เอาใจคนรักของหวานด้วยคาเฟ่อบอุ่นในซอยสุขุมวิท 23  Serendib Tearoom ที่มีจุดเด่นในเรื่องของขนมเค้กสไตล์ญี่ปุ่น และบรรยากาศสบายๆ ได้ความเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินไปกับมาสคอตประจำร้านอย่างเจ้าเหมียวสุดน่ารัก ที่รอต้อนรับนักชิมทุกท่านด้วย           ทางร้านเน้นเสิร์ฟเบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่น และเมนูอาหารฟิวชั่นให้ได้เลือกอิ่มอร่อย มีเครื่องดื่มซิกเนเจอร์เป็นชาศรีลังกาชั้นดีหลากหลายรสชาติ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้าน Serendib  และเป็นชื่อเมืองในประเทศศรีลังกาด้วย ตัวร้านตกแต่งออกมาในรูปแบบโฮมคาเฟ่สีสันสดใส ชวนอบอุ่นและดูมีชีวิตชีวาไปในคราวเดียวกัน       เริ่มด้วยเมนูของคาวอย่าง Hamburg Cheese Curry Rice (180.-) ข้าวแกงกะหรี่เข้มข้นหอมมัน กินพร้อมเนื้อแฮมเบิร์กสอดไส้ชีสเยิ้มๆ หรือจะเลือกเป็น Shoyu Prawn Cream Spaghetti (180.-) เส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มคลุกเคล้ามากับโชยุครีม ท็อปด้วยกุ้งตัวโต เห็ดชิเมจิและไข่กุ้ง           ต่อด้วยขนมเค้กยอดฮิตของร้าน Strawberry Shortcake (130.-) สปันจ์เค้กนุ่มฟูสลับชั้นมากับครีมสดผสมเนื้อสตรอว์เบอร์รี ท็อปด้วยสตรอว์เบอร์รีสไลซ์ รสนวลละมุนกลมกล่อม       Strawberry Montblanc (70.-) ขนมหวานสัญชาติฝรั่งเศสที่สอดไส้สตอรว์เบอร์รีและครีมสดรสหวานน้อย กินพร้อมแป้งทาร์ตด้านล่าง เข้ากันได้อย่างลงตัว       คนรักชีสเค้กห้ามพลาด Mango Cheesecake (140.-) ชีสเค้กเนื้อเนียนละมุนสอดแทรกมะม่วงน้ำดอกไม้ กินพร้อมฐานครัมเบิ้ลกรุบกรอบ และ Rare Cheese Caramel Macadamia (140.-) แรร์ชีสเค้กเนื้อแน่นราดด้วยซอสคาราเมลหอมหวาน ท็อปด้วยถั่วแมคคาเดเมีย       ตบท้ายด้วย Sri Lanka Tea (150.-) ชาร้อนจากปะเทศศรีลังกา มีให้เลือกมากกว่า 10 รสชาติ อย่างถ้วยนี้เราเลือกเป็นกลิ่นคาราเมลหอมหวาน ดื่มแล้วคล่องคอเป็นที่สุด และ Strawberry Lemonnade (120.-) แก้วนี้เลือกใช้สตรอว์เบอร์รีและเลมอน ที่ผ่านการหมัก 3 วัน 3 คืน มาผสมกับน้ำโซดา กินแล้วได้ความสดชื่น    

ชวนคนรักอาหารจีนหรือหลงใหลในขนมหวานฮ่องกงมาเช็คอิน ชิมของอร่อย ที่ GingerBowl Cafe คาเฟ่สไตล์จีนร่วมสมัยบนถนนบรรทัดทอง ที่จะพาคุณดื่มด่ำไปกับบรรยากาศและกลิ่นอายความเป็นจีน ตั้งแต่การตกแต่งร้านไปจนถึงเมนูอาหาร ขนมและเครื่องดื่มที่มีให้เลือกกันแบบจุใจ       ตัวร้านออกแบบมาให้ดูเหมือนตึกแถวฮ่องกงสุดคลาสสิกที่แฝงกลิ่นอายความเป็นลอฟท์ด้วยผนังปูนเปลือย ภายในเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งนำเข้าจากประเทศจีน ทำให้หน้าตาและลวดลายดูมีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ที่ทางร้านจัดแบ่งสัดส่วนพื้นที่ไว้ได้อย่างลงตัว           ทางร้านเน้นเสิร์ฟอาหารจีนสไตล์กวางตุ้ง ที่นำมาปรับเปลี่ยนรสชาติให้เข้มข้นถูกปากคนไทยมากขึ้น เริ่มด้วย ก๋วยเตี๋ยวหลอดปาท่องโก๋-ไข่ (100. -) ปาท่องโก๋ทอดจนเหลืองกรอบห่อด้วยไข่และเส้นก๋วยเตี๋ยวหลอดแป้งบาง ราดด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้าน รสชาติหวานกลมกล่อม ถูกปากเราเป็นที่สุด       ต่อไป ขนมจีบกุ้ง (95.-) ขนมจีบสอดไส้กุ้งตัวโตเนื้อแน่นและมันแกวกรอบ กินกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้าน       ข้าวต้มปลาบะเต็งไก่ (180.-) จุดเด่นของน้ำซุปอยู่ที่การใช้ หัวกุ้ง ปลาแห้ง และสมุนไพรต่างๆ นำมาเคี่ยวอย่างพิถีพิถัน ปรุงจนได้รสชาติสุดกลมกล่อม หอมเตะจมูก กินคู่กับเนื้อปลากระพงชิ้นโตและบะเต็งไก่ เข้ากันได้เป็นอย่างดี       จบมื้อนี้ด้วยของหวานอย่าง เต้าฮวยซุปงาดำ (120.-) เต้าฮวยเนื้อเนียนนุ่ม ราดซุปงาดำหอมๆ ได้รสหวานกำลังดี หรือจะเลือกเป็น บัวลอยน้ำขิง (75.-) บัวลอยแป้งบางไส้ถั่วตัดและงาดำเสิร์ฟมาในน้ำขิงร้อนๆ เผ็ดน้อย กินง่าย  

แม้ช่วงนี้โซนโฮสเทลน่านอนด้านบนจะปิดชั่วคราว แต่คาเฟ่ชั้นล่างยังคงสานต่อความสนุกและรอยยิ้มผู้มาเยือนไม่เปลี่ยนแปลงสมชื่อ FUN Cafe Bangkok” ที่จะเรียกว่า “ฝัน” หรือ Fun” ที่แปลว่าสนุกก็ได้ทั้งสองแบบ       ความตั้งใจของ คุณปุ๊บปั๊บ เจ้าของร้านอดีตครีเอทีฟรายการทีวีที่อยากให้ที่นี่เป็นเหมือนบ้านเพื่อนที่พร้อมสร้างความสุขให้กับทุกคน FUN Cafe Bangkok จึงอบอวลไปด้วยความเป็นกันเองในบรรยากาศและการตกแต่งด้วยโทนสีขาวสบายตาที่รอให้เราเข้ามาแต่งแต้มความฝันได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ร้านยังปรับเปลี่ยนธีมสร้างสีสันให้ไม่เบื่อกันตลอดปีอีกด้วย       เมนูยอดนิยมของที่นี่คือ FUN Signature Canvas Cake เค้กครีมวานิลลาเนื้อนุ่มที่ซ่อนความอร่อยไว้ถึง 3 รสชาติ ใน 3 เลเยอร์ ทั้งเลมอน สตรอว์เบอร์รี และเสาวรส มาพร้อมถาดใส่ครีมหลากสีและพู่กันให้วาดหน้าเค้กได้ตามใจ       ส่วนเมนูเด่นอื่นๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น FUN Signature Salted Egg & Lemon Bar เลมอนบาร์ที่ผสมผสานความหวานเค็มมันจากไข่เค็มและความเปรี้ยวของเลมอนได้อย่างลงตัว (อย่าลืมบีบเลมอนสดเพิ่มความเปรี้ยวอีกนิดจะอร่อยพอดี) Premium Matcha Mousse เค้กมูสมัตฉะระดับคุณภาพหอมนุ่มละมุน และไม่หวานเกินไป ด้านล่างเป็นครัมเบิลกลมกล่อมเคี้ยวเพลิน และ Macadamia Chocolate Cake เค้กช็อกโกแลตเนื้อแน่นเข้มข้นท็อปด้วยถั่วแมคคาเดเมียราดคาราเมลหอมหวาน         ใครมองหาอาหารจานหลัก ลองสั่ง Spaghetti Shrimp Paste & Garlic สปาเกตตีผัดกระเทียมและมันกุ้งที่เอาใจคนรักกุ้งด้วยการโรยไข่กุ้งอีกชั้นแบบจัดเต็ม     แต่ถ้าอยากมานั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ เราแนะนำ Coffee or Tea Ahhhh...Honey! ชาไทยผสมน้ำผึ้ง เพิ่มความเข้มด้วยช็อตกาแฟ สำหรับสาวๆ ต้องลอง Mixed Berry Blossom เครื่องดื่มตัวแทนสาวหวานที่รวมความอร่อยของมิกซ์เบอร์รี โซดา และหอมมินต์อ่อนๆ ดื่มแล้วสดชื่นสุดๆ และ Vanilla x Passion น้ำเสาวรสผสมวานิลลา เสียบพริกสีแดงสดเพิ่มสีสัน แต่งขอบแก้วด้วยพริกกับเกลือ ตัวแทนของสาวเปรี้ยวซ่าที่บอกได้เลยว่าแซ่บสุดๆ      

บนถนนศรีเวียงไม่ไกลจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย มีร้านขนมรัสเซียโฮมเมดน่าลิ้มลองชื่อ เบลก้า (Belka)” ซึ่งเด็กๆ ในละแวกนี้มักเรียกติดปากว่า ‘ร้านกระรอก’ เพราะมาจากสัญลักษณ์รูปกระรอกถือลูกโอ๊คของร้านนั่นเอง อีกทั้งคำว่า ‘Belka’ ในภาษารัสเซียก็หมายถึง ‘กระรอก’ เช่นกัน “คุณมะปราง – รณิษฐา จาติเสถียร” และ “คุณคิว – ปุญญภาพ ดินวูน” ผู้เป็นเจ้าของร้าน ตั้งใจเลือกใช้คำนี้เนื่องจากเป็นคำในภาษารัสเซียที่จำง่าย แถมความหมายก็ยังน่ารักอีกด้วย     จุดเริ่มต้นของ ‘เบลก้า’ เป็นผลพวงจากพิษวิกฤตโควิด 19 ซึ่งทำให้คุณมะปรางและคุณคิวต้องพักงานด้านการท่องเที่ยวแล้วหันมาทำธุรกิจของตนเอง พวกเขาเริ่มต้นจากความชอบส่วนตัวนั่นก็คือความรักใน “ขนมหวาน” บวกกับประสบการณ์ของคุณมะปรางที่เคยศึกษาเล่าเรียนในประเทศรัสเซียเป็นเวลากว่า 3 ปี และทำงานคลุกคลีกับนักท่องเที่ยวชาวไทย จนรู้ว่าคนส่วนใหญ่ชอบขนมรัสเซียสไตล์ไหน ถูกใจรสชาติอย่างไร     ทั้งคู่จึงตัดสินใจศึกษาการทำขนมรัสเซียด้วยตนเองอย่างจริงจัง ทั้งยังปรับสูตรให้เข้ากับชาวไทยมากยิ่งขึ้น อาทิ ลดความหวาน ลดขนาดชิ้นให้พอดี ตกแต่งหน้าตาให้สวยงาม และเลือกหยิบวัตถุดิบจากประเทศรัสเซียมารังสรรค์ อาทิ ซาวร์ครีม คอตเทจชีส และใบชา เพื่อรักษารสชาติดั้งเดิมไว้ และเปิดร้านขนมรัสเซียโฮมเมด ที่เสิร์ฟเฉพาะของหวานสัญชาติรัสเซีย และขนมที่มีความเกี่ยวข้องกับชาวรัสเซียเท่านั้น     ร่วมไปกับบรรยากาศสบายๆ อบอุ่นในแบบฉบับร้านขนม กระจกใสหน้าร้านเผยให้เห็นผนังสีขาวนวลสบายตาที่อยู่ภายใน แซมด้วยสีน้ำเงินแลดูสง่างาม ประดับด้วยกรอบรูปเรื่องราวของชาวรัสเซียในอดีต รวมทั้งของสะสมสมัยเรียนที่ประเทศรัสเซีย อาทิ รูปปั้น หนังสือ ตุ๊กตา จิ๊กซอว์ และเลโก้  นำมาตกแต่งไว้รอบๆ ร้าน เพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นรัสเซียมากยิ่งขึ้น   เปิดด้วยเมนูซิกเนเจอร์อย่าง  Napoleon Cake (90 บาท) ขนมหวานชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะสงครามของประเทศรัสเซีย  ละม้ายคล้ายมิลย์เฟย ขนมหวานสัญชาติฝรั่งเศส แผ่นแป้งบางๆ กรุบกรอบ เรียงชั้นสลับครีมหอมมัน เพิ่มสัมผัสสนุกๆ ด้วยเกล็ดขนมปัง ตัดเลี่ยนด้วยซอสสตรอว์เบอร์รีโฮมเมด     Russian Honey Cake (90 บาท) หรือในภาษารัสเซียเรียกว่า ‘มีดาวิก’ (Medovik) เค้กน้ำผึ้งหอมหวานที่มีประวัติยาวนาน ซึ่งถือกำเนิดขึ้นช่วงศตวรรษที่ 19 ในยุคสมัยของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 พระราชินีซารีนาเอลิซาเบธ ผู้ไม่ชอบน้ำผึ้งเอาเสียเลย แต่เมื่อลิ้มลองมีดาวิก ที่เนื้อบางกรอบสลับกับซาวร์ครีม โรยเกล็ดเค้กนี้ก็ติดใจขึ้นมาทันที     ต่อด้วย Russian Pancake with 2 toppings (99 บาท) บลินนึย หรือแพนเค้กรัสเซีย ที่ชาวรัสเซียนิยมกินกันในช่วงเทศกาลมาสเลนิซาเพื่ออำลาฤดูหนาว และต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง แพนเค้กบางๆ เหนียวนุ่ม สีเหลืองทองหอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมกับซาวร์ครีม หรือครีมเปรี้ยว และคอตเทจชีส     Eskimo (120 บาท) มูสเค้กเนื้อนุ่ม ที่มีฐานเค้กเป็นโอริโอที่เรารัก ตักกินพร้อมกับครีมชีสสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่ทำมาจากวิปครีมและคอทเทจชีส ส่วนด้านบนสุดเป็นดาร์กช็อกโกแลตรสเข้มคุณภาพ จากประเทศเบลเยี่ยมเมนูนี้ทางร้านได้แรงบันดาลมาจาก ‘ไอศกรีมเอสกิโม’ ซึ่งเป็นไอศกรีมแท่งรสช็อกโกแลตที่ขายตามท้องตลาดทั่วไปในสมัยสหภาพโซเวียต     Russian Sour Cream Pie (150 บาท) ดูเผินๆ อาจจะคิดว่าเป็นชีสเค้กทั่วไป แต่จริงๆ แล้วนี่คือ พายซาวร์ครีมรสละมุน ที่ทำจากแป้งพายพัฟเพสทรี่รวมกับซาวร์ครีม ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ชาวรัสเซียนิยมรับประทานเป็นอย่างยิ่ง ราดด้วยซอสสตรอว์เบอร์รีโฮมเมด รสเปรี้ยวอมหวาน     Pavlova (120 บาท) เมอแรงสีชมพูอ่อนๆ รสหวาน เข้ากันดีกับซอสสตรอว์เบอร์รีทำเอง และครีมสดหอมมัน ด้านบนตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีอีกที     Tea or Coffee in Soviet Style (100 บาท) เซ็ตนี้ประกอบไปด้วย Oreshki คุกกี้ในแบบฉบับของรัสเซีย ให้สัมผัสที่กรุบกรอบ ภายในสอดไส้นมข้นหวานหอม เสิร์ฟพร้อมท็อฟฟี่ Black Tea ชาดำสัญชาติรัสเซียรสนุ่ม หอมกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ และลาเต้ร้อน ที่ได้จากเมล็ดกาแฟคั่วกลางจากทางภาคเหนือของเมืองไทย รสเข้มกำลังดี ดื่มง่าย     Ryzhenka​ (60 บาท) โยเกิร์ตทำเองสไตล์รัสเซีย เนื้อเนียนนุ่ม เข้มข้น รสเปรี้ยวสดชื่น กินคู่กับธัญพืชต่างๆ Keopun (60 บาท) โยเกิร์ตต้มที่อุณหภูมิต่ำ รสชาติเปรี้ยวเล็กๆ หอมกรุ่น เหมาะกับการกินเป็นมื้ออาหารเช้าอย่างยิ่ง       เครื่องดื่มแนะนำ Rosello x Peach (60 บาท) ชาร้อนหอมๆ สีแดงสดน่าจิบนี้คือ กระเจี๊ยบเบลนด์กับพีช รสเปรี้ยวกลมกล่อม     อีกไม่นานทางร้านจะเปิดให้มีเวิร์คชอปด้วยนะ

ชวนไปสัมผัสบรรยากาศแสนอบอุ่นที่ Grande KAFE ตั้งอยู่บนถนนมุขมนตรี ตรงข้ามตลาด 100 เมืองย่าในตัวเมืองโคราช กับบ้านไม้หลังใหญ่ของคุณแม่มารีโนเวทเป็นคาเฟ่ ที่ยังคงอนุรักษ์โครงสร้างแบบบ้านไม้เก่า แฝงไปด้วยกลิ่นอายเมื่อวันวาน ผสมผสานเข้ากับผนังปูนเปลือย นอกจากนี้ยังมีโซน Outdoor เป็นสวนหย่อมเล็กๆ ให้ไปนั่งรับลม จิบกาแฟ กินขนม ถ่ายรูปเพลินๆ       ไฮไลท์อยู่ที่เบเกอรี่โฮมเมดซึ่งสลับเปลี่ยนหมุนเวียนทุกวัน แถมยังทำแบบวันต่อวัน ไม่ใส่สารกันเสีย หวานกำลังดี นอกจากนี้ยังมี กาแฟ ชา และเมนูให้ความสดชื่นอีกเพียบ         เริ่มด้วยเมนูสีสันสดใส On The Beach ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในทะเล โดยผสานมิ้นต์เข้ากับ บลูฮาวาย ดื่มแล้วเติมความสดชื่นได้เป็นอย่างดี     อากาศร้อน ๆ ต้องลอง Black Tea Lemonade ชาดำเลม่อน ที่สกัดจากใบชาดำ กลิ่นหอม ดื่มแล้วกระปรี้กระเปร่า คลายร้อนได้เป็นอย่างดี กินคู่กับ Bael Upside Down Cake  เค้กมะตูม เนื้อนุ่ม ๆ หอมละมุน       ต่อด้วย Hei Peach เมนูสีสวยที่ถูกใจสาวๆ หลายคน เป็นความลงตัวระหว่างไฮเนเกนแอลกอฮอล์ 0% เข้ากับพีช  หอมกลิ่นพีช รสละมุน ส่วนคอกาแฟต้องลอง Yuzu Black Sparkling เเก้วนี้ได้ส้มยูซุรสเปรี้ยวอมหวาน ตัดกับรสขมของเอสเพรสโซ่จากเมล็ดอราบิก้า 100% คั่วเข้ม รสกลมกล่อม ดื่มง่าย ให้ความสดชื่น       ส่วนสายชาเขียวต้อง Matcha Latte มัทฉะลาเต้ ออร์แกนิกส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น หอม หวานมัน กินคู่กับ Almond Cake เค้กอัลมอนด์ ทางร้านเลือกใช้แป้งที่ปราศจากโปรตีนกลูเตนอย่างแป้งอัลมอนด์ ผสมผสานกับนมอัลมอนด์ ออกมาเป็นเค้กเนื้อแน่น ท็อปด้วยอัลมอนด์ เสิร์ฟคู่กับน้ำผึ้ง สายสุขภาพดีกินได้ไม่รู้สึกผิดแน่นอน       หรือจะลอง Scone สโคนสูตรออริจินัล สูตรของทางร้าน เนื้อนุ่มแน่น ผ่าครึ่งกินคู่กับเนยและแยมมิกซ์เบอร์รี่โฮมเมด อร่อยเต็มคำ แนะนำให้รับประทานร้อน ๆ ถ้ายังไม่จุใจต้องสั่ง Blueberry Cream cheese Muffin ที่จะทำให้ทุกคนหลงรัก กับเนื้อนุ่ม ด้านในจะฉ่ำ และหนึบแน่น ของบลูเบอร์รีกับครีมชีส ที่ติดใจจนต้องสั่งเพิ่มอีกถ้วย    

สีสันสุดจัดจ้านและผลงานอาร์ตชวนสะดุดตา ทำให้ “ชิม ชิม แบงค็อก” เป็นอีกคาเฟ่สุดฮอตในย่านสยาม ที่ Siam@Siam Design Hotels ด้วยคอนเซ็ปต์ Art-inspired Social diner ทำให้มื้ออาหารสนุกสนานผสานไปด้วยงานศิลปะ ให้เราและผองเพื่อนเอนจอยกันได้ทั้งวัน       ด้วยผนังสีขาวที่เปิดรับแสงธรรมชาติประดับไปด้วยเฟอร์นิเจอร์สีสันสดใส ทำให้มาสเตอร์พีชบนกำแพงดูโดดเด่นสะดุดตา พื้นที่ของร้านสไตล์ล็อฟต์นี้เหมือนเราอยู่ในแกลอรีศิลปะ ประดับด้วยผลงานของศิลปินที่หมุนเวียนมาแสดงตลอดทั้งปี และยังมีเบาะโซฟานุ่มๆ ให้บรรยากาศแสนสบายน่านั่งทั้งวัน         ส่วนอาหารก็ฝากท้องได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เพราะที่นี่เสิร์ฟมื้อเช้าแบบจัดเต็ม Hangover Brekkie (350 บาท) เมนูมื้อเช้าจานใหญ่ให้เลือกไข่แบบที่ชอบได้เองทั้งไข่ดาว ไข่คน หรือออมเลต มาพร้อมไส้กรอกคุณภาพดีจากสโลนบุชเชอร์ เช่น ไส้กรอกเลือด เบคอน แฮม เต็มอิ่มกับมะเขือเทศย่างชีส ถั่วขาวในซอสมะเขือเทศ และขนมปังซาวร์โดโฮมเมด     อีกจานที่แก๊งค์เพื่อนสาวควรลองสั่ง Kale Caesar (350 บาท) ซีซาร์สลัดที่ใช้ผักเคลใบหยิกที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ มาทั้งแบบสดกรอบ และผักเคลย่างให้กลิ่นหอมสโมคน่ากิน ราดด้วยน้ำสลัดซีซาร์โฮมเมดรสเข้มข้น โรยกรูตอง แอนโชวี และชีสพาร์เมซานเค็มๆ มันๆ     ส่วนมื้อกลางวันจะสั่งเมนูจานเดี่ยวก็มีพาสตาให้เลือกมากมาย เราชิม Beef Shank Pasta (400 บาท) พาสตาเส้นสดโฮมเมด Reginette เส้นแบนเหมือนริบบิ้นขอบหยักเนื้อหนึบนุ่ม ราดเนื้อตุ๋นรากูที่ตุ๋นนาน 4-5 ชั่วโมงจนนุ่มกับมะเขือเทศเชอร์รีรสหวาน และโรยชีสพาร์เมซานขูด     ถ้ามากับกลุ่มเพื่อนห้ามพลาดพิซซาหลากหลายหน้า ที่นี่ใช้แป้งพิซซาซาวร์โดที่หมักไว้ 48 ชั่วโมง ทำให้แป้งที่หมักนี้มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เนื้อสัมผัสของแป้งมีโพรงทำให้กรอบนอกนุ่มใน ไม่แข็ง มีหลายหน้าให้เลือก ทั้งแบบคลาสสิค หรือจะลองหน้า Carbonara (ขนาด 10 นิ้ว 270 บาท และขนาด 14 นิ้ว 350 บาท) ทาซอสขาวใส่ทั้งเบคอน แฮมแก้มหมู Guanciale ชีส Grana padano และไข่แดง ที่เสิร์ฟมาจากเตาร้อนๆ แล้วละเลงไข่แดงบนหน้าพิซซาได้รสเค็มมันแบบเดียวกับคาร์โบนาราพาสตาเลยทีเดียว     ยังมีเครื่องดื่มสไตล์คาเฟ่ที่ใช้เมล็ดกาแฟ Single origin จาก Roots มีทั้งกาแฟโคลบรูว เครื่องดื่มปั่นอย่างสมูทตี้ และชาจาก Monsoon Tea ถ้ามาตอนเย็นจะได้บรรยากาศอีกแบบเหมาะมาแฮงค์เอ้าท์เลยทีเดียว       ไม่ลองก็ไม่รู้ แบบนี้ต้องลองมา “ชิม” เองแล้วจะรู้

หลีกหนีความวุ่นวายมาผ่อนคลายที่ Unbranded Cafe คาเฟ่ภายใน พระนครนอนเล่น โรงแรมชื่อดังเก่าแก่ย่านเทเวศน์ โดดเด่นด้วยบรรยากาศร้าน สไตล์บ้านไทยโบราณที่แฝงกลิ่นอายความเป็นตะวันตก ชวนให้รู้สึกอบอุ่น เหมาะแก่การมานั่งจิบกาแฟ ลิ้มลองครังซองต์สุดโด่งดังกันเพลินๆ       ภายในเต็มไปด้วยของสะสมยุคเก่าและร้านค้าโบราณจำลองที่สามารถแชะภาพสวยๆ ได้ทุกมุม พื้นที่รับประทานอาหารมีให้เลือกได้ทั้งโซนโต๊ะและเก้าอี้ไม้สุดคลาสสิกที่แต่งแต้มสีเพิ่มความสดใส และโซนศาลาโซฟาตัวยาวให้เอนกายเอกเขนก รับลมธรรมชาติได้อย่างเพลินใจ       เริ่มความอร่อยด้วยเมนูยอดฮิตอย่าง ข้าวผัดมันกุ้ง ข้าวเม็ดสวยสีส้มหอมกลิ่นมันกุ้ง ท็อปด้วยกุ้งตัวโตเนื้อเด้งและไข่กุ้งพูนๆแบบเต็มคำ รสชาติเข้มข้น หอมมัน     ต่อด้วยเมนูอาหารฟิวชั่นยอดฮิตประจำร้าน สปาเก็ตตี้ปลาสลิด เส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มกินคู่กับปลาสลิดทอดเหลืองกรอบ อร่อยจัดจ้าน     เติมความสดชื่นด้วย Wake me up เครื่องดื่มสมูทตี้ที่นำเสาวรส สตรอว์เบอร์รี สัปปะรดและบลูเบอร์ มาปั่นรวมกัน เพิ่มความหวานหอมด้วยน้ำผึ้ง หรือจะเลือกเป็น Hot Cappuccino ที่ใช้เมล็ดกาแฟคั่วกลางจากภาคเหนือของไทย รสชาตินุ่มนวลกลมกล่อม       ที่ขาดไปไม่ได้ คือ ครัวซองต์รสชาติต่างๆ อาทิ Classic Croissant ครัวซองต์แป้งฟูบางกรอบ หอมเนย Almond Croissant ไส้ครีมอัลมอนด์หวานมันกินพร้อมอัลมอนด์สไลซ์ด้านบนฟินสุดๆ Raspberry Croissant  ครัวซองต์ราสป์เบอร์รีสีสันสดใส เปรี้ยวอมหวานกลมกล่อม และ Chocolate Croissant สอดไส้ช็อกโกแลตสุดเข้มข้น ถูกใจช็อกโกแลตเลิฟเวอร์  

หากใครมีโอกาสแวะไปย่านปทุมวัน เราอยากชวนให้เข้าไปซึมซับบรรยากาศสบายๆ ฝากท้องทั้งมื้อเบาและมื้อหนักไว้กับ Reno Hotel Bangkok โรงแรมสุดมินิมอลสไตล์เกาหลี ที่นอกจากจะมีห้องพักสวยงามชวนพักผ่อนแล้ว ภายในยังมีห้องอาหารและคาเฟ่ที่ซุกซ่อนความอร่อยเอาไว้ รอให้เหล่านักชิมได้เข้าไปลิ้มลอง       เดิมโรงแรมแห่งนี้ตกแต่งสไตล์ตะวันตกเรียบง่ายได้ความอบอุ่น ก่อนจะปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ดูทันสมัย ด้วยการรีโนเวทให้เป็นบูทีกโฮเทลแนวมินิมอล เน้นโทนสีเทาและขาวเป็นหลัก อีกทั้งยังเพิ่มโซนอาร์ตแกลลอรี่ ห้องประชุม และขยายพื้นที่ของห้องอาหารและคาเฟ่ให้กว้างขวางมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย       เริ่มด้วย เซ็ตข้าวต้มกุ๊ย (180-.) ข้าวต้มร้อนๆ ชามโต มาพร้อมหนำเลี๊ยบหอมๆ ผัดหมูสับ คะน้าหมูกรอบรสเค็มมัน ไข่เจียว Reno สอดไส้ไชโป๊หวานกรุบกรอบ  และยำผักกาดดองเปรี้ยวเผ็ดจัดจ้าน     เซ็ตอาหารว่างไทยโบราณ (320-.) ประกอบไปด้วย หมูโสร่งทอดกรอบสีเหลืองชวนกิน ปีกไก่ทอดหอมน้ำปลา ถัดมาเป็นข้าวเกรียบปากหม้อสอดไส้หมูยออุบลและดอกอัญชัญ ต่อด้วยสาคูไส้ปลาและไส้หมู กินคู่พริกขี้หนูสดและกระเทียม ที่ขาดไปไม่ได้คือ ขนมปังหน้าหมูรสเข้มข้นมาพร้อมอาจาดรสหวานกลมกล่อม จบเซ็ตนี้ด้วยขนมไทยโบราณอย่าง ข้าวกระยาคู หอมมันกะทิ นวลละมุนลิ้นเป็นที่สุด     นอกจากนี้ยังมี ข้าวอบสมุนไพร (120-.) ที่ใช้สมุนไพรมากกว่า 3 ชนิดนำไปผสมคลุกเคล้ากับผงกะหรี่และปลาสลิดจนออกมาเป็นข้าวอบรสชาติเข้มข้น กินพร้อม ชุดน้ำพริกกะปิ (280-.) รสกลมกล่อม ที่ได้ความหอมของกะปิแท้ๆ จากภาคใต้     ในส่วนคาเฟ่ก็มีเมนูหลากหลายไม่แพ้กัน อาทิ Waffle with Grilled Banana and Walnut (229-.) วาฟเฟิลหอมกรุ่นเสิร์ฟพร้อมกล้วยที่นำไปกริลล์จนชุ่มฉ่ำและไอศกรีมวานิลลาโรยถั่ววอลนัตกรุบกรอบ     Reno Iced Coffee (95-.) เอสเปรสโซ่ช็อตสุดเข้มข้นผสมผสานกับความหอมหวานของชาไทย ออกมาเป็นเครื่องดื่มรสชาติกลมกล่อมที่เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ     คนรักกาแฟส้มไม่ควรพลาด Iced Orangano (90-.) แก้วนี้ได้รสหวานจากน้ำส้มยุซุมาตัดรสขมของกาแฟดำ ดื่มง่ายได้ความสดชื่น  

Laliu.Bkk Hidden Home Cafe ลาลิ่ว โฮมคาเฟ่เล็กๆ ที่ซ่อนความอร่อยไว้ภายในบ้าน “ลิ่ว” ในภาษาจีนหมายถึงเลข 6 บ้านเลขที่ 66 หลังนี้ดัดแปลงหน้าบ้านให้เป็นโฮมคาเฟ่อบอุ่นที่มีขนมอร่อยหน้าตาสวยโดยฝีมือของ กวง-คณิน บุญตันบุตร เชฟหนุ่มอายุน้อยผู้เข้าแข่งขันรายการรายการ ท็อปเชฟไทยแลนด์ ขนมหวาน ฤดูกาลที่ 1         ร้านเฉพาะกิจวันหยุดนี้ขายเมนูที่เจ้าของร้านชื่นชอบเป็นส่วนตัว มีขนมหมุนเวียนวันละ 8 อย่าง และไอศกรีมโฮมเมดรสชาติไม่ซ้ำใคร 8 รส       Korean Garlic Bread (65 บาท) เมนูที่ได้แรงบันดาลใจเมื่อตอนไปฝึกงานเบเกอรีที่ประเทศเกาหลีใต้ ที่นั่นนิยมสอดแทรกขนมปังด้วยครีมชีส แต่ด้วยความชอบของเชฟจึงทำเป็นเนยกระเทียมกลิ่นหอมๆ แทน ผสานกับขนมปังเนื้อนุ่ม โรยชีสแล้วอบ ได้กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วร้าน     Garden (179 บาท) จานนี้ให้เลือกว่าจะจับคู่ไอศกรีมโฮมเมดกับครัวซองต์หรือบราวนี่ จากนั้นเชฟจะอุ่นให้ร้อนแล้วใส่ไอศกรีม ตกแต่งจานให้สวยมีท๊อปปิ้งมากมายทั้งถั่วอบ ครัมเบิล ซอสช็อกโกแลต ป๊อบคอร์น และวิปครีม     Caramel Macadamia Cruffin (80 บาท) ครอฟฟินที่ใช้แป้งครัวซองต์ใส่พิมพ์มัฟฟินแล้วอบจนฟูเป็นชั้น เสิร์ฟในถ้วยกระดาษใบเล็กดูน่ารัก ใส่ถั่วแมคคาเดเมียอบ และราดด้วยซอสคาราเมลโฮมเมดแบบเต็มๆ     Cup (99 บาท) ถ้วยนี้ให้เราเลือกไอศกรีมรสที่ชอบ เชฟจะใส่ท๊อปปิ้งอย่างถั่วพีแคน ครัมเบิล และวิปครีมมาให้ เราชิม Chocolate Capital ไอศกรีมช็อกโกแลตรสเข้มข้น เนื้อเนียน รสหวานหอมกำลังดี     ใครเป็นแฟนคลับเชฟกวง ลองตามไปชิมได้

หอมกลิ่นเนยตั้งแต่แง้มประตู Le Paris คาเฟ่ครัวซองต์เปิดใหม่บนชั้น 2 ของโครงการ Gump’s Ari เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนรักที่คร่ำหวอดในแวดวงอาหารและหลงใหลวัฒนธรรมการกินอันรื่นรมย์แบบชาวฝรั่งเศส โดยเฉพาะครัวซองต์ จึงอยากส่งต่อความอร่อยนี้ให้นักกินชาวไทยด้วย         ครัวซองต์ของที่ร้านอบใหม่ทุกวัน ทำรูปทรงคลาสสิกชิ้นเรียวยาว กินง่าย ใช้วัตถุดิบนำเข้าที่เลือกเฟ้นมาแล้วอย่างดีทั้งแป้งและเนย เริ่มด้วยชิ้นแรก Classic AOP ใช้เนย AOP หอมฉ่ำ มีเนื้อสัมผัสที่กรอบบางด้านนอกและนุ่มหนึบหนับด้านใน เมื่อดิปกับกาแฟหรือซุปแล้วได้ความชุ่มน้ำที่พอดี       ชิ้นต่อมา Ferrero เคลือบด้วยดาร์คช็อกโกแลต ได้ความกรุบกรอบจากอัลมอนด์ ซ่อนไส้นูเทลลาไว้ด้านใน     นอกจากนี้ยังมี Craquelin ซีรีส์ครัวซองต์หน้าแตกไส้ครีมสด ซิกเนเจอร์ประจำร้านที่เลือกได้ 3 รสคือ Craquelin - Matcha ใช้มัทฉะจากเกียวโต กลิ่นหอมรสเข้มเข้ากับเนื้อครัวซองต์ CraquelinFresh cream ครีมสดหอมสดชื่น หวานละมุนกำลังดี และรสสุดท้าย Craquelin - Coffee ที่ให้ความรู้สึกเท่ๆ ด้วยสีสันและรสกาแฟที่เคลือบอยู่ด้านบน และเป็นรสเดียวในซีรีส์นี้ที่ไม่มีไส้       ปิดท้ายที่เมนูเครื่องดื่ม Hojicha Matcha แยกเลเยอร์สวยงาม ปักด้วยไอศกรีมมัทฉะแบบแท่งที่ให้ลูกค้าเลือกวิธีกินได้ตามชอบ จะใช้ไอศกรีมคนในแก้วจนละลายแล้วค่อยๆ ดื่ม หรือจะกินไอศกรีมก่อนก็ได้ไม่ว่ากัน และ Lychee Pop น้ำลิ้นจี่สีสวยที่มีเนื้อลิ้นจี่ให้เคี้ยวเล่น       จิบแล้วชื่นใจหายร้อน

เดินทางเข้าสู่ซอยเจริญนคร 35 แล้วขึ้นไปสู่ชั้นบนสุดของ เข้าท่าห์ ริเวอร์เทล ที่พักสุดเก๋ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดาดฟ้าที่เปิดโล่งแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ Analog Playground ร้านอาหารและบาร์ที่เหมาะจะมานั่งชิลล์ช่วงแดดร่มลมตก กับ Sukko Slowbar คาเฟ่สโลว์บาร์ที่สั่งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ได้ตลอดวัน พร้อมกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาตรงหน้า         Analog Playground มีทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์ให้ได้ลิ้มลอง ซึ่งเครื่องดื่มที่เพิ่มความสดใสซาบซ่าได้ดีในช่วงเย็น ๆ ของวันแบบนี้ต้องยกให้กับม็อกเทลสีสันสดใส ได้แก่ บลูฮาวาย สีน้ำเงินสดใส และเกรนาดีน ไซรัปทับทิมเพิ่มความสดชื่น       แน่นอนว่ามีเครื่องดื่มแล้วจะต้องมีของคาวมาแกล้มให้ครบรส เริ่มต้นด้วย ยำเบคอนกรอบ ที่ได้ความกรุบกรอบของเบคอนมาเพิ่มรสชาติผสมผสานกับหอมใหญ่ชุบแป้งทอดในน้ำยำรสชาติจี๊ดจ๊าด ก่อนจะตัดรสชาติด้วย มันบด ที่ได้สัมผัสของเนื้อมันบดอย่างชัดเจนราดด้วยเกรวี่รสชาติกลมกล่อม       จากนั้นกลับมาต่อด้วยเมนูสไตล์ไทยอีกครั้งกับเมนู กุ้งแม่น้ำอบชีส ที่ได้รสชาติหวาน ๆ จากเนื้อกุ้งตัวโต ๆ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดเพื่อความสมบูรณ์แบบ     แล้วค่อยปิดท้ายด้วย ข้าวเขียวหวานเนื้อ ที่เลือกใช้เนื้อวัวน่องลายเคี่ยวในน้ำกะทิถึง 2 ชั่วโมงเพื่อให้นุ่มรับประทานง่าย แล้วนำมาคลุกเคล้าเข้ากับเครื่องแกงเขียวหวาน ได้ความเผ็ดนิด ๆ ครบรสสมุนไพร     มาที่เดียวได้ทั้งวิวอิ่มตาและอาหารอิ่มท้อง

เข้าท่าห์ ริเวอร์เทล เป็นหนึ่งในที่พักริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ตั้งอยู่สุดซอยเจริญนคร 35 ที่มาพร้อมทัศนียภาพแห่งความคึกคักของสายน้ำเจ้าพระยา ซึ่งนับเป็นทำเลระดับห้าดาวที่เหมาะจะขึ้นไปกินลมชมวิวบนชั้นดาดฟ้า ซึ่งที่นี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะชั้นบนสุดที่เปิดโล่งให้รับลมชมวิวอย่างเต็มที่นั้นเป็นที่ตั้งของ Sukko Slowbar คาเฟ่สโลว์บาร์ที่สั่งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ได้ตลอดวัน และ Analog Playground ร้านอาหารและบาร์ที่เหมาะจะมานั่งชิลล์ช่วงแดดร่มลมตก       Sukko Slowbar (สุขโข สโลว์บาร์) นั้นเป็นบาร์กาแฟเล็ก ๆ ที่เมื่อขึ้นมาจากชั้นดาดฟ้าก็จะเห็นเลย แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นสโลว์บาร์ที่ช้า ๆ เนิบ ๆ พิถีพิถันในการชงเครื่องดื่มทุกแก้ว ด้วยอุปกรณ์ชงกาแฟที่เน้น “ทำมือ” ทั้งหมด     ที่ร้านนี้มีเครื่องชงกาแฟแบบแมนนวลอยู่ทั้งหมดเพียง 2 เครื่องคือ Fair และ Robot เพราะฉะนั้นจึงเหมาะสำหรับคนที่มีเวลาเหลือเฟือ ไม่รีบร้อน และอยากจะมาผ่อนคลายจริง ๆ     Espresso Orange กาแฟเพิ่มความสดชื่น ใช้เมล็ดกาแฟจากพม่าที่ให้กลิ่นผลไม้เข้ากับน้ำส้มสด หรือถ้าใครไม่อยากดื่มกาแฟก็มี Dark Cocoa สุดเข้มข้นจนต้องร้องว้าวเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีไม่แพ้กัน       และเพื่อให้อิ่มท้องมากขึ้นทางร้านก็มีขนมเค้กที่จะผลัดเปลี่ยนไปในแต่ละวันมาให้เลือกชิม อย่างเช่นในครั้งนี้ที่ได้ลิ้มลอง บานอฟฟี ที่แสนจะหวานหอมด้วยคาราเมลกับเนื้อกล้วย บวกกับความเนียนนุ่มของวิปครีมแสนลงตัว     เป็นอีกคาเฟ่ที่น่าไปใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์จริงๆ

อีกหนึ่งร้านเบเกอรีสุดฮิตตอนนี้ต้องยกให้กับ “Tomoroo” โทโมรู ร้านเบเกอรีสัญชาติเกาหลี ที่โครงการ People park บนถนนอ่อนนุช     Tomoroo ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า แสงสว่าง หรือจะแปลว่าแสงจากเตาอบก็ได้ ร้านนี้จึงอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของขนมอบที่อบสดใหม่จากเตาทั้งวัน โทโมรูที่ประเทศเกาหลีใต้มีอยู่ 10 สาขา โดยมาเปิดที่อ่อนนุชเป็นสาขาแรกของประเทศไทย     เจ้าของร้าน และหัวหน้าเชฟเป็นโอปป้าชาวเกาหลีใต้ ใช้สูตรเดียวกับที่ประเทศเกาหลี โดยใช้วัตถุดิบนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้เป็นหลัก เช่น แป้งสาลี วอลนัต และครีมชีส ขนมทุกชนิดยังปราศจากไขมันทรานนส์อีกด้วย       ในร้านมีโต๊ะให้นั่งรับประทาน 4-5 โต๊ะ ถัดไปเป็นครัวที่เราจะได้เห็นเชฟอบขนมตลอดทั้งวัน กลางร้านเป็นโต๊ะขนาดใหญ่วางขนมหลากหลาย ถ้าเลือกไม่ถูกเขามีให้ชิมทุกอย่าง ส่วนเมนูที่โดดเด่นคือเมนูที่มีครีมชีส และวอลนัตเป็นส่วนผสม เช่น     Alligator เอลลิเกเตอร์ (100 บาท) พายกรอบวอลนัต เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน พายกรอบตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางเม็ดวอลนัตด้านบน ดูแล้วหน้าตาคล้ายจระเข้ พายเนื้อบางกรอบ รสไม่หวานมาก หอมวอลนัตเต็มคำ     Ga Mang-I กามังงี (130 บาท) กามังงี ขนมปังหมึกดำชีสและวอลนัต ขนมปังสีดำเนื้อนุ่มหนึบที่ใช้น้ำหมึกของปลาหมึก ไส้เป็นครีมชีสผสมกับแป้งให้มีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม ด้านบนราดด้วยวอลนัตผสมครีมนมสดและหมึกดำเคี้ยวแล้วกรุบกรอบ เป็นเมนูแปลกใหม่น่าลอง     Sweet Koguma (120 บาท) ขนมปังมันม่วง เมนูใหม่ขายดี ทำออกมาหน้าตาน่ารัก ทรงเป็นรูปมันม่วง มีผิวนอกสีม่วงให้เนื้อสัมผัสสากๆ เหมือนเปลือกของมันม่วงจริงๆ เนื้อขนมปังนุ่มแน่น สอดไส้มันม่วงบดผสมครีมชีสหอมหวานมัน     White Cake No.2 (750 บาท) เค้กซิกเนอเจอร์ของร้าน เค้กสีขาวตกแต่งมาอย่างน่ารักด้วยครีมนมสด และสตรอว์เบอร์รีสด เลเยอร์เค้กเป็นครีมนมสดสลับชั้นกับเค้กวนิลา กลิ่นหอมหวานน่ากิน     ยังมีเมนูพิเศษที่มีขายเฉพาะในไทย คือ พายฟักทอง และมาการองมะม่วง เพราะเป็นผักและผลไม้ที่คนไทยคุ้นเคยและชอบกิน     ใครที่คิดถึงประเทศเกาหลีแต่ยังบินไปไม่ได้ แนะนำให้ไปลองชิมให้หายคิดถึง

เสพงานศิลป์อินงานอาร์ตไปพร้อมกับการจิบเครื่องดื่มดีๆ สักแก้วในอาร์ตแกลลอรี่สุดชิคย่านเจริญกรุง ณ ATT19 ที่ตอนนี้เอาใจเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์และสายอาร์ตด้วยการเปิดโซนคาเฟ่ ให้ได้เข้าไปลิ้มลองความอร่อยของเค้กโฮมเมดและเครื่องดื่มสุดสดชื่นแบบไม่เหมือนใคร     พื้นที่แห่งนี้ เดิมเป็นตึกไม้สักโบราณอายุ 120 ปี อีกทั้งยังเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีน และปิดตัวลงในปี 2017 ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาร์ตสเปซสไตล์โมเดิร์นร่วมสมัย ที่ยังคงกลิ่นอายความวินเทจของตึกเก่าเอาไว้ ด้วยฝีมือของ คุณมุก - พรทิพย์ อรรถการวงศ์ ผู้เป็นเจ้าของร้าน และครอบครัว     ภายในร้านแบ่งออกเป็น 2 โซนหลักๆ คือ โซนคาเฟ่ที่ล้อมรอบด้วยกระจกใส ตกแต่งด้วยต้นไม้นานาชนิด ชวนให้รู้สึกมีชีวิตชีวา และโซนอาร์ตแกลลอรี่แสนอบอุ่น แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างสำหรับขายสินค้าตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า เครื่องประดับวินเทจ และชั้นบนสำหรับจัดแสดงผลงานศิลปะและจัดเวิร์คช็อปต่างๆ       เริ่มด้วย Fresh Juice น้ำผลไม้คั้นสดเหมาะกับสายสุขภาพ  จุดเด่นอยู่ที่สามารถเลือกผลไม้ที่นำมาทำเป็นส่วนผสมได้ตามความชอบ อย่างแก้วนี้เราเลือกเป็น แครอต เสาวรส และส้ม หวานเย็นชื่นใจ     Passion Fruit Fizz น้ำเสาวรสเข้มข้นผสมผสานมากับจิงเจอร์เอล ดื่มแล้วได้สัมผัสกรุบๆจากเม็ดเสาวรส รสชาติกลมกล่อม เรียกความสดชื่นได้ดี     ในส่วนของเบเกอรี่ แนะนำ Lemon Bar ขนมหวานสัมผัสหนึบหนับที่ได้ความหอมและรสเปรี้ยวจากเลมอน  กินพร้อมคุกกี้เนยบดด้านล่าง เข้ากันได้อย่างลงตัว     คนรักช็อกโกแลตต้องไม่พลาด Flourless Chocolate Cake เค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง ที่ยังคงความเข้มข้นของช็อกโกแลตไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม รสชาติหวานกำลังดีกินแล้วไม่เลี่ยน     French Apple Cake เค้กแอปเปิ้ลสูตรฝรั่งเศสอบจนเนื้อเค้กนุ่มฟู ท็อปด้วยแอปเปิ้ลชิ้นโตเคลือบคัสตาร์ด หอมหวานละมุน  

แฟนคลับชาเขียว Seven Suns” คงปลื้มไม่น้อยที่บาร์มัชฉะคุณภาพซึ่งเสิร์ฟชาเขียวรสเข้มข้นมานานกว่า 5 ปี ได้ขยายสาขามาเอาใจลูกค้าโซนลาดพร้าวกันที่ห้างสรรพสินค้า "เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว" ชั้น G เป็นที่เรียบร้อย แฟนตัวจริงตามไปเช็คอินกันด่วน จะสั่งแบบ Take – Away หรือจะนั่งจิบชาเขียวๆ ชิลๆ อยู่ในร้านก็ดีงามเหมือนกัน     มาทำความรู้จัก ‘เซเว่นซันส์’ บาร์มัชฉะสุดจริงจังนี้กันสักหน่อย ร้านนี้ก่อตั้งโดย ‘Mei Leaf’ บริษัทชาเขียวเลื่องชื่อแห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยใช้ ‘ทีมาสเตอร์’หรือผู้เชี่ยวชาญเรื่องมัชฉะ ในการคัดเลือกชาเขียวคุณภาพจากดินแดนอาทิตย์อุทัยกว่า 70 สายพันธุ์ ปรับปรุงและพัฒนาสูตรจนได้มัชฉะซิกเนเจอร์ 4 ตัวให้ได้ลิ้มลอง ได้แก่ ‘Seven Suns Matcha Latte’ ชาเขียวสายพันธุ์อุจิชั้นเยี่ยม รสนุ่มนวลและซับซ้อนน่าค้นหา มีความเข้มของชาที่น่าหลงใหล       ‘Seven Suns Houjicha Latte’ มัทฉะสายพันธุ์โฮจิฮะ ละมุนลิ้น ดื่มง่าย หอมกลิ่นสโมค ทั้งยังมีคาเฟอีนน้อย ตัวต่อไปเป็น ‘Okumidori Uji Matcha’ มัทฉะสายพันธุ์โอคุมิโดริอุจิเกรดพรีเมี่ยม รสอูมามิ และเข้มข้น เหมาะสำหรับชงเครื่องดื่มพื้นฐานอย่าง ชาเขียวเย็น สุดท้ายเป็น ‘Hatsu Mukashi Uji Matcha’ ชาเขียวสายพันธุ์อูจิที่มีอายุ 40 วัน ซึ่งชาวญี่ปุ่นมักใช้สำหรับงานพิธีการดั้งเดิม ส่งตรงมาจากเมืองโตเกียวโดยเฉพาะ มีรสชาติที่นุ่มลึก และมีกลิ่นหอมละม้ายคล้ายป่าสน       นอกจากนี้ ทางร้านยังใส่ใจเป็นพิเศษโดยให้ลูกค้าเลือกชนิดของนมในการผสมชาเขียวแก้วโปรดได้ เช่น นมสดชั้นดี นมไขมันต่ำ สำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก นมถั่วเหลือง นมพิตาชิโอ นมอัลมอนด์ หอมมัน และน้ำมะพร้าวรสหวานหอม เรียกได้ว่าชาววีแกนก็สามารถจิบได้อย่างสบายใจ ต้อนรับด้วย Premium Signature Matcha (145 บาท) มัทฉะลาเต้รสเข้มข้น รสหวานพอเหมาะ ที่มีส่วนผสมของชาเขียวสายพันธุ์ Hatsu Mukashi Uji จากดินแดนอาทิตย์อุทัย ตีกับนมสดคุณภาพ รสหอมมัน จิบกันแบบเพลินๆ สมแล้วที่เป็นเมนูฮอตฮิตประจำร้าน     ส่วนใครที่ชอบดื่มชาเขียวไม่ใส่นมแนะนำเมนูนี้เลย Iced Usucha (145 บาท) มัทฉะสายพันธุ์ Uji ที่เราเลือกให้ผสานกับน้ำมะพร้าวแท้ รสหอมหวานจากธรรมชาติ จิบแล้วชื่นใจดี     ตามด้วยเครื่องดื่มเฮลท์ตีที่ไม่เหมือนใคร Avocado Matcha Smoothie (240 บาท) ซูเปอร์ฟู้ด อาทิ อะโวคาโดเนื้อมันๆ กล้วยรสหวาน เข้ากันดีกับนมถั่วเหลืองชั้นดี และชาเขียวสายพันธุ์ Uji รสหวานเล็กๆ หอมกลิ่นมัทฉะอ่อนๆ     และที่ร้านยังมี Ultimate Matcha Ice Cream ไอศกรีมมัทฉะรสอร่อยที่มีให้คุณเลือกฟินถึง 3 ชนิด ได้แก่ Midori Cream (120 บาท) รังสรรค์มาจากชาเขียวสายพันธุ์ Okumidori เมืองอูจิ รสหวานพอดี     Kyoto Crunch (130 บาท) ผงมัทฉะเข้ากันดีกับ Genmai Caramel คาราเมลสูตรพิเศษของทางร้าน ซึ่งทำมาจากข้าวคั่วญี่ปุ่น หอมกรุ่น กินเพลิน ปิดท้ายด้วย Midori Cream Extreme (140 บาท) ไอศกรีมชาเขียวสุดเข้มข้น อูมามิ กลมกล่อม เหมาะสำหรับสายมัทฉะตัวจริงโดยเฉพาะ    

ที่นี่คือ Community ยอดฮิตแห่งใหม่ที่ไม่ว่าจะเป็นคอกาแฟหรือสายคาเฟ่ฮอปปิ้งก็ห้ามพลาด ! กับบ้านหลังใหม่ของ FIX Coffee ประดิพัทธ์  ตั้งอยู่ในโครงการ Somewhere  เปิดรอทุกคนมาดื่มกาแฟดีๆสักแก้ว เปรียบเหมือนเพื่อนดี ๆ ที่สามารถ Fix เราได้       ในบรรยากาศแสนอุ่น สไตล์ Home and Community ดูเรียบง่ายแต่ใสใจทุกรายละเอียด โทนสีขาวตัดขอบด้วยไม้ ลายล้อมไปด้วยกระจกใส ให้โปร่ง โล่ง มองเห็นเคาน์เตอร์บาร์สุดเก๋ ทำมาจากดินด้วยเทคนิคพิเศษ อีกทั้งยังโด่ดเด่นด้านกาแฟที่เจ้าของลงมือคั่วเอง       เริ่มด้วย Cortado เมนูซิกเนเจอร์ กาแฟเอสเพรสโซเข้มข้น จาก FIX Blend ที่ผสมผสานระหว่างเมล็ด โคลัมเบีย บราซิล เพิ่มรสด้วยนมผสานเข้ากันอย่างลงตัว เข้มกำลังดี สามารถเลือกเมล็ดกาแฟที่เราชอบได้ด้วยนะ     กินคู่กับ Crosinin Crunchy Peanut Butter & Jam แซนวิชแป้งครัวซองต์อบร้อน สอดไส้ด้วยพีนัทบัตเตอร์ตัดเลี่ยนด้วยแยมสตรอว์เบอร์รี่     ต่อด้วย Es-Yen (fat)0% เอสเพรสโซ่เย็น สามารถเลือกเมล็ดเองได้ เราเลือกเป็น Lanna Blend เมล็ดจากภาคเหนือหอมมัน ดื่มแล้วได้รสหวานนิด ๆ จากนมสูตรพิเศษของทางร้าน     ส่วนสายชาเขียวต้องจัด Matcha Latte มัทฉะ ลาเต้เย็น รสกลมกล่อม หวานน้อย ถูกใจแน่นอน     Floral Cascara (เมนูพิเศษที่เฉพาะช่วงเทศกาล) ที่นำเปลือกของผลเชอรี่กาแฟตากแห้งมารังสรรค์เข้ากับชาเอิร์ลเกรย์และผสมน้ำทับทิมสกัดเย็นเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมเพิ่มสีสันสดใสด้วย Edible Flowers รสชาติหอมหวาน ดื่มแล้วให้ความสดชื่นรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น     Dirty กาแฟนมที่มาในขวดแก้ว Take away โดยเลือกใช้  Lanna Blend เมล็ดกาแฟจากภาคเหนือ 100% เสิร์ฟคู่นมปรุงสำเร็จสูตรของทางร้าน รสนุ่มนวล กินคู่กับ Brownie บราวนี่หน้าฟิล์ม เนื้อแน่นหนึบหนับ ไม่หวานมาก กินได้เรื่อย ๆ ไม่รู้เบื่อ       นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมล็ดกาแฟให้ได้เลือกซื้อ  และบริการ Delivery ผ่าน LineMan , Grabfood อีกด้วยนะ

ชวนไปกิน ครัวซองต์หลากรสชาติจาก The Cuppers ที่ผ่านการคิดค้นสูตร โดยหัวหน้าเชฟขนมหวานของโรงแรม เดอะพารค์ไนน์ สุวรรณภูมิ จนกลายมาเป็นครัวซองต์ชิ้นโต หอมกรุ่นเนยชั้นดีที่นำเข้าจากฝรั่งเศส เนื้อสัมผัสด้านนอกกรอบ ด้านในนุ่ม แถมมาในราคาสบายกระเป๋า คุ้มค่า น่าตามไปลิ้มลอง     ทางร้านมีครัวซองต์หลากรสชาติให้เลือกตามความชอบ อาทิ Plain Croissant  หรือ Whole Wheat Croissant ครัวซองต์แบบดั้งเดิมที่มีให้เลือทั้งแป้งครัวซองต์ธรรมดาและแป้งโฮลวีต จับคู่กับเครื่องดื่มแก้วโปรดอย่างชา กาแฟ หรือกินเดี่ยวๆ ก็ฟินไม่แพ้กัน     Dark Chocolate Croissant ครัวซองต์สอดไส้ช็อกโกแลตที่ผ่านการเคลือบดาร์คช็อกโกแลตอีกหนึ่งชั้น หวานหอม เข้มข้นถูกใจช็อกโกแลตเลิฟเวอร์แน่นอน     อีกรสชาติที่พลาดไม่ได้ Macadamia Croissant  หรือ Macadamia Charcoal Croissant ครัวซองต์ชิ้นโตที่ท็อปด้วยถั่วแมคคาดิเมียเคลือบคาราเมล ได้ความกรุบกรอบ หวานมันจากถั่วเต็มๆ มีให้เลือกทั้งแป้งธรรมดาและแป้งชาร์โคล สำหรับใครที่อยากลิ้มลองความหอมหวานจากไส้ครีมอัลมอนด์และความกรุบกรอบของอัลมอนด์สไลซ์แนะนำให้สั่ง Almond Croissant ซึ่งมีให้เลือกทั้งแป้งธรรมดาและแป้งชาร์โคลเช่นกัน  

จิบชาระดับพรีเมียมที่ Time's House Tea Room คาเฟ่ชาเขียวแสนอบอุ่น ที่เน้นให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินไปกับการทดลองชงชาด้วยตัวเอง ในบรรยากาศสบายๆ เหมาะกับใครที่ต้องการดื่มด่ำและสัมผัสรสชาติชาเขียวคุณภาพดีโดยเฉพาะ     ตัวร้านตั้งอยู่บนชั้น 5 ของโครงการพิมาน 49 ภายในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเบจและเคาน์เตอร์บาร์หินอ่อน เสริมความเป็นธรรมชาติด้วยสวนเซ็นขนาดย่อมใจกลางร้าน ดูเรียบง่าย สบายตา ได้ความเป็นญี่ปุ่นที่ผสมผสานความเก๋ไก๋และความโมเดิร์นเข้าไว้ด้วยกัน       เมนูชาเขียวของร้านมีให้เลือกตั้งแต่เกรดมาตรฐานไปจนถึงเกรด Winning Award อย่างแก้วนี้เราเลือก Sencha Okumidori Honyama ชาเขียวเซ็นฉะร้อนเกรด Tea Master Recommend จากเมืองชิซุโอะกะ โดยชงกับน้ำร้อนและทิ้งไว้ 2 นาที จะได้ชารสชาติเบาที่มีกลิ่นหอมสดชื่น กินคู่ไปกับวาราบิโมจิแสนหนึบหนับ เข้ากันอย่างลงตัว       Gokou Wazuka Latte ชาเกรด Tea Master Recommended จากเมืองวาซุกะ ที่ต้องชงกับน้ำร้อนและตีด้วยมืออย่างพิถีพิถันจนได้ชาเขียวเนื้อเนียนเป็นฟองสวย ก่อนจะราดลงบนก้อนน้ำแข็ง ดื่มแล้วรู้สึกได้ถึงความเข้มข้นจากตัวชา รสชาติกลมกล่อม       นอกจากเครื่องดื่มทางร้านยังมีขนมหลากหลายเมนู อาทิ Twins Chispy Choux เสิร์ฟมาในรูปแบบเตาย่างสุดอลังการ ประกอบไปด้วย ชูครีมรสนมและชาเขียวรสชาติหวานมัน ได้กลิ่นหอม กินคู่กับสตรอว์เบอร์รี รสเปรี้ยว ตัดเลี่ยนได้ดี     Garden Swiss Roll โรลผลไม้เนื้อนุ่มสอดไส้ครีมนมสดหอมละมุน กินคู่กับครัมเบิ้ลกรุบกรอบและผลไม้ได้ความสดชื่น หรือจะเลือกเป็น Croissant Matcha แป้งบางกรอบ หอมเนย สอดไส้ครีมชาเขียวสุดเข้มข้น กินคู่กับชาร้อนเข้ากันได้เป็นอย่างดี    

ชวนไปกิน Souffle Pancake สูตรโอซาก้า ในคาเฟ่แอนด์บิสโตรสีขาวท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้น้อยใหญ่ ย่านสุขุมวิท ซึ่งเป็นเสมือนโอเอซิสกลางกรุงที่คอขนมหวานควรมาลิ้มรสชาติความละมุนของแพนเค้กในรูปแบบที่หลากหลาย     ความพิเศษของที่นี่คงหนีไม่พ้นบรรยากาศสบายๆ ที่เป็นได้ทั้งสถานที่นั่งชิลล์และ Co-Working Space ไปพร้อมกัน การตกแต่งเน้นโทนสีขาวเป็นหลัก กรุด้วยกระจกใสรอบร้าน สไตล์ Glass House แฝงกลิ่นอายความอบอุ่นแบบญี่ปุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเบจ ส่วนโซนด้านนอกจัดเป็นสวนสีเขียว ไว้สำหรับใครที่อยากดื่มด่ำกับลมธรรมชาติ       เมนูของร้านเป็นการฟิวชั่นของขนมญี่ปุ่นและอาหารตะวันตกสมัยใหม่ โดยมี Souffle Pancake เป็นส่วนประกอบหลัก เริ่มด้วย Ryoku’s Premium Pancake เมนูซิกเนเจอร์ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความอ่อนหวาน สดใสของหญิงสาว ประกอบไปด้วย ซูเฟล่แพนเค้กเนื้อนุ่มท็อปด้วยครีมซอสฮันนี่บัตเตอร์และฮันนี่คอมบ์ เพิ่มความหอมด้วยโรสไซรัป เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมรสวานิลลา กินแล้วได้ความหอมหวานจากดอกไม้และน้ำผึ้งหลากชนิด     Ryoku’s Tropical Garden แพนเค้กนุ่มฟูที่เพิ่มความสดชื่นด้วยซอสมะม่วงและซอสเสาวรส เคียงมากับผลไม้รสเปรี้ยวหลากชนิด อย่าง ส้ม สับปะรด เสาวรสและเมลอน     Hotto Antipasto อาหารเรียกน้ำย่อยสไตล์อิตาเลียน ประกอบไปด้วย พาร์มาแฮม เบคอน มะเขือเทศ ชีสมอซซาเรลลาและผักสลัด กินคู่กับซูเฟล่แพนเค้กเนื้อนุ่ม หอมกรุ่น เป็นจานที่อร่อยลงตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ     ในส่วนของเครื่องดื่มก็ดีไม่แพ้กับเมนูหลัก อย่าง Forget Me Not ม็อคค่าปั่นละเอียดที่เพิ่มรสสัมผัสด้วยเจลลี่กาแฟโฮมเมด หอมมันกลมกล่อม หรือจะเลือกเป็น Dirty ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟบราซิลผสมผสานกับนมสดเย็นๆ โรยเกร็ดดาร์คช็อกโกแลตด้านบนและเพิ่มความหอมด้วยผิวส้ม รสชาตินุ่มนวลชวนอร่อย       Yuzu Mojito เครื่องดื่มเติมความสดชื่นที่ได้ความหอมหวานจากส้มยูซุมาผสมกับความซาบซ่าของโซดา กินควบคู่ไปกับแพนเค้ก ตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี  

ชวนไปสัมผัสความสุขที่ช้าลงในแบบของคุณ คิม กิตติกร คุ้มสิริพิทักษ์ ที่ Lazebkk ท่ามกลางบรรยากาศของคาเฟ่สีขาวสะอาดตา ล้อมรอบไปด้วยกระจกใสดูกว้างขวาง โดยผสมสผานแนวคิดสถาปัตยกรรมแบบ Form Follows Function ออกแบบให้โปร่ง โล่ง เข้ากับพื้นที่สีเขียว แถมยังมีทั้งโซน Indoor Outdoor ให้เลือกนั่งผ่อนคลายได้ตามใจชอบ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่แฮงค์เอาท์ย่านสะพานควาย ที่ไม่ต้องรอวันหยุดก็สามารถแวะมานั่งจิบกาแฟ Specialty กันได้       จุดเด่นอยู่ที่กาแฟ เพราะที่นี่ใส่ใจทุกรายละเอียด ทุกขั้นตอน มีเมล็ดให้เลือกหลากหลาย พร้อมสลับเปลี่ยนทุกซีซั่น มีทั้งเมล็ดนอก เมล็ดไทย คั่วอ่อน คั่วกลาง ไปจนถึงคั่วกลางเกือบเข้ม ที่ลงมือทำโดยทีมคั่วของร้านเอง ไม่ว่าคุณอยากดื่มกาแฟแบบไหน เมล็ดอะไร ชอบแบบไหนสามารถสั่งได้ บาริสต้าจะช่วยดีไซน์ให้ตามที่เราต้องการ       หากเป็นมือใหม่เพิ่งเริ่มดื่มกาแฟ ที่นี่ก็มี House Blend หลักที่ใช้เมล็ดของบราซิล เชียงราย ดื่มง่ายไม่เปรี้ยว ถูกปากทุกคน สำหรับ Specialty Coffee ก็มี Single Origin หรือเบลนด์ที่ออกรสชาติฟรุตตี้  อีกทั้งยังมี Process ต่างๆ ให้เลือกตามใจชอบด้วย       นอกจากนี้ยังมี เมนู Non – Coffee และเบเกอรี่โฮมเมดให้เลือกอีกเพียบ ถูกใจทั้งคอกาแฟและสายคาเฟ่ฮอปปิ้งแน่นอน       เริ่มกันที่ Drip Coffee มีให้เลือกได้ทั้งร้อนและเย็น ในครั้งนี้เราเลือกเป็นดริปร้อนเมล็ดโคลัมเบีย คั่วอ่อน เป็นเมล็ดที่ผ่าน Washed Process จะช่วยชูรสชาติของกาแฟให้เด่นขึ้น เสิร์ฟในแก้วเซรามิกหนา เพื่อให้สัมผัสที่ได้มิติ หอมกลิ่นคาราเมล ดื่มแล้วได้รสชาติเปรี้ยว หวานปลาย จิบได้เรื่อย ๆ     ต่อด้วยเมนูยอดฮิต Dirty เอสเปรสโซชอตเข้มข้นสกัดจากเมล็ดฮอนดูรัส คั่วอ่อน เป็นเมล็ดที่ผ่าน  Enzymatic Process จึงมีกลิ่นวานิลลาค่อนข้างชัดเข้ากับกาแฟนมได้ดี เสิร์ฟแยกชั้นบนนมผสมวิปครีมแช่เย็นจัด หอมมัน ดื่มง่าย เป็นอีกเมนูที่หลายคนเทใจให้     ใครไม่ดื่มกาแฟต้องลอง WHISTLE เครื่องดื่มอันแสนลงตัวของรสชาติหวานอมเปรี้ยวจาก Homemade Cold-brew Redberry สูตรเฉพาะของทางร้าน เพิ่มความซาบซ่าเข้าไปด้วยพีชโซดา และเติม Falernum Syrup ไปนิดหน่อยเพื่อความสมบูรณ์แบบ แถมยังได้สัมผัสของเนื้อส้มในขณะที่จิบไปเพลิน ๆ     ปิดท้ายด้วย Dreamy Blueberry Mousse บลูเบอร์รี่เค้ก เนื้อมีความครีมมี่นิดๆ สอดแทรกด้วยเนื้อบลูเบอร์รี่ ท็อปด้วยครีมมูสกับเบอรี่ เคี้ยวเพลิน