หน้าร้อนปีนี้ ใครกำลังมองหาร้านไอศกรีมรสชาติดี ต้องไม่พลาด CUBE to CUP ร้านไอศกรีมโฮมเมดแห่งใหม่ ที่ตั้งอยู่บนชั้นสองภายในตึกเก่ากว่าร้อยปี บริเวณแยกไมตรีจิต โดยเน้นเสิร์ฟไอศกรีมเจลาโตรสชาติไทย ที่รังสรรค์จากวัตถุดิบไทยเป็นหลัก เหมาะแก่การไปเติมความสดชื่นให้ร่างกายเป็นที่สุด   ตัวร้านยังคงโครงสร้างเดิมของตึกสุดวินเทจเอาไว้ โดยภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และของสะสมส่วนตัวยุคเก่าของ คุณอาร์ - ยุทธพงศ์ ชัยโรจน์ (เจ้าของร้าน) ที่เลือกสรรมาเป็นอย่างดี ช่วยเสริมบรรยากาศให้ดูอบอุ่นและคลาสสิกขึ้นเป็นอีกเท่าตัว       เริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ อัฟโฟกาโตโอเลี้ยง ไอศกรีมวานิลลาอัญชัน (99.-)  อัฟโฟกาโตสไตล์ไทย ที่นำโอเลี้ยงมาจับคู่กับไอศกรีมวานิลลาสีฟ้าจากอัญชัน อร่อยลงตัว เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ       ใครชอบความละมุน ต้องลอง ไอศกรีมกาแฟถั่วตัด (85.-) ความนุ่มนวลของกาแฟนมเข้ากันได้ดีกับสัมผัสกรุบๆของถั่วตัด โดยทางร้านเลือกใช้ถั่วตัดร้านดัง หอม หวานมันทุกคำที่เคี้ยว หรือจะเลือกเป็น ไอศกรีมข้าวหลาม (85.-) รสหวานกลมกล่อม ที่จะได้เท็กเจอร์หนึบหนับจากข้าวเหนียวดำ กินเพลินสุดๆ     เติมความสดชื่นด้วย ไอศกรีมมัลเบอร์รีส้มจี๊ด (85.-) ที่ผสมผสานผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานอย่าง มัลเบอร์รีและ ผลไม้ไทยรสเปรี้ยวหอมเบาๆ อย่างส้มจี๊ด เข้าด้วยกัน กินแล้วคลายร้อนได้ดีเลยล่ะ  

นักฮอป(คาเฟ่) ทั้งหลายมารวมพลกันตรงนี้ เรามีร้านเปิดใหม่ย่านเจริญกรุงมาแนะนำ Ron Ron Slow Bar เป็นบาร์ลับที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 2 ของตึกเก่า ชูคอนเซ็ปต์สโลว์บาร์ให้เราได้ดื่มด่ำบรรยากาศโมเดิร์นกลาสเฮาส์ เน้นแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านกระจกตลอดแนวผนังด้านหนึ่งซึ่งจะเปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลาตามการเคลื่อนตัวของดวงอาทิตย์ เริ่มจากแสงอุ่นนวลตาในยามเช้า หรือแสงสีชมพู ส้ม อมม่วงในช่วงทไวไลท์         ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์และของสะสมสุดคลาสสิกที่จัดวางได้งามตา ตรงกลางเป็นบันไดเวียนที่นำเราสู่ชั้นลอย โซนที่เหมาะกับการเอนกายอ่านหนังสือ หรือพูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัว ส่วนไฮไลท์ที่เป็นหัวใจของร้านคือกาแฟสเปเชียลตี้กลิ่นหอมกรุ่นที่คัดสรรมาจากทั่วโลก เพื่อให้คอกาแฟได้ลิ้มรสคาแรคเตอร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเมล็ดกาแฟนั้นๆ รวมถึงคอมฟอร์ตฟู้ดแสนอร่อยที่สั่งมาละเลียดได้ทั้งวัน       เริ่มต้นที่เครื่องดื่มซิกเนเจอร์เอธิโอเปียเกอิชา สายพันธุ์กาแฟชั้นยอดของโลกที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ รสเปรี้ยว หอม หวานแบบมิกซ์ฟรุต และมีเทกเจอร์นุ่มเบาละมุนลิ้น เป็นกาแฟที่จิบก่อนอาหารก็เหมาะดี หรือจะสั่งมาปิดท้ายมื้อก็เปอร์เฟ็คท์ไม่น้อย ส่วนเครื่องดื่มแก้วที่สองของวัน แนะนำ  Endless  Valentine 120 Sparkling รสเปรี้ยวสดชื่น แซมหวานกำลังดี ดื่มแล้วสดชื่นกระปรี้กระเปร่า         ด้วยความที่เป็นสโลว์บาร์จึงไม่เน้นจานหลักหนักท้อง แต่ถ้าอยากได้เมนูรองท้องเบาๆ ก็มีให้เลือกหลายรายการ อาทิ อะโวคาโดโทสต์ โทสต์แผ่นบาง อบร้อนๆ กลิ่นหอมฟุ้ง ด้านบนปาดด้วยซอสทำจากอะโวคาโดเข้มข้น ท็อปด้วยผักสดหลากสี และไข่ต้มยางมะตูม     อีกเมนูชวนลิ้มลอง ครอฟเฟิล ชิ้นหนาเนื้อนุ่มฟู ผิวกรอบนิดๆ ท็อปด้วยเบคอนกรุบกรอบไร้มัน เสิร์ฟพร้อมไซรัปเมเปิลกลิ่นหอมหวาน     ถ้าไม่อยากกินของคาวก็มีของหวานสุดฮอต นิวยอร์กชีสเค้ก เค้กเนื้อเบา นุ่มฟูละลายในปาก คล้ายเค้กสไตล์ญี่ปุ่น แต่รสชาติหนักแน่นแบบนิวยอร์กชีสเค้กที่เราคุ้นลิ้น     Ron Ron Slow Bar แค่เดินเข้ามาก็รู้สึกผ่อนคลายแล้ว

หลังจากคู่รักนักชิม คุณแจนและคุณโจจูงมือกันตระเวนกินขนมหวานจากร้านต่างๆ จนปิ๊งไอเดียนำเมนูสุดโปรดมาเปิดร้าน “หวานเย็น” แสนอร่อยแห่งนี้ โดยเริ่มจากเช่าพื้นที่หน้าร้านเล็กๆ ขายหวานเย็นเพราะเป็นเมนูที่กินได้เรื่อยๆ ได้ทั้งรสชาติความอร่อยและความสดชื่น เหมาะกับอากาศร้อนบ้านเราที่สุด       หลังจากเปิดร้านขายริมทางได้ไม่นานก็ได้เวลาขยับขยายมาเปิดร้านอย่างจริงจังให้ลูกค้าได้มีพื้นที่นั่งละเลียดกันแบบสบายๆ ในบรรยากาศเรียบง่ายสไตล์โอเพ่นแอร์ที่ใครก็เดินเข้ามาได้ไม่รู้สึกขัดเขิน วัตถุดิบทั้งหมดในร้านเน้นของสดใหม่ เชื่อมวันต่อวัน         ยืนหนึ่งขายดียกให้เต้าทึง เครื่องแน่นทะลัก มีทั้งรากบัวเชื่อม เกาลัด แปะก๊วย พุทราจีน ลูกบัว ลูกเดือย ราดด้วยน้ำเชื่อมเคี่ยวจากน้ำตาลทรายแดงที่มีรสหวานหอมเป็นเอกลักษณ์       น้ำแข็งไสจุใจกับเครื่องที่มีให้เลือกมากกว่า 30 รายการ ราดด้วยน้ำเชื่อมเหนียวข้น ใส่ใบเตยเพิ่มกลิ่นหอมละมุน แค่ได้กลิ่นก็น้ำลายสอ ถ้าอยากเปลี่ยนประสบการณ์แห่งรสชาติ ทางร้านยังให้ลูกค้าเลือกน้ำได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเชื่อมน้ำลำไย กะทิสด กะทิลอดช่อง นมสด น้ำแดง และน้ำชาไทยได้อีกด้วย       ยังมีเมนูเอาใจวัยมันส์อย่างทาโรบอลที่เลือกได้จากทาโร่บอลเฉาก๊วยนมสด, ทาโร่บอลเฉาก๊วยขนมปังชาไทย และทาโร่บอลเฉาก๊วยนมสดภูเขาไฟ จุดเด่นคือแป้งเหนียวหนึบ เคี้ยวกรึบๆ สู้ฟัน ราดน้ำเชื่อมแบบที่ชอบ หวานหอม กินแล้วสดชื่น         ส่วนคนชอบไอศกรีมต้องลองไอศกรีมทอด หรือไอศกรีมไข่แข็ง เสิร์ฟพร้อมท็อปปิ้งที่เลือกสั่งได้เช่นเดียวกัน       ช่วงนี้หลายคนคงยังกังวลเรื่องโรคโควิด 19 ทางร้านก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และยกให้ความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานร้านต้องมาเป็นอันดับแรก เคาน์เตอร์วางเครื่องเคราต่างๆ จึงมีการติดตั้งกระจกเพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกอย่างจะสด สะอาด และปลอดภัยจนกว่าจะส่งถึงปากเราจริงๆ         อร่อยด้วย สบายใจด้วย ยกนิ้วให้เลย!

ภารกิจสุดวุ่นวายในแต่ละวันอาจทำให้ความสุขของเราหายไปบ้าง แต่ถ้าปลีกเวลาได้อยากให้มาชาร์ตพลังที่ Sriyan Tearoom ทีรูมเปิดใหม่ในบ้านโบราณสไตล์โคโรเนียลอายุประมาณ 100 ปีที่ใช้ไม้ซุงเป็นรากฐาน ไม่มีการลงเสาเข็ม ตัวบ้านสร้างจากไม้สักแท้ทั้งหลังและไม่เคยรีโนเวท นอกจากทาสีใหม่บางส่วน โดยเน้นสีโทนเดิมเพื่อคงสเน่ห์ของวันวาน เมื่อเดินเข้ามาจึงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่อดีตที่เรียบง่าย เนิบช้า ไม่วุ่นวาย แถมยังมีชาชั้นดีและของว่างแสนอร่อยให้ละเลียดเพลินๆ อีกด้วย       ช่วงนี้เปิดให้นั่งชิลบริเวณชั้นล่าง ส่วนชั้นบนกำลังตกแต่งเพื่อรองรับฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากขึ้น แต่ถ้าชอบนั่งรับลมแนะนำโซนด้านนอกที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ และยังได้เงาของตัวบ้านช่วยบดบังแสงอาทิตย์ ลมพัดเย็นๆ นั่งยืดแขนขาสบายๆ ก่อนสั่งเมนูชูโรง เริ่มด้วยเลือกชาที่ชื่นชอบจับคู่กับครัวซองต์ เมนูไฮไลท์ที่เชฟครีเอทมาทั้งแบบคาวและหวานให้สั่งมาเอนจอยได้ครบจบที่เดียว           เราเลือก Golden Earl Grey ชาดำคัดเฉพาะยอดอ่อน เบลนด์กับกลิ่นมะกรูดและน้ำผึ้ง หอมหวานสดชื่น     ส่วนครัวซองต์เริ่มที่เมนูคาว Smoked Salmon Cream Cheese ครัวซองต์แซลมอนรมควัน ราดด้วยครีมชีส อะโวคาโด เคเปอร์ โรยหน้าด้วยอิคุระ     ต่อด้วย Scrambled Eggs ครัวซองต์สแครมเบิลเอ้ก ใส่แฮมชีส แชมปิญอง ผักร็อกเก็ต และมะเขือเทศย่าง อย่าลืมเพิ่มรสเปรี้ยวสดชื่นด้วยเลมอน     ปิดท้ายด้วยครัวซองต์รสหวาน Yuzu Cream Cheese ครัวซองต์คิวบิกก้อนโตที่กินคนเดียวไม่ได้ เพราะมีจุก ผิวนอกกรอบ ด้านในนุ่มนิ่ม ไฮไลท์อยู่ที่ไส้ยูสุและครีมชีสอุ่นๆ ที่พร้อมทะลักยั่วน้ำลายทันทีที่เราเอามีดกดลงไป รสชาติออกเปรี้ยวอมหวาน ยกให้เป็นของหวานปิดท้ายมื้อสุดประทับใจ     ก่อนกลับแวะย่อยอาหารด้วยการเดินชมสตูดิโอเสื้อผ้าแบรนด์ไทยชั้นนำ Sappaya (สัปปายะ) ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ตัดเย็บจากผ้าเดนิมทอมือและใช้กระบวนการย้อมผ้าภูมิปัญญาชาวบ้านที่ปราศจากสารเคมี 100% ออกแบบสวย ใส่สบาย ไม่แน่ว่าเสื้อบางตัวกำลังรอเราเป็นเจ้าของอยู่ก็ได้  

ยามบ่ายที่แดดทอแสงอ่อนลงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเดินเล่นชมเมืองอย่างยิ่ง โดยเฉพาะย่านเก่าที่เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญและตึกรามบ้านช่องที่ยังคงกลิ่นอายสถาปัตยกรรมของวันวาน ดังเช่นที่ถนนพระอาทิตย์แห่งนี้ บรรยากาศสองข้างทางที่ยังเป็นตึกเก่าอายุกว่า 100 ปี บางคูหารีโนเวทใหม่ให้เป็นร้านรวงสวยเก๋ แต่ยังเข้ากับบริบทของท้องถิ่น ให้ความรู้สึกสุขสงบและชวนนั่งไปอีกแบบ       แต่ร้านที่เราตั้งใจมาในวันนี้แตกต่างออกไป ที่นี่เป็นโรงน้ำชาเล็กๆ ชื่อ “มิตรามิตร” ทุกอย่างในร้านไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ล้วนเป็นของเดิมที่ไม่ได้ถูกเติมแต่งแต่อย่างใด จึงให้ความรู้สึกเหมือนก้าวข้ามมิติของเวลาเข้ามาสู่อดีต ในร้านมีพื้นที่น้อยนิดแต่คึกคัก เพราะเป็นจุดนัดพบของคนที่หลงรักการจิบชา บรรยากาศจึงอบอวลไปด้วยมิตรภาพ มีเสียงพูดคุยเบาๆ บ้างก็อ่านหนังสือ ทุกอย่างดูเนิบช้าจนเหมือนถูกหยุดเวลาไว้ ในขณะที่ด้านนอกการจราจรยังคับคั่งและเต็มไปด้วยเสียงแห่งความวุ่นวาย ใครที่มองหามุมสงบโรงน้ำชาแห่งนี้ตอบโจทย์มาก           มิตรามิตรนำเสนอชาร้อนเป็นชุดแบบ Afternoon Tea ให้ลูกค้าเลือกชาร้อนได้ 1 รสชาติจาก 18 รสชาติ ดื่มหมดแล้วยังเติมน้ำร้อนได้เรื่อยๆ เท่าที่ต้องการ ในชุดยังมีขนมไทยโบราณที่ทางร้านช่วยสนับสนุนจากชุมชนในท้องถิ่น  การันตีว่าจับคู่กับชาชนิดไหนก็อร่อยเข้ากัน     ชาจีนทั้งหมดคัดสรรจากแหล่งที่ดีที่สุดของแต่ละมณฑล แบ่งตามกรรมวิธีในการหมัก ได้แก่ ชาขาว ชาเขียว ชาอูหลง ชาแดง หรือ Black Tea และชาผูเอ่อร์ วันนี้เราขอลอง 2 ชนิด คือชาอูหลงไต้หวัน (เบอร์ 5) หรือมิลก์อูหลง รสเบา หอมละมุน จิบแล้วปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย         และชาแดงเจิ้งซานเสี่ยวจง (เบอร์ 12) ซึ่งถูกยกให้เป็นชาที่ต้องดื่มให้ได้สักครั้งในชีวิต ใครชอบรสเข้ม หนักแน่น รับรองปลื้ม สำหรับผู้เริ่มต้นควรลองจากเบอร์ 1 ไปถึงเบอร์ 18 ไม่แน่ว่าระหว่างทางคุณอาจพบรักแท้จนไม่อยากเปลี่ยนใจไปลิ้มลองรสชาติเครื่องดื่มชนิดอื่นอีกเลยก็เป็นได้  

ใครมีโอกาสได้ไปเมืองท่องเที่ยวสุดฮิต อย่างพัทยา อย่าลืมแวะเช็คอินกันที่ S'more Beach Cafe X Manual Brewing Bar คาเฟ่บรรยากาศดีภายใน โรงแรม Golden Tulip Pattaya Beach Resort โดดเด่นด้วยตัวร้านห้องกระจกใส ที่สามารถชมวิวทะเลได้กว้างสุดสายตา เหมาะแก่การมาแชะภาพคู่วิวสวยๆ อวดลงโซเชียลเป็นที่สุด       นอกจากโซนห้องแอร์เย็นฉ่ำแล้ว โซนเอ้าท์ดอร์ของร้านก็ดีไม่แพ้กัน โดยสามารถเดินไปบริเวณริมชายทะเล ที่ทางร้านจัดที่นั่งไว้ให้อย่างเป็นสัดส่วน ตอบโจทย์ใครที่อยากดื่มด่ำกับวิวทะเลได้อย่างเต็มตา       เริ่มด้วยเมนูของคาวอิ่มท้อง อย่าง สปาเก็ตตีคาโบนาราครีมไข่กุ้ง (230.-) เส้นสปาเก็ตตีเหนียวนุ่ม คลุกเคล้ามากับครีมซอสคาโบนารารสกลมกลล่อม ท็อปด้วยไข่กุ้งและเบคอนกรุบกรอบ กินพร้อมไข่แดงเพิ่มความนัว อร่อยฟิน     ต่อด้วยขนมกินเล่น Chocolate Cookie Marshmallow คุกกี้เนื้อหนึบหนับ หอมกลิ่นช็อกโกแลต ท็อปด้วยมาร์ชแมลโลว์ ชิ้นพอดีคำ กินเพลิน     จับคู่กับเครื่องดื่มสุดสดชื่น Jumba Coffee (120.-) เป็นการผสมผสานระหว่างเอสเปรสโซช็อตรสเข้ม และนมชมพูหวานกลมกล่อม นัวละมุนลิ้น หรือจะเลือกเป็น EsYen (120.-) เอสเปรสโซเย็นรสหวานกำลังดี โดยทางร้านใช้เป็นเมล็ดกาแฟคั่วเข้มของไทย หอมกลิ่นถั่ว และช็อกโกแลต    

สัมผัสความอบอุ่นละมุนหัวใจ ภายในคาเฟ่กลางเมืองเก่าอยุธยา A Lovely Table ก่อตั้งโดย คุณปู เปมิกา - อัตตะสาระ ที่หลงใหลในรสชาติขนมไทยสูตรโบราณฝีมือคุณแม่ จนได้สานต่อความชอบของตนเอง เปิดคาเฟ่ที่เน้นเสิร์ฟหลากหลายเมนูขนมไทย และไอศกรีมโฮมเมด โดยมีการประยุกต์ให้ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น       ตัวร้านเลือกใช้โทนสีเขียว และน้ำตาลเป็นหลัก แฝงความคลาสสิกสไตล์เมืองเก่าอย่าง อยุธยา ด้วยซุ้มประตูอิฐ ที่โดดเด่นจนยกให้เป็นเอกลักษณ์ของร้าน ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และดอกไม้นานาชนิด ชวนให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย       เริ่มด้วย เค้กสายไหม (139.-) เนื้อเค้กนุ่มฟูสลับชั้นมากับน้ำตาลสายไหมและครีมสด ท็อปด้วยสายไหมจากอยุธยา อร่อยหวานฉ่ำถูกใจเด็กๆ แน่นอน     ต่อด้วยเมนูซิกเนเจอร์ขายดีประจำร้าน บัวลอยฟักทอง (129.-) ทางร้านเลือกใช้เป็นฟักทองญี่ปุ่น เนื้อนิ่มหนึบหนับ เสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมทานตะวันดอกคำฝอย กินแล้วได้เท็กเจอร์กรุบๆ จากเมล็ดทานตะวัน รสนัวกลมกล่อม     ต่อกันที่เมนูยอดฮิตในช่วงซัมเมอร์ ไอศกรีมปลาแห้งแตงโม (99.-) ไอศกรีมแตงโมหวานเย็น เนื้อกรานิต้า โรยด้วยปลาแห้งป่น รสเค็มหวาน กินแล้วสดชื่นคลายร้อน       นอกจากนี้ยังมี ขนมข้าวโพดห่อกาบ (129.-) ขนมโบราณเนื้อหนึบหนับ รสเค็มมัน กินพร้อมไอศกรีมข้าวโพดหวาน และ เค้กขนมตาล (149.-) เค้กสปันจ์นุ่มและละเอียด หอมกลิ่นตาล รสหวานน้อย จับคู่มากับไอศกรีมสายไหม เนื้อเนียนละมุนลิ้น       ส่วนเครื่องดื่มเราแนะนำ ลาเต้กุหลาบ (90.-) เอสเปรสโซช็อตรสเข้มจากเมล็ดกาแฟอาราบิกาคั่วเข้มทางภาคเหนือของไทย ผสมมากับนมกุหลาบหอมนัว  

อบอุ่นหัวใจไปพร้อมกันที่ Chutie is baking คาเฟ่สไตล์วินเทจน้องใหม่ในโครงการ Charoen43 Art & Eatery เจ้าของเดียวกันกับ Sweet Pista ร้านอาหารโฮมเมดในโครงการ Warehouse 30 ที่ทำให้ใครหลายคนประทับใจมาแล้วนั่นเอง       โดยทางคุณเอ้ - ชุติมา บวรรัตนโชติ (เจ้าของร้าน) ต้องการเปลี่ยน ห้องนิรภัยของร้านจิวเวลรีในตึกเก่าอายุราว 60 ปี ให้กลายเป็นคาเฟ่และครัวอบขนมอันหอมกรุ่น มีดาวเด่นเป็น เค้กพาร์เฟต์ หลากหลายรสชาติให้ได้เลือกลิ้มลอง ซึ่งทางร้านจะไม่มีเมนูเครื่องดื่ม เนื่องจากอยากให้ลูกค้าสั่งเครื่องดื่มจากร้านอื่นๆ ภายในโครงการมารับประทานร่วมกัน       เริ่มด้วยเค้กพาร์เฟต์ Banana Rum Caramel (155.-) ตัวฐานจะเป็นเค้กกล้วยหอมราดด้วยคาราเมลผสมเหล้ารัม หวานมันติดปลายขมนิดๆ ท็อปด้วยวิปครีมนุ่มละมุน และกล้วยเบิร์นน้ำตาลหวานฉ่ำ       Strawberry Vanilla Almond (165.-) เค้กอัลมอนด์เนื้อนุ่ม กินพร้อมสตรอว์เบอร์รีรสเปรี้ยวหวาน และครัมเบิลกรุบกรอบ ปิดท้ายด้วยซอสวานิลลา และวิปครีม หลากหลายเท็กเจอร์ในคำเดียว     Biscoff Blueberry Cheese (165.-) ด้านล่างเป็นครัมเบิลราดซอสคาราเมล กินพร้อมครีมชีส วิปครีมและบิสคอฟบิสกิตหอมหวาน ตัดเลี่ยนด้วยบลูเบอร์รีรสเปรี้ยวกำลังดี อร่อยลงตัว     Bloody Cherry White Choc (185.-) โกโก้ครัมเบิลรสเข้ม ไปด้วยกันได้ดีกับไวต์ช็อกโกแลตครีมชีสและเชอร์รีซอส     นอกจากนี้ยังมีเบเกอรี่อื่นๆ ผลัดเปลี่ยนไปแต่ละวัน อาทิ Lemon Posset with Shortbread (165.-) ขนมโบราณของอังกฤษ ที่มีรสสัมผัสละมุนละไมคล้ายโยเกิร์ต เสิร์ฟมาในเปลือกเลมอนหน้าตาน่ารัก กินคู่กับชอร์ตเบรดแบบแท่ง  

OVO shop คาเฟ่เปิดใหม่ในโครงการสวนหลวงสแควร์ ที่นำความมินิมอลสไตล์เกาหลี และโทนสีสันสดใสสไตล์อเมริกัน มารวมไว้ด้วยกัน โดดเด่นด้วยโทนสีส้มขาว ชวนให้รู้สึกสดชื่นสบายตา เหมาะแก่การมานั่งชิลล์ ถ่ายรูปเช็กอินอวดลงโซเชียลเป็นที่สุด       OVO มาจากรากศัพท์ภาษาละติน แปลว่า ไข่ ซึ่งเข้ากับคอนเซ็ปต์ร้าน ที่ต้องการหยิบเมนูเบรกฟาสต์แบบอเมริกัน มากินคู่กับวัตถุดิบของเอเชีย อาทิ แซนด์วิชไข่น่ารักๆ และเมนูคอร์นด็อกหลากหลายแบบ โดยมีซอสให้เลือกอร่อยมากกว่า 8 ตัว       เริ่มด้วย Gangnam Spam Sandwich (200.-) ขนมปังแซนด์วิชเนื้อนุ่ม สอดไส้สแปม รสกลมกล่อม ไข่กวน และชีสเต็มแผ่น ราดด้วยซอสโคชูจังชิลลี กินพร้อม Sunset Pop (105.-) เครื่องดื่มโยเกิร์ตโซดาสุดซาบซ่า ที่ใส่เมล็ดป็อปเสาวรสมาให้เคี้ยวเพลินๆ ช่วยตัดรสจัดจ้านของแซนด์วิชได้เป็นอย่างดี       Hapjeong Corn Dog (155.-) คอร์นด็อกครึ่งไส้กรอก ครึ่งชีส คลุกด้วยมันฝรั่งหั่นเต๋า จากนั้นนำไปทอดจนหอมกรอบ ตบท้ายด้วยการราดซอสสไปซีมาโยและชีส เคี้ยวมัน กินเพลิน     เมนูของหวานเราแนะนำ Paris French Toast (145.-) ขนมปังชุบไข่ราดน้ำผึ้งธรรมชาติ หวานฉ่ำ ท็อปด้วยวิปปิงครีมนุ่มฟู ปิดท้ายด้วยการโรยไอซิงมาแบบไม่หวง จับคู่กับ Ice Einspanner (140.-) กาแฟเวียนนาที่ผสมผสานมากับวิปปิงครีมสุดละมุน โรยด้วยผงโกโก้  

ชวนเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์ไปนั่งชิล จิบกาแฟ กันที่ เฮ้าส์กวง โฮมคาเฟ่ ที่มาในคอนเซ็ปต์  "บ้านหลังที่สองของทุกคน" ด้วยบรรยากาศสบายๆ อบอุ่นเป็นกันเอง ให้ความรู้สึกเหมือนไปนั่งเล่นบ้านเพื่อน  โดยเน้นเสิร์ฟเมนูอาหารโฮมเมด รสชาติดีในราคาสบายกระเป๋า อิ่มอร่อยกันได้ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน       ตัวร้านแบ่งเป็นโซนอินดอร์ ที่เผยให้เห็นถึงโครงสร้างของบ้านหลังเก่าอายุราว 30 ปี โดยเลือกใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์วินเทจ ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความคลาสสิก ส่วนโซนเอ้าท์ดอร์ จัดเป็นสวนสีเขียวขจี แซมโต๊ะและเก้าอี้ไว้บางจุดเป็นสัดส่วน       เริ่มด้วยเมนูกินเล่น ฟักทองญี่ปุ่นย่างเนย (79.-) ที่นำฟักทองไปจี่บนกระทะ พร้อมกับเนย หอมหวานมัน กินเพลิน     ต่อด้วย ข้าวแกงกะหรี่หมูทอด (119.-) เนื้อหมูชิ้นโตทอดกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมซอสแกงกะหรี่โฮมเมด ซึ่งใช้เวลาเคี่ยวนานพอควร จนได้รสชาติสุดเข้มข้น โดยสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ตามชอบ     หรือจะเลือกเป็น ข้าวด้งเนื้อเทอริยากิไข่ข้น (109.-) ข้าวนุ่มหอม ออนท็อปด้วยไข่ข้นและเนื้อผัดซอสเทอริยากิรสกลมกล่อม อิ่มสบายท้อง     ในส่วนของเครื่องดื่มต้องลอง กาแฟเลมอนโซดา (65.-) ทางร้านใช้เป็นเมล็ดกาแฟ Houseblend คั่วเข้ม(เชียงราย-ชุมพร) รสเข้มข้น เมื่อนำมาผสมกับเลมอนโซดา เข้ากันได้อย่างลงตัว     ชาจีนหอมหมื่นลี้ (50.-) เป็นการผสมผสานระหว่างใบชาอู่หลงและ ดอกหอมหมื่นลี้ รสชาติเบาละมุน ดื่มแล้วชื่นใจ     ตบท้ายด้วยของหวานอย่าง มินิครอฟเฟิล (59.-) ครอฟเฟิลชิ้นกำลังกิน เนื้อสัมผัสด้านนอกกรอบ ภายในเหนียวนุ่ม หอมกลิ่นเนย  

คาเฟ่ขวัญใจช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ที่เพิ่งย้ายโลเกชั่นใหม่มาอยู่ใจกลางสุขุมวิท สร้างเซอร์ไพรส์ตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้านเพราะมีแฟนคลับตามมาเช็คอินเป็นจำนวนมาก ด้วยเพราะร้านชูนั้นเปรียบเสมือนคอมมูนิตี้ของคนรักช็อกโกแลตที่ยังหลงใหลในบรรยากาศสไตล์โฮมมี่ที่อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน เมนูส่วนใหญ่ยังคงเดิมใครเป็นแฟนประจำสั่งได้แบบไม่ต้องพึ่งเมนูเลย         เมนูแรกที่เราคิดถึงคือ Peanut Butter Chocolate Lava เค้กช็อกโกแลตลาวาร้อนๆ รสหวานจัดที่ตัดรสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดของราสเบอร์รีซอร์เบท์ได้อย่างลงตัว ในชุดยังมีวิปครีมและพีนัทบัตเตอร์ช่วยเสริมทัพความอร่อย     Hot Chocolate Cake เค้กช็อกโกแลตรสเข้มในแก้วมัค ท็อปด้วยมาร์ชเมลโลว์นุ่มหนึบที่ร้านทำเองและไม่ลืมเพิ่มความหวานมันด้วยวิปครีมให้อีกหนึ่งลูกโตๆ     ส่วนเครื่องดื่มต้องไม่พลาด Special Hot Chocolate ช็อกโกแลตร้อนซิกเนเจอร์ของร้านที่ใช้ดาร์คช็อกโกแลต 70% รสชาติออกหวาน ใส่อเมริกันมาร์ชเมลโลว์ชิ้นเบ้อเริ่ม จากนั้นโรยผงโกโก้เพิ่มความเข้มข้นหอมมันแบบดับเบิ้ล     ยกให้เป็นมุมพักหัวใจที่ใครมาแล้วก็อยากมาซ้ำ

Gooseberry Coffee ติดอันดับร้านต้องมีในลิสต์ของเหล่าคาเฟ่ฮอปปิ้ง ด้วยดีไซน์สุดเท่เน้นโทนขาวดำ โดดเด่นสะดุดตาทั้งโซนด้านในและด้านนอก เลือกถ่ายมุมสวยได้ไม่ซ้ำ ทั้งหมดนี้ออกแบบโดยสถาปนิกหนุ่มเจ้าของร้านผู้หลงรักการดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ เริ่มจากเปิดสาขาแรกและได้รับการตอบรับจากคอกาแฟเดียวกันจนต้องขยายสาขา ล่าสุดเปิดสาขาใหม่แยกลาซาล-แบริ่ง แค่วันแรกก็ปังจนยั้งไม่หยุดแล้ว           เมนูยกขบวนมาครบไม่ว่าจะเป็น Gooseberry Coffee ซิกเนเจอร์ที่ออกแบบมาให้ทั้งคนที่ไม่ชอบกาแฟนมและอเมริกาโน สามารถดื่มได้ง่ายๆ ใช้เฮาส์เบลนด์คั่วกลางผสมไซรัปผลไม้และโซดา รสชาติออกโทนฟรุตตี้ เสิร์ฟคู่มะยมเชื่อมหวานฉ่ำ เข้ากันดีทีเดียว      Es-Bomb แก้วนี้ปรับสูตรจากเอสเพรสโซเย็น เพิ่มความหวานมันด้วยบอมบ์สูตรของร้าน เปลี่ยนรสเข้มสุดขั้วแบบเดิมๆ ไปเลย     อีกแก้วคือ Dirty สัมผัสแรกที่เราได้รับคือรสเข้มของกาแฟ ตามด้วยความกลมกล่อมหอมมันของนม ขวดนี้ดื่มหมดแล้วยังเก็บกลับบ้านได้ด้วยนะ     สำหรับคนไม่ดื่มกาแฟก็มีทางเลือกจี๊ดๆ เช่น Japan Wonder รสเปรี้ยวอมหวานจากไซรัปส้มยูซุผสมความซาบซ่าของโซดา ออนทอปด้วยมินท์และโรสแมรี่ ครบองค์ประกอบความสดชื่น     So Gooseberry เครื่องดื่มเบอร์รี่ผสมไซรัป ทอปด้วยมิกซ์เบอร์รี่ ดื่มแล้วคึกคัก อากาศร้อนแค่ไหนก็ไม่หวั่น     นอกจากถูกปากคอกาแฟและเครื่องดื่มร้อน-เย็นทั้งหลาย สายขนมก็ไม่ควรพลาดเพราะคัดสรรเมนูมาให้จับคู่แบบเยอะมาก อาทิ Croissant ที่มีหลายรสชาติ ได้แก่ รสชาติดั้งเดิม, อัลมอนด์, ครีมนมสด หรือจะเป็นเค้กก็มีหมุนเวียนมาให้ได้ลิ้มรสชาติทุกวัน อาทิ เลมอนเค้ก, ชีสเค้ก สั่งมาจับคู่กับเครื่องดื่มได้ลงตัวทุกเมนู  

หมู่บ้านสัมมากร หมู่บ้านโครงการใหญ่ย่านรามคำแหง ที่เต็มไปด้วยร้านอร่อยมากมายให้เลือกสรร บ้านปุณณ์ ศิลปะ ชา อาหาร ก็เป็นอีกหนึ่งโฮมคาเฟ่น้องใหม่สุดร่มรื่นที่เราอยากแนะนำ ด้วยบรรยากาศสบายๆ แสนเป็นกันเอง ชวนให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด       บ้านหลังนี้เกิดจากความร่วมมือของสองคู่รัก คุณนัท-กรณรัสย์ ศิริชู และ คุณอ้อม-นลินนาถ สาเลยยกานนท์ ที่ต้องการนำเสนอเมนูอาหารโฮมเมด รังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบคุณภาพดี ออกมาเป็นเมนูสุดพิเศษ ที่มีรสชาติหอมอร่อยไม่เหมือนใคร     อีกหนึ่งความพิเศษของร้าน บ้านปุณณ์ คือ วันเสาร์-อาทิตย์ เราจะได้ลิ้มรสกาแฟแบบ Hand Pressed Coffee จากร้าน Catfeine Coffee โดยฝีมือบาริสต้าหนุ่มสาวไฟแรง คุณเอิ๊ก-ชนะชัย เดชนุกูล และ คุณเบลล์-อารียา คงอักษร ที่มีเมล็ดกาแฟให้เลือกชิมมากถึง 13 ชนิด ในราคาสบายกระเป๋า       เริ่มกันที่เมนูซิกเนเจอร์อย่าง ข้าวคลุกกะเพราหมูสับปลาหมึกแห้ง (130.-) ข้าวนุ่มหอมน้ำมันหมูเจียว และใบกะเพรา กินพร้อมหมูสับเนื้อนุ่ม ปลาหมึกแห้งกรุบกรอบ และไข่ต้มที่ช่วยดับความเผ็ดร้อน แม้จะเป็นเมนูธรรมดาแต่อร่อยไม่เบา     อีกหนึ่งเมนูห้ามพลาด ขนมจีนน้ำยากะทิขมิ้น (100.-) ความพิเศษอยู่ที่ตัวน้ำยาสุดเข้มข้น ทำจากปลาทะเลสดใหม่สูตรเฉพาะของทางร้าน รสจัดจ้าน หอมมันกลมกล่อม     ของหวานต้องลอง ครัวซองต์ดิปสังขยา (80.-) ครัวซองต์กรอบหอมเนย จับคู่มากับสังขยาดิป รสหวานกำลังดี กินพร้อมกันรสชาติลงตัว จับคู่กับ Namaskar Tea (80.-) ชาพรีเมียมเบลนด์จากสวรรค์บนดินฟาร์ม จังหวัดเชียงราย ที่มีกลิ่นหอม และรสเบาละมุนของมะตูมและคาโมมายล์ จิบแล้วรู้สึกผ่อนคลาย       ในส่วนของ Catfeine Coffee แนะนำ กาแฟย้อนยุค (60.-) เมนูที่ต้องการนำเสนอรสชาติของ กาแฟโบราณในรูปแบบที่ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยใช้เป็นเมล็ดกาแฟ Houseblend (ไทย-บราซิล) โทนถั่วช็อกโกแลต ผสมผสานกับตัวนมสด รสชาติหวานเย็นชื่นใจ     Dirty (70.-) นมสดแช่จนเย็นจัด ราดด้วยชอตกาแฟคั่วเข้ม จากเมล็ดกาแฟพม่า หอมกลิ่นดาร์กช็อกโกแลต เป็นแก้วโปรดของคอกาแฟรสเข้ม  

ในที่สุดก็หากันจนเจอสำหรับร้านลับที่เต็มไปด้วยเสน่ห์บนถนนสายเก่าแห่งนี้ จุดเด่นของร้านที่ไม่ต้องพึ่งการประชาสัมพันธ์ใดๆ แต่กลับมีลูกค้ามากมาย แม้กระทั่งชาวต่างชาติที่รอเปลี่ยนเครื่องยังต้องแวะมาจิบกาแฟฆ่าเวลา หากจะให้คำนิยามคงไม่มีอะไรเหมาะเท่าพื้นที่แห่งความสุขที่ทุกคนอยากมาเยียวยาหัวใจ แม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม (ฟีลซีรีส์สุดโรแมนติกเลยล่ะ)         สำหรับสายกินอย่างเรา เสน่ห์ของร้านจึงไม่ใช่แค่บรรยากาศชวนผ่อนคลายและของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยชวนมองเท่านั้น แต่ยังต้องยกให้ขนมและเครื่องดื่มที่คุณบอย (หนุ่มนักจัดสวน) กับคุณปู (สาวนักทำขนม)สองเพื่อนซี้ที่ไม่เพียงร่วมกันออกแบบตกแต่งร้าน แต่ยังครีเอทขนมและเครื่องดื่มโดนใจสายกินอย่างเราที่สุด ไม่ว่าจะเป็น  Black Orange กาแฟเอสเพรสโซผสมน้ำส้มสด กลิ่นหอมของกาแฟผสานกับกลิ่นหอมของส้ม ยกให้เป็นเครื่องดื่มเย็นฉ่ำในวันแดดจัดที่ช่วยสลัดความร้อน และปลุกความสดชื่นให้กลับมาแทนที่ได้อย่างดี     อีกแก้วคือส้มฉุนดริงค์ ดัดแปลงของหวานโบราณ ส้มฉุน มาเป็นไซรัปสูตรพิเศษ มิกซ์กับอิตาเลียนโซดา ดื่มสู้ร้อนได้ไม่น้อยหน้ากัน     อย่าลืมขนมขายดีบลูเบอร์รี่ชีสเค้ก  ชีสเค้กเนื้อเนียนแทบละลายในปาก ราดด้วยซอสบลูเบอรี่ที่ทางร้านทำเอง รสเปรี้ยวๆหวานๆ อร่อยจนต้องยกนิ้วให้     ต่อด้วย ชิฟฟ่อนมะพร้าวอ่อน ร้านนี้ทำชิฟฟ่อนออกมาได้แตกต่างจากที่เคยกิน ชิฟฟ่อนเนื้อนุ่มเบา ใช้มะพร้าวอ่อนที่คัดมาอย่างดีเพื่อให้ได้รสหวานตามธรรมชาติ กินแล้วหอมปากหอมคอ ที่สำคัญไม่รู้สึกว่าเลี่ยนแม้จะกินไปหลายชิ้นก็ตาม     นอกจากนี้ยังมีขนมอบใหม่หอมๆ อย่างครัวซองต์, แดนิช, ขนมปังบาแกตต์ แนะนำให้โทรจองล่วงหน้าเพราะขาประจำของร้านเยอะมาก ใครวอล์กอินอาจไม่ได้กินของอร่อยนะเออ!    

สัมผัสความร่มรื่น ที่ The Flora Cottage คาเฟ่สวยนนทบุรี ที่ชวนให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกนิทาน ด้วยการตกแต่งร้านสไตล์ English Garden เหมาะแก่การมาพักผ่อน รับประทานอาหาร หรือจิบชากาแฟเพลินๆ กันได้ตลอดวัน       ภายในร้านแบ่งเป็นโซนอินดอร์ ที่เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเบจเป็นหลัก ตกแต่งด้วยตุ๊กตา รูปปั้นเก๋ๆ วางอยู่ทั่วทุกมุมร้าน ส่วนโซนเอ้าท์ดอร์ใกล้ชิดธรรมชาติ ก็มีให้เลือกทั้งมุมสงบ สำหรับใครที่ชอบความเป็นส่วนตัว และมุมโต๊ะใหญ่แบบที่มาเป็นแก๊งค์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ       เริ่มด้วยเมนูเบาๆ อย่าง Charmimg Flower Rolls (220.-) สลัดโรลดอกไม้ สอดไส้ทูน่า เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดมายองเนส ถูกใจสายเฮลท์ตี้     ถัดมาเป็น Avocado Egg Green Toast (250.-) ขนมปังฟอคคาเซียกรอบนอกนุ่มใน ทาสเปรดด้วยอะโวคาโดบด กินพร้อมโพชเอ้กเยิ้มๆ หอมมัน รสกลมกล่อม     ต่อกันด้วย Matcha Mont Blanc Tart (170.-) ทาร์ตภูเขาเกาลัดมัตฉะที่แยกชั้นกันมาอย่างสวยงาม ด้านบนเป็นครีมเกาลัดเนื้อเนียนละมุนหอมมัตฉะ เมื่อกินพร้อมชั้นวิปครีมสีขาวนุ่มฟู และเนื้อเกาลัดบดผสมผงมัตฉะ ด้านล่าง ยิ่งอร่อยฟิน จนอยากสั่งเพิ่มอีกชิ้น     อีกตัวคือ Rosie Lychee Rare Cheese Cake (150.-) ตัวแรร์ชีสเค้กทางร้านผสมน้ำดอกกุหลาบ เพื่อเพิ่มความหอม ด้านบนเป็นเจลลี ลิ้นจี่ ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้ แนะนำให้จับคู่กับ Flora Tea (90.-) ชาเบลนด์สูตรพิเศษที่ได้รสหวานเบาๆ จากน้ำผึ้งสามดอกไม้ ดื่มแล้วสดชื่น       หรือจะเลือกเป็นเมนูยอดฮิตของสาวๆ อย่าง Americano Yuzu (95.-) กลิ่นหอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของน้ำส้มยูซุ เมื่อนำมาผสมผสานกับความเข้มข้นของเอสเปรสโซช็อต ออกมาเป็นเครื่องดื่มรสชาติที่แสนลงตัว  

ถ้าพูดถึง ‘ชาไทย’ แล้วก็ต้องเห็นเป็นภาพของชาสีส้ม ๆ รสชาติหวานหอมกลมกล่อม ดื่มแล้วมีพลัง ซึ่งสีส้ม ๆ ที่เป็นจุดเด่นนี้ก็สอดคล้องไปกับร้านชา Citizen Tea Canteen of nowhere ที่มาพร้อมสีส้มฉูดฉาด โดดเด่นขึ้นมาจากบ้านเรือนเก่าแก่โบร่ำโบราณภายในซอยวานิช 2 ย่านตลาดน้อย ที่ได้ชื่อว่าเป็นย่านที่มีประวัติความเป็นมายาวนานพอ ๆ กับจุดเริ่มต้นของถนนเจริญกรุงเมื่อร้อยกว่าปีก่อนหน้านี้       Citizen Tea Canteen of nowhere เรียกตัวเองว่า ‘สภาชา’ ล้อเลียนไปกับคำว่าสภากาแฟซึ่งเป็นสถานที่ที่คอกาแฟมักจะมานั่งจับเข่าพูดคุยกัน ส่วนที่นี่ก็เป็นสถานที่ของคนรักการดื่มชาโดยเฉพาะ ถึงแม้จะมีเมนูให้เลือกไม่เยอะมาก แต่ทั้งหมดก็ได้รับการคัดสรรมาแล้วอย่างดี ทั้งชาร้อน ชาเย็นใส่นม และชาเย็นแบบไม่ใส่นม โดยใบชาเกือบทั้งหมด (ยกเว้นชาซีลอน) นั้นได้มาจากไร่ชาใน จ.เชียงราย เป็นหลัก           เริ่มต้นด้วยชาร้อน Signature Tea ซึ่งมีให้เลือก 4 เบลนด์ด้วยกันคือ Blend No. 10 BuaLoi Blend (บัวลอย) ชาดำรสเข้ม ผสานไปด้วยกลิ่นและรสชาติของขิงและมะม่วงแบบเบา ๆ ชวนให้นึกถึงฤดูร้อนของกรุงเทพฯ  Blend No. 11 Pina Colada Blend (ปิญญาโกลาดา) ได้แรงบันดาลใจมาจากค็อกเทลรสหวานจากดินแดนแคริบเบียน ที่ให้กลิ่นของมะพร้าวและสับปะรดเข้ากับใบชาเขียว ให้บรรยากาศทรอปิคัล Blend No. 12 Banana Bread Blend (ขนมปังกล้วย) เป็นอีกเบลนด์ที่ใช้ชาดำที่มาพร้อมกับกลิ่นเครื่องเทศที่สอดแทรกไปกับกลิ่นเข้มข้นของกล้วย และที่ได้จิบในคราวนี้คือ Blend No. 13 Duck Noodle Blend (เป็ดตุ๋นเจ้าท่า) ที่เป็นซิกเนเจอร์ประจำร้านที่ใช้ใบชาเขียวมาจับคู่กับแรงบันดาลใจจากก๋วยเตี๋ยวเป็ด ชาจึงมีรสเข้มข้นไปด้วยเครื่องเทศพะโล้อย่างโป๊ยกั๊ก รวมถึงชะเอม ที่จิบแล้วคล่องคอ       เข้าสู่เมนู Thai Milk Tea ที่ในโอกาสนี้เราได้ลิ้มลองทั้งหมด 2 เบลนด์ด้วยกันคือ Blend No. 3 Sweet Sunrise  ที่ให้ทั้งสีส้มจัดและรสชาติที่เข้มข้นที่สุดในทุกเมนูชานมที่มี และ Blend No. 4 Suede Sunset ที่ให้รสชาติเบาบางกว่า สีจะไม่ส้มเท่ากับเบลนด์หมายเลข 3 ความพิเศษนั้นอยู่ที่เทสต์โน้ตของกล้วยและดอกไม้ โดยชานมทั้งหมดภายในร้านจะชงรสชาติหวานน้อย ใช้นมข้นหวานที่สั่งทำเป็นพิเศษ แต่ถ้าต้องการเลือกความหวานเอง ก็มีทั้งระดับ Very Low, Low, Moderate,Slightly Sweet และ Bold Sweet     ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มในเมนู Black Tea Style โดยเลือกเป็น Blend No. 6 Nhor Khao (หน่อเค่า) กาแฟผสมชาดำสไตล์จีน ไม่ใส่นม ให้ความสดชื่นด้วยการผสมผสานระหว่างกลิ่นและรสออกผลไม้ และถ้าจะให้ดี ต้องสั่งขนมเปี๊ยะไส้ไข่เค็มลาวาและช็อกโกแลตมารับประทานคู่กันด้วย บอกก่อนว่ามีจำนวนจำกัด       อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Citizen Tea Canteen of nowhere น่าไปเยือน นอกจากจะเป็นร้านชาแล้ว ในพื้นที่เดียวกันนี้ยังทำหน้าที่เป็นโชว์รูมสินค้าภายใต้แบรนด์ Citizen of Nowhere งานหัตถกรรมที่เปี่ยมด้วยความจัดจ้าน แฝงด้วยกลิ่นอายของย่านตลาดน้อย ในระหว่างชั่วโมงที่ดื่มด่ำกับชาก็สามารถเดินสำรวจสินค้ารอบ ๆ  รวมถึงบริเวณชั้นสองของร้าน ก็นับเป็นความสนุกสนานเพิลดเพลินใจไปอีกแบบ    

ใกล้ถึงวันวาเลนไทน์ทีไร จิตใจก็จดจ่ออยากกินเมนูช็อกโกแลตของ Truly Scrumptious ร้านสวยย่านสุขุมวิทของ 2 สาวนักทำขนม คุณดิ๋งและคุณแพรว ขึ้นมาทุกที         เพราะเป็นแฟนตัวยงของช็อกโกแลตอยู่แล้ว เมนูของที่ร้านจึงมาจากความชอบล้วนๆ โดยเฉพาะ Signature Black Beer Cake เมนูขายดีตลอดกาล เหมาะแก่การซื้อไปเซอร์ไพรส์หวานใจในช่วงเทศกาลแห่งความรัก       เค้กช็อกโกแลตเข้มข้นแน่นหนึบ ชุ่มฉ่ำที่ใส่เบียร์ดำลงไปในเนื้อเค้กด้วย ด้านบนโปะด้วยครีมชีสซิกเนเจอร์แบบหนาจุใจ เมื่อตักกินพร้อมกับเนื้อเค้กแล้วได้ทั้งความนุ่มนวลของครีมและรสเข้มๆ ในคำเดียว แถมยังมีหลายขนาดให้เลือกจับจองได้ตามชอบ (แบบปอนด์สั่งจองล่วงหน้า 2-3 วัน)     ที่พิเศษกว่านั้นคือทุกวันพุธ วันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ร้านจะมีเมนู Cognac Black Beer เนื้อเค้กอร่อยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือใส่คอนยัคลงไปในครีมชีสด้านบนด้วย เมื่อตักละเลียดเข้าปากแล้วจะได้กลิ่นและรสอวลอยู่ในทุกคำ กระซิบก่อนว่าเมนูเป็นความอร่อยแบบผู้ใหญ่ ไม่เหมาะกับเด็กๆ นะ     อีกเมนูที่เราไม่อยากให้พลาดคือ Mini Milk Oreo Pie with Strawberries & Blueberries ด้านล่างเป็นโอริโอครัสต์ ตรงกลางเป็นช็อกโกแลตกานาชหนึบๆ ด้านบนเป็นสตรอว์เบอร์รี่และบลูเบอร์รี่สด  ดีงามไม่แพ้เมนูขวัญใจอย่าง Dark Chocolate Oreo Pie with Raspberries ที่หลายคนรักหลงเลยล่ะ  

คงต้องบอกว่า Sanit ไม่ใช่แค่คาเฟ่สไตล์โมร็อกโกที่น่าตื่นตาตื่นใจเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับคนรักงานศิลปะได้มาใช้เวลาร่วมกัน คุณนุช-นุชนารถ รัตนเวโรจน์ เจ้าของร้านได้แรงบันดาลใจจากการไปถ่ายรายการที่พิพิธภัณฑ์จานชามเซรามิกและเครื่องปั้นดินเผาของจังหวัดอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น และได้พบกับศาสตร์การปั้นดินที่นอกจากจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายแล้วยังทำให้มีสมาธิอีกด้วย       เมื่อกลับมาเมืองไทยคุณนุชเริ่มสั่งดินและเครื่องมือการปั้นมาให้คุณพ่อคุณแม่ได้มีกิจกรรมระหว่างที่เธอต้องไปทำงานต่างประเทศ ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับมาเจอเซอร์ไพรส์ เมื่อดินเหล่านั้นกลายเป็นปราสาทสวยงามจากฝีมือคุณพ่อซึ่งเป็นสถาปนิก ตามด้วยชิ้นงานมากมาย เป็นที่มาของการเปิดเวิร์กชอปในสวนที่บ้าน ก่อนจะขยับขยายมาเป็นร้าน Sanit ในหมู่บ้านสัมมากร พร้อมกับชวนน้องสาวที่มีฝีมือเรื่องศิลปะมาร่วมสอนด้วย           นอกจากคลาสเรียนจะหลากหลาย เมนูของที่ร้านก็ห้ามพลาด เริ่มด้วย John Cheeseburger ตั้งตามชื่อสามี คุณจอห์น รัตนเวโรจน์ ขนมปังบีตรูตสีสวยเนื้อเหนียวนุ่ม เนื้อในซ่อนความชุ่มฉ่ำที่ใช้เนื้อวัวแองกัสและวากิวผสมกัน สลับชั้นด้วยผัก ชีส และหอมทอด ตามด้วยตำสนิท เสิร์ฟในถาดโลหะดูอาหรับราตรี มีทั้งตำปลาร้าสุดแซ่บ ลาบหมู หมี่คลุกกระเทียมเจียว ไก่ทอด และปลาทอด       ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู ข้าวสวยคลุกกับน้ำพริกกะปิรสเด็ดที่ใช้กะปิจากระยอง มาพร้อมปลาทูทอดแกะก้างและผักแนม Truffle Soup & Garlic Bread ใช้ทั้งเห็ดทรัฟเฟิล เห็ดแชมปิญอง และครีมอย่างดี ส่วนสายเฮลท์ตี้แนะนำ Fresh Avocado Tuna Salad เสริมรสด้วยเลมอนเดรสซิงหอมสดชื่น         อีกหนึ่งไฮไลต์คือ Turkish Coffee Set กาแฟตุรกีที่เราจะได้ล้อมวงชมบาริสตาโชว์ฝีมือบนสนามหญ้า จิบคู่ Turkish Delight       หรือจะลอง Espresso Shakerato เอสเปรสโซ 2 ช็อตเขย่าในแก้วเชกพร้อมด้วยเกล็ดน้ำแข็ง เติมความเป็นโมร็อคโคด้วยกลิ่นของเครื่องเทศ จับคู่ “สหรัถ” ที่นำขนมสุดโปรดปรานของเพื่อนรักอย่างช็อกโกแลตมาทำเค้กช็อกโกแลต โปะด้วยครีมสดหอมมัน       เสิร์ฟในแก้วมาร์ตินี่สีทองแดง

นานทีปีหนที่เราจะมีโอกาสผ่านไปทำธุระแถวหลานหลวง ย่านเก่าที่ 2 ฝั่งถนนเป็นตึกแถวอายุเกือบร้อยปี หลายห้องถูกรีโนเวทไปบ้างแต่ก็ยังอบอวลด้วยกลิ่นอายความคลาสสิก ไหนๆ ก็มาทั้งทีเราจึงไม่พลาดแวะฝากท้องที่  Alex & Beth คาเฟ่สไตล์ยุโรปที่พื้นที่ด้านในกะทัดรัดแต่ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับอุ่นใจและอยากนั่งผ่อนคลายนานๆ เราเลือกจับจองชั้นบนที่มีมุมยอดนิยมคือโซนริมหน้าต่างที่สามารถนั่งมองรถราวิ่งผ่านไปมาเบื้องล่าง พร้อมกับละเลียดอาหารได้อย่างเพลินๆ       อาหารนำเสนอสไตล์คอมฟอร์ทฟู้ด อร่อย กินง่าย และได้ประโยชน์ ครีเอทโดยคุณตูน_กัญจน์ สุวรรณธาดาเจ้าของร้านที่เล่าให้ฟังว่าทุกเมนูได้จากการเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ กินแล้วถูกปากก็จดจำรสชาติกลับมาลองทำกินเอง พอเปิดร้านจึงได้โอกาสยกเมนูสุดโปรดมาทำให้ลูกค้าได้ลิ้มรสชาติด้วย เบอร์หนึ่งขายดีคือ Butter Milk Pancake อาหารเช้าที่มาตอนไหนก็สั่งได้ มีแพนเค้กชิ้นโตแบบโฮมเมด ผิวเกรียมนิดๆ หอมกลิ่นเนยอ่อนๆ ราดไซรัปหวานๆ เข้ากันที่สุด ในชุดยังมีไข่ข้น ไส้กรอก แฮม ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี่และบลูเบอร์รี่สดให้เราจบมื้อได้แบบสดชื่น       อีกเมนูที่ลูกค้านิยมสั่งมาคู่กันคือ Tomato Soup ซุปมะเขือเทศ รสเปรี้ยวสดชื่น เสิร์ฟมาพร้อมขนมปังนาบกระทะเกรียมๆ แทรกชีสเยิ้มๆ ไว้ด้านใน     ส่วนจานหลักแนะนำ  African Style  Grilled Chicken สะโพกไก่ชิ้นโต เนื้อนุ่มเคี้ยวง่าย ปรุงรสชาติกลมกล่อม เคียงข้างด้วยมันบดเนื้อเนียนข้น และมะเขือเทศย่าง     แต่ถ้าครองใจคนรักชีสต้องจานนี้ Lemon Cream Pasta พาสต้าในซอสครีมเลมอนเข้มข้น รสเปรี้ยวปลายลิ้น กินกับกุ้งตัวโต กินหมดจานแล้วยังอยากสั่งต่ออีกจาน     เครื่องดื่มแนะนำ Sparkling Citrus & Raspberry รสหวานอมเปรี้ยว ซาบซ่าจนหยดสุดท้าย     กาแฟเป็นอีกซิกเนเจอร์ที่ใครมาแล้วจะไม่ยอมพลาดประสบการณ์แห่งรสชาติ หากชอบกาแฟเข้มต้องอเมริกาโน แต่สายนมอย่างเราลาเต้ร้อนคือที่สุด ทางร้านใช้เมล็ดกาแฟลาวเบลนด์กับเชียงราย     หอมละมุนแค่ไหนต้องมาพิสูจน์!

แฟนๆ "SATI Handcraft" ตามไปชิมความอร่อยที่สาขาใหม่ในโครงการ Block 28 ใจกลางสามย่านกันได้เลย เพราะ "SATI Chula" คาเฟ่น่านั่งแห่งนี้ที่มาพร้อมเมนูเด่นแบบ All Day Dining จัดเต็มทั้งกาแฟ เบเกอรี และอาหารคาวหลากหลายให้อิ่มครบจบในที่เดียว       ด้วยบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเองเหมือนอยู่ในบ้านที่แสนรื่นรมย์ แต่ยังมีมุมส่วนตัวจากการจัดวางพื้นที่ ไม่ว่าใครก็เข้ามาเช็กอินนั่งชิลได้เพลินๆ ส่วนคนรักโทสต์เป็นต้องถูกใจ เพราะที่นี่นำเสนอขนมปังหลากหลายสไตล์ให้เลือก ทั้ง Shokupan นุ่มเบาสไตล์ญี่ปุ่น, Brioche เนื้อแน่นฉ่ำเนยแบบฝรั่งเศส และ Challah ที่ผสมแอลกอฮอล์ในเนื้อขนมปังเพิ่มความหวานหอมนัว         ที่สำคัญสาขานี้ยังมีเมนูสไตล์ Rustic Authentic ที่ไม่เหมือนสาขาแรก แต่ยังคงความครบครันทั้งซุป สลัด และจานหลัก อาทิ Porcini Soup ซุปครีมเห็ดพอร์ชินีที่เสริมความอร่อยด้วยเห็ดตามฤดูกาล Smoke Duck Salad สลัดอกเป็ดรมควันเพิ่มความสดชื่นด้วยเนื้อส้มสดและน้ำสลัดแบล็กโอลีฟ และ Beef Cheek Steak แก้มวัวออสเตรเลียนตุ๋นนานกว่า 5 ชั่วโมงจนนุ่มกำลังดี เสิร์ฟพร้อมขนมปังให้ปาดซอสจนเกลี้ยงจาน (เมนูอาหารทั้งหมดจะเริ่มขายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป)         สำหรับคนรักขนมปังห้ามพลาด Cream Cheese Garlic Bun ขนมปังกระเทียมครีมชีสแน่นๆ โรยพาร์เมซานชีสเพิ่มความหอมมัน Macadamia Croissant ครัวซองต์ชิ้นโตกรอบนอกนุ่มใน ท็อปด้วยถั่วแมคคาดาเมียคาราเมลแบบไม่มีหวง และ Lemon Meringue Challah Toast ครีมเมอร์แรงค์นุ่มๆ ตัดด้วยความเปรี้ยวของเลมอน บนขนมปังสูตรเด็ดหอมหวานนุ่มแน่น         อย่าลืมสั่ง Peanut Butter Latte กาแฟเย็นที่ผสมความหวานมันอร่อยของเนยถั่วทั้งในและรอบขอบแก้วแบบเต็มๆ หรือ Yuzu Soda เปรี้ยวหวานสดชื่นคลายร้อน มาจิบเพิ่มความเพลินใจไปพร้อมกัน