อมกับหมูสับ กุนเชียงและหมูยอ เหยาะซอสปรุงรส เติมพริกเล็กน้อย และราดซอสมะเขือเทศลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติสักหน่อย รับรองอร่อยใช่ย่อยเลยทีเดียว     มาถึงขนมหวานที่เราชอบมากอย่าง Fruit Cake (60 บาท) ไม่ต้องรอให้ถึงเทศกาลคริสมาสต์ก็ได้กินสมใจ ฟรุ๊ตเค้กเนื้อเนียนละเอียด ภายในอัดแน่นไปด้วยผลไม้เชื่อมอย่าง ลูกเกด และแอปเปิ้ล รสหวานละมุน หอมกรุ่นจากธรรมชาติ กินคู่กับน้ำชาร้อนๆ ยิ่งเข้ากันได้ดี     ยังมี Pancake Ice Cream (115 บาท) แพนเค้กร้อนๆ เนื้อนุ่มๆ ฟูๆ ขนมที่หลายคนเลิฟ ทางร้านจัดให้เลย 3 แผ่น กินคู่กับไอศกรีมวานิลลา และผลไม้สดอย่างกล้วย และบลูเบอร์รี่ เติมความหวานหอมด้วยน้ำผึ้งอีกนิดก็เป็นอันเพอร์เฟค!     ด้านเครื่องดื่มลองจิบ Matcha Latte (65 บาท) ที่ใช้ผงมัทฉะคุณภาพจากประเทศญี่ปุ่น ผสมกับนมสด รวมเป็นรสหวานกลมกล่อม หอม ถูกใจคนรักชาเขียว     คอกาแฟต้องนี่เลย Orange Espresso (70 บาท) น้ำส้มคั้นสดๆ รสเปรี้ยวอมหวาน ราดด้วยเอสเปรสโซ่ช็อตจากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าคั่วเข้ม ดูดอึกเดียวก็ติดใจ คอฟฟี่เลิฟเวอร์บอกใช่เลย!