คอกาแฟคงคุ้นเคยกับโลโก้สี่เหลี่ยมสีแดงและตัวหนังสือ illy สัญลักษณ์ของ illy Caffè แบรนด์กาแฟระดับพรีเมียมที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี ซึ่งล่าสุดเพิ่งเปิดตัว illy Caffe Erawan แห่งแรกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการที่ อาคารเอราวัณ แบงค็อก (Erawan Bangkok) ชั้น LG โดดเด่นด้วยบาร์กาแฟสไตล์อิตาเลียนสีแดงที่พร้อมพรั่งด้วยเครื่องชงกาแฟระดับไฮเอนด์ เพื่อรังสรรค์เมนูกาแฟสูตรเฉพาะของ illy ให้คอกาแฟได้ลิ้มลอง รวมทั้งเมนูอาหารที่ให้บริการทั้งมื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อค่ำ และจานกินเล่นสำหรับสังสรรค์ยามค่ำคืน ด้วยทำเลใจกลางเมืองแยกราชประสงค์ คาเฟ่แห่งนี้จึงเหมาะเป็นจุดแวะพักจิบกาแฟและเติมพลังงานกับมื้ออร่อยได้ทุกช่วงเวลา พร้อมปล่อยใจไปกับบรรยากาศแบบอิตาเลียนแบบร่วมสมัย มีทั้งโซนที่นั่งด้านในอาคารและเอาต์ดอร์รับลมในวันอากาศดี เมนูกาแฟมีให้เลือกสั่งแบบไม่มีเบื่อทั้งร้อนและเย็นกว่า 32 รายการ ใครที่อยากลิ้มรสชาติอันเป็นต้นตำรับขนานแท้ต้องสั่ง Espresso ช็อตเอสเพรสโซ่สไตล์อิตาเลียนที่มีกลิ่นและรสเข้มข้น illycrema นวัตกรรมกาแฟรูปแบบใหม่ที่ผสาน illy espresso เข้มข้นเข้ากับไมโครคริสตัลน้ำแข็งเนื้อละเอียดจนได้สัมผัสละมุนเหมือนเนื้อไอศกรีม และ Cold Brew กาแฟสกัดเย็นจากเมล็ดกาแฟอาราบิกาแท้ 100% จะสั่งมาจิบคู่กับเบเกอรีและขนมหวานก็ได้ แต่เราแนะนำว่าไม่ควรพลาดฝากท้องไว้กับอาหารอิตาเลียนจานอร่อยที่รังสรรค์โดย เชฟน้ำ - ดาบทอง สุขนิพันธ์ เฮดเชฟประจำร้าน เพราะจัดว่าเด็ดและมีให้เลือกหลากหลาย อาทิ Mortadella e pistacchi แซนด์วิชขนมปังอิตาเลียนหน้าเปิดทอปด้วยแฮมมอร์ตาเดลลาและซอสเพสโตพิสตาชิโอ จานด่วนที่จะอร่อยยิ่งขึ้นเมื่อกินคู่กับกาแฟ Bresaola e rucola แซนด์วิชเนื้อเบรซาโอลารสเข้มข้นและผักร็อกเก็ต ชิ้นใหญ่จุกๆ และยังสามารถเอร็ดอร่อยไปกับอาหารเช้าที่ให้บริการตลอดทั้งวัน อาทิ Croissants with Scrambled Eggs and Parmesan ตามด้วย Insalata di farro สลัดข้าวสาลีใส่ผักและผลไม้เพื่อสุขภาพ Bucatini all’ Amatriciana พาสตาเส้นยาวอวบอ้วนผัดกับซอสมะเขือเทศและกวนชาเล และ Spaghetti Carbonara คาร์โบนาราตำรับโรมันที่ใส่เพียงไข่ ชีสเปโกริโน กวนชาเล และพริกไทยดำ ตามด้วยจานหลัก Pollo con caponata e riduzione di balsamico เนื้อไก่ซูวีสไตล์ซิซิเลียนราดซอสบัลซามิกรีดักชั่น ปิดท้ายด้วยของหวานสไตล์อิตาเลียนอย่าง Coffee bean เค้กกาแฟรูปเมล็ดกาแฟสุดน่ารัก และ Tiramisu ที่ผสานความอร่อยของกาแฟและครีมชีสมาสคาร์โปเนอย่างลงตัว และเมื่อค่ำคืนย่างกรายมาก็ยังมีจานกินเล่นให้จับคู่กับค็อกเทลกาแฟแบบจอยๆ เรียกว่านั่งได้ตั้งเช้าจรดดึกเลยทีเดียว illy Caffè มีสาขามากกว่า 160 แห่งในเมืองใหญ่ของกว่า 34 ประเทศทั่วโลก และยังเป็นบริษัทสัญชาติอิตาเลียนแห่งเดียวที่ติดหนึ่งในองค์กรระดับโลกที่มีมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมที่ดีเยี่ยมโดยสถาบัน Ethisphere ตั้งแต่ปี 2013 จนปัจจุบัน   illy Caffè Erawan เปิดให้บริการแล้วอย่างเต็มรูปแบบ ร่างกายต้องการคาเฟอีนเมื่อไหร่ก็มาเจอกันนะ

ไม่ว่าจะเปิดไปกี่สาขา JIAN CHA Tea (เจี้ยนชา) ก็ยังคิวยาวเหมือนเช่นเคย ด้วยความหอมอร่อยของชาพรีเมียมสูตรราชวงศ์จีนชั้นสูงทำให้ครองใจใครหลายคนได้อย่างง่ายดาย  ล่าสุดทางแบรนด์ได้ขยายความอร่อยเปิดสาขาใหม่ย่านบรรทัดทอง บนชั้น 2 ของ Dragon Town กลายเป็นพิกัดใหม่ของสายชาผลไม้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับแฟนคลับของ JIAN CHA ด้วยพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการพักผ่อนแบบเรียบง่ายและเป็นส่วนตัว แฝงไปด้วยการตกแต่งสไตล์จีนเบาๆ มีมุมให้นั่งเล่นรับลมบนระเบียง หรือมุมให้ถ่ายรูปคู่กับบาร์สีขาวสุดชิค นอกจากบรรยากาศจะดีแล้ว ทางร้านยังมีเมนูชาให้เลือกมากมาย แนะนำสำหรับคนที่ชอบดื่มชาผลไม้กลิ่นหอมนวล อย่าพลาด Guihua Milk Tea ชานมหอมหมื่นลี้เสิร์ฟมาในแก้วสีดำดีไซน์ใหม่ ได้กลิ่นหอมจากดอกกุ้ยฮวา อบอวลในปาก Mulberry Yogurt Tea ชามัลเบอร์รีชงสดให้รสหวานอมเปรี้ยว ล่างสุดเป็นเนื้อส้มฉ่ำๆ มีเจลลีบุกให้เคี้ยวตัดรสด้วยความเปรี้ยวจากโยเกิร์ต แก้วนี้ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ Grape Tea Smoothie ชาองุ่นปั่นที่ได้ใจใครหลายคนมานักต่อนัก เป็นชามะลิผสมน้ำองุ่นให้กลิ่นหอมหวาน ด้านล่างมีเนื้อองุ่นสดและบุกให้เคี้ยวเพลิน Kiwi Tea Smoothie ทางร้านใช้กีวี่สดที่มีความหวานซ่อนเปรี้ยว โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมชัดเจน ช่วยให้รู้สึกสดชื่นได้ตลอดวัน

Golden Goose แบรนด์เสื้อผ้าจากประเทศอิตาลีที่นำเสนอเสื้อผ้าแนวสตรีทและรองเท้าสนีกเกอร์ ซึ่งมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ด้วยความเลอะและเปรอะ โดยเป็นความตั้งใจของดีไซเนอร์ เหมือนบอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของแบรนด์นี้  ถ้าหากพูดถึงวัฒนธรรมการดื่มกาเเฟและการกินทีรามิสุก็ต้องนึกถึงประเทศอิตาลี ทางแบรนด์ Golden Goose จึงเลือกเปิดคู่กับคาเฟ่ Younique ที่ไทยเป็นสาขาเเรกของโลก สำหรับดีไซน์ของคาเฟ่และช็อปเสื้อผ้ามีความเป็นสตรีท เน้นสีวัสดุทำจากอะลูมิเนียมให้ดูมีความเท่ แข็งเเรง และพรีเมียม เราจึงเห็นเคาน์เตอร์บาร์ที่เน้นเสิร์ฟสไตล์อิตาเลียน เมื่อเดินเข้ามาสั่งแล้วก็จะยืนจิบกาแฟพูดคุยกัน ส่วนด้านข้างตกแต่งด้วยต้นกาเเฟเล่าถึงเส้นทางการเพาะปลูกและการผลิตต่างๆ และชนิดของกาแฟที่คาเฟ่นี้เลือกใช้ สำหรับเมนูไฮไลต์ของที่นี่ Triple Shot Espresso ที่เรียกความฮือฮาให้กับโลกโซเชียลอย่างมาก เหมาะสำหรับคอกาแฟ เพราะเป็นเอสเปรสโซโคลอมเบียทั้ง 3 ช็อต (เหมาะกับการแชร์กับเพื่อน เพราะถ้าดื่ม คนเดียวน่าจะไม่ได้นอน) อีกทั้งในแก้วยังมีตัวหนังสือเป็นกิมมิกให้อ่านอีกด้วย นอกจากกาแฟเเล้วยังมีเจลาโตเนื้อแน่นที่นำไปเสิร์ฟเป็นเมนู Golden Affogato ช็อตเอสเปรสโซเสิร์ฟพร้อมเจลาโตมาสคาร์โปเนเนื้อเนียน รสครีมมี่ และ Golden Touch เมนูทีรามิสุราคา 1,200 บาท ที่นอกจากจะมีเจลาโตมาสคาร์โปเนและคอฟฟี่ช็อตเเล้ว ด้านล่างเป็นแป้งพัฟอบกรอบที่ส่งตรงมาจากอิตาลี ใส่แทนเลดี้ฟิงเกอร์ ท็อปด้วยแผ่นทองบริสุทธิ์เพิ่มความหรูหรามากยิ่งขึ้น ก่อนกลับลองสั่ง Dirty Matcha เข้มข้นทั้งกาแฟและชาเขียว เสิร์ฟในแก้วสีทองพร้อมกระดาษสวมแก้วที่เราสามารถเลือกอารมณ์ในเเต่ละวันได้ แล้วพรินเตอร์จะสุ่มคำคมออกมา ซึ่งครั้งนี้เราได้ “RUNNING LATE IS MY CARDIO” แบบสวยๆ สำหรับใครที่ไปแล้วอย่าลืมสั่ง Gelato Parmigiano เหมือนกับกินชีสพาร์เมซานเนื้อนุ่ม รสเค็มนวล แปลกแต่อร่อย

ในที่สุดก็ได้กิน เครปกล้วยบางปู ร้านดังในโซเชียลที่เห็นแล้วต้องบอกว่าแพ้ทางให้กับความขาวละมุนของครีมสด เห็นเมื่อไหร่เป็นใจละลาย จุดเด่นของเค้าคือเป็นเครปกล้วยในถ้วยเซรามิกรูปกล้วยหอมสีเหลือง ไซส์บิ๊กเบิ้มเท่ากล้วยหอมทั้งลูก น่ากิ๊นน่ากิน ทางร้านจะรองด้านล่างด้วยแป้งเครปหนานุ่ม ปาดครีมสด ใส่กล้วยหอมตาม แล้วโปะครีมสดทับอีกชั้น จากนั้นม้วนห่อแป้งจนมิดชิด ดูน่ารัก(น่ากิน)เกินบรรยาย รสชาติหวานละมุน นวลเนียนเข้ากันไปหมด ขายทั้งเครปขายทั้งเซรามิกไปพร้อมกัน ในราคา 139 บาท กินหมดแล้วล้างเก็บเป็นกิมมิกเก๋ๆ ดีต่อใจ นอกจากเครปกล้วยที่เป็นไฮไลท์เรียกแขก ยังมี โยเกิร์ตกล้วยหอม ราคา 120 บาท รสชาติเหมือนเค้กกล้วยหอมที่คุ้นเคย แต่แป้งฉ่ำกว่า หอมเนย+หอมกล้วยรวมๆ กัน ชิ้นนี้เก๋ไก๋เสิร์ฟในกาบหมาก ถูกใจคนรักษ์โลกไปอีก สุดท้ายคือ บิ๊กบราวนี่ บราวนี่ไซส์บิ๊กสมชื่อ แป้งนุ่ม ผิวกรอบ มีอัลมอนด์โรยมาให้เคี้ยวเล่นกรุบๆ สนนราคา 140 บาท คุ้มสุดเพราะกินหมดก็อิ่มจุกเลยล่ะ     ร้านนี้เป็นชาเลนจ์ของเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์สายเที่ยว ที่ต้องใส่ไว้ในลิสต์ห้ามพลาด แม้จะอยู่ไกลถึงชานเมือง แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ไกลมาก ถ้าไม่ขับรถมาก็นั่งบีทีเอสมาลงสถานีเคหะ จากนั้นเรียกแท็กซี่ต่ออีก 5 นาทีถึง นอกจากได้คอนเทนต์ ยังได้เปลี่ยนบรรยากาศรับลมสบายๆ แถมด้วยวิวทะเลแบบจัดเต็ม 180 องศา ออกจากร้านจะไปดูนกนวลนวลต่อที่สถานตากอากาศบางปูก็ใกล้นิดเดียว

แม้จะลงหลักปักฐานโลเกชั่นใหม่ที่ย้ายจากซอยเอกมัย 12 มาอยู่ที่ซอยอ่อนนุช 35 แล้ว แต่ Ekkamai Macchiato ก็ยังคงสงวนรักษาชื่อเดิมเพื่อเตือนความทรงจำของทั้งเจ้าของร้านและเหล่ามิตรสหายที่เคยแวะเวียนไปใช้บริการตั้งแต่เปิดร้าน จนถึงวันที่ร้านเติบโต ขยายพื้นที่ และเพิ่มมุมนั่งชิลให้มากขึ้น คุณโอเจ้าของร้านเล่าว่าเขาเต็มที่กับทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะความเรียบเท่ที่ตั้งใจโชว์ความดิบของวัสดุผสานความโมเดิร์นที่กลมกลืนเข้าด้วยกัน ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายอยากแวะมาบ่อยๆ ใครที่เคยติดใจอาหารและเครื่องดื่ม ทางร้านยกมาครบแต่ไม่จบเพียงเท่านั้น ยังมีเมนูใหม่ให้ลูกค้าเอ็นจอยไม่จำเจ อาทิ American Fried Rice ข้าวผัดอเมริกันจานโต อยากบอกว่าถ้าไม่นับความอลังการของเครื่องเคราอย่างน่องไก่ที่ให้ทั้งชิ้น ไส้กรอก และไข่ดาว ที่ประโคมแน่นจนแทบไม่เห็นข้าวด้านล่าง เราก็ไม่ได้คาดหวังกับเมนูนี้มากนัก แต่ทว่ามันว้าวมากเมื่อเข้าปาก ความกลมกล่อมของข้าวที่ผัดจนทั่วถึงทำเอาเราแทบรอไม่ไหวที่จะตักคำต่อไป อีกจานที่ท็อปฟอร์มมาโดยตลอดคือ Spicy Crispy Pork Belly หมูกรอบผัดพริกขี้หนูสวน รสเข้มข้น เผ็ดร้อนกำลังเหมาะ ความสุดคือหมูกรอบเต็มชาม โปะด้วยไข่ออนเซ็น เราลองเจาะไข่แดงเยิ้มๆ แล้วคีบหมูกรอบจุ่มให้ชุ่มก่อนเข้าปาก ละมุนละไมจนอยากสั่งไข่ออนเซ็นมาจุ่มเพิ่ม ใครไม่กินหมูกรอบสั่ง Spicy Crab Meat Stir Fry ปูผัดพริกขี้หนูสวน ใส่เนื้อปูแบบไม่กลัวหมดร้าน ปรุงรสจัดจ้าน กินครั้งแรกก็เลิฟ สำหรับเครื่องดื่มเราสั่ง Espresso X Orange ช็อตเอสเปรสโซกับน้ำส้มสด ดื่มหนึ่งอึกก็คึกคัก ปลุกเอนเนอจี้ได้ดีทีเดียว ประทับใจทุกสิ่งจนต้องรีบบอกต่อเลยล่ะ

ใครที่เป็นปลื้มสุดๆ กับร้าน Kay’s Boutique ตอนนี้หากขยับไปอีกนิดจะเจอกับคาเฟ่ไซส์มินิ DAY By Kay's ที่หลังจากได้การตอบรับในย่านสาทรเป็นอย่างดี ก็ทำการปักหมุดที่โครงการ Yard 49 อีกหนึ่งสาขา เอาใจสายคอนเทนต์ที่อยากนั่งชิล ผ่อนคลายกับกลิ่นหอมของกาแฟสโลว์บาร์ และเบเกอรี่ที่อบสดใหม่ทุกวัน ตัวร้านมาในคอนเซ็ปต์เบครูมสไตล์กลาสเฮ้าส์ที่แม้พื้นที่ภายในจะมีขนาดจำกัด แต่ไฮไลต์ของร้านต้องยกให้แสงธรรมชาติที่สาดส่องเข้ามาจนได้มู้ดนวลอุ่นละมุนละไมทุกช่วงเวลา เข้ากับวิวสวนสีเขียว ช่วยฮีลใจให้หายเหนื่อยได้แน่นอน มาแล้วต้องลอง Croissant French Toast (180.-) ครัวซองต์ซิกเนเจอร์กรอบนอกฉ่ำใน ที่นำไปชุบกับซอสเฟรนส์โทสต์ก่อนอบให้ขึ้นฟู มีให้เลือกทั้งรสช็อกโกแลต ด้านในสอดไส้ช็อกโกแลตเข้มข้นมาแบบเต็มคำ รสชินนามอนหอมกรุ่น และรสออริจินอลที่นำไปจับคู่กับเครื่องดื่มอื่นๆ แล้วยิ่งลงตัว ต่อด้วยเมนูชื่อดังจากสาขาแรก DAY Toast with Ice Cream (160.-) ขนมปังบริยอชนุ่มๆ ฉ่ำซอสคัสตาร์ด ออนท็อปด้วยไอศกรีมวานิลลาหอมนวลละมุนลิ้น   เครื่องดื่มห้ามพลาด Holiday (185.-) ที่ด้านล่างเป็นน้ำมะพร้าวสดตามด้วยเอสเปรสโซ่ช็อตจากเมล็ดบราซิล เพิ่มความมันนัวด้วยครีมช็อกโกแลตและเกลือป่นเล็กน้อยด้านบน ดื่มง่ายไม่เหมือนใครแน่นอน หรือจะเลือกเป็น Signature Tea (165.-) ชาเอิร์ลเกรย์หมักกับผลไม้สุดสดชื่นอย่าง แอปเปิลแดง ส้มและเลมอน เสริมความหวานเบาๆ ด้วยน้ำผึ้ง ยิ่งจิบยิ่งเพลิน

แค่เห็นภาพเมนูเด็กอ้วนอย่างเราก็ร้องว้าว จริงๆ กับ “KEURIM Korean Waffle & Dessert” ร้านวาฟเฟิลสไตล์เกาหลีป้ายแดงที่ตั้งอยู่ใน Siamscape (ชั้น 1) ความโดดเด่นของร้านคือวาฟเฟิลโฮมเมดร้อนๆ สูตรเกาหลีกรอบนอกนุ่มในแถมยังเบาฟู หอมกลิ่นเนยสุดๆ กินกับวิปครีมนุ่มละมุนรสต่างๆ (มีให้เลือกเยอะมาก) ที่ทางร้านเขาเสิร์ฟมาแบบล้นๆ ทำเอาได้ใจคนรักของหวานกันเป็นแถว ตัวแรกเราสั่งเป็น Blackpink วาฟเฟิลสไตล์เกาหลีอบสดใหม่ร้อนๆ เนื้อกรอบนอกนุ่มใน เข้าคู่วิปครีมเนื้อฟูรสต่างๆ อย่าง สตรอว์เบอร์รี ช็อกโกแลตและวานิลลา เพิ่มสัมผัสสนุกๆ ด้วยครัมเบิ้ลกรุบกรอบ เสิร์ฟพร้อมซอสช็อกโกแลต ที่ทำจากช็อกโกแลตเบลเยี่ยม ซอสสตรอว์เบอร์รี รสเปรี้ยวอมหวาน และไอศกรีมซอร์ฟเสิร์ฟรสนมฮอกไกโด สายชาเขียวต้องนี่ Matcha Red Bean วิปครีมมัตฉะหอมๆ นุ่มๆ กินพร้อมวาฟเฟิลร้อนฉ่าน่าอร่อย ถั่วแดงกวนรสหวานฉ่ำ ซอสมัตฉะรสเข้มข้น และไอศกรีมซอร์ฟเสิร์ฟรสนมฮอกไกโด ชื่นใจ เครื่องดื่มเราเลือก Peach Soda ไซรัปกลิ่นพีชรสหวาน ผสมกับน้ำโซดาซาบซ่าถึงใจ และ Double Cocoa โกโก้เย็นรสเข้มพอเหมาะ จิบคลายร้อนตามสไตล์สายหวาน เป็นร้านของเด็กอ้วนโดยแท้

มีเรื่องให้คนรักขนมหวานดีใจกันอีกแล้ว เพราะ Kyo Roll En เขาเปิดตัวน้องใหม่ป้ายแดง “The Parfait Parlour” ร้านพาร์เฟต์สไตล์ญี่ปุ่นน่าชิม โลเคชั่นอยู่ที่ Siam Discovery (ชั้น 3) ความพิเศษของร้านคือ พาร์เฟต์เนื้อเนียนสูตร Sugar – Free เข้าคู่กับผลไม้สดชื่นใจ (สายสุขภาพปลื้มกันเป็นแถวๆ ) แถมยังสามารถอร่อยกับเมนูซิกเนเจอร์ของ Kyo Roll En อย่าง โรล โมจิหยดน้ำ ได้อีกต่างหาก ไม่รอช้าเริ่มชิมกันเลย Strawberry Yogurt ฐานล่างเป็นเยลลี่เลมอนเนื้อเด้ง รสเปรี้ยวสดชื่น เคล้ากับกรานิต้าสตรอว์เบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวาน ตัดด้วยรสครีมมีของซอร์ฟเสิร์ฟโยเกิร์ต ตามด้วย Mango Yuzu Blossom ความลงตัวระหว่างรสหวานฉ่ำของมะม่วงสุกน้ำดอกไม้ และความเปรี้ยวละมุนของส้มยุสุ Matcha Azuki มัตฉะกรานิต้าหอมฟุ้งแถมยังชื่นใจ เคล้าถั่วแดงกวนรสหวาน และซอร์ฟเสิร์ฟมัตฉะดาวเด่นของ Kyo Roll En เข้ากันกับโมจิเนื้อนุ่มหนึบ และสตรอว์เบอร์รีญี่ปุ่นรสเปรี้ยวอมหวาน ช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ต้องสั่ง Chocolate Heaven ไอศกรีมโฮมเมดรสดาร์กช็อกโกแลตเข้มข้น และรสเนยถั่ว เข้ากันกับบราวนี่เนื้อหนึบ และคาราเมลรสหวานหอม สดชื่นขึ้นมาทันใด

ร้านขนมหวานที่เริ่มต้นจากการขายเบเกอรีออนไลน์ในชื่อ K-zy Bakery ขยับขยายจนลงเอยด้วยการเปิดร้าน K-zy Sweethery นำเมนูไอศกรีมเข้ามาเพิ่ม บวกกับความสร้างสรรค์โดยการนำขนมหวานแบบไทยๆ มาทำเป็นเนื้อไอศกรีม ไม่ใช่การแต่งกลิ่น แต่ทำให้ได้รสชาติและคงเนื้อสัมผัสของขนมหวานไว้ในแบบที่เมื่อตักเข้าปากแล้วต้องนึกถึงขนมไทย ที่สำคัญเหมาะกับคนกิน Vegan และยังเป็น Allergy friendly อีกด้วย ไอศกรีมขนมหวานจึงมีทั้ง ไอศกรีมขนมครก ไอศกรีมครองแครง ไอศกรีมขนมเปียกปูน รสชาติหวานหอม เย็นชื่นใจ และที่ขอแนะนำสุดๆ เลยคือ ไอศกรีมสับปะรดพริกสด ชื่ออาจจะดูไม่เข้ากับการนำมาทำไอศกรีม แต่กลับกลายเป็นเมนูยอดฮิตที่หลายคนถูกใจ เพราะรสไอศกรีมออกเปรี้ยว กินพร้อมกับสับปะรดเนื้อฉ่ำโรยพริกเกลือ ได้รสเค็มเหมือนกินผลไม้จิ้มพริกเกลือ เหมาะกับคนที่ชอบไอศกรีมรสเปรี้ยวแต่แปลกใหม่แบบไทยๆ รับรองไม่ซ้ำกับที่อื่นแน่นอน อีกเมนูยอดฮิตที่จะขาดไปไม่ได้ ไอศกรีมข้าวเหนียวมะม่วง ได้รสหวานฉ่ำของมะม่วงกับรสเค็มมันหอมกะทิของข้าวเหนียวมูนที่ทำให้ใครหลายคนติดใจ Mille Feuille เมนูดัดแปลงที่เกิดจากความบังเอิญในช่วงที่ทางร้านเข้าแข่งขันรายการของโลตัส ซึ่งมีวัตถุดิบจำกัด ร้านจึงเลือกทำแป้งโรตีกรอบแทนแป้งพัฟกับแยมสตรอว์เบอร์รีโฮมเมด รสชาติออกมาถูกใจลูกค้าจนทำให้กลายเป็นเมนูยอดนิยมของ K-zy Sweethery ไปทันที ที่อร่อยไม่แพ้กันคือ ครัวซองต์ มัจฉะทวิสต์กับฮอกไกโดมิลค์ ซึ่งขึ้นชื่อตั้งแต่สมัยยังเป็น K-zy Bakery ด้วยความหอมของแป้ง ไส้แน่น และความกรอบของผิวนอก จะกินเป็นมื้อเช้าหรือของว่างก็ย่อมได้ คนรักช็อกโกแลตก็มี Lava cake ช็อกโกแลตอัดแน่น เสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมเย็นๆ สตรอว์เบอร์รีและบลูเบอร์รีให้ได้รสเปรี้ยวหวานตัดกัน นอกจากนี้ยังมีเมนูน่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่น อัฟโฟกาโต เค้กเรดเวลเวท เค้กแครอท บานอฟฟี ฯลฯ จะสั่งออนไลน์ทาง Robinhood หรือกินที่ร้านในบรรยากาศชิลๆ พื้นที่กว้างขวาง ตกแต่งสไตล์โฮมมี่ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และโทนสีสบายตา อยู่นอกบ้านแต่เหมือนได้กินของหวานอร่อยๆ ที่บ้านเลย

หลังจากสร้างความประทับใจในเรื่องเบเกอรีและเครื่องดื่มจนกลายเป็นคาเฟ่ที่ถูกกล่าวถึงบ่อยๆ ในย่านอารีย์ 手 qraft. ในเครือ Peach Oriental Tea House ก็ถึงเวลาเข้าสู่วงการอาหารอย่างจริงจัง กับการเปิดสาขาใหม่สุดอลังการบนชั้น 55 อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ สาทร พร้อมเสิร์ฟบรันช์และอิซากายะในพื้นที่เดียวกัน ให้แวะไปสุนทรีย์กับอาหารและเครื่องดื่มสุดคราฟต์ ได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำท่ามกลางวิวเมืองไม่เหมือนใคร เมนูบรันช์ในรอบกลางวันมีให้เลือกหลากหลายหมวด รังสรรค์ขึ้นอย่างปราณีตด้วยวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างตั้งใจ ไฮไลต์ยกให้ Fruity Symphony Salad สลัดที่กินแล้วได้ทั้งความสดชื่นจากผลไม้กว่า 8 ชนิด เสริมความมันนัวด้วยมะพร้าวคั่วและชีสย่าง Tokyo Ham Mantou Sando จากแป้งและยีตส์เลี้ยงเองที่นำไปย่างถ่านให้ด้านนอกกรอบภายในนุ่มหนึบ ท็อปด้วยแฮม ครีมชีส และผลไม้ แพร์กับชาทิกวนอิมคั่วถ่าน กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ อีกเมนูที่พลาดไม่ได้คือ โจ๊กปลาหิมะสไตล์ฮ่องกง ทางร้านใช้เป็นข้าวญี่ปุ่นเคี่ยวกับน้ำสต็อกหอยเชลล์จนเนื้อเนียนนุ่ม กินคู่กับปลาหิมะย่างถ่าน ถั่วแขกย่าง สาหร่าย และวาซาบิดอง แพร์กับชาเขียวเซนฉะเข้ากันได้ดี และใครที่อยากผ่อนคลายช่วงค่ำ เมนูอิซากายะส่วนใหญ่ของที่นี่จะเน้นนำไปผ่านกระบวนการย่างด้วยถ่านบินโจตัน ถ่านพรีเมียมราคาสูงที่รับรองว่าหอมติดจมูก แนะนำ เห็ดพ็อตโตเบลโลย่างโรยพาร์เมซานชีส ฉ่ำมันในปาก ไก่บ้านย่างผิวมะกรูด เนื้อไก่นุ่มตัดเลี่ยนด้วยความเปรี้ยวของผิวมะกรูด และกึ๋นไก่ย่าง ที่ทำออกมาได้กรุบกรอบกินเพลิน โดยยังมีเมนูอิ่มท้องอย่าง ดงบุริกุ้งและข้าวราดน้ำชาปลาหิมะย่าง ที่กินกับเครื่องดื่มคราฟต์ไร้แอลกอฮอล์ก็สนุกได้แม้ไม่มึนเมา

ดูปุยน้ำแข็งนี่สิ! ในที่สุด Azuki to Kouri ร้านคากิโกริจองยากจากโตเกียวของเชฟ Hiroyasu Kawate แห่ง Florilège ร้านมิชลิน 2 ดาว (ล่าสุดได้อันดับ 2 จาก Asia’s 50 Best Restaurant 2024) ก็มาถึงไทยแล้วในชื่อ ‘Oyatsu no Jikan’ by Azuki to Kouri โดยการชักชวนของเชฟเดช คิ้วคชาแห่ง Kacha Brothers นั่นเอง มาเปิดสาขาแรกนอกญี่ปุ่นทั้งที แน่นอนว่าเชฟ Kawate พาเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Milk & Meringue Kakigori มาให้ลองกันด้วย คากิโกริซอสนมโฮมเมดที่ทั้งเบาและนุ่มเหมือนหิมะ ท็อปด้วยเมอแรงก์กรอบๆ ด้านในเป็นไส้ถั่วแดงกวนรสละมุนหวานน้อย แถมซ่อนชิราทามะที่นุ่มมาก เชฟกระซิบว่าเวลากินให้ค่อยๆ ตักไปทีละมุม เราจะได้สัมผัสกับรสชาติที่แตกต่างกัน Potato Kakigori เมนูที่เชฟให้เราได้สนุกกับคากิโกริรสเค็มๆ หวานๆ ด้านบนเป็นซอสมันฝรั่งและโฟมชีสกามองแบร์จากฝรั่งเศส แล้วโรยด้วยมันฝรั่งทอดกรอบเพิ่มเนื้อสัมผัส Strawberry Chiboust Kakigori เมนูที่จะเปลี่ยนผลไม้ไปตามฤดูกาล คากิโกริรสสตรอว์เบอร์รี่สดที่ทำได้สดชื่น ไม่เปรี้ยวเกินไป ด้านบนเป็น Chiboust หรือซอสคัสตาร์ดที่เชฟเบิร์นไฟจนกลิ่นหอม ส่วนข้างในมีเนื้อสตรอว์เบอร์รี่และซอสสตรอว์เบอร์รี่สด และพลาดไม่ได้กับเมนู Avocado Salad Kakigori เมนู Collaboration ที่เชฟ Kawate และเชฟเดชร่วมกันคิดเฉพาะสาขาที่ไทย นำเมนูเฮลท์ตี้อย่างสลัดอะโวคาโดมาแปลงโฉมใหม่ให้เป็นคากิโกริ เราชอบรสหอมมันของซอสอะโวคาโดที่ตัดด้วยความเปรี้ยวสดชื่นของเลม่อนครีม มีโยเกิร์ตชูการ์ฟรีและสลัดอะโวคาโดซอนอยู่ข้างในด้วย ไม่ใช่แค่คากิโกริจะดีงาม แต่ French Toast ที่เป็น Limited Item ก็ควรค่าแก่การสั่งอย่างที่สุด เนื้อขนมปังนุ่มฉ่ำเนย ด้านนอกกรอบ ปาดด้วยถั่วแดงกวนและโฟมถั่วแดง แล้วโรยเกลือทะเลลงไปด้วยเล็กน้อย เข้ากันมาก ส่วนชาของที่ร้านใช้ชาจากฟาร์ม Inokura จากเมืองนาราซึ่งเป็นชาแบบเดียวกับที่ใช้ใน Florilege สั่งได้ทั้ง ‘AIOI’ Kabuse Zencha ที่มีรสขมเพียงเล็กน้อย ‘YAMAWARAU’ Karigane Cha รสเข้มแต่คาเฟอีนน้อย และ Matcha จากเมืองอูจิ เกียวโต ใครอยากลอง เข้าไปกดจองคิวได้แล้วที่ https://oyatsubk.com/

Boobun ร้านดังจากอุทัยธานีที่ดีกรีความปังทะยานสู่ 19 สาขามาเมื่อไม่นานมานี้ และกำลังจะเปิดเพิ่มอีกหลายสาขา ส่วนชาวกรุงเทพมหานครไม่ต้องร้องเพลงรออีกต่อไป เพราะตอนนี้บูบันเปิดสาขาใหม่ย่านบรรทัดทองเป็นที่เรียบร้อย ร้านอยู่หัวมุมซอยจุฬา 5 ด้านในมีที่นั่งเย็นสบาย สาวกทั้งหลายมาเช็คอินด่วน! ส่วนเหตุผลที่บูบันครองใจสวีทเลิฟเวอร์แบบอยู่หมัดอยู่ที่รสชาตินัว ฟิน เข้ากันได้ดีทั้งแป้งและไส้ที่กวนใหม่ๆ สดๆ ทุกวัน เริ่มที่ปังต้นตำรับอย่าง Original Bun ขนมปังเนยสดแท้ หอมกรุ่น เคี้ยวฉ่ำ โดยแป้งจะมีให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ เนยสด ช็อกโกแลต ชาโคล และสตรอว์เบอรี่ ส่วนไส้เยิ้มๆ มี 3 รสชาติ ได้แก่ รสสังขยาใบเตย หอมมัน หวานกำลังดี มีความครีมมี่ แต่ที่เด็ดสุดคือใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนเพิ่มเทกเจอร์ให้เคี้ยวเล่นเพลินๆ รสวานิลลา หวานหอมจับคู่กับปังสตรอว์เบอร์รี่ และรสไข่เค็ม หวาน มัน เค็มอ่อนๆ กินร้อนๆ อร่อยมาก สำหรับไฮไลท์เรียกแขกขอยกให้ตระกูล Long Bun ขนมปังชิ้นยาวที่เพิ่มความพิเศษด้วยเนื้อแป้งที่นุ่มมากกว่าตัวออริจินอลหนึ่งเท่า น้องๆ พนักงานจะทำร้อนๆ เมื่อลูกค้าสั่ง จากนั้นบีบไส้ให้แบบล้นทะลัก กัดตรงไหนก็ฟิน เพราะอัดแน่นทั่วถึงทั้งชิ้น เริ่มที่ชิ้นแรก Long Bun Choco Lava แป้งนุ่มแบบคูณสอง เพิ่มระดับความกรอบนอก ฉ่ำใน ตัวแป้งเป็นรสช็อกโกแลต สอดไส้ช็อกโกลาวาเข้มข้น หอมหวาน Long Bun Ovaltine White Malt  ปังชาโคลสูตรพิเศษ เนื้อนุ่มหยุ่นสอดไส้โอวัลตินมอลล์ นอกจากความนุ่มหนึบของแป้งที่ผสานไปกับความครีมมีของไส้ จบท้ายด้วยเนื้อสัมผัสกรุบเบาๆ ของโอวัลตินเฟล็ก กินสองชิ้นก็อิ่มตื้อ แต่ Long Bun Thai Tea ช่างยั่วน้ำลาย เป็นใครก็ห้ามใจไม่ไหว กัดคำแรกจะได้กลิ่นใบชามาทักทาย เพราะเขาผสมใบชาสกัดเข้มข้นลงในเนื้อขนมปัง เท่านั้นยังไม่พอเรายังได้ลิ้มรสชาติความหวานมันของไส้ชาไทยที่เคี่ยวจนเข้มข้น เจือขมปลายลิ้นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของใบชา ลืมเรื่องอ้วนไปก่อน มื้อหน้าค่อยว่ากัน!

Silverskin Coffee Lab คาเฟ่พรีเมียมเปิดใหม่ดีไซน์สุดเอ็กคลูซีฟ จุดนัดพบของคนรักเค้ก ชา กาแฟ ตั้งอยู่ในโครงการเรนวูด ปาร์ค พื้นที่มากกว่า 2,000 ไร่ ถือเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุดบนพื้นที่ย่านลำลูกกา ภายในประกอบด้วยบ้านพักอาศัย โรงเรียน โรงพยาบาล คอมมูนิตี้มอลล์ สนามกอลฟ์ สปอตคอมเพล็กซ์ ครบครันสิ่งอำนวยความสะดวกที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการ สำหรับผู้มาเยือนโครงการ รวมถึงลูกค้าทั่วไปที่ต้องการนั่งชิล จิบเครื่องดื่มเพลินๆ แนะนำ Silverskin Coffee Lab คาเฟ่สุดพรีเมียมที่เป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้มอลล์ เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อย บรรยากาศโคซี่เน้นโทนสีอบอุ่น สลับด้วยสีทอง นั่งสบาย สงบ เป็นส่วนตัว โดยมีมุมมหาชนที่คนนิยมไปรวมตัวคือเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่ที่รวมบาร์เครื่องดื่มและเบเกอรี่ไว้ในที่เดียว ในส่วนของชื่อซิลเวอร์สกินมีความหมายถึงเปลือกเมล็ดกาแฟ โดยนำวงจรชีวิตของเมล็ดกาแฟมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว ที่เราจะพบได้ตั้งแต่ในโลโก้ของร้าน รวมถึงตัวอักษรสีแดงที่สื่อถึงเบอร์รี่นั่นเอง ใครเป็นคอฟฟี่เลิฟเวอร์ตัวจริงถือว่ามาถูกที่ เพราะที่นี่มีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลากหลาย และใช้เครื่องชง Mod Bar ที่สามารถสกัดกาแฟให้มีรสชาติตามคาแรคเตอร์ของเมล็ดกาแฟแต่ละตัวได้ดีที่สุด ส่วนทีเลิฟเวอร์อย่าเพิ่งน้อยใจ แนะนำชาเขียวพรีเมียมรสเข้มที่ชงเสิร์ฟอย่างพิถีพิถัน เราสามารถชมลีลาการชงเครื่องดื่มของทีมบาริสต้าได้อย่างเพลิดเพลิน รวมถึงพูดคุยถึงสตอรี่หรือที่มาของเมล็ดกาแฟแต่ละชนิด ช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการดื่มมากยิ่งขึ้น ติดกันเป็นมุมเบเกอรี่ที่วางอวดโฉมในตู้ ทุกเมนูอบสดใหม่วันต่อวัน กินคนเดียวกลัวอ้วน แนะนำให้สั่งมาแชร์กับเพื่อน เพื่อให้ชิมได้ครบทุกรสชาติ แล้วยังเฉลี่ยความอ้วนให้ทั่วถึงกันอีกด้วย กล่าวเพิ่มเติมถึงโครงการเรนวูด ปาร์ค อีกนิด ช่วงนี้นอกจากจะมีคาเฟ่ไวบ์ดีอย่าง Silverskin ที่เปิดให้บริการแล้ว ยังมี The Championship ร้านอาหารที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว เพราะมีเมนูทั้งสไตล์ตะวันออกและตะวันตกให้เลือกอย่างหลากหลาย ดังนั้นจะมากลุ่มใหญ่หรือมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา สามารถรวมพลมาเอ็นจอยร่วมกันได้ในโต๊ะเดียว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่อยากแนะนำคือ บ้านจีน สถาปัตยกรรมจีนที่งดงาม โดยจำลองตำหนัก Renshou Dian (Hall of Benevolence and Longevity) พระราชวังฤดูร้อน ซึ่งเป็นที่ว่าราชการของฮ่องเต้กวางซวีกับพระนางซูสีไทเฮา ทั้งยังเป็นที่ต้อนรับฑูตต่างชาติ เปิดให้เยี่ยมชมเฉพาะโอกาสพิเศษ หากสนใจสามารถติดตามข่าวสารได้ทางเพจเรนวูด ปาร์ค รวมถึงโปรเจคท์อื่นๆ ภายในโครงการที่จะทยอยเปิดตัวในปีหน้า   ยกให้เป็นเดอะมัสต์ย่านลำลูกกา แต่คนย่านอื่นจะแวะมาก็ได้ไม่ติด

จากร้านเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ตรงหัวมุมถนนในซอยสุขุมวิท 31 มานานเกือบ 30 ปี สู่คาเฟ่ที่ต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นแม่ยังรุ่นลูก จุดเด่นอยู่ที่เบเกอรี่จากสูตรของคุณแม่เจ้าของร้านที่แต่ก่อนเคยเปิดขายบนชั้น 2 เพื่อรับรองแขกที่เข้ามาเดินดูเฟอร์นิเจอร์จนท้องร้อง ก่อนขยายลงมาเปิดเป็นคาเฟ่ที่ชั้นล่างแทน หลังจากที่ย้ายร้านลงมา Home Work Bangkok จึงกลายเป็นคาเฟ่ที่มาพร้อมบรรยากาศน่านั่ง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง Working Space ใจกลางเมืองที่เพียบพร้อมด้วยเหล่าเบเกอรี่รสละมุน เพราะทางร้านเลือกที่จะทำแป้งเองทั้งหมดด้วยการนำสูตรดั้งเดิมของคุณแม่เจ้าของร้านมารังสรรค์เป็นเมนูพายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไส้ไก่ครีมเห็ด สตูเนื้อ ผักโขม นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถปรับแต่งไส้กับหน้าพายเองได้ด้วย สำหรับอาหารจะเป็นเมนูโฮมเมดสไตล์เวสเทิร์นคอมฟอร์ตฟู้ดที่เข้าถึงง่าย เหมาะกับการนั่งกินในร้านภายใต้บรรยากาศปลอดโปร่ง โดยภายในร้านเป็นเพดานสูงและกระจกบานใหญ่รอบทิศทาง แถมใช้โทนสีขาวสลับสีไม้ดูสบายตา มีบาร์ขนาดใหญ่ที่เรียงรายด้วยเบเกอรี่และพายมากหน้าหลายตาน่าลิ้มลอง เริ่มต้นที่ Greek Yoghurt Spread Board เมนูพิเศษที่ทำร่วมกับแบรนด์ Pleased Yoghurt Bar สเปรดกรีกโยเกิร์ตโฮมเมดผสมกับทูน่าให้รสเบาๆ แต่สดชื่นมาก กินคู่กับขนมปังกรอบที่แต่งหน้าด้วยอะโวคาโดและสเปรดอกไก่มะเขือเทศเชอร์รี อร่อยลงตัว จับคู่กับ Fruit Punch เครื่องดื่มสูตรพิเศษของร้าน ให้รสเปรี้ยวอมหวานช่วยเปิดต่อมรับรสได้ดี Kale Slaw Salad with Grilled Chicken สลัดผักเคลออแกนิกคลุกเคล้าเดรสซิงสลัด ท็อปด้วยน่องไก่หมักปาปริกาและสมุนไพรย่าง ตัดเลี่ยนด้วยแอปเปิลหั่นเต๋ารสหวานอมเปรี้ยว Beef Dripping Wagyu Fried Rice ข้าวผัดมันเนื้อหอมๆ ท็อปด้วยเนื้อวากิวย่างหอมกลิ่นสโมก เพิ่มความนัวด้วยไข่แดงดิบ Pesto Spinach Fettuccine เส้นเฟตตูชินีผักโขมผัดกับซอสเพสโตรสกลมกล่อม เสิร์ฟคู่แซลมอนย่างจนหนังกรอบแต่เนื้อในสุกกำลังดี ต่อด้วย Roasted Devilled Chicken ไก่อบซอสนรกที่หมักจนเข้าเนื้อ ได้รสเผ็ดจากครีมซอสที่ราดมา มีมันบด กระเทียมย่าง และเบบี้แครอตช่วยเบรกความร้อนแรง อย่าลืมสั่งของหวานเพื่อทำให้มื้อนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นด้วยเมนู Open-Faced Caramalised Banana Nutella Pie แป้งพายกรอบเสิร์ฟแบบพิซซา เป็นหน้ากล้วยหอมซอสนูเทลลา กินกับไอศกรีมวานิลลารสหวานละมุน ลองสั่ง Homemade Thai Milk Tea ชาไทยสุดเข้มข้นรสหวานกำลังดีมากินไปพร้อมกันบอกเลยว่าฟิน หากมีโอกาสจะแวะไปฝากท้องอีกครั้ง

Cafe Vondervic ไลฟ์สไตล์คาเฟ่เปิดใหม่ไม่ไกลจาก BTS อารีย์ของ คุณจิน ธรรมโชติ เจ้าของร้านสูท Jin Vondervic ที่อยู่ข้างๆ กัน ตัวคาเฟ่รีโนเวตจากบ้านเก่า 4 ชั้น ออกแบบให้ทุกพื้นที่ได้เล่นกับแสงแดดธรรมชาติที่จะค่อยๆ เปลี่ยนตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงเย็น “พอเราเปิดคาเฟ่ก็อยากลดทอนความจริงจังลง แล้วเพิ่มความสว่าง ความเบาเข้ามาด้วยครับ” คุณจินเล่า เพราะร้านสูทที่ทำอยู่มีคาแรกเตอร์ของร้านแบบยุโรป คาเฟ่จึงเชื่อมโยงกันด้วย แต่ผสมกลิ่นอายของความเป็นสแกนดิเนเวียนผ่านการออกแบบ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นคุณจินเป็นคนเลือกเองทั้งหมด เราจึงได้เห็นทั้งเครื่องหนัง โลหะ ไม้ และหากสังเกตให้ดีในคาเฟ่จะไม่มีสีเขียวของต้นไม้ แต่จะใช้สีน้ำตาลของกิ่งก้านมาทดแทน กาแฟของที่ร้านเป็นเมนูแบบ Back to basic ไม่หวือหวาอู้ฟู่จนเข้าไม่ถึง อาทิ แฟลตไวท์ คาปูชิโน ลองแบล็ค ลาเต้ แต่ก็มีเมนูอย่าง Vanilla Latte หรือ Caramel Latte เป็นสีสัน ส่วนเบเกอรี่มีมากถึง 15-20 เมนูต่อวัน วางเรียงโชว์โฉมในตู้กระจกบนชั้น 2 ซึ่งคุณจินได้แรงบันดาลใจจากคาเฟ่ของเกาหลีที่ให้เลือกคีบเมนูที่อยากกินด้วยตัวเอง เป็นอีกหนึ่งความสนุกในการมาที่นี่ ขนมที่เป็นภาพจำคือ Cruffin ด้วยรูปทรงแนวตั้ง ผิวกรอบตามแบบฉบับของแป้งครัวซองต์ เลือกได้ทั้ง Cruffin Pastry Cream และ Cruffin Chocolate Hazelnut กินคู่กับกาแฟได้ทั้งร้อนและเย็น Chocolate Muffin ไส้แน่นนุ่ม รสเข้มข้น และมีความหนึบเล็กๆ และที่อยากให้ลองคือ Matcha Canale ชิ้นเล็กซุกซ่อนกลิ่นรสของมัทฉะเอาไว้ แถมยังหวานน้อย กินเพลิน นอกจากนี้ยังมี Danish ที่เลือกได้ทั้งบลูเบอร์รี่และสตรอว์เบอร์รี่ Red Velvet White Choc Cookie และเมนูอื่นๆ ที่รอให้ชาวคาเฟ่ฮอปเปอร์ได้มาเลือกด้วยตัวเอง ใครแวะมาช่วงเย็นๆ อย่าลืมขึ้นไปนั่งเล่นรับลมบนดาดฟ้า

ชวนทุกคนขับรถไปหัวหิน สัมผัสประสบการณ์การกินขนมหวานให้เพลินหัวใจกว่าที่เคย BAKEitsmore Huahin ร้านขนมของคุณปุ้ย-ณวรัตน์ แนวบรรทัด เบกเกอร์คนเก่งที่หลงรักการทำขนมอยู่แล้วเป็นทุนเดิมจนตัดสินใจลงเรียนหลักสูตร Diplôme de Pâtisserie ที่ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ก่อนกลับมาเปิดร้านขนมหวานในรีสอร์ตเล็กๆ ของที่บ้านตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก ขนมของ BAKEitsmore Huahin มาในรูปแบบของ Dessert Experience จับขนมสไตล์ฝรั่งเศสที่โดดเด่นเรื่องรสสัมผัสมาคู่กับชาจีนกลิ่นหอมจรุงใจ ทั้งชาสกัดเย็นและชาร้อน เสิร์ฟทั้งหมด 4 คอร์สด้วยกัน ให้อารมณ์คล้ายเชฟส์เทเบิลในราคาเริ่มต้น 450 บาทต่อคน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับเรื่องรสชาติมากเป็นพิเศษ ขนมทุกชิ้นของเธอจึงผ่านกระบวนการคิดมาแล้วอย่างดี และคำนึงถึงเรื่อง Zero Waste ในการเลือกใช้วัตถุดิบ เริ่มด้วย Starter เป็นมาการองไส้แยมผลไม้ทำเอง 2 รสชาติที่บีบไส้สดตอนเสิร์ฟ ตามด้วยขนมชิ้นเล็กๆ หรือ Mignardise ที่จะเปลี่ยนทุก 3 เดือน ก่อนหน้านี้คุณปุ้ยทำชูซ์ราสป์เบอร์รีชิ้นพอดีคำให้กินพร้อมเมอแรงก์สด ตามด้วย Main Dessert ขนมหวานจานหลักที่ให้เลือก 1 เมนูจากเมนูทั้งหมด ซึ่งจะได้เลือกก่อนล่วงหน้า อาทิ Matcha Choux Forest ชูซ์รูปน้องเห็ด เนื้อในเป็นเพสตรีครีมมัตฉะและกานาชมัตฉะสุดเข้มข้น หลังจากนั้นเป็น Confectionery เมนูสดชื่นล้างปากเป็นผลไม้กวนที่ทำจากผลไม้สด แล้วจบด้วย Finishing เมนูทั้งหมด เจลลีน้ำชาในถ้วยชาแสนน่ารัก แถมระหว่างคอร์สคุณปุ้ยก็จะคอยอธิบายขนมแต่ละชิ้นให้ฟังกันเพลินๆ ใครอยากชิมขนมฝีมือคุณปุ้ย อย่าลืมจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันผ่าน Facebook : BAKEitsmore at Huahin (ไม่รับวอล์กอิน)   สาวเก่งคนนี้จะได้มีเวลาเตรียมขนมอร่อยๆ ไว้ต้อนรับทุกคน

ร้านครัวซองต์โลโก้หมาป่าสุดเท่ของ คุณมายด์-กีรติ อัศวเวชมงคล เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 ที่ลิโด้ สยาม ก่อนที่เทรนด์ครัวซองต์จะฮอตฮิตในบ้านเรา ต่อมาจึงขยับขยายมาเปิดสาขา 2 ที่ตลาดบองมาร์เช่พร้อมที่นั่งสบายๆ และล่าสุดกับสาขา 3 ซอยนาคนิวาส 37 พร้อมเมนูบรันช์ คุณมายด์เป็นศิษย์เก่า เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ทั้งหลักสูตร The Professional Thai Cuisine และหลักสูตร The Art of Bakery ก่อนจะทำงานเป็นล่ามอยู่ที่ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต นานร่วม 10 ปี ความรู้เรื่องอาหารและขนมของเธอจึงอัดแน่นเต็มกระเป๋า เห็นได้จากการครีเอตครัวซองต์ทั้งไส้คาวและไส้หวานกว่า 30 รสชาติ ความโดดเด่นของครัวซองต์ร้านนี้คือใช้เนยแท้นำเข้าจากฝรั่งเศสทั้งหมด ไม่ใช้มาร์การีน ไม่มีสารเสริม  และใช้เวลาในการขึ้นโดนานประมาณ 3 วัน ผิวนอกกรอบเนื้อในนุ่มอร่อย อย่าพลาด Tiger Prawn ใช้กุ้งลายเสือของไทยเนื้อสดหวาน ผัดกับมันกุ้งหอมนวลท็อปด้วยชีสและไข่กุ้ง อุ่นร้อนๆ ก่อนกินไส้ด้านในจะเยิ้มและหอมมาก Truffle Double Cheese ครัวซองต์ไส้ทรัฟเฟิลเพสต์หอมฟุ้ง เพิ่มความฟินด้วยชีส 2 ชนิด Smoked Salmon Croissant ไส้ครีมชีสที่ปรุงรสด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศ บนหน้าเป็นสโมกแซลมอนรสเค็มอ่อนๆ และผักชีลาวเพิ่มกลิ่นหอมสดชื่น และไส้หวานอย่าง Coffee Caramel Macadamia​ ​ เนื้อในซ่อนไส้กาแฟเอาไว้ ส่วนบนหน้าเป็นคาราเมลน้ำผึ้งหอมหวาน แล้วท็อปด้วยแมกคาเดเมีย กินด้วยกันแล้วจะได้รสขมเล็กๆ และกลิ่นหอมของกาแฟที่ทำให้ครัวซองต์ชิ้นนี้ไม่หวานจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีโทสต์จากโชกุปังเหนียวนุ่ม เลือกจับคู่กับไอศกรีมหรือแยมโฮมเมดก็ดีไม่แพ้กัน คนรักเบเกอรี่พลาดไม่ได้แล้ว

นั่งอยู่ในดวงใจของสวีตเลิฟเวอร์มาหลายปี ก็ได้เวลาแล้วที่ Anri Bakery ร้านเบเกอรี่ชื่อดังจากเมืองโอซาก้าจะมี Flagship คาเฟ่กับเขาสักที งานนี้ทางร้านเลือกมาปักหมุดเซ็นทรัลเวิลด์ (ชั้น 3) เป็นที่แรกของทวีปเอเชียเลยนะ ดื่มด่ำบรรยากาศอบอุ่นสไตล์ญี่ปุ่นที่ได้จากเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลนวล สลับกับสีแดงสดของแอปเปิ้ล สีประจำแบรนด์ที่สายหวานต่างก็จำได้ ไปด้วยกันได้ดีกับผนังสีขาวแดงที่แกะสลักเป็นรูปภูเขา แถมยังมีต้นแอปเปิ้ลแซมเข้ามาเพื่อสื่อถึงสวนแอปเปิ้ลแห่งเมืองอาโอโมริ แหล่งวัตถุดิบที่สำคัญของร้าน ฟินกับ The Best Apple Pie From Japan ตามคอนเซ็ปต์ของ Anri Bakery เช่นเคย พายแอปเปิ้ลอาโอโมริทำสดใหม่ฝีมือเชฟญี่ปุ่น ตัวแป้งส่งตรงมาจากเมืองโอซาก้า รีดทับซ้อนกันถึง 48 ชั้น กัดส่วนไหนก็เจอแอปเปิ้ล 2 สายพันธุ์จากเมืองอาโอโมริอย่าง ฟูจิ (Fuji) รสเปรี้ยวนิดๆ สดกรอบ และ ซันทสึการุ (Sun Tsugaru) รสหวานฉ่ำ แป้งส่วนตรงกลางจะทาด้วยครีมคัสตาร์ดรสหวานหอม ก่อนทาด้วยแอปริคอตเกลซ รสหวานหอมอีกที ต้อนรับด้วยเมนูฤดูกาล Fresh Strawberry Pie แป้งพายสไตล์ญี่ปุ่นกรอบนอกนุ่มใน สอดไส้คัสตาร์ดรสหวานหอม ตัดด้วยรสเปรี้ยวอมหวานของสตรอว์เบอร์รีสดสัญชาติญี่ปุ่น ต่อด้วย Aomori Apple Pie เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน พายสูตรพิเศษ 48 ชั้น ให้สัมผัสนุ่มและกรอบ เข้ากันได้ดีกับแอปเปิ้ลสายพันธุ์จากเมืองอาโอโมริ เพิ่มความฟินอีกขั้นด้วยครีมคัสตาร์ด ก่อนทาด้วยแอปริคอตเกลซ เอาใจคนเลิฟช็อกโกแลตด้วย Chocolate Aomori Apple Pie เปลี่ยนแป้งพายหอมกลิ่นเนยมาเป็นรสช็อกโกแลตก็เข้าที ภายในยังมีไส้แอปเปิ้ลชิ้นเต็มคำอยู่เช่นเคย Sweet Potato Pie โดดเด่นด้วยรสหวานธรรมชาติ ปราศจากน้ำตาลจากมันหวานแห่งเกาะชิโกะกุ เคล้าแป้งพายสูตรพิเศษที่หลายคนติดใจ สาวกมันม่วงต้องนี่ Purple Potato Pie พายสไตล์ญี่ปุ่น แป้งฉ่ำในแต่ภายนอกผิวกรอบเล็กๆ ภายในสอดไส้มันม่วงรสหวาน เนื้อแน่นที่นำเข้าจากเกาะคิวชู เด็กอ้วนถูกใจ Cornet Cream เมนูในตำนานที่ทางร้านนำกลับมาขายอีกครั้ง พายกรอบรูปกรวยโฮมเมด มิ๊กซ์กับครีมเนื้อเนียน รสหวานหอมลงตัวที่สุด ต่อด้วย Original Kouign ควินอามานสไตล์ญี่ปุ่น แป้งนุ่มฟู ได้รสหวานฉ่ำจากคาราเมลทำเอง Choco Banana Kouign ควินอามานเนื้อนิ่มได้รสเข้มของช็อกโกแลตชั้นดี เข้ากับกับกล้วยสดและซอสคาราเมลอย่างยิ่ง แฟนคลับครัวซองต์อย่าลืมสั่ง Mini Croissants มินิครัวซองต์แสนอร่อย ที่ทางร้านใช้แป้งพายซิกเนเจอร์มาครีเอท มีหลากหลายรสชาติให้ชวนชิม ทั้งรสดั้งเดิม ช็อกโกแลต แยมแอปปริคอต Almond Pie แป้งพายสูตรเด็ดกรอบๆ ได้รสหวานฉ่ำจากน้ำผึ้งแท้ ก่อนท็อปด้วยอัลมอนด์จุใจ Yuzu Pie รสหวานอมเปรี้ยวของแยมส้มยุสุแห่งเกาะชิโกะกุ สลับชั้นกับแป้งพายกรอบหอมกลิ่นเนย จิบคู่กับดริ้งก์ชื่นใจอย่าง Aomori Apple Juice น้ำแอปเปิ้ลอาโอโมริรสเปรี้ยวอมหวาน Aomori Apple Soda เติมความซาบซ่ากันอีกนิด จะเป็นมัตฉะหรือกาแฟที่นี่ก็มีนะ

ยินดีต้อนรับสู่ Filsandfille (ฟีส แอนด์ ฟี) คาเฟ่ประตูสีแดงในซอยประดิษฐ์มนูธรรมที่แวะมากี่ครั้งก็ประทับใจ ที่นี่เป็นห้องครัวเบเกอรี่แสนสนุกของคุณนิ่ม-จิรนันท์ เอียดแก้ว ศิษย์เก่า เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต หลักสูตร Diplôme de Pâtisserie ที่เปิดคาเฟ่ตามความฝันของตัวเอง   คุณนิ่มเล่าย้อนไปอย่างอารมณ์ดีว่าสมัครเรียนแบบไม่มีพื้นฐานการทำขนมอบเลย แต่ด้วยความชอบและความท้าทายที่ต้องเจอในแต่ละวันทำให้เธอสนุกกับการเรียนมากเป็นพิเศษ ชื่อร้านเป็นภาษาฝรั่งเศสหมายถึงลูกชายและลูกสาว เพราะเริ่มต้นจากการรวมตัวของ 4 พี่น้องที่มีความถนัดแตกต่างกันทั้งขนม กาแฟ และคราฟต์เบียร์ ขนมของคุณนิ่มเป็นสไตล์ฝรั่งเศสที่มีเนื้อสัมผัสหลากหลายในหนึ่งชิ้น เต็มไปด้วยสีสันจากผลไม้ประจำฤดูกาลและดอกไม้กินได้ จัดเสิร์ฟในจานวินเทจที่ทำให้ดูน่ากินขึ้นมาก Vanilla Crème Brûlée แครมบรูเลตกแต่งด้วยเบอร์รีหลากชนิดและดอกไม้ ความสนุกอยู่ที่การใช้ช้อนกะเทาะคาราเมลกรอบๆ บนหน้าให้แตกแล้วตักกินพร้อมแครมบรูเลวานิลลา Opera Cake เค้กโอเปราที่ตั้งใจทำให้หน้าตาออกมาคลาสสิกที่สุด ชั้นล่างสุดเป็นอัลมอนด์สปันจ์เค้ก สลับชั้นด้วยคอฟฟี่บัตเตอร์ครีม ช็อกโกแลตกานาช เกลซช็อกโกแลต แล้วตกแต่งด้วยดาร์กช็อกโกแลต ต่อด้วย Classics Mille-Feuille เมนูที่ใช้เวลาเตรียม 3 วัน แป้งพัฟรีดด้วยมืออบกรอบสลับชั้นกับครีมรสละมุน และจะประกอบเป็นชิ้นเมื่อสั่งเท่านั้น ยังมีเมนูประจำฤดูกาล Marian Plum Sticky Rice ชั้นล่างเป็นทาร์ตผสมผิวเลมอน ข้าวเหนียวมูน ครีมมะยงชิด ท็อปด้วยเนื้อมะยงชิดสดรสหวานอมเปรี้ยวตามธรรมชาติ จบมื้อนี้ด้วย Cold Brew Yuzu กาแฟโคลด์บริวที่ใช้ไซรัปยูซุทำเองผสมผสานกับยูซุพูเร่ของเกาหลี แก้วนี้สดชื่นดีเชียวล่ะ

หากใครเป็นคอมัตฉะ ต้องเคยได้ยินชื่อของ Grow tea.studio สโลว์บาร์ชาสุดฮอตที่ซ่อนตัวอยู่ซอยสุทธิสารมาบ้างอย่างแน่นอน ล่าสุดกับการเปิดบ้านหลังใหม่ย่านพร้อมพงษ์ก็ทำให้ประทับใจได้อีกเช่นเคย ทั้งพื้นที่ร้านที่กว้างขวางกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วยหลากหลายเมนูใหม่น่าลิ้มลอง จุดเด่นของสาขานี้ยกให้การเลือกใช้โทนสีครีมและน้ำตาลอ่อนที่มาช่วยเสริมความอบอุ่นและความสงบได้มากกว่าสาขาแรก รวมถึงตัวเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่กลางร้านที่นอกจากจะใช้ครีเอตเครื่องดื่มสุดพิเศษให้ทุกคนได้ชมลวดลายการชงชาแบบแก้วต่อแก้ว ยังสามารถนั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องชากับเจ้าของร้านได้อย่างเป็นกันเอง เริ่มด้วยเมนูใหม่อย่าง Collage Milk Matcha (185.-) แก้วที่รวมจุดเด่นของอูจิมัตฉะมา Collage ไว้ด้วยกัน หลากหลายเทสโน้ตในหนึ่งคำอูมามิกลมกล่อมลงตัว ต่อด้วย Frosty Oonlong (165.-) ชาอู่หลงสดจากไร่ภาคเหนือของไทย ที่ให้กลิ่นหอมของดอกไม้หลากชนิดรสเข้มแต่ไม่ขมเบาสบายดื่มง่าย แนะนำจับคู่กับ Dorayaki (85.-) โดรายากิซิกเนเจอร์ แป้งหนึบนอกนุ่มในสอดไส้ถั่วแดงกวนหวานพอเหมาะ หรือจะเลือกเป็นของหวานสุดพิเศษเฉพาะสาขาใหม่ Fruits Full Parfait (285.-) พาร์เฟ่ต์ที่เสิร์ฟคัสตาร์ดพุดดิ้งมากับผลไม้ตามฤดูกาล ไอศกรีมวานิลลา และมินิโดรายากิ หอมหวานฉ่ำกินแล้วสดชื่น