“Onethird of a day stay with us” อยากให้คุณได้ใช้เวลา 1/3 ของวันไปกับคาเฟ่บรรยากาศดีๆ และกลิ่นหอมของกาแฟที่ Onethird Club & Café คาเฟ่แสนสงบในบรรยากาศร่มรื่นแสนสบายใกล้กับสวนวนธรรม และ สวนหลวง ร.9 เป็นอีกหนึ่งสเปซที่เหมาะใช้เวลาในวันหยุด     อาคารแสนเท่เป็นโฮมออฟฟิศของครอบครัว “คุณมุก” ที่ปรับพื้นที่พักผ่อนให้เป็นคาเฟ่สไตล์มินิมอล มีที่สำหรับนั่งทำงาน ห้องประชุมให้เช่า จัดงานเลี้ยงส่วนตัว อบรม สัมมนา จัด workshop อีกด้วย ลูกค้ามีทั้งหนุ่มสาวออฟฟิศที่มานั่งทำงาน และคนรักสุขภาพที่มาออกกำลังกายที่สวนในวันหยุด       ที่นี่มีเมล็ดกาแฟเฮ้าส์เบลนด์ให้เลือกอย่างเช่น Old School เมล็ดกาแฟของไทยคั่วเข้ม ขมและมีกลิ่นสโมค ฟลูบอดี้ Gentle Eye เมล็ดกาแฟของไทยผสมกับบราซิลคั่วเข้มกลาง ให้กลิ่นนัตตี้และโกโก้ และ Juicy Garden เมล็ดกาแฟไทยผสมกับกัวเตมาลา คั่วกลาง ให้กลิ่นหอมของดอกไม้     มาถึงแล้วควรสั่งซิกเนเจอร์อย่าง Yuzu Shakerato (150 บาท) ชอตกาแฟ old school คั่วเข้มเขย่าในกระบอกเชคกับน้ำส้มยูสุ เสิร์ฟเหมือนค็อกเทล ใส่เนื้อส้มเพิ่มความสดชื่น     สายนมต้องสั่ง Hokkaido Latte (140 บาท) ลาเต้นมสดฮอกไกโด ครีมมีเข้มข้นหวานมัน จิบเพลินๆ     ส่วนใครที่ไม่ดื่มกาแฟ ลองสั่ง Triple sec Cocoa (130 บาท) โกโก้รสเข้มใส่น้ำเชื่อมทริปเปิลเซคกลิ่นส้ม มีลูกเล่นคือจะบิดเปลือกส้มให้ได้น้ำมันหอมระเหยของส้มก่อนเสิร์ฟ ดื่มแล้วได้กลิ่นหอมสดชื่น และมีรสเปรี้ยวอ่อนๆ ไม่เหมือนใคร     ใครที่อยากซื้อกาแฟดีๆ กลับไปดริปเองที่บ้าน ทางร้านยังมี Drip To Go เมล็ดกาแฟจากหลายโรงคั่วให้เราได้เลือกประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป ทางร้านจะอำนวยความสะดวกบดกาแฟที่เราเลือกสดใหม่ใส่ซองกระดาษสำหรับดริป พอกลับบ้านก็ทำง่ายเพียงเทน้ำร้อนใส่ตามไกด์ที่แนะนำไว้ พร้อมเอนจอยกับกาแฟกลิ่นหอมๆ       ส่วนเค้ก และของหวานไว้กินแกล้มกับกาแฟก็มีหลายเมนู เราลองชิม Black Beer Cake เค้กช็อกโกแลตผสมเบียร์ดำ เนื้อเค้กนุ่มฉ่ำสีดำ รสเข้มจากช็อกโกแลตได้กลิ่นเบียร์อ่อนๆ ตัดรสเปรี้ยวนิดๆ จากครีมชีสบัตเตอร์ครีม     Blueberry Cheese Pie พายบูลเบอร์รีสีม่วงสวย เนื้อครีมชีสนุ่มหนึบ ใส่บูลเบอร์รีแยมและบูลเบอร์รีสดเพิ่มรสชาติ     Toffle Nut Cake เค้กเนื้อแน่นนุ่ม ได้รสมันๆ ของถั่วอย่างอัลมอนด์ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ กับซอสท๊อฟฟี่รสหวาน     ใครอยากเต็มอิ่มที่นี่ก็มีอาหารจานเดียวให้เลือกสั่ง อย่างเช่น ข้าวหน้าหมูไข่ออนเซ็น อาหารจานเดียวกินง่าย ข้าวร้อนๆ ราดด้วยหมูสไลด์ผัดนุ่มๆ รสหวานจากหอมหัวใหญ่ เพิ่มความอร่อยด้วยไข่ออนเซ็น     นอกจากนี้ยังมีโทสต์ ครัวซองต์ ครอฟเฟิล แซนวิช สลัด สปาเก็ตตี้ ให้สั่งอย่างเต็มอิ่มอีกด้วย

หากมองจากด้านนอก คล้ายว่า WKYM Cafe จะถูกคุมโทนด้วยสีขาวล้วน แต่เมื่อเปิดประตูแล้วก้าวเข้ามาด้านใน เราจะพบสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์นิเจอร์สไตล์ Mid-Century Modern ที่จัดวางได้อย่างเหมาะเจาะ เข้างานงานอาร์ตเวิร์กเท่ๆ ที่เห็นได้ทั่วร้าน เบรกด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟ       WKYM มาจากคำว่า Wanna Know you More ถ่ายทอดตัวตนของ 4 หุ้นส่วนคุณมินท์-คุณมิ้ล-คุณเป้ และคุณมุก ที่มีความถนัดต่างกัน ทั้งเรื่องเครื่องดื่ม ขนมหวาน งานครีเอทีฟ กลายเป็นที่มาของชื่อร้านที่อยากชักชวนให้ทุกคนได้ลองทำความรู้จักกันให้มากขึ้นอีกนิด       เมนูของที่ร้านตั้งชื่อได้ชวนอมยิ้ม เริ่มด้วย WANNAKNOWYOUMORE เมนูซิกเนเจอร์ที่คุณมินท์เล่าอย่างอารมณ์ดีว่าเป็นเมนู “หว่านล้อม” ให้คนไม่โปรดปรานรสขมของกาแฟได้ลองจิบ แก้วนี้ชาพีชหอมๆ และความเข้มข้นช็อตเอสเพรซโซ่เข้าไว้ด้วยกัน แล้วจัดเสิร์ฟในแก้วสไตล์ม็อกเทล     OHNOOO* แก้วนี้โปรดออกให้เสียงยาวเพื่อเพิ่มอรรถรส อเมริกาโนด้านบนท็อปด้วยวิปครีมนุ่มนวลเบลนด์กับแครกเกอร์โอริโอ เมื่อยกจิบแล้วจะได้เนื้อสัมผัสกรุบกรอบเบาๆ ที่เข้ากนได้ดี ตามด้วย TODIEFOR 1 ในเมนู Chubby Drinks ที่ชวนเราอ้วนแบบเต็มใจ ชาอู่หลงท็อปด้านบนด้วยครีมชีสสูตรพิเศษ นุ่มและเข้มข้น       อย่าลืมสั่ง RARE CHEESECAKE ชีสเค้กเย็นที่เป็นพระเอกของร้าน เนื้อชีสเค้กแน่นนุ่มรสเปรี้ยวนิดๆ และ LEMON CAKE เค้กเลมอนชิ้นน่ารักสดชื่นเหมาะสำหรับสั่งมาจับคู่กับกาแฟร้อนสักแก้ว       แว่วมาว่า WKYM ยังมีโปรเจกต์พิเศษที่กำลังจะเผยโฉมในเวลาอันใกล้ให้ที่นี่เป็นมากกว่าคาเฟ่ธรรมดา เอาเป็นว่ารอติดตามกันให้ดี     ระหว่างนี้ก็แวะมาทำความรู้จักกันก่อนนะ

ไม่เพียงเป็นคอมมูนิตี้สเปซสุดสร้างสรรค์แห่งใหม่ของคนรักภาพยนตร์ที่มีแกลลอรี มุมฉายหนัง และกิจกรรมดีๆ ให้เหล่า Movie Mania ได้เพลิดเพลินแล้ว “FICS” (ที่ย่อมาจาก “Film Inspired Community Space) ที่ก่อตั้งโดย “บาส – นัฐวุฒิ” และ “จูนจูน - พัชชา พูนพิริยะ” ยังมีมุมคาเฟ่บนชั้น 2 ที่พร้อมเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มสุดเก๋ที่ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่องดังต่างๆ มาเอาใจสาย (ชอบ) ดื่มและสาย (ชอบ) ชิมอีกด้วย       นอกจากเมนูกาแฟแบบเบสิกที่ดื่มง่าย กลมกล่อม ละมุนละไมแล้ว เราไม่อยากให้พลาด 5 เมนูซิกเนเจอร์ ที่ดึงคอนเซ็ปต์จากหนังดัง (และอาจเป็นหนังเรื่องโปรดของใครหลายคน) มาให้อร่อยฟินและอินยิ่งกว่าเดิม       ไม่ว่าจะเป็นเมนูยอดนิยมอย่าง Amélie ลาเต้เย็นใส่แยมราสพ์เบอร์รีโฮมเมดที่ร้านทำเอง หรือ Clockwork Orange ดาร์กช็อกโกแลตเข้มข้น (มาก) ใส่ซอสส้มที่ตั้งใจเทผสมแบบเปื้อนๆ แต่เก๋ สื่อถึงบรรยากาศที่แสนวุ่นวายในหนังสุดคลาสสิกเรื่องนี้       สำหรับคนรักชาเขียว เราแนะนำ Lost in Translation เหล้าบ๊วยโซดาผสมสไปรท์ เติมมัตฉะเข้มข้น สดชื่นแปลกใหม่ เสิร์ฟในแก้วคอกเทลสุดคลาสสิก ส่วนสายนมต้องลอง Blue Is the Warmest Colour นมไวต์ช็อกโกแลตผสมอัญชันสีฟ้าสวยเสิร์ฟอุ่นๆ เพิ่มความหอมด้วยซินนามอน           แต่ถ้าอยากได้ความสดชื่นแบบเร่งด่วน Call Me By Your Name ความอร่อยสดชื่นแฝงกลิ่นอายบรรยากาศหน้าร้อนด้วยส่วนผสมอย่างชาพีช โซดา มะนาว และใบมินต์ คือเมนูที่จะตอบโจทย์ทุกคนอย่างแน่นอน     ก่อนกลับอย่าลืมไปเลือกซื้อของที่ระลึกเก๋ๆ ที่มุม Concept Store” เล็กๆ ในบริเวณคาเฟ่ อาทิ เสื้อทีเชิ้ต แก้วน้ำ ที่เล่นคำหรือลายที่เชื่อมโยงจากหนังเรื่องต่างๆ ไปอิ่มเอมใจกันต่อที่บ้านด้วยนะ    

ณ บริเวณชั้น 6 ของศูนย์การค้าใจกลางกรุงฯ อย่างเซ็นทรัลเวิลด์ มีร้านน้องใหม่แกะกล่องชื่อ “PEAK Chocolate Passionist” ร้านช็อกโกแลตของ “คุณทิพย์ – วันชลีย์ ศิรินิ่มนวลกุล” สาวสวยผู้หลงใหลในรสชาติของช็อกโกแลต มีดีกรีเป็นถึงนักเรียนนอกจากประเทศออสเตรเลีย โดยเธอมีความฝันอยากเปิดร้านช็อกโกแลตคุณภาพ เสิร์ฟให้สายหวานได้ลิ้มลองช็อกโกแลตฟินๆ กันอย่างถ้วนหน้า     คุณทิพย์เลือกคำว่า ‘Peak’ ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยหมายถึง ‘จุดสูงสุด ณ ยอดปลายเขา’ และในภาษาวัยทีนส์หมายถึงคำว่า ‘สุดยอด’ มาเป็นชื่อร้าน เนื่องจากเป็นคำที่จำง่าย และสื่อความหมายถึงร้านที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด จุดเด่นของพีค ช็อกโกแลต แพสชั่นนิส คือ ทุกเมนูหลักจะมีช็อกโกแลตคุณภาพจากประเทศเบลเยียม แหล่งที่มาของช็อกโกแลตรสเลิศทั้งหลายประกอบอยู่ด้วย       นอกจากนั้นยังมีช็อกโกแลตชั้นดีในเมืองไทยจากจังหวัดจันทบุรี ลำปาง ชุมพร และนครศรีธรรมราช รวมถึงต่างประเทศอย่างฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวเนซุเอลา คิวบา และแทนซาเนีย มาเสริมในเมนูเครื่องดื่มที่คุณทิพย์เป็นคนคิดค้นและพัฒนาสูตรเอง ส่วนทางด้านของหวานเป็นฝีมือของเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านขนมหวานโดยเฉพาะ เสิร์ฟมาในบรรยากาศร้านที่จำลองเป็นโรงงานช็อกโกแลตในสไตล์คลาสสิก – โมเดิร์น เน้นสีทองในการตกแต่ง ทำให้ร้านดูหรูหรา ชวนนั่งเป็นที่สุด     เริ่มชิมจากเมนูที่เด็กอ้วนโปรดปราน Fondue Selection (375 บาท) ชุดช็อกโกแลตฟองดูน่ากิน ประกอบไปด้วยผลไม้สดตามฤดูกาลต่างๆ อาทิ องุ่นแดง กล้วยหอม บลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี และขนมหวานหลากชนิด เช่น วาฟเฟิล ขนมปังกรอบ มาร์ชแมลโลว์ ไอศกรีม จิ้มกับดิปช็อกโกแลตสัญชาติเบลเยียม ที่มีทั้งดาร์กช็อกโกแลตรสเข้มข้น และมิลก์ช็อกโกแลตรสหวาน     ตามด้วย Iconic Chocolate Pizza (249 บาท) พิซซาช็อกโกแลต ตัวแป้งทำจากคุกกี้โดเนื้อกรอบนอกนุ่มใน ราดซอสช็อกโกแลตที่คุณสามารถเลือกรสได้อย่างตามใจ อาทิ ดาร์กช็อกโกแลตที่เราเลือก มิลก์ช็อกโกแลต และไวท์ช็อกโกแลต กินพร้อมท็อปปิงต่างๆ ได้แก่ มาร์ชแมลโลว์ อัลมอนด์ ช็อกโกแลตชิพ กล้วย สตรอว์เบอร์รี และเนยถั่ว      Dark Chocolate Molten Cake (185 บาท) เมนูยอดฮิตช่วงนี้ของสายหวาน เค้กช็อกโกแลตเนื้อฟองน้ำ นุ่มฟู ราดซอสช็อกโกแลตเยิ้มๆ ที่ทำมาจากดาร์กช็อกฯ สัญชาติเบลเยียม รสเข้มกำลังดี ตกแต่งด้วยผงโกโก้น่ากิน White Chocolate Molten Cake (185 บาท) โดดเด่นด้วยไวท์ช็อกโกแลตรสหอมมัน ผสานไปกับเค้กเนื้อนุ่มและนมผงฮอกไกโดจากประเทศญี่ปุ่น       หรือใครอยากกินของหวานแบบกรุบกริบ เราแนะนำช็อกโกแลตกราฟฟิตี้ไซส์มินิรูปทรงสวยงาม แถมมีรสชาติต่างๆ ที่สายหวานชื่นชอบ ได้แก่  Kanyaw (55 บาท) เมนูฤดูกาลประจำร้าน ช็อกโกแลตชั้นดีเข้าปากพร้อมซอสทุเรียนสายพันธุ์ก้านยาว หวานหอม Marijuna (45 บาท) ช็อกโกแลตรสใบกัญชา รสหวานผสมรสเข้มสุดฟิน     Rose Tea in The Dark (45 บาท) ดาร์กช็อกโกแลตรสเข้มข้น หอมกลิ่นกุหลาบเบาๆ Bitter Matcha (45 บาท) เมนูนี้โดนใจทั้งสาวกช็อกโกแลตและมัทฉะ เพราะรังสรรค์ซอสมัทฉะด้วยผงชาเขียวจากประเทศญี่ปุ่นเข้ากับช็อกโกแลตคุณภาพจากประเทศเบลเยียม     มาแล้วอย่าลืมสั่งเครื่องดื่มร้อนๆ รสอร่อยอย่าง Dark Chocolate Hot (140 บาท) ช็อกโกแลตร้อนที่ทำจากช็อกโกแลตคุณภาพจากประเทศเบลเยียม รสเข้มข้น กลมกล่อม ท็อปด้วยฟองนมนุ่มๆ และมาร์ชแมลโลว์เบิร์นไฟ     เมนูนี้ก็น่าสนใจ Chantaburi Chocolate Hot (110 บาท) ช็อกโกแลตจากจังหวัดจันทบุรี นำมาทำเป็นช็อกโกแลตร้อนรสเข้มพอเหมาะ ผสานความเปรี้ยวเล็กๆ สายหวานจิบเพลิน Nakaorn Sri Thammarat Chocolate Hot (140 บาท) หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน ช็อกโกแลตรสนุ่มนวลนี้เป็นรสชาติประจำตัวของช็อกโกแลตจังหวัดนครศรีธรรมราช  จิบพร้อมฟองนมครีมมี โรยด้วยผงโกโก้อีกที       แต่หากใครยังปักใจกับเครื่องดื่มเย็นต้องลอง Milk Chocolate Hazelnut Iced (145 บาท) มิลก์ช็อกโกแลตสัญชาติเบลเยียมปั่นกับถั่วฮาเซลนัท รสหวานมัน จิบแล้วชื่นใจ Malaysia Chocolate Iced (135 บาท) ช็อกโกแลตเย็นรสเข้มกำลังดีที่ทำจากช็อกโกแลตคุณภาพจากประเทศมาเลเซีย หอมกลิ่นละม้ายคล้ายกล้วยตาก       รสหวานที่ได้ มาจากตัวช็อกโกแลตล้วนๆ เพราะร้านนี้เขาไม่ใช้ไซรัปนะจะบอกให้!

ใครเป็นแฟนบาร์ดนตรีสีชมพู The Cassette Music Bar อย่าลืมแวะไปชิลเปลี่ยนบรรยากาศในช่วงกลางวันกันบ้างกับ The Cassette Coffee Bar” คาเฟ่สีชมพูสาขาใหม่ที่เก๋ไก๋ไม่แพ้กัน ที่สำคัญยังคงคอนเซ็ปต์เปิดเพลงขวัญใจวัยรุ่นยุค 90 ให้เราร้องคลอและรำลึกความทรงจำที่ยังไม่จางหายในรูปแบบบาร์กาแฟสุดฮิปแห่งสยามสแควร์       นอกจากการตกแต่งด้วยโทนสีชมพูสวย เรายังประทับใจการผสมผสานความโมเดิร์นที่แฝงกลิ่นอายวินเทจให้คิดถึงร้านบาร์ในยุคเก่าได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นประตูหมุนหน้าร้าน เคาน์เตอร์บาร์หินอ่อน ไปจนถึงบาร์กาแฟและลิฟต์จำลองด้านในที่ชวนให้อยากถ่ายรูปไปทุกมุม       สำหรับเมนูกาแฟที่นี่ใช้กาแฟซิงเกิลออริจินจากจังหวัดเชียงราย ที่ให้รสชาติแบบฟรุตตีและกลิ่นหอมคาราเมล รวมทั้งกาแฟเบลนด์พิเศษของร้านที่ให้เทสต์โน้ตของถั่วและดาร์กช็อกโกแลต เราแนะนำ Ice Orange Latte ลาเต้เย็นที่ใช้เมล็ดกาแฟจากเชียงราย เพิ่มความอร่อยด้วยแยมส้มเข้มข้น ท็อปด้วยเนื้อส้มเชื่อม     ใครไม่ดื่มกาแฟ ลองสั่ง Rich Dark Chocolate ใช้เมล็ดโกโก้ของไทย รสเข้มแต่ไม่ข้นจนเกินไป ดื่มง่าย แต่ยังคงโดนใจคนรักช็อกโกแลตอย่างแน่นอน หรือ Yuzu Honey Lemon เมนูแสนสดชื่นที่ผสมสานความเปรี้ยวหวานซ่าของแยมส้มยูสุ น้ำผึ้งมะนาว และโซดา       หรือจะเพิ่มความหวานด้วย Chocolate Pillow Cake เค้กช็อกโกแลตสูตรโฮมเมดของร้าน เนื้อเค้กนุ่มแน่น หวานกำลังดี อร่อยเพลินสุดๆ  

Huus of Bread” บ้านขนมปังชื่อเก๋สร้างสรรค์โดยเหล่าเจ้าของร้านอดีตบล็อกเกอร์ ที่โดดเด่นทั้งการตกแต่งร้านในสไตล์โมเดิร์นปารีเซียง โทนสีน้ำเงินขาวสบายตา รายล้อมไปด้วยผลงานศิลปะสุดฮิปให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในมิวเซียมดีๆ แถบยุโรป และเมนูโดนัตสูตรซิกเนเจอร์ (Shonut) ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว         ไม่เพียงชั้นล่างจะน่าถ่ายรูปไปทุกมุมแล้ว บนชั้นสองยังให้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านสมกับชื่อร้านที่นำภาษาสวีดิชคำว่า Hus” ที่แปลว่า “บ้าน” มาผสมกับคำว่า Us” ที่มีความหมายว่า “เรา” เพื่อสื่อถึงจุดมุ่งหมายของร้านที่อยากเป็นเหมือนบ้าน (ขนมปัง) ของทุกคน       นอกจากเมนูห้ามพลาดอย่าง Shonut โดนัตสูตรซิกเนเจอร์ที่ใช้แป้งขนมปังโชกุปังมาทำเป็นโดนัทเนื้อนุ่มเบาหอมไม่เหมือนใคร มีไส้ให้เลือกหลากหลาย ทั้งวานิลลา เบอร์รี มัตฉะ เลมอน และช็อกโกแลตแล้ว เราอยากให้ลองเมนูใหม่ Crispy C&B Toast โทสต์ที่ใช้ขนมปังโชกุปังเนื้อนุ่ม เคลือบด้านบนด้วยเนยคาราเมลกรุบกรอบกินเพลิน มีทั้งแบบออริจินอลและผสมแครนเบอร์รี       อย่าลืมสั่งเครื่องดื่มมาอร่อยคู่กัน เราแนะนำ Hot Latte ใช้เมล็ดกาแฟคั่วกลาง ดื่มง่าย ซึ่งได้ร้านกาแฟ Sleep Enemy มาคั่วให้โดยเฉพาะ และ Choco Project ช็อกโกแลตเย็นสูตรเด็ดจากร้านช็อกโกโปรเจกต์ (คาเฟ่เฉพาะกิจของเจ้าของร้าน) ที่ใช้ช็อกโกแลตพรีเมียม โดยเฉพาะช็อกโกแลตเวโรนา       ส่วนสายเปรี้ยวต้องลอง Lemonade ที่มีส่วนผสมของเลมอนแท้และไซรัปที่ร้านหมักเลมอนด้วยตัวเองที่แค่จิบเดียวก็สดชื่นไปทั้งวัน  

จากเดิมที่เคยเป็นพื้นที่ “โรงงานแก้วบูรพา” มาหลายสิบปี ปัจจุบันนี้พื้นที่โรงงานส่วนหนึ่งได้ขยับขยายกลายเป็นคาเฟ่น้องใหม่ย่านบางแค บน ถ.เพชรเกษม ไม่ไกลจาก MRT หลักสองที่มีชื่อว่า Eastern Glass Cafe       ด้วยความเป็นมาดั้งเดิม คาเฟ่แห่งนี้เลยเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายอินดัสเทรียลไปเสียทุกอณู ตั้งแต่ทางเข้าร้าน มาจนถึงภายในร้านที่ปลอดโปร่งด้วยบานกระจก พร้อมกับเครื่องมือผลิตแก้วขนาดใหญ่ตั้งโชว์อยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นบนฝาผนังเปิดเปลือย หรือแม้แต่ใจกลางร้าน       เมนูของร้านเน้นเมนูรับประทานง่าย เช่น กาแฟและเมนูโซดาให้จิบเพิ่มความสดชื่น สำหรับใครที่อยากได้เมนูเข้ม ๆ แต่ไม่ใช่กาแฟ ก็ต้องเป็น Black Cocao โกโก้เย็นสุดเข้มข้นหวานน้อยเอาใจสายขมโดยเฉพาะ     แต่ถ้าอยากได้เครื่องดื่มเพิ่มความซาบซ่า ลองเป็น UME YUZU น้ำส้มยูซุผสมบ๊วยใส่โซดา ได้รสชาติเปรี้ยวอมหวานซ่าถึงใจ พร้อมเลมอนสไลด์เสิร์ฟในแก้ว     สำหรับใครที่หาของกินรองท้องที่ร้านก็มีบรรดาขนมอบให้เลือกกินคู่กับเครื่องดื่มแก้วโปรดด้วยเช่นกันทั้งครัวซองต์ และ แอปเปิ้ลพาย ชิ้นใหญ่ ให้รสชาติแอปเปิ้ลสอดไส้มาอย่างเต็มคำ     เมื่ออิ่มท้องแล้วอย่าลืมเดินทะลุคาเฟ่เข้าไปอีกโซนที่วางจำหน่ายเครื่องแก้วหลากหลายรูปแบบ ทั้งแก้วน้ำ แจกัน ไปจนถึงจานแก้ว เรียกว่าเดินกันเพลินไม่เสียชื่อโรงงานผลิตแก้วเก่าแก่ตัวจริงเสียงจริง           **ในช่วงที่ยังมีการระบาดของโควิด-19 บริเวณคาเฟ่ยังเปิดให้บริการตามปกติ แต่ไม่สามารถนั่งรับประทานภายในร้านได้ ส่วนบริเวณโซนขายแก้วนั้นเปิดให้เข้าตามปกติ

Hok อ่านว่า ฮก มาจากคำมงคลภาษาจีน แปลว่า ความสุขสมปรารถนา เป็นที่มาของชื่อคาเฟ่สไตล์จีนโมเดิร์นน้องใหม่บนถนนเยาวราชแห่งนี้ โดดเด่นด้วยหน้าร้านที่ออกแบบมาให้คล้ายกับโรงเตี๊ยมจีนสมัยโบราณ ใครได้เห็นเป็นต้องสะดุดตา       ภายในเลือกใช้โทนสีเขียว สีมงคลของจีนในปี 2021 เป็นหลัก ตัดกับสีเทาของผนังและเคาน์เตอร์บาร์สไตล์ลอฟต์ เสริมความคลาสสิกด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และภาพวาดผู้คนในยุค70 ชวนให้รู้สึกอบอุ่น ดูเรียบง่ายสบายตา       เริ่มด้วย ชุดหมูกรอบชาชู+หมูแดงน้ำผึ้ง+เป็ดรมควัน (430.-) หมูกรอบชาชู กรอบนอกฉ่ำใน มาพร้อมกับหมูแดงอบน้ำผึ้งหอมหวานและเป็ดย่างเนื้อนุ่ม กินกับน้ำราดสูตรพิเศษสไตล์จีนโบราณ       ต่อกันที่ ชุดติ่มซำร้อนๆ อย่าง ฮะเก๋าทรัฟเฟิลทองคำ (115.-) สอดไส้กุ้งมาแบบเต็มคำ เพิ่มความหรูหราด้วยแผ่นทองคำและคาเวียร์ ถัดมาเป็น ขนมจีบกุ้งชีสเบิร์น (99.-) แป้งบางไส้แน่น ท็อปด้วยชีสเบิร์นและไข่กุ้ง สุดท้าย เสี่ยวหลงเปา (95.-) แป้งนุ่ม ที่ซุกซ่อนน้ำซุปรสกลมกล่อมเอาไว้           ฮกดิป (99.-) ปาท่องโก๋ยักษ์และหมั่นโถวทอดจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมดิปสังขยามัทฉะและชาไทย อิ่มอร่อยกินเพลิน       ที่พลาดไม่ได้ คือ ไอศกรีมน้ำเต้าหู้งาดำคั่ว (75.-) ไอศกรีมน้ำเต้าหู้รสเข้มข้นที่เพิ่มความหอมด้วยงาดำ กินคู่กับคุกกี้ช็อกโกแลตกรุบกรอบเข้ากันได้เป็นอย่างดี       ตบท้ายด้วย ชุดชามังกร (185.-) เสิร์ฟมาในกาดินเผาสีดำลายมังกร มีให้เลือก 3 รสชาติ คือ ชาอู่หลงหอมหมื่นลี้ ชาทิกวนอิม และชากุหลาบ  

“Simiao Kafei” (ซึเมี่ยว คาเฟย) ชื่อร้านซึ่งมีความหมายในภาษาจีนว่า “ร้านกาแฟข้างวัด” เป็นร้านที่เกิดจากความรักในการดื่มกาแฟของ 2 เพื่อนซี้ คุณประยุทธ์ พงษ์ประพัฒน์ และคุณวิทยา ตั่งธนาภรณ์ ที่ใช้เวลาว่างจากงานประจำมาทำสิ่งที่รักร่วมกัน ร้านสวยแห่งนี้อยู่ในตึกชิโน-โปรตุกีสอายุกว่า 150 ปีบนถนนเฟื่องนคร ตรงข้ามวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหารที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน โดยรีโนเวตให้ร่วมสมัยแต่ยังคงกลิ่นอายสไตล์โอเรียลทอลแบบจีนที่ทั้งสงบ ผ่อนคลาย เรียบง่าย จนใครก็อยากนั่งชิลนานๆ           เริ่มตั้งแต่ทางเข้าที่เราจะต้องสะดุดตากับกระจกทรงกลมขนาดใหญ่ เมื่อผลักประตูเข้าไปจะพบกับเคาน์เตอร์สีดำที่จำลองตู้ยาแบบจีนโบราณให้ความรู้สึกเหมือนย้อนเวลาสู่อดีต ตรงข้ามเป็นมุมนั่งสบายๆ โดดเด่นด้วยกราฟฟิตี้รูปหญิงสาวสวมชุดกี่เพ้าบนกำแพง         หากเดินลึกเข้าไปด้านในจะเป็นลานกลางบ้านที่มีแสงสว่างส่องผ่านจากด้านบน เดิมตรงนี้คือ “ซิมแจ้” หรือบ่อน้ำในบ้าน เอกลักษณ์ของบ้านสไตล์จีนโบราณที่ถูกปรับเป็นมุมนั่งชิลสำหรับคนที่อยากได้ความเป็นส่วนตัว อีกทั้งไม่ต้องกลัวร้อนเพราะมีลมพัดผ่านตลอดเวลา       ส่วนเมล็ดกาแฟไฮไลท์ของร้านได้จากไร่จือปาและแสงชัย คั่วโดยนักคั่วแชมป์ประเทศไทยที่ตั้งใจเบลนด์กาแฟสเปเชียลตี้มาให้เป็นพิเศษ เริ่มที่ Piccolo Hot Latte สัมผัสความนุ่มนวลหอมมันจากการผสมผสานของเอสเปรสโซช็อตที่ออกดาร์กช็อกนิดๆ อบอวลด้วยกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้ง เสิร์ฟคู่โซดา แนะนำให้จิบโซดาก่อนเล็กน้อยแล้วตามด้วยกาแฟอุ่นๆ ช่วยกระตุ้นต่อมรับรสทำให้รสชาติของกาแฟแก้วนี้มีความพิเศษมากขึ้นอีกเท่าตัว       หรือลองกาแฟดริปร้อนที่ใช้เมล็ดกาแฟจากเอธิโอเปีย สัมผัสแรกจะเข้มขมก่อนแปรเปลี่ยนเป็นหอมหวานที่ปลายลิ้น สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับคอกาแฟ       ส่วนกาแฟเย็นลอง Xia’Tian เซี่ยเทียน เอสเปรสโซช็อตผสมส้มยูซุและเลมอน ดื่มสดชื่นได้กลิ่นหอมของผลไม้       หากไม่ดื่มกาแฟก็มีทางเลือกที่ดีต่อใจอย่าง เลมอนขิงโซดา รสเปรี้ยวซ่าสดชื่น จับคู่กินกับเบเกอรี่ชิ้นไหนก็เข้ากันได้ดีทั้งนั้น           ไม่ว่าจะเป็น เลมอนทาร์ต หอมหวานอมเปรี้ยว หรือปังจีบ ปังอบ กรอบๆ หอมๆ อัดแน่นด้วยชีสเยิ้มๆ กินแล้วเคลิ้มมาก       ส่วนของว่างน่าลอง ขนมจีบต้ม เนื้อนุ่มคำโต อัดแน่นด้วยไส้หมูสับคลุกเคล้ากับเครื่องเทศ  ชูรสด้วยจิ๊กโฉ่ว ต้องอ้าปากกว้างแค่ไหนก็ยอม     หลังอิ่มอกอิ่มใจกับกาแฟแก้วพิเศษ ก็ได้เวลาเดินชมถนนหนทางและอาคารเก่าสวยๆ กันแล้วล่ะ

หน้าร้อนระอุแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการละเลียดน้ำแข็งสดชื่น พร้อมกับจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ Ang Bao” ร้านชาและขนมหวานสูตรต้นตำรับจากประเทศไต้หวัน ที่ตอกย้ำความสำเร็จอีกระดับด้วยการเปิดสาขาที่ 4 (ล่าสุด) ณ ห้างใหญ่ใจกลางกรุงฯ อย่าง ‘สยามพารากอน’ ซึ่งมาในคอนเซ็ปต์ ‘Taiwanese’s Finest Teas & Desserts’ ทุกเมนูล้วนรังสรรค์มาจากวัตถุดิบคุณภาพจากไต้หวัน หนึ่งในประเทศที่มีขนมหวานโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์     หากถามถึงเรื่องรสชาติ ร้าน Ang Bao จะเน้นความเข้มข้นของใบชาเป็นหลัก ทำให้ขนมหรือเครื่องดื่มนั้นเข้มข้น รสชาติไม่หวานมาก พร้อมให้คุณได้ฟินในราคาสบายกระเป๋า โดยเริ่มต้นเพียง 55 บาท เสิร์ฟในบรรยากาศโรงเตี๊ยมสไตล์จีน ประดับประดาด้วยโคมเต็งลั้งสีแดง น่าถ่ายรูปลงโซเชียลรัวๆ       เปิดด้วยเมนูขายดีอย่าง Taiwanese Milk Tea Pudding (159 บาท) พุดดิ้งเนื้อเนียน นุ่มเด้งกินอร่อย รสชานมไข่มุกไต้หวันหอมๆ เข้าปากพร้อมไข่มุกหนึบๆ และเยลลี่บราวชูก้า กรุบกรับ     Herbal Ice A3 (159 บาท) น้ำแข็งไสรสเฉาก๊วยชื่นใจเป็นที่สุด เข้ากันดีกับเฉาก๊วย เนื้อเด้ง ทาโร่บอลนุ่มนิ่ม มี 3 สีด้วยกัน อาทิ สีเขียวทำจากใบเตย สีม่วงจากมันม่วง และสีเหลืองคือมันเทศ เผือกชิ้นโต และถั่วแดง ราดด้วยนมสดหอมมันอีกที     Herbal Ice A5 (199 บาท) น้ำแข็งไสเฉาก๊วยที่เราคุ้นเคย เพิ่มเติมด้วยเครื่องแน่นๆ ได้แก่ ข้าวบาร์เลย์ ลำไยหวานฉ่ำ รากบัวเชื่อมฟินๆ เฉาก๊วยโฮมเมดชิ้นโต และทาโร่บอล ท็อปด้วยนมสดครีมมี เข้ากันดีมากมาย       Taiwanese Milk Tea Snow (259 บาท) บิงซูปุกปุยเนื้อนุ่ม รสชานมไต้หวันเข้มข้น ท็อปด้วยวิปครีมหอมมัน ปริมาณมหาศาล ถูกใจเด็กอ้วนเป็นที่สุด กินกับไข่มุก เยลลี่บราวชูก้า และเฉาก๊วย     เครื่องดื่มเราแนะนำ Taiwanese Boba Milk Tea (75 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ ชานมสูตรดั้งเดิมของไต้หวัน รสเข้มกลมกล่อม หอมมัน หวานพอดี ดูดพร้อมไข่มุกเนื้อหนึบหนับกินเพลิน     Chrysanthemum Milk with Osmanthus Jelly (85 บาท) แก้วนี้เราเลิฟ นมเก๊กฮวยหอมกรุ่น รสนุ่มนวล ไปด้วยกันได้ดีกับเยลลี่ดอกหอมหมื่นลี้ ที่ให้สัมผัสเด้งดึ้ง     เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าอีกระดับด้วย Yuzu Honey Soda (125 บาท) เป็นการรวมตัวกันระหว่างชาเขียว ยูซุ น้ำผึ้ง และน้ำโซดา รวมเป็นรสชาติเปรี้ยวอมหวานสดชื่น จิบคลายร้อนได้เป็นอย่างดี Passion Fruit Green tea (125 บาท) รสเปรี้ยวละมุน หอมกลิ่นเสาวรส       ฟินคุ้มค่าเลยทีเดียว

เปิดตัวในเมืองไทยอย่างเป็นทางการได้สักพักแล้วสำหรับ TP TEA by Chun Shui Tang” ร้านชานมไข่มุกต้นตำรับจากประเทศไต้หวัน ที่เสิร์ฟความอร่อยมาตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งแตกไลน์ออกมาจากร้านชุนสุ่ยถัง (Chun Shui Tang) โรงน้ำชานานาชาติที่ตั้งอยู่ในเมืองไตซุง ประเทศไต้หวัน อันเป็นร้านที่คิดค้นเมนูชานมไข่มุกขึ้นมาเจ้าแรกในโลก และประสบความสำเร็จอย่างล้มหลามจนขยายไปกว่า 400 สาขาทั่วโลก     แถมนอกจากจะขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ร้านชานมไข่มุกเจ้าแรกในโลก’ แล้วยังเป็นร้านชาที่เสิร์ฟ ‘ชานมไข่มุกแบบร้อนเจ้าแรกในประเทศไทย’ อีกด้วย ‘TP’ คำที่ประกอบในชื่อร้านนี้ย่อมาจาก ‘Taiwan Professional’ ความเชี่ยวชาญทางด้านใบชานั้นทำให้ทางร้านเลือกใบชาคุณภาพต่างๆ จากประเทศไต้หวัน อาทิ ชาทิกวนอิม (Tie Guan Yin) ชาสายพันธุ์ Taiwan Mazhu Authentic Tie Guan Yin ให้รสชาตินุ่มนวล ละมุนเป็นที่สุด แถมยังให้กลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนๆ ชาเขียวมะลิ (Premium Jasmine Green Tea) ชาเขียวมะลิที่ผ่านการรมควันอย่างใส่ใจถึง 5 รอบ กลิ่นหอมฟุ้ง     สุดท้ายคือ ชาดำ (Signature Black Tea) ชาดำรสเข้มข้น มีกลิ่นหอมหวานของดอกลำไย ซึ่งเก็บจากพื้นที่สูงชัน มาเป็นเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้าน ผ่านกรรมวิธีชงชาสด บวกกับท็อปปิ้ง ได้แก่ ไข่มุก เยลลี่กาแฟ อโลเวร่า ที่ส่งตรงมาจากประเทศไต้หวันเช่นกัน ทำให้ชาทุกแก้วของร้าน TP TEA by Chun Shui Tang นั้นอร่อยสดชื่น และเข้าไปอยู่ในใจของสายหวาน ที่รักการดื่มชานมไข่มุกเป็นชีวิตจิตใจได้ไม่ยาก     น่าสนใจขนาดนี้ G&C มีหรือจะพลาด รีบตรงไปที่ยังเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ชั้น 2 อย่างทันควัน ตัวร้านจำลองเป็นร้านน้ำชาโบราณแบบฉบับไต้หวัน มีเคาน์เตอร์ไม้คลาสสิกเรียงรายกันเป็นชั้นๆ เห็นแล้วสะดุดตา หาได้ไม่ยาก   เมื่อมาถึงร้านสั่ง ชามัลเบอร์รี ครีมชีสพิงค์ซอลท์ มาชิม ชามัลเบอร์รี่หอมกรุ่น รสหวานอมเปรี้ยว ท็อปด้วยครีมชีสหอมมัน ได้รสเค็มเล็กๆ ของเกลือสีชมพูจากเทือกเขาหิมาลัย     ตามด้วยเมนูดาวเด่นอย่าง ชานมไข่มุก ตัวชานมทำมาจากชาดำหอมๆ ได้ความหอมหวานจากดอกลำไย ดูดพร้อมไข่มุกเนื้อหนึบหนับที่ปราศจากสารกันบูด     แก้วนี้ก็ขายดี ชาเขียวมะลิพรีเมี่ยม รสหวานพอดี ได้กลิ่นมะลิหอมฟุ้งจากชาเขียวมะลิ ที่ผ่านการรมควันอย่างพิถีพิถันถึง 5 รอบ     ชาเขียวเสาวรส อโลเวร่า และสาคู ชาเขียวชั้นดี ผสานไปกับเสาวรส รสเปรี้ยวละมุน เข้ากันดีกับเจลลีอโลเวร่า นุ่มเด้ง และสาคู เคี้ยวเพลิน     ลองมาดื่มชานมแบบร้อนกันบ้างกับ ชาทิกวนอิมลาเต้ไข่มุก ชาทิกวนอิม (Tie Guan Yin) คุณภาพ รสชาตินุ่มนวล มิ๊กซ์ไปกับนมสดหอมมัน ไปด้วยกันได้ดีกับไข่มุกสัญชาติไต้หวัน     ชาที่ฟินแบบไลท์ๆ ร้านนี้แหละใช่เลย

MALEE BREW & BLOOM หรือ ช่อมาลี เริ่มมาจากร้านดอกไม้ออนไลน์ร่วมสมัย thelegendbouquet ก่อนจะเริ่มเปิดหน้าร้านพร้อมคาเฟ่สไตล์ Thai Minimalist เพื่อให้ทุกคนได้มาดื่มด่ำกับนิทรรศการดอกไม้สุดสร้างสรรค์ไปพร้อมกับการจิบเครื่องดื่มดีๆ สักแก้ว     ตัวร้านเผยให้เห็นโครงสร้างเดิมของตึกเก่าอายุมากกว่า 100 ปี ที่ใครเห็นเป็นต้องสะดุดตา เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับเคาน์เตอร์บาร์สีขาวรายล้อมด้วยนิทรรศการดอกไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงาม ซึ่งจะปรับเปลี่ยนไปตามเทศกาลและฤดูกาล       บริเวณชั้น 2 เป็นโซนที่นั่งสำหรับคาเฟ่ โดยทางร้านเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มตัดกับสีเขียวของต้นไม้นานาชนิดที่นำมาตกแต่ง ส่วนชั้น 3 เจ้าของร้านตั้งใจจัดไว้เป็น Glass House Workshop ในอนาคต เพื่อเป็นพื้นที่แบ่งปันความรู้เรื่องดอกไม้และงานศิลปะอื่นๆ     เริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ Siam Rose (200.-) กาแฟ Cold brew ผสมผสานมากับโรสไซรัปและลิ้นจี่ เพิ่มความนุ่มละมุนด้วยฟองไข่ขาวปั่นด้านบน แนะนำให้ดื่ม ขณะที่ยังเย็นอยู่จะดีที่สุด     ต่อด้วย Baitoey Milk (130.-) นมใบเตยสูตรพิเศษของทางร้าน หอมมันรสชาติหวานกำลังดี ผสมมากับวุ้นใบเตยเพื่อเพิ่มสัมผัสขณะรับประทาน     เมนูขนมที่ห้ามพลาด Lemon Tart (170.-) แป้งทาร์ตกรุบกรอบกินพร้อมครีมเลมอน คาราเมลกรอบและเมอแรงก์เบิร์นไฟรสหวานละมุน อร่อยกลมกล่อม หรือเลือกเป็น Carrot Cake (170.-) เค้กแครอต เนื้อแน่น เต็มไปด้วยธัญพืชสลับชั้นมากับครีมชีสหอมมัน หวานน้อย เพิ่มความสวยงามด้วยดอกไม้กินได้หลากสี    

ร้านครัวซองต์น้องใหม่ที่ปักหมุดอยู่บนชั้น 4 Siam Square One ระดับความอร่อยขั้นเทพ ใครยังไม่ลองต้องบอกว่าห้ามพลาด ตัวร้านหาไม่ยากเพราะสีสันจี๊ดจ๊าดในคอนเซ็ปต์ป๊อปอาร์ต พร้อมยกขบวนทวยเทพจากโอลิมปัสมาการันตีความอร่อย เริ่มจากคิวปิดเทพน้อยแสนซน โลโก้ที่น่ารักสดใสชวนให้อารมณ์ดี ส่วนเทพองค์อื่นๆ จะสื่อผ่านครัวซองต์รสชาติต่างๆ กินเพลินแล้วยังสนุกเหมือนอยู่ในเทพปกรณัมกรีกอย่างไรอย่างนั้น         บริเวณร้านมีมุมเล็กๆ ให้นั่งเอ็นจอยขนาบข้างเคาน์เตอร์ทั้งซ้ายและขวา หรือใครอยากซื้อกลับบ้านทางร้านก็มีแพคเกจสุดคิวท์ที่เห็นแล้วอยากได้กลับไปสะสมให้ครบทุกแบบ           เมนูเด่นเป็นครัวซองต์ที่ได้สูตรเด็ดจากเชฟชาวฝรั่งเศส ลักษณะเด่นคือแป้งเบา กรอบนอกนุ่มใน ฉ่ำเนยสุดๆ และชิ้นไม่ใหญ่เกินไป อยากชิมให้ครบทุกรสก็ทำได้สบายๆ ไม่แน่นท้อง ชิ้นแรกแนะนำ Choco Aphrodite  ดาร์คช็อคโกแลตเข้มข้น ปิดทองคำเปลวด้านบน รสหวานนำนิดๆ ขมตามหน่อยๆ เหมือนความรักที่โดนเทพี Aphrodite สาปให้ตกหลุมรักคนเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ เจ็บจี๊ดๆ แต่แอบกรี๊ดคอนเซ็ปต์ (ฮา)     Prospering Persephone เพอร์เซโฟนี แปลว่า อิสระ เสมือนสื่อว่า “ฉันจะดลบันดาลครัวซองต์ที่อร่อยแค่ไหนก็ได้ให้ทุกคนกิน” (ในส่วนของความมั่นใจนี้ ยกนิ้วให้เลย) ชิ้นนี้เด่นที่รสชาติของราสเบอร์รี่ เปรี้ยวนิดๆ ตัดรสหวานของไวท์ช็อกโกแลต เพิ่มสีสันด้วยดอกไม้ทานได้     Enlightening Athena ครัวซองต์อัลมอนด์หอมๆ สอดไส้ครีมอัลมอนด์ โรยถั่วให้กินจุใจ รสนี้ขายดีที่สุด ชนิดที่หากต้องโดนเทพีอาธีนาสาปให้เป็นแมงมุมหรือเมดูซ่าก็ยอม ขอเพียงให้ได้ลิ้มรสเท่านั้น     Goodbye! Hades สายดาร์คยังต้องยกนิ้วให้กับรสชาติของกาแฟเข้มๆ โรยถั่วเฮเซลนัทเน้นๆ อร่อยเต็มปากเต็มคำ ส่วนสายตะมุตะมิอย่างเราเทหมดใจให้ตั้งแต่กัดคำแรกแล้วล่ะ     ส่วนชิ้นนี้ Good Goddess Demeter เป็น Plain Croissant ที่ยืนยันว่ากินเปล่าๆ ก็อร่อย ทั้งกรอบนอกนุ่มใน หอมเนยสุดๆ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของร้าน เพราะเลือกใช้เนยอย่างดีนำเข้าจากฝรั่งเศส แถมใส่ให้เยอะมากจนอยากบอกว่าถ้าฉ่ำกว่านี้ หรือหอมกว่านี้ ก็ต้องกินเนยล้วนๆ แล้ว       นอกจากนี้ทางร้านยังมีพาร์เฟต์ให้จับคู่กินกับครัวซองต์ อาทิ FUOdysseus นอกจากครัวซองต์เพลนหอมเนย 1 ชิ้น ยังมีท็อปปิ้งจุกๆ อย่างฟัดจ์บราวนี่ ท็อฟฟี่นัท ไวท์ช็อกโกแลต ราดด้วยซอสช็อกโกแลตรสเข้มขมติดปลายลิ้น กินกับไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟหวานๆ มันๆ เข้ากั๊นเข้ากัน แต่ถ้าอยากเติมความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าลอง The Helen of Troy อุดมด้วยผลไม้รสเปรี้ยว ได้แก่ สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ กีวี พีช ลิ้นจี่ ส้ม ราดด้วยซอสสตรอว์เบอร์รี่         เรื่องราวความวุ่นวายของเหล่าทวยเทพยังไม่จบ และความอร่อยก็เช่นกัน! ^_^

แม้จะยังเดินทางไปต่างประเทศไม่ได้ (ในเร็วๆ นี้) แต่หากใครคิดถึงไต้หวัน เราอยากให้ไปลองชิมเมนูอร่อยสไตล์ไต้หวันแท้ๆ ที่ "Pincha.cafe" คาเฟ่เล็กๆ สีขาวน่ารักซึ่งแอบซ่อนอยู่ในซอยสีลม 20 แสนพลุกพล่าน ที่เพียงแค่เห็นหน้าร้านก็ให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่ในย่านฮิปของไทเปแล้ว (หรือจะสั่งเดลิเวอรีไปอร่อยที่บ้านแบบชิลๆ ผ่าน Grab, Lineman และ Robinhood ก็ได้เช่นกัน)       ทุกเมนูของ Pincha (อ่านว่า ผิ่นฉา ที่แปลว่า กลิ่นของชา) นี้เป็นฝีมือของคุณแม่ชาวไต้หวันของเจ้าของร้านที่ได้รับสืบทอดสูตรเด็ดจากอาม่ามาส่งต่อความอร่อยของอาหารไต้หวันท้องถิ่นและชาคั่วหอมชวนดื่มที่ใช้ใบชาคัดสรรอย่างดีจากไต้หวันให้เราได้อร่อยเต็มอิ่มเหมือนเป็นหนึ่งในครอบครัวคนไต้หวันจริงๆ     จานเด่นที่เรายกนิ้วให้ต้องเป็นข้าวหน้าไก่ทอดไต้หวัน ที่รวมพลมาทั้งไก่ทอดกรอบนอกนุ่มใน หมูสามชั้นพะโล้ไต้หวัน ไข่พะโล้ ผัดเกี้ยมฉ่าย ผักดอก ผัดผักกวางตุ้งไต้หวัน ผัดผักหลากสี เรียกว่าอร่อยครบจบในจานเดียว และข้าวหมูสามชั้นพะโล้ไต้หวัน ที่หมักและตุ๋นจนนุ่มได้ที่ รสชาติไม่ต่างจากที่ขายในตลาดกลางคืนของไต้หวันเลยทีเดียว       สำหรับเมนูกินเล่น (แต่อิ่มจริง) เราแนะนำซาลาเปาทอดไต้หวัน ที่คุณแม่นวดแป้งและผสมไส้เอง มีให้เลือก 4 ไส้ คือ หมูสับกะหล่ำปลี หมูสับหมาล่า เจ และไก่ชีสเห็ดทรัฟเฟิล และเกี๊ยวซ่า ที่มาพร้อม 3 ไส้เด็ด คือ หมูสับกะหล่ำปลี เจ และกุ้งหมูสับ ที่ใช้เนื้อกุ้งสดเน้นๆ เลือกได้ทั้งเกี๊ยวทอดและเกี๊ยวลวก         ส่วนคนรักชาห้ามพลาด ชาไต้หวัน ที่เน้นรสชาติไม่หวานมาก มาพร้อมกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์จากใบชาไต้หวันที่ร้านคัดสรรมาอย่างดี อร่อยชื่นใจทั้งชานม (Milk Tea) และชาดำเย็น (Black Tea) จะดื่มเป็นแก้วหรือซื้อแบบขวดไปอร่อยที่บ้านกันต่อก็แสนเพลินใจ

ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของย่านศาลาแดงไปแล้ว เพราะใครที่ผ่านไปมาต้องมีสะดุดตากับความหวานละมุนในโทนสีชมพูของ Red Panda Sweet สตรีทคาเฟ่ที่มีน้องแพนด้าแดงสุดน่ารักเป็นโลโก้ แม้เป็นร้านน้องใหม่แต่อบอวลด้วยกลิ่นอายเมนูอร่อยจาก Akart Bistro ร้านดังขวัญใจสายกิน จึงมั่นใจได้ว่าสั่งเมนูไหนก็ไม่ผิดหวัง โดยเมนูชูโรงจะเป็นขนมหวานและเครื่องดื่ม เสริมทัพด้วยบรันซ์แสนอร่อยที่หิวเมื่อไหร่ก็แวะมากินได้ทั้งวัน           เริ่มต้นด้วยของคาวหน้าตาจิ้มลิ้มอย่างเบนโตะที่เลือกได้หลายเมนู เช่น Buta หมูซีอิ๊วไข่ต้มสำหรับคนชอบหมู ส่วนคนรักเนื้อแนะนำเนื้อออสเตรเลียซีอิ๊วก็นุ่มฟินไม่เป็นรองกัน       ถัดมาเป็น Tonkatsu หมูทอดทงคัตสึชิ้นใหญ่ที่กรอบนอกฉ่ำใน ห่อด้วยข้าวญี่ปุ่นและสาหร่าย ชิ้นเดียวอิ่มสบายท้อง       ยังมี Smoked Salmon Rocket แซลมอนรมควันและผักร็อกเก็ต วางบนขนมปังก่อนนำไปอบร้อนๆ ทั้งฉ่ำซอสและหอมชีส       ปิดท้ายของคาวด้วยเมนู Red Panda Bun Bacon Cheese with Onsen Egg by Sousvide บันสุดนุ่มสมทบด้วยชีส เบคอน และไข่ออนเซ็นซูวี ทุกเมนูเสิร์ฟในแพ็กเกจที่สะดวกทั้งนั่งกินที่ร้านและพกพาไปด้วย ได้อารมณ์เหมือนสตรีทคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นอย่างไรอย่างนั้น       ส่วนของหวานห้ามพลาด Red Panda Hokkaido Mini Bun มินิบันไส้ครีมนมฮอกไกโด ขนมปังเนื้อนุ่มนิ่มหอมกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ ด้านในสอดไส้ครีมนมฮอกไกโดแบบล้นทะลัก ทั้งหอมและหวานมันกำลังดี       Strawberry Cream Mousse Tart ฟินไปกับ 3 เนื้อสัมผัสในคำเดียว เริ่มจากฐานกรุบกรอบหอมมัน ตามด้วยสตรอว์เบอร์รี่ครีมมูสเนื้อเบาหวานน้อย ปิดท้ายด้วยครีมสดเนื้อเนียนด้านบน และสตรอว์เบอร์รี่ลูกโต       Strawberry Cream Toast คนรักโทสต์ต้องไม่พลาด ขนมปังอบใหม่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น ผิวนอกฟูกรอบด้านในนุ่มหนึบ ราดครีมสดและครีมสตรอว์เบอร์รี่สูตรลับของร้าน ชิ้นไม่ใหญ่เกินไปกินแล้วอิ่มพอดีๆ       ส่วนเครื่องดื่มเลิฟสุดยกให้ Red Panda ซิกเนเจอร์ที่มีส่วมผสมของนมฮอกไกโด ซอสสตรอว์เบอร์รีเข้มข้น สมทบด้วยไข่มุกป๊อบรสสตรอว์เบอร์รี่ที่แตกโป๊ะในปากเพิ่มความสดชื่น ด้านบนวางสายไหมฟูฟ่องและคุ้กกี้รูปแพนด้าแดง         อีกเมนูที่ฮอตไม่น้อยหน้า Hokkaido Milky Bingsu บิงซูนมฮอกไกโดใส่ไข่มุกมะพร้าว นอกจากความกลมกล่อมหอมมันของนมฮอกไกโด เรายังเทใจให้ไข่มุกมะพร้าวโฮมเมดที่หอมหวานสดชื่น เคี้ยวกรุบๆ ท็อปด้วยครีมสดและครีมสตรอว์เบอร์รี่เนื้อเนียนละมุนลิ้น       ส่วนแก้วนี้มีดีไม่น้อยหน้า Hokkaido Milk นมฮอกไกโดเพิ่มรสหวานด้วยบราวน์ชูการ์ ใส่ไข่มุกหนึบๆ ให้เคี้ยวจุใจ ก่อนปิดจ๊อบด้วยครีมชีสเข้มข้นด้านบน อร่อยเพลินจนไม่อยากให้หมดแก้ว  

ยกให้เป็นย่านที่มาแรงที่สุด ณ ขณะนี้ สำหรับตลาดน้อย ย่านเก่าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ทั้งตึกรามบ้านช่อง ร้านอาหารและคาเฟ่ที่ล้วนมีคาแรกเตอร์เฉพาะตัวแทบทั้งสิ้น เช่นเดียวกับ ARBOR Café & Cooking Studio ของคุณเต้ย คุณนภ และคุณณัฐ ที่ดึงดูดสายตาตั้งแต่แรกเห็น ตัวร้านเป็นตึกเก่าสูง 3 ชั้นสีเหลืองร่มรื่น ชวนให้อยากเปิดประตูเข้าไปสำรวจด้านใน             ชั้นล่างของที่ร้านจัดไว้เป็นโซนคาเฟ่ แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับ Cooking Studio ให้ผู้ที่สนใจมาเรียนทำขนมซึ่งมีทั้งคอร์สพิเศษและคลาสเบสิกสำหรับมือใหม่ ส่วนชั้น 2 ยังคงเสน่ห์ของตึกเก่าเอาไว้ ทั้งร่องรอยของผนังและหน้าต่างบานใหญ่ให้แสงแดดส่องผ่านซึ่งจะเปลี่ยนองศาไปตลอดวัน ในขณะที่ชั้น 3 เป็น Meeting Room ขนาดย่อมที่กำลังจะเผยโฉมเร็วๆ นี้           เมนูของที่ร้านค่อนข้างหลากหลาย เริ่มด้วยเครื่องดื่มที่ออกแบบได้สวยงาม อาทิ Chocolate Mixed Berry ช็อกโกแลตเย็นเข้มข้น ด้านบนท็อปด้วยฟองนมนุ่มนวล และเบอร์รี่รวมรสเปรี้ยว เติมสีสันของแก้วนี้ได้ดี คอกาแฟต้องลอง Latte Soft Cheese เพิ่มลูกเล่นให้ลาเต้แก้วโปรดด้วยครีมชีสรสเค็มอ่อนๆ จิบเพลิน และอีกแก้วไฮไลต์ Honey Comb Lemon เปรี้ยวหวานสดชื่น ประดับด้วยรวงผึ้งหวานฉ่ำและไอศกรีมรสเลมอนเสิร์ฟมาพร้อมกัน         อย่าลืมสั่ง Golden Coconut Cake เค้กมะพร้าวครีมสดเนื้อนุ่มตกแต่งด้วยเม็ดทองหยอดเล็กๆ เพิ่มความหอมมันมากินคู่กัน รวมถึง ชิ้นเล็กน่ารักพอดีคำ ได้ทั้งรสเปรี้ยวของเลมอน และความกรุบกรอบของครัมเบิ้ล ตกแต่งด้วยเลมอนเชื่อมทำเอง         เพลินหัวใจจนไม่อยากกลับเลย

ชวนกินขนมปัง Homemade แสนอร่อยสไตล์ญี่ปุ่น จาก Choupan ร้านขนมปังสุดน่ารัก ที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็กๆ ใกล้ซอยละลายทรัพย์ บนถนนสีลม แม้จะเป็นร้านที่ไม่ได้ใหญ่โตและขายแบบ grab and go แต่ก็มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน     ความพิเศษของร้านอยู่ที่การรังสรรค์เมนูผ่านกระบวนการทำที่พิถีพิถัน เลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี ไม่ใส่สารกันบูด ขนมปังทุกตัวทำจากเนยสดแท้ๆ อีกทั้งยังอบสดใหม่แบบวันต่อวัน ให้ลูกค้าเลือกอิ่มอร่อยได้หลากหลายเมนูในราคาสบายกระเป๋า           สำหรับเมนูแนะนำต้องลอง Kyoto Cube (65.-) ขนมปังทรงสี่เหลี่ยมสอดไส้ครีมคัสตาร์ดชาเขียว รสชาติเข้มข้น หวานกำลังดี โรยด้วยผงชาเขียวนำเข้าจากญี่ปุ่น มัทฉะเลิฟเวอร์ห้ามพลาด       ต่อกันที่ Strawberry Hokkaido Cream Bun (65.-) เนื้อนุ่มหอมเนยด้านในสอดไส้คัสตารด์ครีมนมสดฮอกไกโด ท็อปด้วยสตรอว์เบอร์รีสดรสเปรี้ยวหวานสดชื่น       ตามด้วย Melon Pan (48.-) ขนมปังหน้าตาน่ารัก รูปทรงคล้ายเมลอน ด้านนอกเคลือบด้วยบิสกิตกลิ่นเมลอน สอดไส้ครีมนมสดรสนวลละมุน       ปิดท้ายเป็น Choco Cream Bun (55.-) ขนมปังสูตรญี่ปุ่นเนื้อเหนียวนุ่ม ที่อัดแน่นความอร่อยด้วยไส้คัสตาร์ด ดาร์กช็อกโกแลตแบบเต็มคำ ด้านบนโรยด้วยผงโกโก้ ทั้งเข้มข้นกลมกล่อม  

คาเฟ่บรรยากาศร่มรื่นที่แอบซ่อนตัวอย่างลับๆ ในซอยศูนย์วิจัย "Little Friends Coffee" แห่งนี้คือส่วนหนึ่งของที่พักสุดเก๋ไก๋สไตล์ Bed & Breakfast "Little Friends Beyond B&B" ที่แม้เราอาจจะไม่มีเวลาว่างมานอนเล่น แต่แค่ได้มานั่งจิบกาแฟรสเลิศและละเลียดความอร่อยของเมนูอาหารและขนมโฮมเมดของที่นี่ก็แสนจะเยียวยาหัวใจในช่วงเวลาแบบนี้           ที่นี่ใช้เมล็ดกาแฟเฮาส์เบลนด์จากหมู่บ้านสันเจริญ ดอยสวนยาหลวง จังหวัดน่าน ที่ให้ความเข้มข้นกลมกล่อมหอมละมุนกำลังดี คอกาแฟต้องลอง Espresso Passion Fruit Tonic ที่ผสมผสานรสเข้มของเอสเปรสโซและรสเปรี้ยวสดชื่นของเสาวรสได้เป็นอย่างดี ส่วนสายกาแฟนมลองสั่ง Piccolo Latte รสกลมกล่อมหอมนวล ดื่มง่ายแบบรวดเดียวแทบหมดแก้ว       ส่วนคนรักของหวานห้ามพลาด Lemon Pound Cake เนื้อนุ่มแน่น รสหวานอมเปรี้ยว สูตรเด็ดฝีมือเจ้าของร้าน Scone มีหลากรสให้เลือก ทั้งเนย แฮมชีส แครนเบอร์รี และเอิร์ลเกรย์       ใครมองหาเมนูจานเดียวกินง่าย (แต่อิ่มจริงจัง) เราแนะนำข้าวคั่วน้ำพริกหมูทอด สูตรอร่อยจากครอบครัวเจ้าของร้าน หมูทอดกรอบนอกนุ่มใน ไร้ความเลี่ยน กินกับข้าวผัดน้ำพริกรสจัดจ้านลงตัว และข้าวผัดไก่ย่างขมิ้น ข้าวผัดร่วนกำลังดีหอมขมิ้นกินกับไก่ย่างสูตรเฉพาะเนื้อนุ่มแน่น จานใหญ่จัดเต็ม เป็นอีกหนึ่งเมนูเด่นที่อร่อยแบบสุดประทับใจ     

คลายความคิดถึงประเทศญี่ปุ่นกันที่ Hannari Cafe de Kyoto คาเฟ่แห่งใหม่บนถนนสุขุมวิทที่จะทำให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับชาอูจิคุณภาพดีจากเมืองเกียวโต ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ แฝงกลิ่นอายโฮมคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น พร้อมต้อนรับชาวมัทฉะเลิฟเวอร์ให้มาสัมผัสความอร่อยแบบเต็มอิ่ม       ตัวร้านแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้โทนสีเข้มตัดกับผนังสีนวลชวนอบอุ่น ตกแต่งด้วยภาพวาดและพัดที่สื่อถึง ไมโกะซัง หญิงสาวญี่ปุ่นที่มีความสามารถในการร้องรำทำเพลงเพื่อมอบความสุขให้กับแขก ถือเป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่งที่สื่อถึงความเป็นเกียวโต และยังใช้เป็นโลโก้ของร้านอีกด้วย       ชั้นบนจำลองเป็นห้องดื่มชาบนเสื่อทาทามิที่ได้รับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างบานใหญ่ มีโซนขายของฝากน่ารักๆ นำเข้าจากญี่ปุ่นให้เลือกชอปตามความชอบ เริ่มตั้งแต่ราคาหลักสิบไปจนถึงหลักพันเลยล่ะ       เมนูแรก Uji Matcha Yuzu Tea (110.-) ชาอูจิมัทฉะที่นำไปชงกับน้ำร้อนและตีด้วยมืออย่างพิถีพิถัน ก่อนจะนำมาราดลงบนที่น้ำส้มยูซุรสหวานหอม ดื่มง่ายได้ความสดชื่น     ต่อกันที่ Matcha Ogura Toast (95.-) โชกุปังชาเขียวเนื้อในเหนียวนุ่ม ด้านนอกกรอบ ท็อปด้วยถั่วแดงกวนหวานและเนย แนะนำให้กินตอนอบมาร้อนๆ จะได้ความอร่อยมากที่สุด     Uji Matcha Latte Marshmallow (85.-) เครื่องดื่มมัทฉะลาเต้ร้อนรสเข้มข้ม ที่ได้มาร์ชเมลโลเบิร์นไฟด้านบนมาเพิ่มความนุ่มนวล ให้ความรู้สึกเหมือนกินขนมหวาน     ปิดท้ายด้วย Matcha Affogato (85.-) ไอศกรีมรสนวลละมุนที่มีให้เลือกมากถึง 5 รสชาติ อย่างถ้วยนี้เราเลือกเป็นรสงาดำหอมมัน ราดด้วยซอสอูจิมัทฉะ เข้ากันได้เป็นอย่างดี  

ชวนมาเคาะประตูก๊อกๆ ให้ดัง Knock Knock หย่อนใจไปกับความอบอุ่นเรียบง่ายเหมือนนั่งรอชิมเมนูโปรดที่บ้านเพื่อน       คุณเดียร์-วิชดา เจ้าของร้านเป็นอดีตแอร์โฮสเตสที่หลงใหลการเข้าครัวอยู่แล้วเป็นทุนเดิม โดยเฉพาะเมนูพาสตาที่เจ้าตัวทำอร่อยจนเพื่อนๆ และคนรอบตัวเชียร์ให้เปิดร้าน จึงเป็นที่มาของร้านพาสตาแบบเดลิเวอรี่ซึ่งหลายคนอาจพอคุ้นตากันมาแล้ว ล่าสุดพร้อมแล้วกับการเปิดหน้าร้านอย่างเต็มรูปแบบ       เสน่ห์ของ Knock Knock คือความวินเทจย้อนยุคที่ส่งผ่านเฟอร์นิเจอร์ ภาพถ่าย เครื่องเล่นแผ่นเสียง โคมไฟ ซึ่งล้วนเป็นของสะสมสุดรัก ส่วนในช่วงค่ำคืนที่นี่จะแปลงโฉมเป็นบาร์เท่ๆ ให้มานั่งพักหลังจากการทำงานอันหนักหน่วงพร้อมด้วยเสียงดนตรีสดกล่อมใจในคืนวันศุกร์และเสาร์       มาถึงที่นี่แล้ว อย่าพลาด Capellini Aglio E Olio with Bacon & Clam พาสตาผัดพริกแห้งที่ขอใช้คำว่า ‘หนักเครื่อง’ เพราะใส่ทั้งเบคอน หอยลาย และไข่กุ้งที่กินด้วยกันแล้วเพลิดเพลินเจริญอาหาร       ถัดมาคือ Penne Salmon Pesto นอกจากจะให้แซลมอนชิ้นใหญ่ย่างมาได้กำลังดีแล้ว ซอสเพสโตของที่ร้านเป็นสูตรที่คุณเดียร์ลงมือทำด้วยตัวเอง และขาดไม่ได้ Classic Carbonara คาโบนาราแบบคลาสสิกไม่ใส่ครีม มีส่วนผสมเพียงแค่ไข่และชีสเน้นๆ หอมและเข้มข้นมาก         ใช่เพียงพาสตาที่โดดเด่น เมนูกาแฟก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เพราะใช้เมล็ดกาแฟจากโรงคั่วที่สนิทสนม เราชอบ Dirty กาแฟเข้มๆ เจอกับครีมและนมสดเย็นเจี๊ยบ เหมาะสำหรับยามบ่าย และ Orange Tonic กาแฟส้มช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าได้เป็นอย่างดี     แวะมาเคาะประตูร้านกันได้เลย