คาเฟ่ไซส์มินิสไตล์เกาหลี ย่านลาดกระบัง ของคุณเกต สลิตทิพย์ ทัศนจริยา และ คุณฝัน  ธัช ยิ่งสุข ที่มีความชื่นชอบในการฟังเพลงจาก Playlist เดียวกัน จนเกิดขึ้นมาเป็นร้าน  Playlistcafe ในบรรยากาศเรียบง่าย โทนสีขาวสอาดตา ด้านนอกมีโซนให้นั่งจิบกาแฟ และสนามหญ้าขนาดย่อมให้นั่งปิกนิก ด้านในร้านตกแต่งด้วยเครื่องเล่นแผ่นเสียงและแผ่นเสียงตามมุมต่างๆ พร้อมหน้าต่างบานกระจกใสเปิดรับลมพร้อมจะฮีลคุณด้วยเครื่องดื่มให้ผ่อนคลายไปพร้อมกับเสียงเพลง แถมเมนูของร้าน ยังมีชื่อไปตามแนวเพลง         เริ่มที่  Einpanner อเมริกาโน่เข้มข้น คั่วกลาง จากเมล็ดกาแฟเบลนด์ของ เลย ผาตั้ง และปางขอน ท็อปด้วยครีมนมนุ่มๆ โรยด้วยเกร็ดช็อคโกแลต ดื่มแล้วได้รสกลมกล่อมหอมมันกำลังดี  ตามด้วยเมนูยอดฮิต Dalgona ลาเต้เย็นไม่หวาน  มาพร้อมกับคาราเมลกรุบกรอบ รสละมุน ดื่มง่าย ไม่ใช่คอกาแฟก็สามารถดื่มได้       ถ้าอยากจะเปลี่ยนรสชาติต้องลอง OST หรือ Original Soundtrack เมนูของคนชื่นชอบการดูหนังสุดคลาสสิคที่นำโคล่ารสซ่าสดชื่นผสานด้วยฟองนมและป๊อปคอร์นคาราเมล สร้างแปลกใหม่แต่เข้ากันอย่างลงตัว     หรือจะลอง Trio ที่นำสามอัลบั้มเข้าไว้ด้วยกัน น้ำเก๊กฮวยหอมชื่นใจตกแต่งด้วยมะตูมแห้ง เพิ่มท็อปปิ้งด้วยเฉาก๊วยให้เคี้ยวเพลินๆ ดื่มแล้วให้ความสดชื่นได้เป็นอย่างดี กินคู่กับ Coconut cake เค้กมะพร้าวเนื้อนุ่มรสละมุน หอมหวานกำลังดี  หรือ Croffle สไตล์เกาหลี ที่ผสมผสานระหว่างแป้งครัวซองต์กับ Waffle กรอบนอกนุ่มใน ราดด้วยเมเปิ้ลไซรัป สุดฟิน     สำหรับคอกาแฟ ทางร้านมีกาแฟให้เราได้เลือกหลากหลาย ทั้งคั่วเข้ม คั่วกลาง คั่วอ่อน อยากได้แบบเข้ม ๆ ออกเปรี้ยว หรือดื่มง่าย ก็สามารถแจ้งทางร้านได้ และในอนาคต ด้านนอกจะมีโซนดริปกาแฟ และขายต้นไม้อีกด้วย  

ใครเห็นเป็นต้องสะดุดตากับคาเฟ่มินิมอลน้องใหม่ล่าสุด บนถนนรามอินทรา ที่มีดีไซน์เรียบง่ายสไตล์เกาหลีแต่ดูโก้ไม่เบา ยิ่งบวกกับโครงสร้างตึกสุดเก๋และความดิบของปูนเปลือยยิ่งสะท้อนความเท่ออกมา จนอดใจไม่ไหวที่จะแชะภาพสวยๆกลับไปสักรูป       ตัวร้านเน้นใช้โทนสีดำและสีขาวแสนคลาสสิก สอดรับกับแบรนด์เสื้อผ้า Blacksugar ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการดัดแปลงออฟฟิศเสื้อผ้าแฟชั่นให้กลายเป็นคาเฟ่สุดมินิมอล โดยยังคงโครงสร้างตัวตึกเดิมที่มีลักษณะเป็นปูนเปลือยเอาไว้ ภายในร้านตกแต่งด้วยงานศิลปะและภาพถ่ายจากฝีมือเจ้าของร้าน ให้เราได้เสพงานศิลป์ไปพร้อมกับการจิบกาแฟดีๆ สักแก้ว           นอกจากโซนคาเฟ่ที่แสนกว้างขวางแล้ว ยังมีโซนเสื้อผ้าและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ Blacksugar ให้นักช้อปทั้งหลายได้เลือกซื้อกันเพลินๆ อีกด้วย           เริ่มกันด้วยเมนู Love Me Black เครื่องดื่ม Signature ที่นำเอาแบล็คคอฟฟี่มาผสมกับอัญชันมะนาวและเพิ่มความสดชื่นด้วยโซดา เสิร์ฟมาพร้อมกิมมิคเล็กๆของเมนู คิวอาร์โค้ด “Fortune Coffee” ที่ซ่อนข้อความแสนน่ารักชวนยิ้มไว้อีกด้วย       Love You More Than Coffee เมนูที่มาตอบโจทย์คนไม่ดื่มกาแฟ ความหวานหอมจากชาไวด์เบอรีผสมผสานความเปรี้ยวซ่าจากเลมอนโซดา เพิ่มสีสันภายในแก้วด้วยสตรอว์เบอร์รีหั่นชิ้นเล็ก ดื่มง่ายได้ความสดชื่น       ต่อด้วยกาแฟนมอย่าง Dirty ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟจากภาคเหนือ มาผสมกับนมสดเย็น หอมมันกลมกล่อม จับคู่กับ Plain Croissant ครัวซองต์โฮมเมดแป้งบางกรอบ หอมเนย รับรองว่าเข้ากันได้ดีเลยล่ะ  

นับเป็นข่าวดีของแฟนๆ ร้าน ‘ปา เฮ่า เถียน มี่’ (Ba Hao Tian Mi) ร้านพุดดิ้งอันโด่งดังแห่งเยาวราช เพราะตอนนี้พร้อมแล้วกับสาขาใหม่ล่าสุดในซอยทองหล่อที่พิเศษกว่าที่เคย เพราะนอกจากจะกว้างขวางนั่งสบายมากขึ้นแล้ว สาขานี้ยังเพิ่มเมนู ‘ไชนีสบรันช์’ มื้อสายสไตล์จีนที่เก๋ไก๋ รวมถึงเมนูที่เสิร์ฟเฉพาะที่นี่เท่านั้น         เริ่มด้วยเครื่องดื่มอย่างโคล่าขิงเลม่อน สั่งได้ทั้งแบบร้อนและเย็นมาเติมพลัง จิบแล้วได้รสเผ็ดอ่อนๆ จากขิงและรสหวานซ่าจากโคล่า แล้วตามด้วยขนมปังกระเทียมกานาฉ่าย เมนูสุดสนุก เพิ่มรสชาติให้กับขนมปังกระเทียมแบบฝรั่งด้วยกานาฉ่าย เมื่อกินด้วยกันแล้วได้ทั้งความกรอบจากขนมปัง กลิ่นหอมของเนยและกระเทียมแล้วตบท้ายด้วยรสเค็มอ่อนๆ ของกานาฉ่าย กระตุ้นความอยากอาหารได้ดี         ถัดมาเป็น Ba Hao Tian Mi Brunch Set เซ็ตบรันช์สไตล์จีนที่เสิร์ฟทั้งไข่ขยี้ หมูก้อนทอด ขนมปัง กุนเชียง และสลัดผัก จะหยิบขนมปังมาจุ่มไข่แล้วส่งต่อเข้าปาก หรืออยากทาด้วยเนยกานาฉ่ายก็ดี ตามด้วยหมูก้อน รสเค็มนิดๆ และกุนเชียงอย่างดี ตัดเลี่ยนด้วยผักสลัด     ตามด้วย มักกะโรนีผัดซอสมะเขือเทศเป็ดรมควัน เมนูฟิวชั่นที่ส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกล ผัดมักกะโรนีที่ใส่เป็ดรมควันเพิ่มกลิ่นอายความเป็นจีนลงไป โปะด้านบนด้วยไข่ดาว หรือจะลอง Coffin Bread ขนมปังทอดที่แปลงกายเป็นราดหน้า เปลี่ยนจากเส้นใหญ่ธรรมดาเป็นขนมปังแล้วราดด้วยน้ำราดหน้าชุ่มๆ ใส่หมูชิ้นและคะน้าฮ่องกง       ส่วนของหวานที่มีเฉพาะสาขานี้คือพุดดิ้งโกปี๊ชำ พุดดิ้งชาของเถียนมี่ราดด้วยซอสกาแฟ ด้านบนเป็นวิปปิงครีมนุ่มนวลและแผ่นคาราเมลกรอบๆ ให้กระเทาะก่อนกิน ละมุนลิ้นจนไม่อยากให้หมดถ้วย     อีกหนึ่งเมนูคือพุดดิ้งฟรุตสลัด พุดดิ้งนมถั่วเหลืองท้อปด้วยผลไม้สีสวยตามฤดูกาลอย่างแก้วมังกร องุ่น มะละกอ ราดซอสเสาวรส-มะม่วงรสเปรี้ยวอมหวาน กินแล้วสดชื่นมาก ปิดท้ายด้วยชาลิ้นจี่ น้ำชาผสมน้ำลิ้นจี่ ฟองนุ่มๆ ด้านบนได้มาจากการเชคแก้วชา ส่วนด้านล่างมีเนื้อลิ้นจี่ให้เคี้ยวอีกด้วย       เรียกว่ามาที่เดียวอิ่มครบทั้งคาวหวาน

ไม่ว่าใครก็ต้องติดใจในความน่ารักของ KUSKUS Zakka&Cafe คาเฟ่ย่านลาดพร้าวที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น และบรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน พร้อมต้อนรับเหล่าคาเฟ่เลิฟเวอร์ ด้วยอาหารและขนมหวานเบเกอรีสูตรโฮมเมดให้ได้มาลิ้มลองความอร่อยตลอดทั้งวัน       ภายในเน้นใช้โทนสีขาวสบายตา ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนและโทนไฟสีส้มชวนอบอุ่น ทั้งโต๊ะและเก้าอี้จัดไว้อย่างเป็นสัดส่วนได้ความเป็นส่วนตัว แบ่งออกเป็นโซนคาเฟ่และโซนขายสินค้าน่ารักๆ มีทั้งของใช้ส่วนตัว ของใช้ในครัว รวมถึงของใช้ในบ้านภายใต้แบรนด์ Chabatree ให้เลือกช้อปได้เพลินๆ     เริ่มด้วยเมนูเครื่องดื่ม Singnature ของร้าน KusKus Cold Brew Coffee กาแฟเอสเปรสโซที่เลือกใช้เมล็ดกาแฟออร์แกนิกจากเชียงราย สามารถเลือกความเข้มได้สองระดับ คือ Light และ Medium ดื่มแล้วได้ความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าไปทั้งวัน     ต่อด้วย Goulash ซุปเนื้อวัวสไตล์ฮังการี ที่เคี่ยวเนื้อวัวกับน้ำซุปมะเขือเทศจนเปื่อย รสชาติเข้มข้นหอมมันกลมกล่อม กินคู่กับข้าวสวยเข้ากันได้ดี     Spaghetti Ebiko Carbonara เส้นสปาเก็ตตีเหนียวนุ่มคลุกเคล้าซอสคาโบนาราหอมมันชุ่มฉ่ำ โรยไข่กุ้งมาให้เคี้ยวเพลิน หรือจะเลือกอิ่มท้องด้วย ข้าวน้ำพริกแซลมอน ไข่โพชเอ้ก ข้าวคลุกน้ำพริกเสิร์ฟมาพร้อมปลาแซลมอนชิ้นโตและผักสด ท็อปด้วยโพชเอ้กเยิ้มๆ รสชาติจัดจ้านไม่เบา       ตบท้ายด้วยของหวานอย่าง Cheesecake สไตล์ญี่ปุ่นแท้ เนื้อนุ่มฟู รสหวานละมุนกำลังดี หอมกลิ่นชีสเป็นที่สุด  

ใครผ่านไปมาในซอยรามอินทรา 93 จะต้องสะดุดตากับคาเฟ่สีขาว คลีน ๆ สไตล์มินิมอล ในเครือของ The Coach Gym อย่างแน่นอนด้วยดีไซน์โด่ดเด่นแปลกตาในรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ด้านหน้าร้านล้อมรอบไปด้วยกระจกใส ภายในร้านเน้นตกแต่งด้วยสีขาวกับสีเบจสบายตา เหมาะอย่างยิ่งแก่การเป็นจุดนัดพบทางเลือกใหม่ หรือจะมานั่งละเลียดกาแฟก็ดีไม่น้อย แถมด้านนอกยังมีโซน Outdoor และมุมถ่ายสุดเก๋ให้เราได้เลือกถ่ายไม่มีเบื่อ จะสายคาเฟ่ฮอปปิ้งหรือจะคอกาแฟ ก็ตอบโจทย์ทั้งหมด         เมนูของทางร้าน Coach House Cafe เน้นกินง่าย ให้ความสดชื่น และยังไม่หวานมากอีกด้วย สายคลีนก็กินได้ เริ่มกันที่ Cold Brew Original กาแฟสดจากเมล็ดกาแฟเบลนด์หลากหลายสายพันธุ์ทั้งในและต่างประเทศ นำมาสกัดเย็น คั่วระดับกลาง ดื่มแล้วได้รสอมเปรี้ยวอมหวานนิด ๆ หอมกลิ่นฟรุตตี้หน่อย ๆ ให้ความสดชื่นได้เป็นอย่างดี ตามด้วยเมนู Special ที่คอกาแฟต้องรู้จัก Affogato ไอศกรีมวนิลาราดด้วยเอสเปรสโซช๊อตเข้มข้นตัดกับความหวาน หอมละมุมด้วยกลิ่นกาแฟ       หรือจะลองเมนูสูตรพิเศษของร้าน Signature Americano Peach Soda ความขมของอเมริกาโน ผสานกับกลิ่นหอมไซรัปพีชรสเปรี้ยวและเติมความสดชื่นด้วยโซดา ออกมาเป็นรสชาติเข้ากันอย่างลงตัว     ต่อด้วยเมนูยอดฮิต Green Tea ชาเขียวเย็น สกัดจากใบชาเกรดพรีเมียม กลิ่นหอม ไม่หวานกำลังดี แต่ถ้าอยากได้ความสดชื่นต้อง Lemon Butterfly น้ำผึ่งมะนาวรสเปรี้ยวหวาน เพิ่มกิมมิกด้วยสีม่วงจากดอกอัญชัน ดื่มแล้วกระปรี้กระเปร่า       นอกจากเครื่องดื่มแล้วยังมีเค้กที่การันตีว่าไม่หวานกำลังดี พร้อมสลับเปลี่ยนหมุนเวียนไปทุกวัน ไม่มีเบื่อ อาทิ Mango Sticky Rice Cheese Cake ชีสเค้กเนื้อแน่นสอดแทรกด้วยเนื้อมะม่วงน้ำดอกไม้และข้าวเหนียวมูลพร้อมฐานครัมเบิ้ลกรุบกรอบ รสเปรี้ยวอมหวานที่อร่อยจนแทบไม่อยากวางช้อน ตามด้วย Rainbow Rare Cheese Cake เรนโบว์ชีสเค้ก เนื้อเนียนรสละมุน สีสันสดใสถูกใจหลาย ๆ คน ถ้ายังไม่จุใจจะสั่ง เครปเค้กโอวัลติน เนื้อนุ่มชุ่มครีม ติดไม้ติดมือไว้กลับไปกินเล่นที่บ้าน ก็ดีต่อใจเหมือนกัน    

โดนใจสายมินิมอลแน่นอนสำหรับ Brewery Brasserie คาเฟ่น้องใหม่ล่าสุดย่านจตุจักร โดดเด่นด้วยมู้ดแอนด์โทนสุดคูลที่ใครเห็นเป็นต้องสะดุดตา และรสชาติกาแฟอันแปลกใหม่ ที่เหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์ต้องแวะเวียนมาลิ้มลองดูสักครั้ง       ภายนอกเลือกใช้โทนสีขาวล้วนดูโดดเด่นและชวนสะดุดตา เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะพบกับเคาน์เตอร์เครื่องดื่มปูนเปลือยสุดเท่ และเฟอร์นิเจอร์โทนสีดำที่จัดไว้อย่างเป็นสัดส่วนเข้ามุมได้ความเป็นส่วนตัว เหมาะแก่การมานั่งทำงาน จิบกาแฟเพลินๆ ตลอดทั้งวัน           เนื่องจากเป็นร้านน้องใหม่แกะกล่อง ตอนนี้จึงมีเมล็ดกาแฟให้เลือกเพียง 2 แบบ คือ เมล็ดบราซิลเบลนด์กัวเตมาลาและ เมล็ดอินโดนีเซียที่นำมาใช้กับเครื่องดื่มสุดละมุนอย่าง Latte ความหอมมันของนมผสมผสานกับเอสเปรสโซช็อตเข้มข้น ออกมาเป็นกาแฟรสนุ่มนวลชวนอร่อย       ต่อด้วย In the Dark ดาร์กช็อกโกแลตเข้มข้นผสมผสานมากับซอสดาร์กช็อกโกแลตและนมสดรสละมุน ท็อปด้วยครีมนม ดื่มไปพร้อมกันแล้วอร่อยหอมมันกลมกล่อม       อีกหนึ่งเมนูขายดี So Matcha ชาเขียวมัทฉะเบลนด์คุณภาพดีจากโตเกียว ผสมกับนมจนได้รสชาติสุดละมุน ชาวมัทฉะเลิฟเวอร์ไม่ควรพลาด     มาถึงเมนูของคาว ข้าวไข่ข้นแฮมเบคอน ไข่ข้นหอมกรุ่นละมุนลิ้น ท็อปมาด้วยแฮมและเบคอน อร่อยอิ่มสบายท้อง หรือจะเลือกเป็น สปาเก็ตตีแฮมเบคอนพริกแห้ง เส้นสปาเก็ตตีเหนียวหนึบคลุกเคล้ามากับพริกแห้งและเครื่องเทศหอมกรุ่น รสชาติจัดจ้านลงตัว    

สูดออกซิเจนให้เต็มปอดกับคาเฟ่กลางเมืองกรุง Plant Me On The Moon โดดเด่นด้วยบรรยากาศสุดร่มรื่นจากเรือนต้นไม้หลังใหญ่ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้นั่งจิบกาแฟอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแสนสบายตา ถือเป็นอีกหนึ่งโอเอซิสในเมืองกรุงที่คนรักต้นไม้ไม่ควรพลาด     โซนคาเฟ่เป็นห้องกระจกใสเปิดรับแสงธรรมชาติ ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งสบายและไม่อึดอัด ทางร้านเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มตัดกับสีเขียวของต้นไม้นานาพันธุ์ที่นอกจากใช้ตกแต่งภายในร้าน ยังสามารถเลือกช็อปนำกลับบ้านได้อีกด้วย           อีกหนึ่งไฮไลท์ของร้านที่ใครเห็นเป็นต้องสะดุดตา เรือนต้นไม้หลังใหญ่โครงสร้างเก๋สุดร่มรื่น ที่ชวนให้ออกมาซึมซับบรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลายไปกับร่มไม้น้อยใหญ่ ได้รับออกซิเจนกันแบบเต็มๆ       เริ่มด้วยเครื่องดื่มเรียกความเฟรช Single Cherry Frizzy ความขมของเอสเปรสโซช็อตตัดกับรสหวานของเชอรี่ไซรัปและความซ่าจากโซดา ออกมาเป็นรสชาติกลมกล่อมและสดชื่น แถมสีสันยังสดใสชวนดื่มไม่เบา       คอกาแฟเราขอแนะนำ Hazelnut Coffee ลาเต้นุ่มละมุนที่เพิ่มความหอมมันด้วยไซรัปเฮเซลนัท ออกมาเป็นเครื่องดื่มรสชาติกลมกล่อม ดื่มง่ายถูกใจคอกาแฟนม       ต่อกันด้วยขนมหวานกินเพลินอย่าง Matoom Cake จุดเด่นอยู่ที่มะตูมเชื่อมชิ้นโตที่แทรกอยู่ในเนื้อเค้กแน่นหนึบหนับ อร่อยกินเพลิน หรือจะเลือกเป็น Carrot Cake เค้กแครอทเนื้อแน่นนุ่มฟูปาดมาด้วยครีมชีสรสเข้มข้น ท็อปด้วยถั่วพีแคนกรุบกรอบชิ้นโต ยิ่งอร่อยเป็นสองเท่าเลยทีเดียว    

เราเชื่อว่าทีเลิฟเวอร์ตัวจริงไม่มีใครไม่รู้จัก MTCH (เอ็ม-ที-ซี-เอช) บาร์มัทฉะสุดจริงจัง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจของ คุณจิว-สรวิศ พันธ์เกษม และ คุณจ๊ะเอ๋-เชฐธิดา เนตรมุกดา ซึ่งตอนนี้ร้านได้ย้ายโลเคชั่นใหม่ไปอยู่ พหลโยธิน 5 และแน่นอนว่าตัวร้านกว้างขวางขึ้น สามารถรองรับสาวกมัทฉะได้มากกว่าเดิม       โลเคชั่นใหม่นี้เป็นบ้านเก่าอายุ 40 ปี ที่ดัดแปลงให้เป็นแบบฉบับของ MTCH แท้ๆ สีขาวโพลนเป็นโทนหลักของร้าน ชั้นล่างเป็นบาร์ชาแบบเปิด ที่ให้คุณสามารถมองการชงมัทฉะอย่างจริงจัง สดใหม่แก้วต่อแก้วได้อย่างเพลิดเพลิน และยังมีม้านั่งไม้ไว้ให้ฟังเพลงชิลๆ สไตล์มินิมอล หรืออิเล็กทรอนิกส์ รอคิวสบายๆ สำหรับลูกค้า Take – Away       ก้าวย่างขึ้นไปชั้นบนคุณจะพบกับห้องสีขาวสะอาดอีกเช่นเคย โต๊ะพลาสติกใสๆ และเก้าอี้ไม้กิ๊บเก๋เข้าชุด เป็นเฟอร์นิเจอร์คูลๆ ที่คุณจิล เจ้าของร้านออกแบบด้วยตัวเอง ตกแต่งด้วยต้นไม้กระถางเขียวชอุ่ม สร้างบรรยากาศให้มีชีวิตชีวา รวมถึงการหากระจกเงาบานใหญ่มาวางเพื่อเพิ่มมิติให้แลดูกว้างไม่ทึบตันจนน่าอึดอัด นอกจากนั้นชั้นนี้ยังมีความพิเศษตรงที่ทั้ง 3 ห้องสามารถเดินทะลุหากันได้ราวกับคุณเดินชมภาพศิลปะในอาร์ตแกลลอรี ให้แฟนคลับมัทฉะที่แวะมาได้สนุกกับการดื่มชามากกว่าที่เคย       ต้อนรับด้วยเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Arashi  (180 บาท) อาราชิ ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “พายุ” ซึ่งสื่อความหมายถึงรสชาติเข้มข้นของมัทชะลาเต้แก้วนี้ได้เป็นอย่างดี เป็นการรวมกันระหว่างชาเขียว 2 สายพันธุ์ คือ Tsuyu Hikari และ Asahi จิบแล้วจะได้กลิ่นหอมๆ ของสโมกกี้ มีความนัทตี้ของถั่วอย่าง ฮาเซลนัท และทิ้งทวนด้วย After Taste ของขนมอบ เป็นการปิดท้าย       ต่อกันด้วย  Matcha Sparkling Strawberry & Honey Lemon (140 บาท) ที่สร้างความประทับใจให้เราได้ไม่น้อยเลยทีเดียว มัทฉะพันธุ์ซามิโดริ จากไร่ชาคุณภาพของเขตโกคะโช เมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต รสนุ่มนวล หอมกรุ่นกลิ่นผลไม้ (เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ชอบชาเขียวกลิ่นถั่ว) ชงกับน้ำร้อนและตีด้วยมืออย่างพิถีพิถัน ก่อนราดลงบนน้ำโซดา ซาบซ่า ผสานน้ำผึ้งป่าหมักสตรอว์เบอร์รีและเลมอน ที่ทางร้านหมักเอง รสเปรี้ยวอมหวาน จิบแล้วชื่นใจ       เอาใจคนรักขนมหวานกันด้วย Panna Cotta (135 บาท) พานนาคอตตามัทฉะโฮมเมด เนื้อเนียนนุ่มเด้ง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างชาเขียวสายพันธุ์โอคุมิโดริ รสอูมามิ หอมกลิ่นหญ้าอ่อนๆ และสายพันธุ์ยาบูกิตะ ที่ให้รสหวานจากธรรมชาติ กินคู่กับน้ำตาลคุโรมิสึ รสหวานละมุน ละเอียดกี่คำก็ฟินสุดใจ     ปิดท้ายด้วย Matcha Affogato (160 บาท) ไอศกรีมฮอกไกโดโฮมเมดสูตรลับฉบับของทางร้าน รสหวานหอม กินพร้อมกับซอสมัทฉะคุณภาพจากเมืองฟุกุโอกะ หอมกลิ่นละม้ายคล้ายคุกกี้ เข้ากันดีกับรสเปรี้ยวอมหวานของสตรอว์เบอร์รีอบแห้ง     ถูกใจสายชาเขียวอย่างเราจริงๆ

    หลังจากโลดแล่นในแวดวงศิลปะในไทยและญี่ปุ่นมานาน ในที่สุดเราก็ได้เห็นเด็กหญิงมะม่วง (Mamuang Chan) คาแรกเตอร์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังบวกฝีมือ ‘ตั้ม วิสุทธิ์’ นักวาดภาพประกอบชื่อดังในรูปแบบคาเฟ่บรรยากาศอบอุ่นบนถนนหลานหลวง           สำหรับคนที่ติดตามน้องมะม่วงมาก่อน คาเฟ่แห่งนี้จะทำให้รู้สึกเหมือนสนิทกับน้องมะม่วงมากขึ้น ส่วนใครที่ไม่ใช่แฟนประจำก็รับรองว่าจะตกหลุมรักที่นี่ได้ไม่ยาก ภายในร้านเต็มไปด้วยภาพของมะม่วงจังและเพื่อนๆ ทั้งภาพแขวนขนาดใหญ่บนผนัง ภาพวาดใส่กรอบที่จัดวางอยู่ตามมุมร้าน รวมถึงของกระจุกกระจิกให้เลือกซื้อกลับบ้าน             มาถึงมะม่วงคาเฟ่ อย่าพลาด Mamuang Baby Castella คาสเทลลารูปน้องมะม่วงที่ทำจากเตาออกแบบพิเศษ จัดเสิร์ฟได้อย่างน่ารัก (จนแทบไม่กล้ากิน)       จับคู่กับ Cream Soda ครีมโซดาสไตล์ญี่ปุ่นสีเขียวสดใส เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลากินแล้วสดชื่นดี ปิดท้ายมื้อนี้ด้วย Americano อเมริกาโนเย็นเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า         เป็นคาเฟ่ที่น่ารักสมการรอคอย

Tag: , คาเฟ่,

หนีฝุ่น PM 2.5 ในเมืองกรุง ไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ สมถวิล คาเฟ่ จุดเช็คอินห้ามพลาดของจังหวัดชลบุรี เต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปสุดเก๋ให้ได้แวะมาสัมผัสและเติมพลังในวันสบายๆ ลิ้มรสอาหารหลากหลายเมนูในราคาสบายกระเป๋า     พื้นที่ภายในร้านมีขนาดกว้างขวาง แบ่งเป็นโซน Indoor  และ ​​Outdoor ไว้อย่างเป็นสัดส่วน โดยมีไฮไลท์เป็นมุมถ่ายรูปที่จัดไว้หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีโซนนั่งให้เลือกชิลล์เอาต์กันตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นมุมรับประทานอาหารแบบสงบ ๆ หรือมุมใกล้ชิดติดธรรมชาติก็ตอบโจทย์ทุกความต้องการ           เริ่มต้นมื้อนี้ด้วย สลัดไก่ทอด ผัดสลัดสดกรอบเสิร์ฟมาพร้อมไก่ชุบแป้งทอดบางกรอบ ราดด้วยน้ำสลัดครีมรสชาติเข้มข้น กินเพลิน ต่อด้วย สเต็กหมูพอร์กชอป หมักเครื่องเทศรสเข้มข้นราดด้วยน้ำซอสเกรวี เคียงมาด้วยเฟรนช์ฟรายส์และผักสลัด หรือจะเลือกเป็นเมนูยอดฮิตอย่าง ข้าวผัดปู ข้าวเม็ดสวยผัดได้แห้งร่วนหอมกลิ่นกระทะ แนะนำให้บีบมะนาวเพิ่มความกลมกล่อมมากขึ้น         เมนูกับข้าว เราขอแนะนำ ทอดมันปลากราย ทำจากเนื้อปลากรายแท้ เหนียวหนึบเคี้ยวเพลิน หอมกลิ่นใบมะกรูด อีกเมนูที่น่าสนใจไม่แพ้กัน แกงไก่กะลา อาหารท้องถิ่นของชาวบางละมุงจังหวัดชลบุรี โดยการนำเครื่องพริกแกงไปผัดกับกะลาอ่อนของลูกมะพร้าวแล้วนำไปรวนกับไก่บ้าน ปรุงรสให้เข้มข้น กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ เข้ากันได้ดี    

คาเฟ่ลับที่วันนี้ไม่ลับอีกต่อไป (เพราะใครก็รู้จัก) จุดเด่นคือบรรยากาศสุดผ่อนคลายที่หลายคนนิยมมาปักหมุดเป็นจุดชาร์ตพลัง ภายในแบ่งพื้นที่เป็นหลายโซน โซนแรกส่วนต้อนรับที่ใครมาถึงต้องแวะก่อนเพราะมีสิ่งดึงดูดใจอย่างตู้เค้กที่เนืองแน่นไปด้วยขนมหน้าตาสวยๆ ยั่วน้ำลาย จะเลือกนั่งโซนนี้ก็เพลินตาดีเหลือเกิน ถัดมาเป็นโซนโอเพ่นแอร์ให้เรานั่งยืดแขนขาสบายๆ สุดท้ายเป็นห้องกระจกที่ตกแต่งได้อย่างน่ารักน่าชัง แต่จะเลือกนั่งโซนไหนก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนแวะมานั่งเล่นบ้านเพื่อนอย่างไรอย่างนั้น           ส่วนอาหารเน้นปรุงแบบโฮมเมดและให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่ต้องสดและใหม่ ทางร้านยังใส่ใจเรื่องความสะอาด ผักทุกใบ ผลไม้ทุกลูก เจ้าของร้านลงมือล้างเองกับมือ เพราะอยากให้ลูกค้ากินแล้วได้ทั้งความอร่อยและปลอดภัย ดีต่อใจแบบนี้ใครก็อยากผูกปิ่นโตเป็นลูกค้าขาประจำ         ยืนหนึ่งไม่เคยเปลี่ยนยกให้ Red Velvet Cheesecake เค้กเนื้อเนียนสีแดงสดที่มีรสเข้มข้นของช็อกโกแลตแท้ ส่วนฐานกรุบกรอบจากโอรีโอบด ท็อปด้วยผลไม้รสเปรี้ยว     ต่อด้วย Carrot Cake เพลินใจไปกับความนุ่มฟูที่ซ่อนความหนึบหนับของเนื้อแครอทและธัญพืชให้เคี้ยวเล่นสนุกๆ ด้านบนเคลือบด้วยครีมชีสรสเข้ม โรยธัญพืชและแอปเปิ้ลแห้งเพิ่มเทกเจอร์หนึบหนับแบบดับเบิ้ล     ส่วนชิ้นนี้มากับความมินิมอลที่แท้จริง Passion Fruit Cake สปันจ์เค้กรสวานิลลาสลับชั้นกับแยมเสาวรสรสหวานตัดเปรี้ยวช่วยเรียกความสดชื่น เคลือบด้วยครีมสดแล้วแต่งหน้าด้วยเสาวรส เกรปฟรุต และบลูเบอร์รี เห็นหน้าตาเรียบๆ แต่ออเดอร์ออกเพียบจริงๆ       อีกเมนูสุดฮอต Raspberry & Strawberry Cake ลิมิเต็ด อิดิชัน ที่ต้องสั่งล่วงหน้า ล่างสุดเป็นสตรอว์เบอร์รีกวนสลับกับมูสราสป์เบอร์รีรสหวานอมเปรี้ยว บนหน้าเคลือบด้วยราสป์เบอร์รีเกรสซิง แต่งหน้าด้วยผลไม้และดอกไม้ดอกจิ๋ว ซื้อเป็นของฝากให้ใครก็ได้ใจเต็มๆ       Cream Cheese Puff พัฟไส้ครีมชีสชิ้นพอดีคำ เนื้อกรอบบางเบา ท็อปด้วยผลไม้สด เวลากินจะสัมผัสได้ถึงความกรุบกรอบ ตามด้วยรสหวานละมุนสุดครีมมี่ จบด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ลงตัว     นอกจากเค้กและเบเกอรี่หน้าตาชวนกินแล้ว ทางร้านยังมีอาหารจานเดียวรสชาติดีอีกหลายรายการ  อาทิ Chef Salad  สลัดจากวัตถุดิบที่มีในแต่ละวัน อย่างวันนี้มีผักสลัด แอปเปิลเขียว ส้ม สตรอว์เบอร์รี ลูกเกดและลูกพีช คลุกเคล้ากับน้ำสลัดโฮมเมดและชีสพาร์เมซาน อิ่มท้องเบาๆ แต่เพิ่มพลังได้อย่างไม่น่าเชื่อ     อย่าลืมเครื่องดื่มจากผลไม้หลากสีสัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสาวรสโซดา ใส่ไซรัปนิดหน่อยช่วยตัดรสเปรี้ยวได้แบบพอดีๆ กับ Woody Burry แก้วนี้รวมผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ไว้ถึง 3 ชนิด ดีต่อสุขภาพแล้วยังดีต่อใจด้วย         ใครที่กำลังมองหาของฝากช่วงเทศกาล ปักหมุดร้านนี้ ดีต่อใจทั้งผู้ให้และผู้รับแน่นอนจ้า

จินหลิง เป็นชื่อเมือง ๆ หนึ่งในประเทศจีน และเป็นชื่อของคาเฟ่น้องใหม่ Jinling BKK ในโครงการซีนสเปซ ทองหล่อ (Seenspace Thonglor) ก็ถูกเนรมิตขึ้นมาให้มีความจีนย้อนยุคราวกับยกเมืองจินหลิงมาตั้งไว้ที่กรุงเทพฯ เลยทีเดียว   นอกจากจะเป็นคาเฟ่บรรยากาศเหมือนโรงเตี๊ยมที่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มในช่วงกลางวันแล้ว เมื่อตะวันลับขอบฟ้า จินหลิงจะเผยอีกโฉมหน้าหนึ่งของร้านจะเผยโฉมออกมาด้วยแทปเบียร์เรียงราย ให้คนเข้ามานั่งจิบเบียร์ได้ในบรรยากาศของหอนางโลมแสนเย้ายวนและมีเสน่ห์     เมนูอาหารของจินหลิง เน้นอะไรที่รับประทานง่าย และมีกลิ่นอายของจีนผสมผสานกับรสชาติที่ถูกปากคนไทย ด้วยคอนเซปต์อาหารเริ่มแรกที่เป็น “จีนปนลาว” เริ่มต้นด้วยอาหารจานหลักของร้านเมนูแรก บะหมี่หมูต้มซีอิ๊ว ความพิเศษอยู่ที่การหมักหมูด้วยเบียร์จนได้เนื้อหมูนุ่มและหอมขึ้น กินพร้อมเส้นบะหมี่นุ่ม ๆ ส่งตรงจากเยาวราช     และอีกเมนูคือ บะหมี่เป๊าะเนื้อแก้มวัวตุ๋น ที่ผ่านกรรมวิธีการตุ๋น 7 นานถึงชั่วโมง จนเนื้อนุ่มละมุนลิ้น ทั้งสองเมนูเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำซุปร้อน ๆ และน้ำจิ้มรสเด็ด     ตามมาด้วยเมนูกินเล่น ได้แก่ ปังปิ้งซี่โครงหมูเสฉวน ที่นำซี่โครงหมูไปย่างแล้วตุ๋นอีกประมาณ 3 ชั่วโมงจนเนื้อนุ่ม ราดด้วยซอสเสฉวนและน้ำผึ้งได้รสชาติความชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟคู่กับขนมปังปิ้ง     หมูทอด 7 ชั้น ได้แรงบันดาลใจในการตั้งชื่อมาจากตึกที่สูงที่สุดในเยาวราช  นำมาหั่นแล้วเอาหนังออก ทอดจนกรอบ จานนี้เลยยกให้เป็นเมนูเคี้ยวเพลินๆ     เมนูสุดท้ายที่ได้รับความนิยมไม่น้อยคือ เกี๊ยวดาวกุ้ง ถึงหน้าตาจะออกจีนแต่ใช้วิธีการห่อเกี๊ยวสไตล์ตะวันตก สอดไส้หมูกับกุ้ง ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยวขาวและเต้าเจี้ยวดำ กับพริกได้รสชาติเผ็ดร้อนแทรกมานิดๆ หน่อยๆ     สำหรับเมนูขนมประจำร้าน  เป็นขนมปังกลม ๆ สไตล์ฮ่องกงที่มีชื่อว่า Jin Bun มีไส้ให้เลือกทั้งรสช็อกโกแลตส้มและรสครีมชีส ท็อปด้วยครัมเบิ้ลให้ได้สัมผัสกรุบกรอบเคี้ยวเพลิน     ถ้าจะให้ดีต้องสั่งน้ำชาฮ่องกงเย็น ๆ ชื่นใจมาจิบคู่กัน เช่น Hongkong Milk Tea ชาฮ่องกงใส่นม ดื่มแล้วได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของใบชา Miss Jinling ที่ประกอบไปด้วยชาเอร์ลเกรย์ พีชขาว เอลเดอร์ฟลาวเวอร์ น้ำแอปเปิ้ล และน้ำองุ่น ให้ความรู้สึกสดชื่น อีกแก้วหนึ่งคือ Midnight Mandarin เป็นโกโก้ผสมส้มก็ที่ให้รสชาติเปรี้ยว ๆ กับกลิ่นหอมสดชื่นกลมกลืนไปกับความเข้มข้นหวานมันของโกโก้ได้อย่างลงตัว      

Lots.Sathon คาเฟ่มินิมอลบนถนนสาทร ที่มีครบทุกองค์ประกอบตอบโจทย์สายแฮงก์เอาต์ ตั้งแต่พื้นที่ให้นั่งทำงาน รับประทานอาหาร จิบกาแฟหรือถ่ายรูป รวมไปถึงโซนน้องใหม่ล่าสุด BBQ Backyard สำหรับผู้ที่ชอบการสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน สามารถนั่งชิลล์ ดื่มค็อกเทลเพลินๆ ไปตลอดทั้งคืน       ตัวร้านเป็นตู้คอนเทนเนอร์โทนสีขาวดูเรียบง่าย ล้อมรอบด้วยกระจกรอบด้านรับแสงจากธรรมชาติ ภายในเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเบจชวนอบอุ่น ส่วนโซน BBQ Backyard ก็ดูโปร่งโล่งสบาย ให้ความรู้สึกเป็นกันเองเหมือนนั่งพักผ่อนในสวนหลังบ้านเลยล่ะ         เริ่มเมนูแรกด้วย A Lot Of เซ็ตอาหารเช้าที่เสิร์ฟมาจานใหญ่ ประกอบไปด้วย เบคอน ไส้กรอก แฮมไก่     ขนมปังปิ้งหอมเนย และไข่ดาวสุกกำลังดี เพียงจานเดียวก็อิ่มสบายท้องไปทั้งวัน       ต่อด้วย Ebi Ebiko เส้นพาสตาแองเจิลแฮร์คลุกเคล้ากับพริก กระเทียมและซอสรสเข้มข้น ท็อปด้วยกุ้งตัวโตเนื้อเด้งและไข่กุ้งล้นจาน อร่อยเพลินเกินห้ามใจ       อิ่มท้องไปกับ Pork Chop Steak พอร์กชอปชิ้นโตเนื้อนุ่มหมักด้วยเครื่องเทศและกาแฟเอสเพรสโซสูตรเฉพาะของร้าน ราดด้วยน้ำซอสเกรวีรสกลมกล่อม เลือกจับคู่กับ LOX Salad ผักสลัดกรุบกรอบ ราดน้ำมันมะกอกกินพร้อมแซลมอนรมควันสไลซ์แผ่นบาง โดนใจสายเฮลท์ตี         ตบท้ายด้วยของหวาน Avocado Panna Cotta พานาคอตตาเนื้อนวลหอมละมุน เสิรฟ์มาพร้อมซอสอะโวคาโด และผลไม้รสเปรี้ยวตระกูลเบอร์รี กินแล้วได้ความสดชื่นไม่เบา       จากนั้นส่งท้ายมื้อค่ำด้วย เซ็ต BBQ ชุดใหญ่จุใจ ประกอบไปด้วย เนื้อริบอาย เนื้อวัวส่วนอก สันคอหมู ปลาหมึก และกุ้งขาวตัวโต กินกับซอสเอสเพรสโซบาร์บีคิวสูตรเฉพาะของร้าน ไปพร้อมๆกับการดื่มด่ำค็อกเทล อย่าง Mojito รสชาติเปรี้ยวหวาน หอมกลิ่นใบมิ้นต์ชื่นใจ หรือจะเลือกเป็น Coffee in the Garden เครื่องดื่มม็อกเทลที่ใช้เมล็ดกาแฟคั่วเข้มจากพม่าบดกับใบมิ้นต์ เพิ่มความสดชื่นด้วยเลมอน แปลกใหม่แถมครีเอทสุดๆ      

หลังจากมัดใจคนรักชาด้วยชุดน้ำชายามบ่ายสุดน่ากินจาก Lemoncurd Tea Room ได้แล้ว ตอนนี้เหล่าเพื่อนสนิทผู้ปลุกปั้นร้านขนม (ผสมน้ำชา) ขอมาเอาใจคอกาแฟกันบ้างกับ Lemoncurd Bread and Coffee” คาเฟ่ที่พร้อมเสิร์ฟกาแฟดีและเบเกอรีแสนอร่อย พร้อมห้องพักน่านอนในชั้นบนแบบ Bed & Breakfast ให้เราได้เปลี่ยนบรรยากาศมาหย่อนใจในวันสบายๆ อีกด้วย       ด้วยสไตล์เจแปนีสวินเทจที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของญี่ปุ่นและโทนสีเขียวสวยของร้าน จึงไม่แปลกใจที่นอกจากจะโดนใจนักชิมแล้ว ที่นี่ยังดึงดูดเหล่าฮิปสเตอร์สายถ่ายรูปให้แวะมาเก็บภาพเก๋ๆ กันตลอดเวลา       เมนูเด่นของที่นี่ยังคงใช้เลมอนเคิร์ดเป็นวัตถุดิบหลักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเป็นเมนูที่เหมาะกินคู่กับกาแฟมากขึ้น ทั้ง Chewy Lemon Tart เนื้อเลมอนชูวีเปรี้ยวอมหวาน นุ่มเหนียวนิดๆ ให้เคี้ยวสนุก เสิร์ฟคู่ครีมสด และ Lemon Igloo ซอฟต์เค้กเนื้อนุ่มสอดไส้เลมอนเคิร์ดเปรี้ยวหวานสดชื่น เมนูซิกเนเจอร์ที่หลายคนติดใจ       ส่วนใครมองหามื้อเช้าเบาๆ เราแนะนำ Soup of the Day & Butter Croissant ซึ่งมีให้เลือกทั้งซุปเห็ดและซุปฟักทองรสกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมครัวซองต์เนยสดท็อปด้วยชีสพาร์เมซานหอมมัน     คนรักกาแฟห้ามพลาด Miss you Honey x Espresso ความสดชื่นลงตัวของน้ำผึ้ง มะนาว โซดา และเอสเปรสโซช็อตรสเข้มกำลังดี และ Caramel Macchiato ใช้กาแฟดอยช้างคั่วเฉพาะ รสนุ่มนวลหอมละมุน ส่วนสายเฮลต์ตีต้องลอง Miss You Daisy โยเกิร์ตเนื้อเนียนปั่นกับน้ำผึ้งและมะนาว       สำหรับสายท่องเที่ยวที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ ลองมาพักผ่อนชิลๆ ในห้องพักเรียบง่าย แต่เก๋ไก๋สไตล์วินเทจ ในชั้น 2 และ ชั้น 3 ของที่นี่กันได้ เรียกว่าทั้งอิ่มอร่อยและนอนหลับสบาย พร้อมออกไปตะลุยเที่ยวย่านกรุงเก่าแบบแฮปปี้    

ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น Portobello & Désiré ร้านในสวนสวยสไตล์อังกฤษที่เริ่มต้นจากการทำแบรนด์เฟอร์นิเจอร์มาก่อน  ที่นี่จึงเต็มไปด้วยโต๊ะและเก้าอี้แบบวินเทจตามความชอบของเจ้าของร้าน ด้านนอกร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ส่วนด้านในตกแต่งได้อย่างน่ามอง ไม่ว่าจะเป็นโทนสีที่ใช้ ภาพถ่ายบนผนัง โคมไฟ ชุดน้ำชา รวมถึงดอกไม้สวยๆ มองมุมไหนก็มีชีวิตชีวา           เริ่มต้นมื้อนี้ด้วย Greek Salad กรีกสลัดที่กินแล้วได้ความสดชื่นจากมะเขือเทศ มะกอกดำ พริกหวาน หอม แตงกวา และเฟต้าชีส ราดด้วยเดรซซิงรสชาติเปรี้ยวหวาน     ตามด้วย Spaghetti Seafood สปาเกตตีซีฟู้ก ใส่ทั้งกุ้ง ปลาหมึก หอยเชลล์ และหอยแมลงภู่ ผัดกับกระเทียมและพริกแห้ง กลิ่นหอมและรสชาติจัดจ้าน อีกเมนูห้ามพลาด Roasted Chicken ไก่ส่วนสะโพกที่นำไปซูวีดก่อนแล้วนำมาอบอีกครั้ง เสิร์ฟพร้อมมันบดทำเองเนื้อเนียน ซอสเกรวี่ และสลัดผัก       อิ่มคาวแล้วต่อด้วยของหวาน Caramel Apple (เมนูนี้ไม่มีในสมุดเมนู) แอปเปิลเขียวทั้งลูกเคลือบด้วยคาราเมล โรยด้วยอัลมอนด์สไลซ์ ได้ทั้งความกรอบและรสเปรี้ยวสดชื่นของแอปเปิล ตัดด้วยรสหวานจากคาราเมลที่เคลือบอยู่ด้านนอก     Fruit Tart  ทาร์ตผลไม้ 6 ชิ้นเสิร์ฟอย่างน่ารัก ทั้งส้ม พีช และสตรอว์เบอร์รี่ ไปด้วยกันได้ดีกับครีมคัสตาร์ตรสนุ่มนวลหวานน้อยที่ทางร้านทำเอง แล้วปิดท้ายด้วย Panna Cotta โดดเด่นด้วยซอสเบอร์รี่โฮมเมดรสเปรี้ยวอมหวานและผลสตรอว์เบอร์รี่สดที่ทำให้เมนูนี้น่ากินเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว    

Kusatsu cafe คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น ชวนอบอุ่น ที่ซ่อนตัวอยู่ใน คุซัทสึออนเซ็น ออนเซ็นชื่อดังของชลบุรี ถึงแม้ตัวร้านจะมีขนาดเล็กแต่ความน่าสนใจไม่ได้น้อยตามไปด้วย ทั้งเมนูขนมหวาน เครื่องดื่มและการตกแต่งร้านออกแบบมาได้อย่างมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นอย่างครบถ้วน     ตัวร้านมีเฉพาะโซนโอเพ่นแอร์ เปิดรับลมธรรมชาติให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เย็นสบายตลอดทั้งวัน ภายในเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์โทนสีเข้ม ตกแต่งด้วยต้นไผ่ทอดยาวด้านข้าง ทำให้ร้านดูมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยมีไฮไลท์เป็นมุมถ่ายรูปอย่างซุ้มประตูโทริอิและบ่อเลี้ยงปลาคารฟ์ให้แชะภาพสวยๆแบบไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่น       เริ่มต้นด้วยเมนู Four Red Fruits Tea ความหอมหวานของชาเกรดพรีเมี่ยมกลิ่นผลไม้ ตัดด้วยความเปรี้ยวจากสตรอว์เบอร์รีหั่นชิ้นที่เสิร์ฟมาในแก้วเข้ากันอย่างลงตัว จับคู่กินกับ Hokkaido Cheesecake เนื้อสัมผัสนุ่มนวลละมุนลิ้น ยิ่งเพิ่มความอร่อยเป็นสองเท่าเลยทีเดียว     นอกจากเมนูเครื่องดื่มและเบเกอรี่แล้ว ทางร้านยังมีไอศกรีมหลากรสที่น่าสนใจไม่แพ้กัน อย่างเราเลือกเป็น ไอศกรีมรสนมฮอกไกโด เนียนนุ่ม ได้ความเข้มข้น หอมมันกลมกล่อม เรียกความสดชื่นได้ตั้งแต่คำแรกที่กินเลยล่ะ  

หากใครได้แวะเวียนผ่านไปแถวศรีราชา จังหวัดชลบุรี เราขอแนะนำหนึ่งในคาเฟ่ที่คอกาแฟไม่ควรพลาด Prave Cafe คาเฟ่สุดมินิมอล ที่นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ไปพร้อมกับวิวริมทะเลและบรรยากาศสบายๆ แล้ว มุมถ่ายรูปของร้านก็มากมาย จนเราเลือกแชะภาพไม่ถูกเลย     การตกแต่งภายในเน้นใช้โทนสีเรียบๆ อย่างขาวและดำ ตัวร้านล้อมรอบด้วยกระจกใสเปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอก ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งไม่อึดอัด โซน Indoor ในร้านแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นบนเป็นโซนเอสเพรสโซ่บาร์ และชั้นล่างเป็นโซนสโลว์บาร์ สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเหล่าบาริสต้าได้อย่างเป็นกันเอง ส่วนโซน Outdoor ก็ตอบโจทย์คนที่อยากจิบกาแฟ ชมวิวทะเลเคล้าเสียงคลื่นเพลินๆ ได้ดีเลยล่ะ       เริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มที่คนรักชาเขียวห้ามพลาด Red Bean Matcha แก้วนี้ได้ความเข้มข้นจากชาเขียวมัทฉะพรีเมียม เสิร์ฟมาพร้อมถั่วแดงกวนเนื้อแน่น เรียงชั้นภายในแก้วอย่างสวยงาม หอมหวานมันกลมกล่อม     ต่อด้วยขนมหวานหน้าตาสีสันสดใสชวนรับประทาน Blue Prave Cake เนื้อเค้กสีฟ้าสวยงามสลับชั้นมากับครีมชีส เนื้อนุ่มนวลละมุนลิ้น ไม่เลี่ยนได้รสชาติของครีมชีสที่แสนลงตัว หรือจะเลือกเป็น Basque Cheesecake ชีสเค้กหน้าไหม้เนื้อแน่น หอมนม จับคู่กับเครื่องดื่มเมนูไหนก็ลงตัว       Drip Coffee กาแฟดริปทีเด็ดของร้านที่มีเมล็ดกาแฟให้เลือกกว่า 30 เมล็ด อย่างแก้วนี้เราเลือกเป็นเมล็ดกาแฟคอสตาริกาคั่วกลาง โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้และผลไม้ รสสัมผัสหวานหอมอมเปรี้ยวลงตัว จะเลือกดื่มแบบร้อนหรือเย็น ก็ฟินไม่แพ้กัน     ปิดท้ายด้วย ค็อกเทลเรียกความสดชื่น Melon Monday ที่ได้ความหวานหอมจากเมลอนผสมความเปรี้ยวจากมะนาว เรียกความสดชื่นในวันอากาศร้อนได้ดี  

อะไรจะดีกว่าการได้หนีความวุ่นวายไปนั่งซุกตัวในร้านบรรยากาศอบอุ่นที่มีขนมโฮมเมดให้ได้ละเลียดพร้อมกับเสียงเพลงเพราะๆ ที่เปิดคลอไปด้วย     ชื่อร้าน filsandfille (ฟีส แอนด์ ฟี) ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึงลูกชายและลูกสาว สื่อถึงคาแรกเตอร์ร้านที่เกิดจากการรวมไอเดียความชอบส่วนตัวของ 4 พี่น้องมาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเบเกอรี่อบใหม่ กาแฟ รวมไปถึงการตกแต่งร้านที่ให้อารมณ์วินเทจนิดๆ           ที่นี่โดดเด่นเรื่องขนมสไตล์ฝรั่งเศสฝีมือคุณนิ่ม 1 ในเจ้าของร้านและศิษย์เก่าเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ที่บรรจงทำแต่ละชิ้นออกมาได้อย่างน่ารัก ไม่ว่าจะเป็น Bah bah banana ที่มองครั้งแรกไม่รู้เลยว่านี่คือบานอฟฟี่แปลงโฉมใหม่ ทาร์ตดาร์กช็อกโกแลตที่ด้านในซ่อนกล้วยหอมที่ราดด้วยคาราเมลโฮมเมดเอาไว้ (คาราเมลร้านนี้ฮิตมากจนต้องแยกขาย) ด้านบนเป็นครีมมูสบาวาเลียนเนียนและหอมละมุนตกแต่งด้วย edible flowers       Refresh Tarte เลม่อนทาร์ตที่จับแต่งตัวใหม่ได้หรูหรา ด้านล่างเป็นเลมอนซาเบล่ (คุกกี้แผ่นบางที่ใส่ผิวเลมอนลงไปด้วย) เข้ากับครีมเลม่อนรสเปรี้ยวและเมอแรงด้านบนได้อย่างพอดี อีกเมนูที่น่ากินไม่แพ้กัน Dark Night Tarte เด่นด้วยครีมช็อกโกแลตเข้มข้น (เราชอบที่ใส่พิตาชิโอลงไปด้วย) ตกแต่งด้วยบลูเบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ และสตรอว์เบอร์รี่ลูกโต         อย่าพลาดเมนูใหม่ Crème Brulee ที่ลดความหวานลงแล้วเน้นกลิ่นวานิลลาให้เด่นชัด ใช้ช้อนกะเทาะน้ำตาลกรอบๆ ด้านบนให้แตกแล้วกินด้วยกัน จะได้รสขมนิดๆ กินเพลินที่สุด แล้วปิดท้ายด้วย Cold Brew Yuzu         เติมความสดชื่นได้เป็นอย่างดี

ต้นหูกระจงต้นใหญ่แผ่กิ่งก้านไปทั่วสร้างบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายให้สมกับชื่อร้าน Ivory Coast Almond ร้านคาเฟ่น้องใหม่ย่านเสนานิคม       คาเฟ่แสนสวยนี้มีบรรยากาศน่านั่ง แบ่งเป็นโซนห้องแอร์เย็นๆ ที่มีกระจกใสบานใหญ่เหมือนกรีนเฮ้าส์ นั่งชมบรรยากาศภายนอกได้อย่างเต็มตา หรือจะเลือกที่นั่งบริเวณสวนด้านนอกที่ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย นอกจากได้อิ่มตากับบรรยากาศสวยงามแล้วยังได้อิ่มท้องกับอาหารอร่อยเพราะที่นี่เสิร์ฟอาหารสไตล์เวสเทิร์นทวิสต์ ไทย-อินเตอร์ที่ใช้ส่วนผสมท้องถิ่นของไทยจากภาคใต้ทำให้อาหารมีลูกเล่นน่ากิน       เริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง ซีซาร์สลัดใบเหลียงสไตล์ไอวอรี่ (290 บาท) ที่โชว์สไตล์เวสเทิร์นทวิสต์ได้อย่างลงตัวกับเมนูสลัดซีซาร์ที่คุ้นเคยทั้งผักกาดคอส ไข่ต้มและขนมปังกรอบ เพิ่มความกรอบอร่อยด้วยใบเหลียงชุบแป้งทอด เบากรอบเหมือนเทมปุระ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำสลัดโฮมเมดรสเข้มข้น     เมนูพาสต้าก็มีให้เลือกหลายจาน แต่ที่โดดเด่นคือ โฮมเมดปาปาเดเล่ซอสเป็ดสไตล์ไอวอรี่ (320 บาท) เส้นพาสต้าปาปาเดเล่เส้นแบนใหญ่เหนียวนุ่มที่เชฟทำเอง ราดด้วยอกเป็ดรากูที่ตุ๋นนาน 4 ชั่วโมงจนนุ่ม เคี้ยวเพลิน เสิร์ฟกับผักคะน้าฮ่องกงสีเขียวสวยหวานกรอบ     อีกจานคือ โฮมเมดราวิโอลีต้มข่าไก่ปลาสลิดกรอบ (320 บาท) ราวิโอลีหรือเกี๊ยวอิตาลีไส้ต้มข่า ไส้ทำจากเนื้อไก่นุ่มชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นต้มข่า ใส่ครีมสดและน้ำมันพริกเผา โรยปลาสลิดทอดกรอบ เป็นเอเชี่ยนทวิสต์ที่แปลกใหม่ลงตัว     ถ้ามากันหลายคนสั่งเมนูนี้เลย ไก่อบฟางกับมันฝรั่งอบสมุนไพร (550 บาท) อดใจรอประมาณ 20 นาทีก็ได้ลิ้มรสไก่อบฟางหอมๆ ที่ใช้ไก่ตัวเล็กขนาด 500 กรัม หมักกับเครื่องเทศออลสไปซ์หอมกรุ่น ไก่เนื้อนุ่มได้กลิ่นหอมของฟางเบาๆ เสิร์ฟกับซอสแจ่วและซอสเกรวี่เหล้าแจ็คแดเนียล     ใครชอบเมนูคลาสสิคห้ามพลาด ฟิชแอนด์ชิป (490 บาท) สูตรดั้งเดิมที่ใช้แป้งผสมกับเบียร์ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่กรอบนอกแป้งฟูเบา เนื้อปลาคอดนุ่มแน่นฉ่ำ เสิร์ฟกับซอสทาร์ทาร์โฮมเมดที่ใส่ทั้งหอมดองและแตงกวาดองที่เชฟทำเอง     ปิดท้ายกันด้วย พานนาคอตต้ามะพร้าวกะทิ (250 บาท) พานนาคอตต้าเนื้อนุ่มครีมมี่จากกะทิ โรยข้าวเม่ากรอบ เสิร์ฟพร้อมน้ำกะทิรสหวานหอมกลมกล่อม     อีกจานที่ล้างปากได้ดีคือ กระท้อนน้ำปลาหวานสูตรดั้งเดิม (250 บาท) กระท้อนดองน้ำปลาหวานรสหวานๆ เค็มๆ เสิร์ฟกับเชอเบตเลมอนรสเปรี้ยวอมหวาน โรยพริกเกลือและกุ้งจากชุมพร เป็นรสชาติที่เปรี้ยวหวานเค็มผสมกันลงตัว     ยังมีเครื่องดื่มอย่าง มะม่วงหาวมะนาวโห่โซดา เปรี้ยวหวานซ่าคลายร้อน และเอสเพรสโซ่ยูสุ ถูกใจสายคาเฟ่แน่นอน    

ย่านบีทีเอสพระโขนงเริ่มเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่สำหรับเหล่า Café Hopper แล้ว ในซอยปรีดีพนมยงค์ 11 ก็เป็นหนึ่งในพิกัดน่าแวะมาเยือน เพราะมีคาเฟ่ ที่ชื่อว่า ครึ้ม ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ดูเขียวครึ้มสมชื่อ       คาเฟ่เล็ก ๆ แห่งนี้เกิดขึ้นจากความชอบส่วนตัวของ คุณติ๊บ-วรศิริ ศิริคะรินทร์ ที่หลงใหลในการนั่งคาเฟ่อยู่แล้ว จึงคิดจะเนรมิตบ้านของตัวเองให้กลายเป็นคาเฟ่ที่แสนอบอุ่น โดยได้คนรักอย่างคุณตอง-นพปฎล เทือกสุบรรณ เป็นคนออกแบบร้านทั้งหมดให้ออกมาเป็นสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค ที่มีความเรียบง่ายและมีความอบอุ่นเหมือนบ้าน       เมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านมีชื่อที่ล้อเลียนไปกับชื่อร้านได้อย่างน่าสนใจ เริ่มที่แก้วแรก เขียวครึ้ม มัทฉะผสมนมและราดด้วยกาแฟช็อตเข้มข้น แยกชั้นกันสวยงามแต่เมื่อดื่มแล้วได้รสชาติที่เข้ากัน     สำหรับใครที่อยากดื่มกาแฟแบบไม่ใส่นม ต้องเป็น ครึ้มอกครึ้มใจ ที่ผสมผสานระหว่างน้ำส้ม ซอสสตรอว์เบอร์รี่โฮมเมด และจิงเจอร์เอล ได้ความเปรี้ยว สดชื่นซาบซ่า     อีกหนึ่งแก้วมีหน้าตาเหมือนค็อกเทล ชื่อว่า คึกครึ้ม ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากน้ำสับปะรด จิ้มกับพริกเกลือ แก้วนี้จึงมีตัวเด่นอยู่ที่ไซรับสับปะรด ขิง พริก และมะนาว ผสมผสานกับน้ำมะนาวโซดา เสิร์ฟมาพร้อมกับเกลือบริเวณขอบแก้ว     นอกจากเครื่องดื่มแล้วยังมีของหวานที่ทางร้านอบเองอีกด้วย เมนูแรกที่ห้ามพลาดคือ เค้กแครอท เนื้อนุ่มไม่เลี่ยนได้รสชาติของครีมชีสที่แสนลงตัว และอีกหนึ่งเมนูคือ เค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง เนื้อหนานุ่มจากการใช้ไข่ขาวตีให้ฟูเป็นเมอแรงใช้ทดแทนแป้ง แต่ยังได้ความเข้มข้นของช็อกโกแลตและเนื้อแป้งเต็มคำเหมือนเดิม       เป็นการจิบกาแฟและละเลียดขนมเค้กที่ชวนให้ครึ้มอกครึ้มใจจริง ๆ