จากตึกแถวเก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้างไว้เนิ่นนาน ได้มีชีวิตชีวาฟื้นคืนด้วยฝีมือลูกหลานคนรุ่นใหม่ เปลี่ยนโฉมเป็นคาเฟ่แนววินเทจสุดเก๋ที่ยังคงให้กลิ่นอายและกลมกลืนไปกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนบนถนนตะนาวในย่านพระนคร     ชื่อ Mojo นั้นมีที่มาน่าสนใจ ไม่ใช่เพียงแค่ถ้อยคำอำนวยอวยพร แต่ยังสอดคล้องกับทำเลที่ตั้งของร้านซึ่งอยู่ตรงข้ามกับศาลเจ้าพ่อเสืออันเป็นที่เคารพบูชา มีผู้คนวนเวียนเข้ามาขอพรกันไม่ขาด       เสียงบทเพลงฟังสบายลอยเคล้าคลอมาไม่ขาดสาย ชวนให้ผ่อนคลายสบายใจตั้งแต่ก้าวขาเข้าร้าน ยิ่งได้อยู่ท่ามกลางบรรดาของสะสมเก่าและพรรณไม้สีเขียวตามจุดต่าง ๆ ทั่วร้านก็ยิ่งให้ความรู้สึกสบายทั้งกายและใจ     Mojo Old Town มีทั้งอาหาร ขนม และเครื่องดื่มให้ลองลิ้มชิมรสกันอย่างครบครัน เราขอเริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆ ชื่นใจกับเมนู My Wild Passion แก้วสีแดงที่ผสมผสานไปด้วยรสชาติจากน้ำเสาวรส ไซรัปเลม่อนสูตรโฮมเมด และไซรัปไวด์เบอร์รี่ ที่ให้ความเปรี้ยวอมหวานนิด ๆ อย่างลงตัว อีกแก้วหนึ่งคือ Yuzu Americano เอาใจคอกาแฟที่กำลังมองหาเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่น ด้วยกลิ่นหอม ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของส้มยูซุ       สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน ต้องยกให้กับ Mojo’s Dog (โมโจ ฮอตดอก) ที่จัดเต็มกับไส้กรอกเยอรมันโฮมเมดและเบค่อนกรอบ ตัดเลี่ยนด้วยคิลลิ่งซอสสูตรเฉพาะของร้านที่ผสมผสานไปด้วยมายองเนส ซอสพริก ผักชีไทย และผักชีลาว     ต่อด้วย Udon Ebiko Cream Sauce (อุด้งครีมซอสไข่กุ้ง) เมนูเส้นสุดแหวกแนว ที่เลือกใช้เส้นอุด้งของญี่ปุ่นมาคลุกเคล้าเข้ากับครีมซอสที่รสชาติแน่นไปด้วยสมุนไพรอย่างกระเทียมและใบไทม์ทำให้รสชาติไม่เลี่ยนอย่างที่คิดแถมยังเสิร์ฟพร้อมทั้งกุ้งตัวโต ๆ และไข่กุ้งเน้น ๆ     จากนั้นปิดท้ายด้วย Basque Burnt Cheesecake ชีสเค้กหน้าไหม้เนื้อเนียนนุ่มรสชาติกำลังดี หน้าแน่นด้วยผลไม้สด กินได้เรื่อย ๆ ไม่มีเลี่ยน     หากศาลเจ้าพ่อเสือช่วยอวยชัยให้โชคดี ที่ Mojo Old Town  ก็คงอวยพรให้เราอิ่มอกอิ่มใจ

หอมกลิ่นขนมปังอบใหม่ตั้งแต่ยังไม่ทันเดินเข้าร้าน Home Bread คือชื่อของร้านเบเกอรี่สีเหลืองในซอยสีสม 3 (ซอยพิพัฒน์) คุณเก๋ เจ้าของร้านเล่าย้อนไปว่ารับช่วงร้านนี้ต่อจากคุณแม่ที่สร้างชื่อด้วยเมนูขนมปังไส้ทะลักที่ใครได้กินก็หลงรัก     ครัวขนมของที่ร้านเริ่มตั้งแต่ตีสองครึ่ง ทั้งเตรียมขนมปัง เตรียมไส้ เพื่อให้ทุกอย่างพร้อมขายในตอนเจ็ดโมงเช้า ซึ่งคุณเก๋บอกเราว่าการทำขนมปังแบบไม่ใส่สารเสริมเติมแต่งก็เหมือนการทำงานฝีมือ ต้องคอยใส่ใจ ปรับโน่นนิดนี่หน่อยเพื่อให้ขนมปังฟูและนุ่มนิ่มสม่ำเสมอ (แถมยังต้องดูดินฟ้าอากาศด้วย) อีกทั้งให้ความสำคัญกับการแต่งหน้าขนมปังด้วย โปรดสังเกตก่อนกิน ทุกชิ้นตั้งใจวางท็อปปิ้งอย่างสวยงาม         แน่นอนว่ามาถึงโฮมเบรดทั้งทีซื้อขนมปังไส้แน่นๆ ติดมือกลับไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นไส้หมูหย็อง&แฮม หมูหย็อง&ไส้กรอก ลูกเกด หมูหย็องน้ำพริกเผา และไส้อื่นๆ ที่ผลัดกันมาโชว์โฉม เสริมทัพด้วยไส้ผักโขมอบชีส ไส้เวียนนาไก่&พาร์เมซานชีส ชิ้นใหญ่จุใจในราคาเป็นมิตร กินหมดหนึ่งชิ้นอิ่มไปถึงเที่ยง รวมถึงเจ้าขนมปังแสนน่ารัก Hokkaido Milk Bun หอมมันด้วยนมฮอกไกโดที่เรากดหัวใจให้ทันที           และอย่าพลาดเมนูพายที่กรอบอร่อยขึ้นชื่อไม่แพ้กัน ทั้งพายไส้กรอก พายแฮมชีส พายมะพร้าวอ่อน ฯลฯ เหมาะมากสำหรับซื้อไปเป็นของว่างยามบ่าย หรือจะสั่งแบบSnack Boxก็ได้เช่นกัน     สมเป็นร้านขวัญใจชาวออฟฟิศ

พูดถึงร้านเบเกอรี่คิวยาวเมื่อไหร่ เป็นต้องนึกถึงชื่อ “อาม้าเบเกอรี่” เจ้าของสูตรขนมปังสังขยาในตำนานกว่า 50 ปีใกล้วัดแขกสีลมขึ้นมาเป็นร้านแรกๆ ด้วยเนื้อขนมปังอันเหนียวนุ่มและไส้สังขยาหอมนวลรสละมุน ต่อให้ไม่ใช่คนรักสังขยาก็ต้องมีเผลอใจกันบ้าง       มาถึงที่ร้านอาม้าเบเกอรี่สิ่งแรกที่ต้องทำคือหยิบบัตรคิวก่อน จากนั้นคิดเมนูโปรดไว้ให้พร้อมแล้วรอทางร้านเรียกได้เลย ซึ่งสูตรการทำขนมถ่ายทอดมาตั้งแต่รุ่นอากง จนตอนนี้ดูแลโดยหลานๆ ซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว แต่รสชาติยังดีงามตามแบบฉบับดั้งเดิมไม่ผิดเพี้ยน       ขนมปังของที่ร้านอบใหม่ทุกเช้า (ยืนรอไป หิวไป) ขึ้นชื่อเรื่องความเหนียวนุ่มไม่แข็งกระด้าง และมีรสหวานๆ เค็มๆ จากเนยและนมอย่างดี ส่วนไส้สังขยาต้องใช้กะทิสดและน้ำใบเตยคั้นสดเท่านั้น จึงได้สังขยาสีเขียวสวย กลิ่นหอมละมุนลิ้น กินเพลินเป็นอย่างยิ่ง       นอกจากขนมปังสังขยาอันโด่งดัง ที่ร้านยังมีขนมปังไส้คาวที่อยากให้ลองอีกหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นไส้แฮมชีสที่เพิ่มดีกรีความอร่อยด้วยน้ำสลัดสูตรโฮมเมด รวมถึงไส้ทูน่า ไส้พิซซ่า และอื่นๆ อีกเพียบ แต่ขอกระซิบก่อนว่าขนมปังของที่ร้านขายหมดเร็ว หากไม่อยากพลาดของอร่อยให้แวะมาซื้อตั้งแต่ช่วงเช้าจะดีกว่า       หยิบบัตรคิวแล้วรอฟินได้เลย

กว่า 70 ปีแล้วที่ปั้นลี่ ร้านเบเกอรี่ในตำนานแห่งบางรักครองใจขนมรักขนมปังได้อย่างเหนียวแน่น จากขนมปังโบราณของอาม่าที่อร่อยเลื่องลือจนขยับขยายมาสู่การเปิดร้านอย่างจริงจัง จนถึงตอนนี้ส่งไม้ต่อมาถึงรุ่นที่ 4 แล้ว         ขนมปังของปั้นลี่ อบใหม่วันต่อวัน ทุกเช้าเราจึงได้เห็นบรรยากาศคึกคักของลูกค้าประจำที่แวะมาถามไถ่ถึงเมนูโปรดอยู่เสมอ โดยเฉพาะขนมปังไส้หมูแดงที่คุณอู๋ ชินภัทร เจ้าของร้านเล่าอย่างสนุกว่าไม่เหมือนที่ไหน เพราะบิแล้วต้องเจอหมูแดงเป็นชิ้นๆ ซึ่งกว่าจะมาเป็นไส้หมูแดงอันโดงดังนั้นต้องผ่านขั้นตอนมากมาย ทั้งนำมาหมักก่อน 1 คืน แล้วนำไปผัดจนได้รสหวานเค็มกลมกล่อม เข้ากับเนื้อขนมปังเหนียวนุ่มเป็นพิเศษ ไม่ว่าใครได้กินก็ติดใจ     อีกเมนูขายดีคือขนมปังไส้แฮมหย็อง กัดแล้วเจอทั้งหมูหย็องและแฮมแบบแน่นๆ ราดด้วยน้ำสลัดสูตรปั้นลี่ เหมาะสำหรับเป็นมื้อเช้าในวันเร่งรีบ ส่วนขนมปังสังขยาก็ห้ามพลาด ขนมปังเหนียวนุ่ม ด้านในซ่อนไส้สังขยาแบบแน่นๆ รสหวานนวลกำลังดี       ที่เราชอบมากเป็นพิเศษคือขนมหน้าแตก คุ้กกี้แบบโบราณที่ไม่มีส่วนผสมของเนย เนื้อร่วนอร่อย โดยเฉพาะรสเค็มที่หอมและมีรสเค็มนิดๆ จากกุ้งแห้ง กินแล้วหยุดยากจริงๆ     ใช่ว่าปั้นลี่จะมีแค่ขนมปังแบบโบราณเท่านั้น ล่าสุดเปิดตัวเมนูเอาใจวัยรุ่นอย่าง Molten Chocolate Cake ที่เข้มข้นและฉ่ำ ใช้ดาร์กช็อกโกแลตนำเข้าจากเบลเยี่ยม โรยหน้าด้วยผงโกโก้ (เราได้เข้าไปดูขั้นตอนการทำในโรงงานด้วย) นอกจากนี้ยังมีขนมไข่ไต้หวันเค้กเนื้อนุ่มเด้ง รวมถึงบราวนี่อบกรอบไร้แป้งที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพเป็นพิเศษ      

“Meet Fresh” ร้านขนมหวานไต้หวัน ที่เสิร์ฟความอร่อยตั้งแต่ปี 2007 ในเมืองไทจง ประเทศไต้หวัน โดดเด่นด้วยของหวานรสชาติต้นตำรับโฮมเมด สูตรพื้นบ้านแท้ๆ อาทิ ทาโร่บอลหนุบหนับ เฉาก๊วยนุ่มเด้ง เต้าฮวยสูตรดั้งเดิม แถมยังมีชานมไข่มุกรสกลมกล่อม ในแบบฉบับไต้หวันแท้ๆ ให้คุณจิบเพลิน และด้วยรสชาติฟินๆ แบบนี้ทำให้ร้านมีตเฟรชเป็นที่นิยม จนสามารถขยายไปแล้วกว่า 800 สาขาทั่วโลก     รวมไปถึงในประเทศไทย ที่เรามีโอกาสได้ไปลิ้มลองสาขาล่าสุด ซึ่งเป็นสาขาที่ 4 ตั้งอยู่ในห้างใหญ่ใจกลางกรุงฯ อย่าง ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ สายหวานคนไหนอยากชิมให้ตรงดิ่งไปที่ชั้น 7 ได้เลย     เมนูแรกเราขอเป็น Signature Icy Grass Jelly (139 บาท) น้ำแข็งไสเฉาก๊วยรสหวานพอดี กินพร้อมเฉาก๊วยโฮมเมดเนื้อนุ่มเด้ง ทาโร่บอลที่ให้สัมผัสหนึบหนับกินเพลิน อย่าลืมราดนมสดรสหอมมันลงไปด้วยล่ะ     Q-Mochi Shaved Ice (259 บาท) น้ำแข็งไสสไตล์ไต้หวันรสนมสดชามโตๆ อลังการ กินคู่กับไอศกรีมวานิลลา บัวลอยมันหวานไส้เผือก เจลลี เนื้อเด้ง และมินิทาโร่บอลเคี้ยวอร่อย      ห้ามพลาดกับ  Q-Mochi Egg Pudding (99 บาท) โมจิเนื้อนุ่มหนึบสูตรลับฉบับของทางร้าน ทำมาจากแป้งข้าวเหนียวคุณภาพ กินพร้อมซอสสูตรพิเศษรสหวานหอม เสิร์ฟพร้อมพุดดิงรสคาราเมลหอมหวาน ท็อปไข่มุกที่เรารัก     เครื่องดื่มเราแนะนำ Milk Tea with Egg Pudding (79 บาท) ชานมสูตรไต้หวัน รสหอมมัน หวานพอเหมาะ เข้ากันดีกับพุดดิงคาราเมลเนื้อเนียน และ Winter Melon Tea (69 บาท) ชาฟักเขียว รสไม่หวานจัด จิบแล้วสดชื่นดี       ฟินขนาดนี้สายหวานเลิฟแน่

หลีกหนีความวุ่นวายใจกลางกรุงมาผ่อนคลาย พร้อมเติมพลังธรรมชาติกันที่ ภูดอย คาเฟ่ ย่านคลองสามวา คาเฟ่แห่งนี้ โดดเด่นด้วยบรรยากาศสุดชิลจากธรรมชาติที่รายล้อมอยู่รอบตัว ชวนให้รู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา ภายในตกแต่งได้อย่างสวยงามตามชื่อร้าน ที่เหมือนยกภาคเหนือมาไว้ในกรุงเทพเลยล่ะ       ในส่วนของโซนอินดอร์เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ทางร้านจัดไว้อย่างเป็นสัดส่วนและงานคราฟต์เก๋ๆ ตกแต่งอยู่ทั่วบริเวณร้าน อีกทั้งระหว่างนั่งจิบกาแฟ ยังได้เพลิดเพลินไปกับบทเพลงเมืองเหนือที่คอยขับกล่อมให้อินไปกับบรรยากาศขึ้นอีกเป็นเท่าตัว     โซนเอาต์ดอร์ก็ทำได้ใกล้ชิดธรรมชาติไม่แพ้ร้านในต่างจังหวัด โดยเฉพาะวิวทุ่งนากว้างด้านหลังร้าน ใครได้เห็นเป็นต้องตามไปเก็บภาพสวยๆ กันทุกราย ตอบโจทย์คนเมืองกรุงที่มองหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์     ทางร้านมีทั้งอาหารคาวและหวานให้เลือกอิ่มอร่อย แนะนำให้ลอง Palm Juice Coffee (100.-) เอสเปรสโซช็อตเข้มข้นผสมผสานกับน้ำตาลสด รสชาติหวานหอม เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ     ตามมาด้วยเมนูเบเกอรี่โฮมเมด Chocolate Cake (130-.) เนื้อแน่น รสช็อกโกแลตเข้มข้น ตัดเลี่ยนด้วยสตรอว์เบอร์รีชิ้นโต เข้ากันได้อย่างลงตัว หรือจะเลือกเป็น Lemon Butter Cake (130.-) เนื้อเค้กนุ่มฟู รสเปรี้ยวอมหวานกำลังดี จับคู่กับ ชาดอกกาแฟ ที่แค่รินใส่แก้วกลิ่นหอมของกาแฟก็ลอยเตะจมูก ดื่มแล้วคล่องคอเป็นที่สุด       ต่อด้วยเมนูของคาวอย่าง พิซซาเตาฟืน โดดเด่นด้วยแป้งบางกรอบ เครื่องซีฟู้ดแน่นๆ หอมกลิ่นเตาฟืน มีให้เลือกมากกว่า 5 หน้า ตามความชอบ     ปลากระพงนึ่งมะนาว (420.-) เมนูปลารสแซ่บ จี๊ดจ๊าด เข้ากับข้าวสวยร้อนๆ ได้เป็นอย่างดี กุ้งผัดผงกะหรี่ (300.-) กุ้งตัวโตเนื้อเด้งผัดกับซอสผงกะหรี่และไข่ ได้รสเค็มละมุน แกมหวาน และ เนื้อปูผัดพริกไทยดำกะทะร้อน (300.-) เนื้อปูก้อนคลุกเคล้ามากับซอสพริกไทยดำกลิ่นหอม รสเค็ม เผ็ดร้อน อร่อยกลมกล่อม    

ยกให้เป็นน้องใหม่มาแรงแห่งย่านตลาดน้อย สำหรับ Timo & Tintin” ร้านกาแฟสุดเท่จากความตั้งใจของเจ้าของสตูดิโอกราฟฟิกดีไซน์ที่รีโนเวตตึกแถวขนาด 5 ชั้น ของครอบครัวให้กลายเป็นอาร์ตแกลลอรีและคาเฟ่ ซึ่งผสมผสานพื้นที่ของคนรักงานศิลปะและสถานที่หย่อนใจของเหล่านักชิมได้อย่างลงตัว           ไม่เพียงบรรยากาศและดีไซน์สไตล์โมเดิร์นคอนเทมโพรารีที่แฝงความสนุกสนานของโลโก้และกราฟิกแสนเท่ชวนให้อยากถ่ายรูปไปทุกมุมเท่านั้น แต่เมนูขนมโฮมเมดฝีมือคุณแม่เจ้าของร้านและเครื่องดื่มหลักมีทั้งกาแฟ ชาอู่หลง และมัตฉะรสกลมกล่อมยังอร่อยเด็ดแบบแวะมาชิมได้ทุกวันอีกด้วย         คอกาแฟต้องลอง Iced Latte ลาเต้เย็นรสนุ่มนวล ใช้เมล็ดกาแฟเฮาส์เบลนด์จากจังหวัดเชียงราย ลำปาง และเอธิโอเปียที่มีทั้งความฟรุตตีและนัตตี คนรักชาห้ามพลาด Iced Matcha Latte ใช้อุจิมัตฉะอย่างดีจากเกียวโตซึ่งผ่านกระบวนการอบไอน้ำเพื่อได้รสชาติและกลิ่นที่ชัดเจน และ Oolong Rose Tea แก้วนี้สดชื่นด้วยใบชาจากแม่สลอง เชียงราย เบลนด์ผสมกุหลาบและลิ้นจี่ ส่วนสายหวาน (น้อย) เราแนะนำ Choco Shake แบล็กโกโก้เข้มข้นหวานน้อยเชกกับน้ำแข็งจนเนียนลื่นคอ       สำหรับคนรักของหวานห้ามพลาด  Almond Croissant ครัวซองต์สอดไส้ครีมอัลมอนด์เต็มคำ ท็อปด้วยอัลมอนด์สไลซ์ Brookie บราวนีเนื้อแน่นที่ผสมผสานความอร่อยของคุกกี้โดนุ่มๆ ช็อกโกแลตชิปเยิ้มๆ และถั่วแมคคาดาเมียอบ หรือ Taiwanese Pineapple Tarts เค้กสับปะรดสไตล์ไต้หวันเนื้อนุ่มสอดไส้สับประรดที่อร่อยไม่แพ้ไปกินที่ถิ่นกำเนิดเลยทีเดียว      

แม้ตอนนี้ห้องนอนสไตล์ Airbnb ในชั้นบนจะยังไม่เปิดให้เข้าพัก แต่คาเฟ่ขนมปังน่านั่งในคอนเซ็ปต์ Happiness made in Craft ในชั้นล่างที่พร้อมเสิร์ฟขนมปังและเบเกอรีที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ ฝีมือเจ้าของร้านที่หลงใหลการทำขนมปังซาวร์โดด้วยตัวเองก็ยังทำให้เราอยากไปเยือนซอยสวนมะลิ 2 ทุกวัน       ความอร่อยไม่เหมือนใครของ Yeast & Yawn” อยู่ที่การใช้ยีสต์ธรรมชาติ (Natural Yeast) ที่ผ่านการเลี้ยงเองอย่างเอาใจใส่และหมักนานกว่า 16 ชั่วโมง จนได้ขนมปังซาวร์โดเหนียวนุ่มซึ่งแต่ละก้อนจะมีรสออกเปรี้ยวนิดๆ และเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ กินกับชีสหอมมันยิ่งอร่อยเข้ากัน       นอกจาก Sourdough ชนมปังซาวร์โดสไลซ์ เสิร์ฟพร้อมเนยสดหอมเลมอนไทม์ จะเหมาะเป็นมื้อเช้าเริ่มต้นวันสบายๆ แล้ว Melt Shokupan แซนด์วิชโชกุปังสอดไส้ชีสหลากชนิด อาทิ Mozzarella, Romano และ 24M Aged Cheddar กริลล์เสิร์ฟร้อนๆ มาพร้อมซอสศรีราชามาโยโฮมเมด และ Chocolate & Walnut Sourdough Banana Bread ขนมปังซาวร์โดกล้วยหอมเนื้อนุ่มหนึบสอดแทรกวอลนัต ช็อกโกแลต และเนื้อกล้วยนุ่มๆ ที่เน้นใช้แป้งน้อย ย่อยง่าย เสิร์ฟพร้อมเนยก็เป็นบรันช์แสนอร่อยได้เช่นกัน         ส่วนใครอยากจิบเครื่องดื่มชิลๆ เราแนะนำ Yawn ความเข้มของเอสเปรสโซผสานความหอมของนมมอลต์สูตรพิเศษ โรยเกล็ดช็อกโกแลตเพิ่มความอร่อย Double Chocolate ใช้โกโก้ไอวอรีโคสต์จากแอฟริกาเบลนด์ผสมกับช็อกโกแลตระดับคุณภาพจากฝรั่งเศส และ Es Yuzu เอสเปรสโซรสเข้มตัดรสด้วยน้ำส้มยูสุ      

Thanwaa คาเฟ่บนถนนลาดพร้าวที่ทาสแมวและคนรักต้นไม้ต่างเทใจให้ ด้วยบรรยากาศแสนผ่อนคลาย เสมือนได้อยู่ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด มุมงานคราฟต์เก๋ๆ และยังได้เพลิดเพลินไปกับความน่ารักของแมวน้อยตัวอ้วนกลม “ซูชิและเกี๊ยว” ที่จะทำให้เหล่าทาสแมวใจละลาย           เดิม Thanwaa เป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยลาดพร้าว 94 ก่อนจะขยับขยายร้านให้โปร่งโล่งและกว้างขวางมากขึ้น แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นโฮมคาเฟ่ที่เรียบง่ายแต่อบอุ่นเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน โดยภายในแบ่งเป็นมุมห้องนอน ห้องนั่งเล่น มุมโต๊ะทำงาน และโซน Selected Shop ให้ทุกคนได้เลือกชอปกันอีกด้วย           ในส่วนของเมนูทางร้านเน้นเสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่มและเบเกอรี่โฮมเมดที่ครีเอทขึ้นเป็นพิเศษ พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำ เริ่มด้วย น้ำดอกเข็ม (150.-) เครื่องดื่มที่ชวนให้นึกถึงวัยเด็ก โดยการนำน้ำเชื่อมดอกเข็มที่สกัดจากดอกเข็มแท้มาผสมผสานกับน้ำผึ้ง รสหวานอมเปรี้ยว ดื่มแล้วชื่นใจ       ต่อมาเป็น December Coffee (90.-) เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากฤดูหนาวที่แสนเย็นสบายในเดือนธันวาคม เป็นการผสมผสานระหว่างเอสเปรสโซช็อตเข้มข้นและนมสูตรพิเศษ ทางร้านเสิร์ฟแบบเย็นโดยไร้น้ำแข็ง รสชาตินุ่มเบา ละมุนละไมทุกคำที่ดื่ม       เมนูของคาวก็อร่อยไม่แพ้กัน Wafu Salmon Pasta (180.-) เส้นพาสต้าเหนียวนุ่มคลุกเคล้ามากับครีมซอสมิโซะ ท็อปด้วยเนื้อปลาแซลมอนและไข่กุ้ง หอม อร่อยกลมกล่อม       ตบท้ายด้วย Tart Chocolate (70.-) แป้งทาร์ตกรุบกรอบเข้ากันได้ดีกับครีมช็อกโกแลตรสเข้มข้น เสริมความหวานละมุนด้วยครีมคัสตาร์ดด้านบน ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้มาอย่างสวยงาม  

ลิ้มรสชาเขียวออร์แกนิกคุณภาพดีจาก Kawane Farm แหล่งปลูกชาชั้นยอด ชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้ชาวมัตฉะ เลิฟเวอร์ได้ตามไปชิม ฟินกันที่ตึก T-One Building บนถนนสุขุมวิท     Kawane Farm เป็นไร่ชาเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี ในจังหวัดชิซุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจังหวัดชิซุโอกะ ถือเป็นอีกแหล่งปลูกชาเขียวชั้นดีที่เอื้อด้วยดิน ฟ้า อากาศ และน้ำ ปัจจุบันเจ้าของไร่รุ่นที่ 12 ได้เปลี่ยน Kawane Farm ให้กลายเป็นไร่ชาออร์แกนิกที่การันตีคุณภาพของใบชาด้วย JAS Organic Certificate หรือมาตรฐานระบบ​เกษตรอินทรีย์ของประเทศญี่ปุ่น     เมนูแรก Brewed Sencha (80.-) ชาเซนฉะ ที่นำไป Brewed ด้วยน้ำร้อนไม่เกิน 70 องศา โดยใช้เวลาไม่เกิน 01:30 น. มีกลิ่นหอม อูมามิและติดปลายขม       ต่อด้วย Matcha Latte (90.-) ชาเขียวมัตฉะ ตีด้วยมืออย่างพิถีพิถัน ท็อปด้วยโฟมนมโรยมัตฉะรสนุ่มนวล กลมกล่อม หรือจะเลือกเป็น Coco Matcha (90-.) ที่นำน้ำมะพร้าวของไทยมาผสมผสานกับความเข้มข้นของมัตฉะ กลิ่นหอม ดื่มแล้วชื่นใจ       Warabi Mochi (30.-) ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่ทางร้านจะกวนสดต่อหน้าลูกค้า ซึ่งต้องใช้เวลารอแป้งวาราบิเซ็ตตัว 10-15 นาที ก่อนจะนำไปคลุกผงถั่วคินาโกะ อร่อยหนึบหนับสุดๆ       หวานเย็นชื่นใจไปกับ Kuzukiri (คุซึกิริ) ขนมดั้งเดิมของเกียวโต มีลักษณะคล้ายวุ้นเส้นเหนียวหนึบ เสิร์ฟมาในชาเซนฉะเย็น จิ้มน้ำเชื่อมคุโรมิสึ กินแล้วสดชื่น  

แฟนคลับเบเกอร์รีโดยเฉพาะครัวซองต์ ห้ามพลาดไปเช็คอินที่ Mikazuki ร้านเบเกอรีสไตล์ญี่ปุ่น สาขาที่ 10 (ล่าสุด) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น UG ของห้างดังอย่าง ‘ไอคอนสยาม’ คำว่า Mikazuki (มิคาซึกิ) ในภาษาญี่ปุ่นนั้นหมายถึง “พระจันทร์เสี้ยว” รูปทรงของขนมยอดฮิตอย่าง ครัวซองต์ เมนูดาวเด่นประจำร้าน อันเป็นสูตรอร่อยมาจากดินแดนอาทิตย์อุทัย ที่ทำจากวัตถุดิบคุณภาพนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และรังสรรค์โดยเชฟชาวญี่ปุ่นมากประสบการณ์  จนได้มาเป็นครัวซองต์หอมๆ เนื้อกรอบนอกนุ่มในไส้ลาวาโฮมเมด น่าหม่ำเป็นที่สุด         ต้อนรับด้วย Almond Magaron Croissant (69 บาท) ครัวซองต์อัลมอนด์ที่เราคุ้ยเคย ไส้ครีมอัลมอนด์รสหอมมัน ราดด้วยน้ำตาลมาการอง มีอัลมอนด์แผ่นกรุบกรอบท็อปด้วย     ลองมาชิม Japanese Sweet Potato Croissant (79 บาท) แป้งครัวซองต์หอมกลิ่นเนย สอดไส้ซอสมันม่วงลาวาที่ทำมาจากมันม่วงญี่ปุ่น รสหวานกำลังดี ชิ้นนี้เราเลิฟ Matcha Azuki Lava Croissant (79 บาท) ครัวซองต์นุ่มๆ กินพร้อมครีมมัตฉะ อันทำมาจากผงชาเขียวอะซูกิจากดินแดนอาทิตย์อุทัย รสอูมามิ ท็อปด้วยครีมมัตฉะและถั่วแดงกวนอีกที       Sitoshi Lemon Lava Croissant (69 บาท) แป้งครัวซองต์หอมกรุ่น ไปด้วยกันได้ดีกับซอสเลมอนลาวา รสเปรี้ยวละมุน ไม่เลี่ยนแต่อย่างใด เมนูนี้ขายดี Raspberry Panna Cotta Lava Croissant (79 บาท) ซอสราสป์เบอร์รีนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส ผสมกับครีมสดหอมมัน กัดพร้อมกับแป้งครัวซองต์สูตรญี่ปุ่น       Green Tea Croissant (49 บาท) ครัวซองต์นุ่มฟู รวมตัวกับไส้มัตฉะญี่ปุ่น ผสานกับไวต์ช็อกโกแลต Frosty Strawberry Croissant (49 บาท) ครัวซองต์สไตล์ญี่ปุ่น ชิ้นกำลังดี เคลือบด้วยซอสฟรอสตี้ สตรอว์เบอร์รี รสหวานกลมกล่อม ซึ่งเป็นการรวมตัวกันระหว่างสตรอว์เบอร์รี และไวต์ช็อกโกแลต       แฟนคลับช็อกโกแลตต้องชอบ Classic Milo Croissant (69 บาท) ซอสลาวาสูตรพิเศษที่เป็นการผสานกันระหว่างไมโล และดาร์กช็อกโกแล็ต เข้ากันดีกับแป้งครัวซองต์ ยังมี Cherry Ferrero Croissant (79 บาท) ครัวซองต์กรอบนอกนุ่มใน รวมตัวกับซอสช็อกโกแลต รสเข้มผสมหวานเล็กๆ ตกแต่งด้วยเชอร์รี และอัลมอนด์เกรซเคลือบน้ำผึ้ง       Black Sesame Croissant (89 บาท) เมนูใหม่แกะกล่องล่าสุด ครัวซองต์งาดำหอมกรุ่น ใครมาถึงร้านก็ห้ามพลาดเลยชิ้นนี้     ส่วนใครที่เป็นสาวกครัวซองต์ไส้คาวมาทางนี้ เราแนะนำ  Bologna Cheese Croissant (49 บาท) ครัวซองต์ร้อนๆ กินพร้อมชีสสูตรพิเศษของทางร้าน Baked Cheese Spinach Croissant (49 บาท) โดดเด่นด้วยผักโขมอบชีสรสเข้มข้น ซึ่งทำจากชีสคุณภาพ     Chicken Vienna Sausage Croissant (49 บาท) ครัวซองต์แสนอร่อย ท็อปด้วยไส้กรอกไก่เวียนนาคุณภาพ ราดซอสสูตรลับรสเปรี้ยวครีมมี Garlic Butter Croissant (59 บาท) เปลี่ยนจากขนมปังเนยกระเทียม มาลองชิมครัวซองต์เนยกระเทียมกันบ้าง หอมทั้งกลิ่นเนย กระเทียม และพาสลีย์   คนรักชีสต้องลอง Golden Cheesy Croissant (59 บาท) ครัวซองต์ราดซอสชีสระดับพรีเมียมหอมมันสุดฟิน และ Selted Yolk Egg Lava Croissant (69 บาท) ไส้ไข่เค็มลาวารสอร่อยนี้ได้มาจากไข่เค็มชั้นดีจากฟาร์มคุณภาพ เข้าปากพร้อมครัวซองต์นุ่มๆ โรยหน้าด้วยครัมเบิ้ลไข่เค็ม     กระซิบ อีกไม่นานทางร้านจะออกขนมใหม่แล้วนะ ใครเป็นสายเบเกอรีเตรียมตัวปักหมุด  

ยกให้เป็นหนึ่งในคาเฟ่ชาเขียวคุณภาพดี สำหรับร้าน Tori Cafe คาเฟ่บรรยากาศอบอุ่นย่านพระราม 2 ที่รวบรวมชาเขียวทั้งจากไร่ไทยและไร่ญี่ปุ่น มารังสรรค์เป็นเมนูไอศกรีม เครื่องดื่มและเบเกอรี่ ให้เหล่าทีเลิฟเวอร์ได้ตามไปลิ้มลอง     ตัวร้านโดดเด่นด้วยผนังโทนสีครีมเรียบง่าย สบายตา เข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนที่ไม่ว่ามองไปมุมไหนก็สัมผัสได้ถึงความเป็นญี่ปุ่น ภายในร้านแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นบนเป็นโซนสำหรับรับประทานขนมและเครื่องดื่ม ส่วนชั้นล่างเป็นเคาน์เตอร์บาร์และโซนสำหรับขายอุปกรณ์ชงชาคุณภาพดี ที่หากใครสนใจก็สามารถเลือกชอปกลับบ้านได้อีกด้วย       เริ่มด้วยเมนูเบาๆ อย่าง Soft-Ice Cream Matcha (75.-) ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟเนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม รสชาติละมุนหอมหวานชื่นใจ มีให้เลือกอร่อยด้วยกัน 2 รสชาติ คือ New Zealand Milk และ Matcha     ต่อด้วย Matcha Latte (145.-) แก้วนี้พิเศษตรงที่ลูกค้าสามารถเลือกระดับความพรีเมียมของตัวชาเองได้ อย่างแก้วนี้เราเลือกเป็น  Prestigious Matcha ซึ่งเป็นมัทฉะเกรดดีที่สุด เข้มข้มกลมกล่อมและไม่ขมฝาด หรือจะเลือกเป็น Hojicha Powder Latte (90.-) เมนูชาเขียวญี่ปุ่นคั่ว รสชาตินุ่มนวลหอมหวานคล้ายดาร์กช็อกโกแลตผสมคาราเมล       ตบท้ายด้วย Genmaicha Teapot (125.-) หรือชาเขียวผสมข้าวคั่ว เสิร์ฟมาในการ้อนใสที่สามารถมองเห็นสีชาเหลืองทอง ดูสวยงาม จับคู่กับ ซอฟต์คุกกี้รสชาเขียว จะทำให้การดื่มชาในครั้งนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น    

ใครกำลังมองหาคาเฟ่บรรยากาศร่มรื่น ได้ความสงบใจกลางเมือง เราขอแนะนำ Piccolo Kafe คาเฟ่อบอุ่นในซอยเย็นอากาศ 2 ที่เหมาะแก่การมานั่งจิบกาแฟรสชาติเยี่ยม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกลุ่มเพื่อนและบาริสต้าเป็นกันเองแบบเพลินๆ     Piccolo Kafe เริ่มมาจากร้านตู้คอนเทนเนอร์สีเหลืองสดใสขนาดเล็กกะทัดรัด ก่อนจะย้ายเข้าสู่บ้านหลังเก่าชั้นเดียวอายุกว่า 50 ปี และทำการรีโนเวทจนกลายเป็นคาเฟ่สุดชิล บรรยากาศอบอุ่น ที่ผสมผสานความดิบเท่ของเคาน์เตอร์บาร์ปูนเปลือยและความคลาสสิกของคานไม้ดั้งเดิมภายในบ้านเอาไว้ได้อย่างลงตัว         เมนูแรก กาแฟส้มจี๊ด (110.-) เครื่องดื่มสุดครีเอท ที่เลือกใช้รสเปรี้ยวอมหวานของน้ำส้มจี๊ดมาตัดรสขมของเอสเปรสโซช็อตออกมาเป็นกาแฟรสชาติเบาๆ ดื่มแล้วได้ความสดชื่น     ต่อด้วย Piccolo Latte (90.-) ลาเต้แก้วเล็กที่ลดปริมาณนมเพื่อให้ได้รสชาติของกาแฟที่เข้มข้นขึ้น แต่ยังคงความนุ่มนวลกลมกล่อมเอาไว้       หรือจะเลือกเป็น Latte on the rock  (90.-) ลาเต้รสนุ่มนวลที่แยกชั้นกาแฟและนมมาอย่างสวยงาม เพิ่มความเย็นสดชื่นด้วยน้ำแข็งหนึ่งก้อนใหญ่ ดื่มแล้วชื่นใจ กินคู่กับ Soft Cookies (50.-) คุกกี้โฮมเมด เนื้อหนึบหนับ อร่อยเคี้ยวเพลิน       ปิดท้ายด้วย Drip Coffee (130.-) ที่นี่เลือกใช้เมล็ดกาแฟ House Blend จากประเทศที่ขึ้นชื่อในการปลูกเมล็ดกาแฟ อาทิ เอธิโอเปีย โคลอมเบีย และบราซิล แก้วนี้เราเลือกเป็นเมล็ดเอธิโอเปีย รสเปรี้ยวสดชื่น หอมกลิ่นดอกไม้    

ในกรุงเทพฯ มีของดีซ่อนอยู่เยอะมาก และสำหรับคนที่รักเบเกอรี่เป็นชีวิตจิตใจ ต้องลองเข้ามาที่ร้าน Conkey’s Bakery ใน ซ.เอกมัย 22 (หรือเข้าทาง ซ.ปรีดีพนมยงค์ 41 ก็ได้เหมือนกัน) แล้วคุณจะได้พบกับสวรรค์แห่งขนมอบที่แท้จริง       Conkey’s Bakery นั้นเกิดจากฝีมือของ คุณโจ-กาสิน คองกี้ ผู้รักในการอบขนมเป็นชีวิตจิตใจ ใช้เวลาไปกับการลงมือทำตั้งแต่เลี้ยงยีสต์ ตีโดวจ์ ไปจนถึงออกจากเตา เขาแอบกระซิบว่าโดวจ์ทุกตัวของที่นี่จะใช้เวลากว่า 25 ชั่วโมงถึงจะนำมาอบ แถมยังไม่พึ่งตู้พรูฟแป้ง ขนมที่อวดโฉมอยู่ในร้านทั้งหมดจึงเปรียบเป็นดั่งงานงานฝีมือชั้นเอกส่งจากเตาถึงคนกิน           ตัวเอกของร้านขอยกให้กับครัวซองต์ ที่มีมากมายหลายรสชาติให้เลือก นอกจากเพลนครัวซองต์ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ แล้ว ยังมีครัวซองต์ราสเบอร์รี่ไส้ล้นทะลัก ครัวซองต์ช็อกโกแลตชาร์โคล และครัวซองต์พิตาซิโอ ความพิเศษของครัวซองต์ที่ต่างจากร้านอื่น ๆ คือเลือกใช้เนยนิวซีแลนด์แทนเนยฝรั่งเศส ดังนั้นจะได้กลิ่นหอมที่แตกต่างไป ถึงจะไม่หอมเท่าเนยฝรั่งเศสแต่เมื่อกัดเข้าไปแล้วจะได้ความชุ่มและนุ่มจากภายใน         และด้วยประสบการณ์การเปิดร้านเบเกอรี่ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ที่ร้านเลยมีของกินประจำเมืองจิงโจ้อยู่ด้วย นั่นก็คือพายไส้ต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งพายแกะซอสเกรวี พายไก่อบไวท์ครีมซอส และพายเนื้อบดนำเข้าจากออสเตรเลีย ที่เคี่ยวนานกว่า 4 ชั่วโมง แถมยังชิ้นใหญ่อิ่มท้องไปทั้งวัน         ทุกวันนี้ร้าน Conkey’s Bakery อบขนมปังส่งให้กับร้านอาหารทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวมแล้วกว่า 300 ร้าน หนึ่งในขนมปังที่ขึ้นชื่อที่สุดก็คือบริออชที่ร้านเบอร์เกอร์ส่วนใหญ่นิยม นอกจากนั้นขนมปังอื่น ๆ เช่น เซียบัตต้า ขนมปังอิตาเลียนที่โดดเด่นทั้งความนุ่มและความหอมของน้ำมันมะกอก และ ขนมปังผลไม้ 5 อย่าง ที่ภายในเนื้อแน่น ๆ นั้นประกอบไปด้วยวอลนัต ฟิก แอพริคอต ลูกเกด และอิทผาลัม ยิ่งเก็บไว้ได้นาน น้ำจากผลไม้ก็จะยิ่งซึมเข้าสู่ตัวแป้ง แค่สไลด์บาง ๆ เข้าเตาปิ้งขนมปังแล้วปาดเนยนิดหน่อยก็อร่อยได้ง่าย ๆ ทั้งหมดล้วนน่าลองซื้อกลับไปกินที่บ้านทั้งนั้น     บอกแล้วว่าเป็นสวรรค์สำหรับคนชอบกินเบเกอรี่จริง ๆ

สายอาหารทราบแล้วเปลี่ยน! G&C มีอะไรมาอัปเดต ตอนนี้โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ เขามีโครงการ ‘Hyatt Loves Local’  ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด -19 ทั้งยังเปิดประสบการณ์ใหม่ให้แขกที่พักได้รับประทานของอร่อยจากภูมิภาคต่างๆ โดยทางโรงแรมจะให้ร้านจัดป๊อปอัพสโตร์ (Pop-up Store) ในโรงแรมเป็นเวลา 1 ปีเต็มโดยไม่หักค่าใช้จ่าย ซึ่งครั้งนี้เป็นโอกาสของ “Tic Café (ติ๋น คาเฟ่)” คาเฟ่ชื่อดังแห่งอำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี       เจ้าของคือ คุณยะ- พลรัช ลี้วิบูลย์ศิลป์ เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านขนมหวาน ศิษย์เก่าของสถาบันสอนทำอาหารเลื่องชื่ออย่าง ‘เลอ กอร์ดอง เบลอ’ และยังเคยฝึกงานที่เกาะมัลดีฟส์เป็นเวลากว่า 3 ปี โดยเริ่มต้นคุณยะจำหน่ายขนมสไตล์ฝรั่งเศสอย่าง มาการอง ผ่านแค่ช่องออนไลน์เท่านั้น เมื่อกระแสตอบรับดีจึงตัดสินใจเปิดร้านที่บ้านเกิด และใช้ชื่อร้านว่า “ติ๋น” ซึ่งเป็นชื่อของ “อากง” บุคคลที่รักและเคารพของคุณยะนั่นเอง     แน่นอนว่า ความโดดเด่นของ Tic Café  คือการเสิร์ฟขนมหวานโฮมเมดสไตล์ฝรั่งเศส ที่รังสรรค์จากวัตถุดิบคุณภาพ อาทิ แป้งและเนยจากประเทศฝรั่งเศส ผ่านกรรมวิธีการทำขนมที่คุณยะสั่งสมประสบการณ์มานาน ทั้งการนวดแป้ง ตีวิปปิงครีม ทำซอสต่างๆ แต่งหน้าขนมหวานด้วยตัวเอง และเน้นการใช้ผลไม้สดเพื่อรสชาติที่ดีกว่า จิบคู่ไปกับเครื่องดื่ม Non – Coffee อาทิ ชานมไข่มุก อิตาเลียนโซดา เป็นต้น สายหวานคนไหนอยากลิ้มลอง เราขอเชิญให้ตรงดิ่งไปที่ล็อบบี้เลาจน์ได้เลย     มาถึงร้านก็ต้องสั่ง Tarte Tatin Apple Tart (155 บาท) ทาร์ตแอปเปิ้ลสไตล์ฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยแป้งพัฟเพสทรีกรุบกรอบ และคาราเมลรสหวานหอม รวมไปกับแอปเปิ้ลชิ้นพอดีคำ และวิปครีมวานิลลาหอมมัน     หลายคนชอบ Raspberry Tart (170 บาท) ฐานเป็นแป้งทาร์ตกรุบกรอบ หอมกลิ่นเนยชั้นดีจากประเทศฝรั่งเศส ตักกินพร้อมครีมคัสตาร์ดรสหอมมัน หวานกำลังดี ตัดรสกับราสป์เบอร์รีสด รสเปรี้ยวอมหวาน     ยังมี St. Honoré (165 บาท) ที่น่าสนใจ ขนมดั้งเดิมของชาวฝรั่งเศส แป้งพัฟเพสทรีเป็นฐานอย่างดีให้กับ ชูครีมลูกโตๆ กรอบนอกนุ่มใน สอดไส้ครีมวานิลลา รสหวานนุ่มนวล เข้ากันกับวิปครีมปุกปุย     ส่วนใครที่ชอบขนมคลาสสิกอย่างครัวซองต์ เราแนะนำตัวนี้เลย Almond Croissant (165 บาท) ครัวซองต์คุณภาพที่ทำมาจากแป้ง และเนยสัญชาติฝรั่งเศสให้สัมผัสกรอบนอก นิ่มใน ไปด้วยกันได้ดีกับครีมอัลมอนด์หอมกรุ่น รสหวานพอเหมาะ ท็อปด้วยอัลมอนด์แผ่นกรุบกรอบ     Gianduja Plaisir Lait (150 บาท) ถูกใจสาวกช็อกโกแลตแน่นอน ครัวซองต์ที่เรารัก ภายในอัดแน่นไปด้วยนูเทลลารสเข้มข้น หอมกลิ่นนัตตี้     ในด้านเครื่องดื่ม ติ๋น คาเฟ่ ก็โดดเด่นนะ อาทิ ติ๋นพ่นไฟ (135 บาท) นมสดหอมมัน เบลนด์เป็นสูตรลับฉบับของทางร้าน ดูดพร้อมไข่มุกหนึบหนับ ซอสบราวชูก้าหวานหอม และวิปครีมเบิร์นไฟ     Ispahan (145 บาท) รสเปรี้ยวอมหวาน ซาบซ่านี้ได้มาจากราสป์เบอร์รีสด ไซรัปลิ้นจี่ ไซรัปกุหลาบหอมฟุ้ง และน้ำโซดา แถมยังมีไข่มุกสีแดงเคี้ยวเพลินด้วยนะ ปิดท้ายกันกับเมนูน้องใหม่ล่าสุดอย่าง Chrysanthemums with Bird’s Nest (225 บาท) ชาเก๊กฮวยหอมๆ ผสมกับรังนกคุณภาพ รสไม่หวานเกิน จิบกี่คราก็เพลิน       ใครอยากฟินก็รีบมาชิมกันได้

ในซอยเจริญรัถ 19 ย่านคลองสาน มีร้านขนมโฮมเมดเล็กๆ สไตล์ Grab & Go แต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพชื่อ Bakesjourney” เจ้าของคือ “คุณยู-นภสร สุจิตธรรมวงศ์สายหวานที่เคยฝึกปรือคอร์สเรียนทำขนมจาก Le Cordon Bleu มีประสบการณ์การทำขนมมานานกว่า 8 ปี ทั้งการขายเบเกอรีออนไลน์ และเปิดร้านเบเกอรีร่วมกับเพื่อนๆ จนกระทั่งมีโอกาสสร้างร้านขนมหวานของตัวเองในที่สุด       จุดเริ่มต้นของ Bakesjourney มาจากความเป็นแม่ของคุณยู ที่อยากทำขนมรสชาติดีรังสรรค์จากวัตถุดิบคุณภาพให้คนที่รักได้ลิ้มลอง คำว่า ‘Bake’ ที่แปลว่า ‘อบขนม’ เมื่อรวมกับ ‘Journey’ คือ ‘การเดินทาง’ สื่อความหมายถึง ขนมหวานที่เกิดจากการท่องเที่ยว เพราะนอกจากคุณยูจะเป็นนักอบขนมตัวยงแล้ว ยังเป็นทราเวลเลอร์ ที่ต้องการยกเตาอบใส่รถ พร้อมกับทำขนมไปในทุกๆ สถานที่ที่เธอเดินทาง       สิ่งสำคัญของขนมที่ร้าน Bakesjourney คือขนมทุกชิ้นทำจากวัตถุดิบชั้นดีที่รู้แหล่งที่มาที่ไป ไม่ว่าจะเป็นจากฟาร์ม สวนหรือไร่ ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ผ่านกระบวนการทำที่พิถีพิถัน ซึ่งคุณยูลงมือทำเองทุกขั้นตอน อาทิ การนวดแป้ง ทำซอส และแยมต่างๆ เพื่อให้สามารถควบคุมรสชาติขนมไม่ให้มีรสหวานมากเกินไป นอกจากของหวานที่นี่จะอร่อยแล้ว บรรยากาศก็ดีไม่น้อย โดยร้านตกแต่งในสไตล์วินเทจหวานๆ มีการใช้ดอกไม้ทั้งแห้งและสดมาประดับประดา ร่วมไปกับของเก่าคลาสสิกของคุณยูยิ่งทำให้ร้านดูน่าสะดุดตาเพิ่มขึ้นอีกด้วย       เปิดด้วยเมนูขายดีตลอดกาลอย่าง Wakatake Banoffee (220 บาท) ทาร์ตกรุบกรอบ ไปด้วยกันได้ดีกับซอลท์เท็ด คาราเมล (Salted Caramel) รสเค็มอมหวานที่ทำจากเกลือหิมาลายัน กล้วยหอมสด และ Matcha Fresh Cream ที่ทางร้านเลือกใช้ผงชาเขียว Wakatake ให้รสหวานอ่อนๆ หอม ไม่ฝาดในการรังสรรค์ ท็อปด้วยวิปปิงครีมมัทฉะนุ่มๆ     ชิ้นนี้หลายคนชอบ Lemon Meringue (170 บาท) พายเลมอนรสชาติเปรี้ยวนุ่มนวล สูตรเฉพาะของทางร้านที่ใช้น้ำเลมอนสด ผสานไปกับผิวส้มซ่าหอมฟุ้ง จับคู่กับเมอแรงก์รสหวานละมุน และครัสต์กินเพลิน     ลองมาชิมเมนูฤดูกาลกันบ้างกับ พายข้าวเหนียวมะม่วง (170 บาท) ฐานล่างเป็นครัสต์ หอมกลิ่นเนย ตักกินพร้อมข้าวเหนียวมูน รสหอมมันจากร้านดังอย่าง ‘ร้านป้าเล็กป้าใหญ่’ แห่งวงเวียนใหญ่ มูสครีมมีสูตรลับ และมะม่วงสุกคุณภาพรสหวานฉ่ำ     จิบพร้อมกับเครื่องดื่มสุดสดชื่นจาก ‘Vacation Bangkok’ ร้านกาแฟบรรยากาศสบายเสมือนบ้าน ซึ่งเจ้าของร้านเป็นเพื่อนสนิทของคุณยู ตัวแรกแนะนำเป็น Rainforest (145 บาท) เอสเพรสโซชอต ที่ได้จากเมล็ดกาแฟออร์แกนิก ส่งตรงจากจังหวัดเชียงราย มิ๊กซ์ไปกับมัทฉะลาเต้รสกลมกล่อม ซึ่งรังสรรค์จากผงมัทฉะจากประเทศญี่ปุ่น     Piccolo Rose (125 บาท) เมนูดาวเด่นของร้าน โคโลลาเต้แสนสวย รสกลมกล่อมแก้วนี้เป็นการรวมตัวกันระหว่างเมล็ดกาแฟ Single Origin ฉบับออร์แกนิก และไซรัปกลิ่นกุหลาบหอมหวานจากประเทศอังกฤษ     ปิดท้ายด้วย Lychee Soda (125 บาท) น้ำลิ้นจี่รสหวานละมุน ผสมกับน้ำมะนาว ไซรัปกลิ่นกุหลาบ และน้ำโซดาซาบซ่า  

Landhaus Bakery เป็นพิกัดเล็ก ๆ ในย่านอารีย์ที่คนชอบกินเบเกอรีไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะที่นี่มาพร้อมขนมอบและขนมหวานหลากหลายชนิดจากฝีมือของมาสเตอร์ด้านการทำขนมส่งตรงจากประเทศเยอรมันตัวจริงเสียงจริง เพราะฉะนั้นเมื่อมาแล้วก็การันตีได้เลยว่าจะได้รสชาติราวกับไปเยือนเยอรมนีเลยทีเดียว           อาหารก็เป็นหนึ่งตัวแทนในการเรียนรู้วัฒนธรรมการกิน เราจึงแนะนำว่าให้มาลองรับประทานมื้อเช้าที่นี่ กับอาหารเช้าชุดใหญ่ชื่อว่า ARI Breakfast ซึ่งประกอบไปด้วยตะกร้าขนมปัง โคลด์คัทโฮมเมด เสิร์ฟพร้อมเอ็มเมนทาเลอร์ (Emmentaler cheese) และคว้าก (quark cheese) ไส้กรอกเยอรมัน ไข่ต้ม 1 ฟอง และกาแฟหรือชาอีกหนึ่งแก้ว     อีกหนึ่งอาหารขึ้นชื่อของเยอรมนีหนีไม่พ้น Currywurst เมนูสตรีทฟู้ดยอดนิยม โดยที่ Landhaus Bakery มีความพิเศษตรงไส้กรอกแบบโฮมเมดเนื้อแน่นราดด้วยซอสสไตล์ดั้งเดิมที่ผสมผสานระหว่างซอสมะเขือเทศและปาปริก้า ได้รสชาติกลมกล่อมจนหยุดกินไม่ได้ สามารถเลือกได้ว่าจะกินเพร้อมมันฝรั่งทอดหรือคู่กับขนมปังของร้านก็ได้     อย่าลืมเดินไปดูขนมปังในตู้กระจกที่มีให้เลือกทั้งขนมปังข้าวไรย์ บาเกตต์ ขนมปังโรล เพรทเซล ขนมปังธัญพืช และอีกมากมาย ส่วนในตู้แช่และบนโต๊ะไม้กลางร้าน ก็มีขนมหวานทีเด็ดที่ห้ามพลาดจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ชีสเค้กเยอรมันที่ไม่เปรี้ยวมากแถมยังให้สัมผัสเบากว่าชีสเค้กตำรับอื่น ๆ แดนิชหลากหลายหน้าผลไม้ ครัวซองต์ และเค้กครัมเบิ้ลเยอรมัน             นอกจากจะไปเลือกที่หน้าร้านได้แล้ว ทาง Landhaus Bakery ก็มีเว็บไซต์สำหรับสั่งซื้อออนไลน์ ส่งได้ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถลิ้มรสขนมปังและขนมหวานสไตล์เยอรมันได้ไม่ยากเลย    

Kaizen Coffee จากร้านกาแฟตึกแถวสีขาวสุดฮิป ตอนนี้ไคเซนคอฟฟี่มีโลเคชั่นใหม่อยู่ที่เอกมัยเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเมนูอาหารแบบจัดเต็ม       ไคเซนร้านใหม่นี้อยู่ในตึก 2 ชั้นที่มีบานกระจกสีเข้มให้ความรู้สึกโปร่งโล่งกว่าเดิม ภายในตกแต่งด้วยสีโทนเทาดำให้บรรยากาศเท่ๆ คอกาแฟต้องถูกใจเพราะที่นี่ใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพดีจากแบรนด์ Sample Coffee ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย         อันดับแรกที่ต้องสั่งคือ Kaizen Coffee Single Origins (160-180 บาท) กาแฟดริปที่มีกาแฟซิงเกิลออริจินให้เลือกจากหลายที่ เราชิม Colombia Finca Belgravia บอดี้ปานกลาง เปรี้ยวปลายๆ ตามคาแรกเตอร์ของกาแฟคือ Apricot, Elderflower และ Lolly     ส่วนสายเข้มลองสั่ง Hot Blonde Mocha (165 บาท) กาแฟมอคค่า กาแฟชอตใส่นมและโกโก้ กลิ่นหอม นุ่มนวล โรยช็อกโกแลตรสเข้มข้น สายสุขภาพก็มีเมนูสมูทตี้ผลไม้ปั่นหลายรายการ เช่น Acai Peanut Butter (220 บาท) อาไซอิเบอร์รีปั่นกับเนยถั่วสูตรของร้าน ใส่กล้วยหอม อินทผลัม น้ำมะพร้าว และนมอัลมอนด์ แก้วนี้สีม่วงสวยได้รสเปรี้ยวหวานอ่อนๆ และรสเค็มมันจากเนยถั่ว       Quinoa Sourdough (40 บาท) ขนมปังทำเองของร้านก็เป็นอีกเมนูที่ห้ามพลาด ซาวร์โดผสมควินัว เนื้อโปร่งมีโพรง เปรี้ยวนิดๆ ปิ้งมาหอมๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับเนย และดอกเกลือชาร์โคลสีดำ     Full Breakfast (330 บาท) อาหารเช้าจานใหญ่จัดเต็ม เสิร์ฟไข่ที่ให้เราเลือกได้ตามชอบ เช่น ไข่คน ไข่ลวก หรือไข่ดาว บนขนมปังควินัวซาวร์โด เห็ดพอร์ตาเบลโลย่างนุ่มๆ ผักเบบี้คอสย่างกรอบๆ มะเขือเทศสดจากเชียงใหม่ อะโวคาโด และเบคอน กินหมดจานนี้อยู่ได้ทั้งวัน     อาหารจานเดียวก็มี อย่างเมนูนี้ Salmon Yakitori (320 บาท) จานสุขภาพที่กินได้ทุกมื้อ เสิร์ฟแซลมอนย่าง กับข้าวไรซ์เบอร์รีออแกนิค เคียงกับยำสาหร่ายใส่ถั่วแระญี่ปุ่น กิมจิรสเปรี้ยวสูตรของร้านไคเซนทำเอง ไข่ต้มยางมะตูม หน่อไม้ฝรั่งและเบบี้แครอท ใครชอบรสจัดให้จิ้มกับโชยุใส่พริกซอยไปด้วย อร่อยเต็มอิ่มในจานเดียว     เรียกได้ว่าไคเซนโฉมใหม่นี้จัดเต็มทั้งกาแฟ และอาหาร จนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว

นอกจากเป็นสถานที่สำหรับคนรักศิลปะและคนรักเครื่องเขียนที่กำลังฮอตฮิตสุดๆ ตอนนี้ บนชั้น 2 ของอาคาร Mediums แห่งซอยสุขุมวิท 42 ยังมีโซนคาเฟ่เล็กๆ แต่พร้อมเสิร์ฟกาแฟระดับคุณภาพที่ใช้ชื่อว่า ve/la” อีกด้วย         โดยที่นี่นำคอนเซ็ปต์ของ “เวลา” ตามชื่อร้านมาดีไซน์เมนูกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆ ใครชอบเอสเปรสโซ ที่นี่มีให้เลือก 2 แบบ คือ Dawn Blend ใช้เมล็ดกาแฟของไทย รวันดา และเอธิโอเปียมาเบลนด์ระดับคั่วกลาง ดื่มง่าย ซ่อนความฟรุตตีของบลูเบอร์รีและกลิ่นหอมอโรมาของชาดำ และ Dusk Blend ใช้เมล็ดกาแฟไทยคั่วกลางไปทางเข้มที่ให้ความหอมของคาราเมล เฮเซลนัต และช็อกโกแลต ส่วนกาแฟดริปมีให้เลือกทั้งเมล็ดจากเอธิโอเปียและฮอนดูรัส โดยแนะนำแต่ละชนิดตามช่วงเวลาของวัน ทั้งช่วงเช้า ช่วงบ่าย และยามค่ำคืนเช่นกัน (แต่ทุกเมนูสามารถสั่งได้ตามใจตลอดวัน)        ถ้าเลือกไม่ถูกลองสั่ง 4 เมนูซิกเนเจอร์ที่ครีเอตขึ้นมาโดยเฉพาะ คอกาแฟต้องลอง Cloudy กาแฟโคลด์บริวแช่นานถึง 24 ชั่วโมง ท็อปด้วยโฟมไวต์ช็อกโกแลตนุ่มนวลละมุนลิ้น และ Sunny กาแฟโคลด์บริวที่เพิ่มความสดชื่นด้วยโทนิคเสาวรสอินฟิวส์สับปะรดวิเนการ์ ท็อปด้วยเนื้อส้มเชื่อมคาราเมล       สายนมห้ามพลาด Snowy ลาเต้ที่ผสมผสานเมเปิลไซรัป และซีเรียล และนม โรยเกล็ดไวต์ช็อกโกแจต เสิร์ฟในขวดแก้วสุดเก๋ พร้อมเสียบคุกกี้ช็อกโกแลตชิปชั้นโตมาให้อร่อยไปพร้อมกัน และ Rainy โดนใจคนรักช็อกโกแลตด้วยความหอมหวานของบราวนีบัตเตอร์ ท็อปด้วยโฟมนมนุ่มแน่นกลมกล่อม       ส่วนสายอาร์ต (และสายหวาน) ห้ามพลาดเมนูเค้กสุดเก๋ White Basque Cheesecake ชีสเค้กหน้าไวต์ช็อกโกแลตหอมหวาน มาพร้อมครีมแต่งหน้าเค้กหลากสีให้เราวาดรูปสนุกๆ ก่อนกิน แถมชิ้นใหญ่เต็มอิ่มแบบกินด้วยกันได้ 2-3 คน สบายๆ    

JEDI Café & Bar ร้านกาแฟน้องใหม่บนถนนบริพัตรที่ผสมผสานศิลปะงานไม้ของไทยกับโทนสีขาวคลีนสไตล์มินิมอลเอาไว้ได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยทิวทัศน์อันงดงามของสวนสาธารณะป้อมพระกาฬและเจดีย์วัดภูเขาทอง ที่ทำให้การจิบกาแฟของคุณเพลิดเพลินขึ้นเป็นอีกเท่าตัว       ร้าน JEDI Café & Bar เกิดจากกลุ่มเพื่อนที่นำความถนัดของแต่ละคนมาสรรสร้าง เปลี่ยนโกดังเก็บพลุเก่าให้กลายเป็นคาเฟ่สีขาวสะอาดตา ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีน้ำตาลทำจากไม้โอ๊คและไม้สักไทย เสริมบรรยากาศโปร่งโล่งสบายด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติอย่างทั่วถึง       เมนูแรก White Mustache (140.-) ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่โฟมนมหนานุ่มด้านบนกาแฟเบลนด์สูตรพิเศษของร้าน เมื่อยกขึ้นดื่มโฟมนมจะติดอยู่ที่ริมฝีปาก เป็นเหมือนหนวดสีขาวตามชื่อเมนู     ต่อด้วย Yoda (150.-) เครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสีของ โยดา ตัวละครจากหนัง Star Wars ความนุ่มนวลของกาแฟเบลนด์สูตรพิเศษของร้านตัดกับความเข้มข้นของชาเขียวพรีเมียม ออกมาได้เครื่องดื่มหอมมัน กลมกล่อม เหมาะกับทั้งคอชาเขียวและคอกาแฟ     หรือจะลองเป็น Drip It Yourself (120.-) กาแฟดริปในแบบฉบับของตัวเอง อย่างแก้วนี้เราเลือกเป็นเมล็ดโคลัมเบีย ให้ความฟรุ๊ตตี้ รสชาติเบาๆ หอมละมุนและติดปลายขม