เชฟมาซาฮารุ โมริโมโตะ อดีตเชฟกระทะเหล็กสหรัฐอเมริกาเดินทางมาเปิดร้าน Morimoto Bangkok ตามคำเชื้อเชิญของคุณพีท-ประณิธาน พรประภา เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมจัดงาน Wonderfruit เทศกาลแห่งปีที่เคยสร้างปรากฏการณ์หลายอย่าง รวมถึงอาหารมื้อพิเศษโดยเชฟดังมาแล้ว เชฟโมริโมโตะบอกว่าคุณพีทเป็นแขกประจำของร้าน จึงมีโอกาสได้พูดคุยกันและนำมาสู่การเปิดร้านนี้     ช่วงแรกเริ่มที่เชฟโมริโมโตะมาที่กรุงเทพฯ เชฟลงมือทำโอมากาเสะด้วยตัวเอง และเราก็เชื่อว่าน่าจะมีโอกาสอีกเมื่อเชฟกลับมาเยี่ยมกรุงเทพฯ อีกครั้ง โอมากาเสะของที่นี่เสิร์ฟ 7 คอร์ส ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ทำเพียงวันละ 11 ที่นั่ง วันละ 2 รอบ 18.15 น. และ 20.45 น. ราคา 6,000 บาท ++ แน่นอนว่าเป็นโอมากาเสะที่นำเอากลิ่นอายของตะวันตกผสมผสานเข้ากับความเป็นญี่ปุ่นในแบบที่โมริโมโตะทั่วโลกปฏิบัติเหมือนกันมาโดยตลอด     แน่นอนว่าเชฟได้ฝากซิกเนเจอร์พิเศษของกรุงเทพฯ ไว้เช่นกัน Morimoto Chicken Noodle Soup และ Roasted Lobster Epice เราจะไม่บอกว่าเป็นอะไร เพราะอยากให้ลองแวะไปชิมด้วยตัวเองว่าเชฟคิดอย่างไรกับกรุงเทพฯ   Hamachi Tartare หนึ่งในซิกเนเจอร์ที่มีทั่วโลก แต่ของบ้านเราเพิ่มความพิเศษด้วยคาเวียร์ วิธีกินตักทาร์ทาร์ฮามาจิผสมกับเครื่องต่างๆ อาทิ สาหร่ายบด วาซาบิสด ซาวร์ครีม ไชฟ์สับ โมริโมโตะกัวกาโมเล ข้าวพอง และซีอิ๊วหวาน เราแนะนำซาวร์ครีมผสมสาหร่ายบดอร่อยมาก ดับคาวด้วยยามะโมโม่หรือบ๊วยหวานญี่ปุ่น     อีกจานที่ใครๆ ก็ชอบ Tuna Pizza แป้งตอร์ติญาอบกรอบทาซอสแอนโชวีไอโอลี ใส่บิ๊กอายทูน่า มะกอกดำที่มีสีม่วงดำ (Kalamata Olive) หอมแดง มะเขือเทศเชอร์รี ยอดอ่อนผักชี และพริกชี้ฟ้าซึ่งใช้แทนพริกฮาลาเปโย     นอกจากนี้ยังมี Rock Shrimp Tempura เทมปุระ 2 สัญชาติ วาซาบิไอโอลีกับสไปซี่โคชูจัง อร่อยคนละแบบ     และ Ishi Yaki Buri Bob บิบิมบับสไตล์โมริโมโตะ อาศัยความร้อนของหม้อร้อนทำให้ปลาเยลโลว์เทลสุก ก่อนคลุกข้าว ผัก ไข่แดง ยูสุโคโช และซอส จานนี้เต็มไปด้วยกลิ่นรสของส้มยูซุที่มาในหน้าตาอาหารเกาหลี     อีกสิ่งที่ดีงามของที่นี่เราขอยกให้สาเก โชจู และเบียร์ที่เชฟโมริโมโตะสั่งผลิต กินเข้ากับอาหารของเขาได้อย่างดี

แม้จะเป็นชื่อใหม่สำหรับคนเมือง แต่ความจริงแล้ว Meruto Sushi เป็นร้านเดียวกันกับที่อยู่ในซอยนวลจันทร์ 28 ซึ่งขยับขยายมาให้ชาวเมืองได้ลิ้มลองซูชิแบบโอมากาเสะกันถึงที่ โดยมี เชฟอาร์ม-กีรติ บุตดีวงษ์ คัดสรรวัตถุดิบจากทุกภูมิภาคของญี่ปุ่นนำมาทำเป็นซูชิคำอร่อยแบบวันต่อวัน ด้วยวิธีการทำแบบดั้งเดิม แต่เพิ่มเสน่ห์ด้วยการเน้นรสชาติให้ครบรสทั้งเปรี้ยว เค็ม และหวาน รับรองว่าถูกปากและถูกใจอย่างแน่นอน     เมนูแนะนำ Aka Kasako ปลาบู่หินที่ผ่านการบ่ม 3-4 วันจนเนื้อหวานเคี้ยวกรุบ นำมาแล่เป็นชิ้นยาว ห่อกับหัวไช้เท้าสดพร้อมซอสพอนสึ   Uni ซูชิหอยเม่นชิ้นโตส่งตรงจากฮอกไกโด ป้ายโชยุเพียงเล็กน้อยก็อร่อยแล้ว   Akami Zuke ซูชิปลาบลูฟินทูน่าเนื้อแดง แล่สดๆ ก่อนหมักในโชยุประมาณ 5 นาทีจนได้รสเค็มๆ เปรี้ยวๆ ตัดกับความหวานของเนื้อปลา   Kama Toro เนื้อส่วนคางของปลาทูน่าทั้งกรอบและหวานมัน เบิร์นไฟเล็กน้อยเพิ่มความหอม โรยเกลืออีกนิดก็กลายเป็นซูชิคำพิเศษแล้ว

Shinsen Fish Market จำลองเอาตลาดปลาไทเปมาไว้แทบทุกกระเบียดนิ้ว (เพื่อนที่เคยไปว่ามาแบบนั้น) ส่วนตัวเรามองว่ามีกลิ่นอายของซูเปอร์มาร์เก็ตผสมอยู่     จุดเด่นของที่นี่ต้องยกให้ Live Aquamarine บ่อเลี้ยงสัตว์ทะเลที่มีมากถึง 8 บ่อใหญ่ ซึ่งเข้ามาเป็นประจำทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ อาทิ หอยเป๋าฮื้อ หอยงวงช้าง หอยเม่น ปูทาราบะ หอยเชลล์ ปูซูไว และล็อบสเตอร์ เลือกกินได้ตามน้ำหนัก โดยเฉพาะปูทาราบะตัวเขื่องที่เลือกได้ว่าอยากกินส่วนขา ครึ่งตัว หรือเหมาทั้งตัว ราคาเริ่มต้นที่ขีดละ 200 บาท นำเข้ามาจากฮอกไกโด อะโอโมริ ไอจิ และอุวาจิมะ ประเทศญี่ปุ่น     ถัดเข้ามาฝั่งขวาเป็นตู้เก็บวัตถุดิบให้เลือกซื้อเนื้อวัว เนื้อแกะ และวัตถุดิบไปปรุงที่ Raw & Steam Bar และ Grill Bar ที่ทางร้านคิดราคาค่าปรุงนิดหน่อย แต่ถ้าอยากลองความสดใหม่ Sushi Bar ก็มีเชฟชาวญี่ปุ่นดูแล หรือถ้าไม่อยากคิดมากก็มี Café และ Shabu & Sukiyaki ที่เตรียมเมนูอาหารไว้ให้เลือก แต่ถ้าเป็นคนทำอาหาร Supermarket ก็มีสินค้าให้เลือกตั้งแต่ของสดไปจนถึงแพ็กอาหารที่ลดราคาตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไป     ส่วนอาหารไม่ใช่มีเฉพาะอาหารญี่ปุ่น แต่ยังมีอาหารตะวันตกที่เลือกวัตถุดิบมาปรุงได้อีกด้วย แต่ก็อย่างว่ามาตลาดปลาอาหารทะเลสดก็ดึงดูดใจ โดยเฉพาะความสดจากซาชิมิของอาหารทะเลแบบเป็นๆ Awabi หอยเป๋าฮื้อเนื้อแน่นจากชิบะ ให้กลิ่นรสของทะเลมาเต็ม Mirugai หอยงวงช้างรสสดหวาน เนื้อไม่หนึบเท่าหอยเป๋าฮื้อ Sashimi มีให้เลือกทั้งแบบ 5, 7 และ 9 ชนิดและ Taraba ขาปูทาราบะนึ่ง เนื้อแน่นสด ดึงออกจากเปลือกแล้วยังเป็นก้อนแน่น       ส่วน Lamb Rack ส่งตรงจากกริลล์บาร์และ Garlic Shrimp & Tobiko Spaghetti ส่งตรงจากคาเฟ่ แต่เราก็ขอบอกว่าที่สุดแล้วก็ต้องอาหารทะเลสดนั่นแหละ    

Benihana สาขา Avani Atrium Bangkok นับเป็นสาขาใหม่ที่สุด ตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นสมัยใหม่ ทุกโต๊ะเป็นเตาเทปันยากิทั้งหมด โดยมีห้องส่วนตัวถึง 3 ห้อง รองรับแขกตั้งแต่ 6-12 คน ความพิเศษของสาขานี้คือความสนุกที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะการนำมายากลมาเพิ่มให้ความบันเทิงแก่ลูกค้า ซึ่งถือเป็นสาขาแรกที่มี รวมถึงวีคเอนด์บรันช์ในราคา 790 บาท ++ ที่กินหอยนางรมได้ไม่จำกัด พร้อมเลือกเทปันยากิจากเนื้อวัว 4 ชนิด หมูคุโรบุตะ อกไก่ แซลมอน และซูชิซาชิมิที่มาเป็นเซ็ต     วันนี้เราได้เชฟสุริยาวุฒิ จันตะคุณ เชฟใหญ่ของที่นี่มาเอนเตอร์เทน ก่อนที่เชฟจะเริ่มบรรเลงเทปันยากิ เชฟเสิร์ฟซุปหัวหอมและสลัด พร้อมแนะนำ Alaskan King Crab ปูอะลาสกาผัดพริกไทยดำ     Grilled Scallops หอยเชลล์ย่างกับซอสน้ำมันพริกตามด้วย The White House ข้าวปั้นไส้ปลา 3 อย่าง ทูน่า แซลมอน และฮามาจิ เป็นการเรียกน้ำย่อย   เชฟแนะนำซอสซิกเนเจอร์ของเบนิฮาน่า 3 ชนิด ซิกเนเจอร์จินเจอร์สำหรับผักและซีฟู้ด มัสตาร์ดครีมซอสสำหรับเนื้อวัว และสไปซี่ฮันนี่ซอสที่มีเฉพาะสาขาเมืองไทย จากนั้นเชฟเริ่มที่ผักและกุ้ง ลูกเล่นอยู่ที่หัวหอมภูเขาไฟที่ไฟลุกท่วม ก่อนผัดข้าวผัดกระเทียมซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน   ตามด้วย Japanese Yellow Tail ปลาฮามาจิจากฮอกไกโดที่นำลงย่างบนเทปันยากิ ตามด้วยเนยและมะนาว เนื้อฉ่ำๆ หอมๆ อร่อยดีทีเดียว     อีกจานอร่อยเด็ดด้วย Kobe Wagyu Beef A5 เนื้อสันนอกโกเบผัดกับเนยกระเทียมพอสุก ยังคงให้ความนุ่มชุ่มฉ่ำของไขมัน ไม่จิ้มก็อร่อย แต่จะอร่อยขึ้นเมื่อลองกับสไปซี่ฮันนี่ซอสที่รสจัดจ้าน     มาที่นี่ยังห้ามพลาดกับค็อกเทลจากสาเกอย่าง Sake Mojito และ Sakura of Bangkok รับรองว่าสาเกนี่แหละจะทำให้อาหารออกรสขึ้นอีก

ร้านอาหารญี่ปุ่นน้องใหม่ที่นำชื่อของตัวละครในมังงะชื่อดังอย่างดรากอนบอล มานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ เพราะนอกจากจะมีเมนูมาให้เลือกลองเลือกชิมกันมากกว่า 300 เมนูแล้ว วัตถุดิบส่วนใหญ่ยังล้วนส่งตรงมาจากญี่ปุ่นเพื่อให้ทุกคนสัมผัสกับรสชาติต้นตำรับในราคาน่ารัก และที่สำคัญที่นี่ยังมีบาร์เครื่องดื่มที่จะทำให้อาหารทุกจานอร่อยยิ่งขึ้น       เมนูแนะนำ Mango Salsa Salad สลัดมะม่วงสุกรสหวานหอม เต็มปากเต็มคำด้วยเนื้อปู พร้อมด้วยรสเปรี้ยว เค็ม และเผ็ดจี๊ดจากพริกฮาราเปโย   Twilight ซูชิคำโตทำจากปลาแซลมอนห่อข้าวไว้ข้างใน ก่อนจะวางท็อปด้วยหอยเชลล์วาซาบิดอง และซอสหวาน   Gyu Yakiniku Set ชุดข้าวเนื้อผัดซอสยากินิกุสูตรเด็ดที่เพิ่มความหอมด้วยขิงและกระเทียม เสิร์ฟพร้อมข้าว ซุป และไข่ตุ๋น   Taraba Yaki Set ปูทาราบะตัวยักษ์ย่างส่งตรงจากฮอกไกโด เนื้อเด้งนุ่มชุ่มฉ่ำ กินคู่กับซอสผักชีสูตรพิเศษ  

ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเนื้อที่สั่งสมมากว่า 30 ปี รวมทั้งการเป็นเจ้าของร้านยากินิกุ Ondoru ถึง 4 สาขา ที่เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น คงเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่คนรักเนื้ออย่างเราต้องขอตามไปลองความอร่อยระดับพรีเมียมของเนื้อโกเบที่ Mr.Yasuda Hidekasu ผู้ปลุกปั้นร้านอาหารญี่ปุ่นยาสึดะคัดสรรด้วยตัวเอง     จุดเด่นของยาสึดะคือ เนื้อโกเบระดับ A5 ที่มีไขมันแทรกสวยงาม นุ่มละลายในปาก แบ่งความมันของไขมันแทรกเป็น 3 ระดับ คือ Choice, Prime และ Premium โดยคุณภาพของเนื้อที่นี่ก็ไม่ธรรมดา เพราะได้โล่การันตีของสมาคมโกเบประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว ยิ่งได้นั่งละเลียดความอร่อยของสุดยอดเนื้อโกเบในบรรยากาศการตกแต่งของร้านที่ให้กลิ่นอายบ้านขุนนางแดนอาทิตย์อุทัยในสไตล์ร่วมสมัยก็ยิ่งเพิ่มความฟินได้เป็นอย่างดี       และหากเปิดเมนูเล่มหนาแล้วไม่รู้ว่าจะเลือกชิมเนื้อจานไหนดี เราแนะนำให้เริ่มด้วยเมนูยอดนิยม Broiled Choice Kobe Beef Sushi with Sukiyaki Sauce ซูชิห่อด้วยเนื้อโกเบราดซอสสุกียากีแล้วเบิร์นไฟนิดๆ กำลังดี ท็อปด้วยไข่นกกระทาดิบ กินพร้อมกันทั้งคำอร่อยกลมกล่อมสุดๆ แล้วไปต่อกับ Choice Rump Steak สเต๊กเนื้อโกเบส่วนสะโพก เสิร์ฟพร้อมวาซาบิสำหรับสเต๊ก เกลือ และซอสหวาน ซึ่งทางร้านแอบกระซิบว่ากินได้ถึง 3 แบบ คือจิ้มซอสหรือเกลือ ปาดวาซาบิเบาๆ ก่อนแล้วจึงจิ้มซอสหรือเกลือ และบีบมะนาวก่อนแล้วจิ้มซอสหรือเกลือ       ถ้าอยากได้รสชาติเนื้อแบบเต็มๆ ต้องลอง Sakura Set ที่มีเนื้อโกเบทั้งไพรม์ ชอยส์ และสันนอก กุ้งลายเสือตัวโต หอยเชลล์ญี่ปุ่นสดหวาน และผักนานาชนิด ซึ่งพนักงานจะมาย่างเนื้อบนเตาหินให้ชิมกันร้อนๆ อย่าลืมจิ้มกับเกลือ ซอสพอนซึหรือซอสยากินิกุ เพิ่มความอร่อย         แต่หากไม่นิยมเนื้อจริงๆ ที่นี่ก็มีเมนูหมู ไก่ และปลาดิบต่างๆ ให้เลือกอีกมากมาย เราชอบ Broiled Fatty Salmon ซูชิแซลมอนส่วนท้องหน้าชีสและไข่ปลาแซลมอนที่ความสดไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว  

สำหรับคออาหารญี่ปุ่น วัฒนธรรมการกินแบบโอมากาเสะ (ไว้วางใจให้เชฟจัดให้) ยังเป็นสิ่งที่หลายคนติดอกติดใจ เพราะนอกจากจะได้ลิ้มลองวัตถุดิบชั้นเลิศ  ยังเป็นการวัดใจระหว่างเชฟและคนกินว่าจะรังสรรค์เมนูออกมาได้ตื่นเต้นน่าจดจำมากน้อยแค่ไหน     เช่นเดียวกับร้าน Sushi Niwa ร้านซูชิสไตล์โอมากาเสะแห่งใหม่ในซอยร่วมฤดีที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องวัตถุดิบและเชฟที่ผ่านสนามซูชิมาอย่างโชกโชนเท่านั้น แต่ยังเป็น Exclusive Multimedia Omakase แห่งแรกในบ้านเรา ซึ่งคุณบอนด์ เจ้าของร้านได้ไอเดียจากการไปเยี่ยมชมงานตามพิพิธภัณฑ์ในหลายประเทศ จึงนำเรื่องของแสงและสีมาอยู่ในร้านซูชิ ทำให้มื้อนี้พิเศษยิ่งกว่าเดิม     พื้นที่ของซูชิ นิวะแบ่งออกเป็น 3 โซน ด้านหน้าเป็นบาร์ในเรือนกระจกสำหรับนักดื่ม ถัดมาเป็นห้องกว้างสำหรับนั่งพัก และด้านในสุดคือห้องซูชิบาร์สีขาวโพลนตั้งแต่ผนังไปจนถึงบนเคาน์เตอร์ทำจากหินอ่อน (สำหรับฉายมัลติมีเดียลวดลายสวยงามลงบนโต๊ะนั่นเอง) เมนูของที่นี่จะเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่หามาได้ ทั้งจากตลาดปลาซึกิจิ แหล่งวัตถุดิบชั้นดีอีกหลายแห่ง ที่สำคัญคือปลาที่นำมาใช้ต้องเป็นปลาที่จับได้จากธรรมชาติเท่านั้น ไม่ใช้ปลาเลี้ยงโดยเด็ดขาด     วันนี้เชฟต้อนรับเราด้วย Shiro Ebi Donburi กุ้งขาวตัวเล็ก สดและหวานจากโทยามะ วางบนข้าวญี่ปุ่น แล้วท็อปด้านบนด้วยฮาตาเตะอูนิ และคาเวียร์จากเยอรมัน ก่อนเสิร์ฟเชฟโรยเกลือแล้วประดับด้วยดอกไม้เล็กๆ กินหมดแล้วยังทิ้งรสนวลเนียนอยู่ในปาก คำถัดมา Chutoro Sushi ชูดโทโร่ดีงามสมราคา ต่อด้วย Akamitsuke บลูฟินทูน่าเอจจิ้งไว้นาน 3 วันเพื่อดึงรสชาติของปลาออกมา เชฟแล่เป็นชิ้นบางพอดีคำแล้วหมักด้วยโชยุสูตรเฉพาะนาน 10 นาที เนื้อปลารสชาติดีเข้ากับมัสตาร์ดกลิ่นฉุนเล็กๆ ที่เชฟวางไว้ด้านบน         อีกเมนูที่เชฟภูมิใจนำเสนอคือ Anago ปลาไหลทะเลญี่ปุ่นนำมาต้มจนนิ่มแล้วย่างบนเตาถ่าน ทาด้วยซอสที่เคี่ยวจากปลาไหลนานถึง 3 วัน ได้ทั้งความเหนียว หวาน และหอม ขูดผิวส้มส้มยูซุลงไปด้วยก่อนเสิร์ฟ ปิดท้ายด้วย Mentaigo Suzui ข้าวต้มไข่ปลาเมนไทโกะ (ไข่ปลาค้อด) รสเค็มมันไปได้ดีกับข้าวญี่ปุ่น ความอร่อยอยู่ที่น้ำซุปเคี่ยวจากกระดูกปลานาน 8 ชั่วโมง หอมและกลมกล่อมจนคำสุดท้าย    

สาวกราเมงคงได้เปล่งเสียงกรี๊ดกันยกใหญ่ เมื่อราเมงชื่อดังที่การันตีความอร่อยด้วยรางวัลชนะเลิศจาก Tokyo Ramen Show มาแล้วถึง 5 สมัย อย่าง “ฮิโรฮะ” เดินทางมาถึงไทยเป็นที่เรียบร้อย ความโดดเด่นที่ไม่มีใครเหมือนคงต้องยกให้รสชาติของน้ำซุปสีดำสูตรลับ “Tomoya Black” ซุปโชยุรสเข้มที่เคี่ยวจากปลาทะเล และ “White Shrimp” น้ำซุปใสเคี่ยวจากกุ้งขาวร่วมด้วยเมนูสไตล์อิซากายะโฮมเมดที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ       เมนูแนะนำ Salmon Carpaccio แซลมอนสไลซ์เนื้อบางเสิร์ฟพร้อมผักสดๆ และซอสเลมอนให้รสเปรี้ยวซ่าสดชื่น   Tomoya Black Ajitama Ramen ราเมงเส้นเหนียวในซุปสีดำรสเข้มหอมกรุ่นกลิ่นปลา   White Shrimp Ajitama Ramen ราเมงน้ำซุปใสรสละมุนที่เคี่ยวมาจากกุ้งขาวซึ่งหาได้ที่เมืองโทโมยะต้นกำเนิดของร้านนี้เท่านั้น   Beef Tongue with Cleared Soup ซุปลิ้นวัวเนื้อหนานุ่มในน้ำซุปใสที่เหมาะกับการกินพร้อมข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆ อย่างที่สุด

แซลมอนเลิฟเวอร์ต้องฟินกับสารพันเมนูแซลมอนกว่า 60 ชนิด ที่ Neta Fish & Meat ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์บุฟเฟต์ของนักร้องหนุ่มสุดเนี้ยบ เตชินท์ ชยุติ เราขอให้ลืมภาพบุฟเฟต์แซลมอนแบบเดิมๆ ไปได้เลย เพราะที่นี่ไม่มีไลน์อาหารวางเรียงรายรอให้เลือก แต่จะปรุงอาหารตามสั่งเท่านั้นเพื่อความสดและอร่อย นอกจากจะมีแซลมอนเป็นตัวแทนของปลาแล้ว ยังมีเนื้อวากิวและอาหารจานร้อนอีกมากมายให้คนรักเนื้อได้อร่อยกันอีกด้วย        เมนูแนะนำ Salmon Sashimi แซลมอนพรีเมียมนำเข้าจากนอร์เวย์ เสิร์ฟชิ้นใหญ่หนาให้กินอย่างจุใจ   Salmon Seafood Sauce แซลมอนแช่น้ำปลาและราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบไทยๆ    Yakitori ชุดเสียบไม้ย่างที่มีทั้งแซลมอน หมูสามชั้น ไก่ กุ้ง เบคอนพันเห็ดเข็มทอง และผักนานาชนิด   Wagyu Sushi ซูชิหน้าเนื้อวากิวชิ้นโตราดซอสสไปซี่และซอสเทอริยากิ 

ร้านข้าวแกงกะหรี่ซึ่งโด่งดังที่สุดในโตเกียวได้เดินทางถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย ภายใต้คอนเซ็ปต์เก๋ไก๋พาทุกคนไปออกค่ายละเลียดแกงกะหรี่แสนอร่อย ซึ่งตามธรรมเนียมยอดฮิตของเด็กญี่ปุ่นเมื่อออกค่ายก็มักจะช่วยกันก่อไฟ หั่นผัก ผัดเนื้อ ต้มแกงกะหรี่ และหุงข้าวในหม้อสนาม ข้าวแกงกะหรี่ของที่นี่จึงเสิร์ฟในกระทะร้อนปรุงสดแบบจานต่อจาน มาพร้อมอุปกรณ์การกินสุดน่ารัก ที่สำคัญวัตถุดิบยังคัดสรรเพื่อสุขภาพที่ดีอีกด้วย       เมนูแนะนำ Hango Shake Salad สลัดผักตามฤดูกาลส่งตรงจากโครงการหลวง เติมผงโรยข้าวญี่ปุ่นและน้ำสลัดรสเปรี้ยว เขย่าในปิ่นโตให้คลุกเคล้ากันได้ที่ก่อนเสิร์ฟ   Fully-Loadded Vegetable เมนูฮอตที่ผสมผสานผักนานาชนิดที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน มาเคี่ยวกับแกงกะหรี่จนนุ่มหวานรสละมุน   BBQ Curry หากใครไม่ชอบผักขอแนะนำข้าวแกงกะหรี่หมูบาร์บีคิวเนื้อชุ่มฉ่ำที่ตุ๋นจนได้ที่    Tokyo Curry ข้าวหน้าแกงกะหรี่รสเผ็ดที่คิดค้นมาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยรสชาติไก่สับผสมโชยุและสาเกญี่ปุ่นที่ให้ความหอมอย่างล้ำลึก

ก่อนอื่นคงต้องบอกเลยว่าใครที่อยากกินโอมากาเสะซูชิของ Sushi Masato ภายในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ทางร้านเริ่มเปิดให้จองได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ เนื่องจากลูกค้าจองกันยาวจนกลายเป็นร้านที่ฮอตฮิตที่สุด ณ เวลานี้     เราคงต้องขอบคุณภรรยาของ เชฟมาซาโตะ ชิมิสุ (Masato Shimizu) ที่ตัดสินใจกลับมายังบ้านเกิด ทำให้เรามีโอกาสได้ชิมฝีมือของเชฟมาซาโตะ เชฟชาวญี่ปุ่นที่ได้รางวัลมิชลินสตาร์สมัยทำงานที่มหานครนิวยอร์กถึง 2 ร้านคือ Jewel Bako และ 15 East Restaurant จนกลายเป็นเชฟดาวรุ่งของนิวยอร์ก     ซูชิมาซาโตะตกแต่งเรียบง่าย มีเพียงเคาน์เตอร์ซูชิและเก้าอี้สำหรับลูกค้าอีก 10 คนเท่านั้น วันหนึ่งเชฟมาซาโตะทำโอมากาเสะซูชิเพียง 2 รอบคือ 17.30 น. และ 20.30 น. เท่านั้น      เชฟมาซาโตะเล่าถึงวิธีการแบบเอโดะมาเอะที่นำปลาสดมาเอจจิงและดองให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด บางครั้งห่อด้วยคอมบุเพื่อดึงเอารสอูมามิของปลาออกมา ส่วนใหญ่ใช้กับปลาเนื้อขาว ส่วนปลาทูน่าและแซลมอนใช้วิธีเอจจิงนาน 1 สัปดาห์ให้เนื้อปลานุ่มและมีรสชาติของอูมามิ พูดง่ายๆ ก็คือการสร้างเนื้อสัมผัสและรสชาติของปลา ส่วนข้าวหุงกับน้ำส้มสายชูแดง 2 ชนิดผสมน้ำส้มสายชูขาว เชฟให้เราชิมข้าวซูชิ รสชาติจะค่อนไปทางเปรี้ยว แต่เมื่อมาพร้อมปลา รสเปรี้ยวจะไม่แหลมแต่กลมกลึงไปด้วยกัน   เชฟมาซาโตะเสิร์ฟทั้งหมดประมาณ 20 อย่าง อาหารเรียกน้ำย่อย ผัก ซูชิ 15 คำ ซุป กรานิตา ของหวานและชาตัวอย่างของความอร่อย อาทิ คิมิสุโอ โบโระเชฟปรุงรสปลาด้วยไข่แดงที่ปรุงรสกับน้ำตาลและน้ำส้ม     ซาร์ดีน ปลาสดกับต้นหอม คินเมะได ใช้การรมควันด้วยถ่านไม้แทนการย่างด้วยแก๊ส ให้กลิ่นไหม้นิดๆ บีบสึดาชิและโรยเกลือก็อร่อย ชูโทโร่ ที่ผ่านการเอจจิงทาด้วยซอสบางๆ         อุนิ ใช้หอยเม่น 2 ชนิด มุราซากิ รสครีมมี่ และบาฟุน รสเข้มกว่า เสิร์ฟมาบนข้าว และซิกเนเจอร์ของเชฟ อะนาโกะ ปลาไหลทะเลกับซอสรสหวานอร่อย     เชฟมาซาโตะทิ้งท้ายกับเราว่าโอมากาเสะของเขาเน้นเซอร์ไพรส์ให้ลูกค้ามีความสุขและรอยยิ้มจากซูชิ ไม่อยากให้เบื่อและรู้สึกเครียดกับการกินซูชิ

แน่นอนว่าหลายคนคงเคยอิ่มอร่อยกับข้าวหน้าญี่ปุ่นหลากหลายเมนูจาก “คาคาชิ” (Kakashi) กันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Kakashi Chicken Don (79 บาท) ข้าวหน้าไก่ชุปแป้งทอดราดซอสสูตรซิกเนเจอร์ Pork Yakiniku Don (89 บาท) ข้าวหน้าหมูย่างยากินิกุชิ้นบางๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่น ไปจนถึง Teriyaki Don (89 บาท) ข้าวหน้าไก่เทอริยากิชามอ้วนเมนูโปรดของแก้มแดงเอง           ตอนนี้แฟนคลับคนรักคาคาชิเตรียมยิ้มแก้มปริกันได้เลย เพราะคาคาชิได้เพิ่มเซตเมนูใหม่สุดคุ้มมาให้ทุกคนสั่งอาหารได้สะดวกยิ่งขึ้น เพราะเราจะได้ทั้งสลัดจานเล็กและซุปมิโสะมาให้อิ่มครบถ้วนจบในคราวเดียว โดยแบ่งออกเป็น “เซตข้าวหน้าแกงกะหรี่” ที่พกพาความอร่อยของแกงสูตรเด็ดที่มีเคล็ดลับอยู่ทีซอสมะม่วงที่ช่วยมาเติมรสหวานหอม และ “เซตอาหารชุดสไตล์ญี่ปุ่น” ที่ยกขบวนเมนูสเต็กมาให้เลือกชิมอย่างหลากหลาย   แก้มแดงขอเริ่มด้วย Karaage Chicken Curry Set (129 บาท) ข้าวแกงกะหรี่กินคู่กับไก่คาราเกะชิ้นโตกรอบฟูนุ่ม แต่ถ้าชอบเนื้อเยอะๆ ก็ต้อง Tonkatsu Curry Set (159 บาท) ข้าวหน้าแกงกะหรี่ที่มาพร้อมหมูทอดทงคัตสึชิ้นใหญ่อัดแน่นเต็มจาน เคี้ยวกรอบเพลินมาก หรือจะลอง Ebi Tempura Curry Set (159 บาท) ข้าวแกงกะหรี่จับคู่กับกุ้งเทมปุระตัวยาว ก็อร่อยแบบเบาๆ ดี         สำหรับเซตอาหารญี่ปุ่นก็มีให้เลือก 3 ชุดเช่นกัน เริ่มด้วย Chicken Teriyaki Set (129 บาท) ไก่เนื้อนุ่มย่างไฟอ่อนหอมด้วยซอสเทอริยากิ ก่อนจะอัพเลเวลมาที่ Grilled Saba Set (159 บาท) ปลาซาบะย่างซีอิ๊วชิ้นใหญ่ส่งกลิ่นหอมๆ กินพร้อมกับข้าวนุ่มๆ ก็รักแล้ว แต่หากยังไม่จุใจที่นี่ก็มี Grilled Salmon Set แซลมอนชิ้นกะทัดรัดนำมาย่างจนหอม เนื้อสุดนุ่ม คนรักแซลมอนห้ามพลาดเด็ดขาด      

ความจริงแล้ว Baba Iki ไม่ใช่ห้องอาหารที่ใหม่ที่สุดของศรีพันวา แต่ด้วย Baba Chino เป็นห้องอาหารแห่งใหม่ล่าสุดยังไม่เข้าที่เข้าทาง ไว้เรียบร้อยดีเราจะพาไปเยี่ยมเยือนกันอีกครั้ง     บาบ๋า อิกิ เน้นการดื่มกินสไตล์ญี่ปุ่น ก่อนที่คุณปลาวาฬ-วรสิทธิ์ อิสสระ จะขอให้ทางเชฟบุญธรรม เชฟกระทะเหล็กอาหารญี่ปุ่นส่งเนื้อวัวฮิดะมาที่นี่ อิกิเป็นห้องอาหารเพียงแห่งเดียวในภูเก็ตที่มีเนื้อวัวฮิดะให้ได้ชิม โดยนำมาใช้ทำยากิโทริและเทปันยากิ อิกิออกแบบให้เป็นทั้งบาร์ซูชิ บาร์เทปันยากิ และครัวย่างยากิโทริ ส่วนสีสันของร้านเพิ่มเอาสีน้ำเงินขึ้นมาตัดกับสีส้มอิฐ ซึ่งเป็นสีประจำของศรีพันวา      สาเกค็อกเทลน่าจะเป็นสิ่งแรกที่ไม่ควรพลาด Sakura ค็อกเทลสีชมพูสวยที่ใช้สาเกเป็นตัวหลัก ผสมกับแตงโม ลิ้นจี่ และน้ำมะนาว ให้กลิ่นของสาเกอ่อนๆ กับรสของเนื้อแตงโมและลิ้นจี่ อีกแก้วเป็นสาเกค็อกเทลสีเขียวสด Tokyo Winter หอมมินต์แต่เปรี้ยวหวานด้วยเสาวรส   รองท้องเบาๆ ด้วย Shirao Salad สลัดปลาเงินทอดที่เรียกน้ำย่อยได้ดี ตามด้วย Sashimi Delight ปลาดิบรวม โอโทโร่ แซลมอน ฮามาจิ อะกามิ ทาโกะ อามะเอบิ คัมปาจิ และอิคุระ     แต่ที่ห้ามพลาดน่าจะเป็น Yakitori อาหารเสียบไม้ย่างที่หอมไหม้ถ่านหน่อยๆ เนื้อวัวฮิดะเป็นตัวเด่น ปีกไก่ เอ็นไก่ หนังไก่ เห็ดออรินจิ เห็ดชิตาเกะ ซี่โครงแกะ หมูสามชั้น กระเจี๊ยบ และพริกหวานญี่ปุ่น กินกับน้ำจิ้ม 5 ชนิด แจ่ว ซอสเทอริยากิ พอนสึ มิโซะสไปซ์ และสไปซี่ชิลลี่ แต่ไม่ต้องจิ้มก็หอมอร่อยแล้ว     เรามาต่อกันที่บาร์เทปันยากิซึ่งส่งกลิ่นหอมมาพร้อมกับเสียงกระทบกันของตะหลิวและแผ่นเหล็ก โดยเฉพาะด้านหน้าเตาที่ให้ฟิลลิ่งของเทปันยากิได้ดีที่สุด Canadian Maine Lobster Teppanyaki เนื้อล๊อบสเตอร์ผัดเนยกระเทียม พริกหยวก และสตรอว์เบอร์รี เสิร์ฟพร้อมข้าวผัดกระเทียม ซุปมิโซะล็อบสเตอร์ และผัดผัก รสหวานของล็อบสเตอร์ไปได้ดีกับรสเปรี้ยวหวานของสตรอว์เบอร์รี     จานเด่น Hidagyu StriplionTeppanyaki ไม่ได้ปรุงอะไรมาก เพียงนำเนื้อวัวฮิดะส่วนสันนอกที่ติดมันไปผัดกับเนยกระเทียม ใส่เข้าปากก็นุ่มแทบไม่ต้องเคี้ยว  

แม้จะเป็นร้านราเมงต้นตำรับจากญี่ปุ่น แต่เชื่อว่าต้องถูกใจใครหลายคนอย่างแน่นอน เพราะราเมงแต่ละชามได้ถูกออกแบบมาให้ถูกปากคนไทยโดยเฉพาะ ชูโรงด้วยความหวานของน้ำซุปทงคัตสึสีขาวนวลที่ไม่เลี่ยนและหนักจนเกินไป อีกทั้งยังมีให้เลือกอีก 2 รส ได้แก่ รสกระเทียมซุปสีดำหอมขึ้นจมูก และรสเต้าเจี้ยวซุปแดงรสจัดจ้าน นอกจากได้สนุกกันตามความชอบแล้ว ท็อปปิงอย่างหมูตุ๋น และหมูย่างบอกได้เลยว่าดี๊ดี!     เมนูแนะนำ Avocado Salad สลัดอะโวคาโดที่มาพร้อมผักนานาชนิดอัดแน่นในขวดโหลใบสูงดูน่ากิน   Gyoza Set เกี๊ยวซ่าไส้หมูทอดร้อนๆ หอมติดจมูก มาพร้อมข้าวสวยและผักดองตัดเลี่ยน   Ramen Black ราเมงเส้นนุ่มวางท็อปด้วยหมูตุ๋นในซุปกระดูกหมูสีขาวนวลที่เพิ่มความแปลกใหม่ด้วยซอสกระเทียมเจียวผสมงาคั่ว ให้สีดำชวนกินแล้วยังหอมอีกด้วย   Roast Pork Ramen Red ราเมงในซุปสีแดงเข้มจากซอสมิโซะแดงรสเผ็ดร้อน อร่อยเพลินกับหมูย่างชุดใหญ่และไข่ต้ม

ร้านน้องใหม่ที่เอาใจวากิวเลิฟเวอร์โดยเฉพาะ ด้วยการนำเนื้อญี่ปุ่นคุณภาพระดับ A4 โดดเด่นด้วยปริมาณไขมันที่แทรกแบบพอดีๆ เหมาะทำเป็นเมนูสเต๊กอย่างที่สุด ที่นี่จึงคัดสรรเนื้อส่วนต่างๆ มาให้เลือกชิมในขนาด 100 กรัม เสิร์ฟบนจานที่มีหินร้อนให้ทุกคนสามารถปิ้งต่อเองได้ตามชอบ อิ่มอร่อยกับเนื้อสุกใหม่ร้อนๆ มีความสุขทุกคำ ทั้งยังมีแบบเซ็ตสุดคุ้มมาพร้อมข้าว ซุป และสลัด ที่เติมได้ไม่อั้นอีกด้วย     เมนูแนะนำ Wagyu Maki Sushi อร่อยเคี้ยวนุ่มกับข้าวห่อสาหร่ายไส้เนื้อวากิวย่างแบบมีเดียมแรร์    Chef’s Recommend Wagyu Steak ชุดสเต๊กเนื้อวากิวที่เชฟคัดสรรมาแล้วว่า “ดีที่สุด” ในวันนั้นๆ   Combination Set ชุดอร่อยยอดนิยมแบบทูอินวัน เพราะมีทั้งเบอร์เกอร์หมูคุโรบูตะและเนื้อวากิวในจานเดียว   Curry Rice ข้าวแกงกะหรี่เนื้อที่อิมพอร์ตเครื่องแกงมาจากเมืองคามาคุระ รสเข้มข้นหอมมันไม่มีใครเหมือน

ร้านอิซากายะ ที่เปลี่ยนบรรยากาศมืดทึบและเสียงอึกทึกของร้านกินดื่มแบบญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยด้วยการหยิบสไตล์โมเดิร์นเข้ามาผสมผสาน ทั้งการตกแต่งที่เน้นความโปร่งสบายตาและครัวแบบปิดที่รับรองว่าไม่มีกลิ่นอาหารติดตัวให้รำคาญใจ ที่สำคัญนอกจากหลากหลายเมนูจานร้อนทั้งย่าง ผัด ต้ม ทอด และนึ่ง ยังมีซูชิบาร์ที่พร้อมเสิร์ฟซูชิและซาชิมิระดับคุณภาพ รวมทั้งค็อกเทลบาร์ที่มีเครื่องดื่มเก๋ๆ อย่างสปาร์กลิง สาเก ซาว่า (น้ำผลไม้ผสมกับโซดาและโชจู) ที่เรียกความสดชื่นได้ดีจริงๆ      เมนูแนะนำ Kurobuta Nabe หม้อไฟเพื่อสุขภาพที่มีทั้งหมูคุโรบูตะสไลซ์ เส้นบุก และผักนานาชนิดในน้ำซุปหอมกลมกล่อม แถมเอาใจสาวๆ ด้วยก้อนคอลลาเจนให้เติมเพิ่มความสวย    Kushiyaki Moriawase เซ็ตเสียบไม้ย่างรวมความอร่อยของหมูคุโรบูตะสามชั้น ลิ้นวัว เบคอนพันไข่นกกระทา เห็ดหอม และไก่บดที่เราแนะนำให้จิ้มไข่ออนเซ็นเพิ่มความหอมมัน   Buta Kakuni Kamameshi ข้าวอบหม้อญี่ปุ่นหมูสามชั้นที่กินได้ถึง 3 แบบ ทั้งข้าวอบกินทันที คลุกกับสาหร่าย ขิงดอง และต้นหอมอย่างข้าวยำ และเติมน้ำซุปปลาแห้งแบบข้าวต้ม   Sashimi Moriawase (Take) เซ็ตซาชิมิที่มีทั้งแซลมอน ทูน่า ฮามาจิ ปลาหมึก หอยปีกนก ก้ามปูหิมะอัด และปลาซาบะดอง  

กลายเป็นอีกหนึ่งร้านซูชิโอมากาเสะที่น่าจับตามองสำหรับ MIZU by San.Kyo.Dai แบรนด์ใหม่ในเครือซันเคียวได หลังจากดันจนโรลฟิวชันให้เป็นที่รู้จักกัน ทางร้านจึงถือโอกาสต่อยอดแนะนำให้ฟู๊ดดี้อาหารญี่ปุ่นได้ลองทำความรู้จักกับซูชิโอมากาเสะสไตล์เอโดะมาเอะ     “ในสมัยเอโดะยังไม่มีตู้เย็นเหมือนสมัยนี้ คนญี่ปุ่นจึงหาวิธีเพื่อเก็บถนอมอาหารให้อยู่ได้นาน จึงเกิดวิธีการแช่โชยุ ห่อคอมบุ หมักสาเก หรือหมักเกลือ เพื่อยืดอายุให้ปลา ซูชิแบบเอโดะมาเอะ 80% จึงเป็นปลาที่ผ่านการเอจจิงด้วยวิธีการต่างๆ มาแล้ว” เชฟเอ็ม หนึ่งในเชฟของร้านเล่าถึงที่มา เราสงสัยว่าแล้วเชฟแต่ละคนจะปั้นซูชิออกมาต่างกันไหม “สูตรของการเอจจิงเหมือนกัน แต่ผมกับเชฟคริสโตเฟอร์ (เชฟซูชิอีกคน) ตกแต่งและปรุงรสต่างกัน ปลาบางชนิดผมปรุงด้วยยูซุ  แต่เชฟคริสใช้สึดาชิแทน”     เชฟแนะนำว่าถ้ามากินซูชิโอมากาเสะมื้อกลางวัน 12.30 น. มื้อค่ำ 18.30 น. จะเป็นช่วงที่ข้าวกำลังอร่อยที่สุด มีหลายราคาตามวัตถุดิบและจำนวนคำซูชิ (มื้อกลางวัน 1,300, 2,000 และ 3,000 บาท มื้อค่ำ2,000, 3,500 และ 5,000 บาท) ให้บริการรอบละ 7 ที่นั่ง   เราขอลองชิมด้วยการเริ่มที่ ฮิราเมะ ปลาตาเดียวตามธรรมชาติ เอจจิงเพียงวันเดียว อิกะ ปลาหมึกกระดองบั้งแล้วทาโชยุ ชูโทโร่ เอจจิงนาน 7 วัน ปั้นกับข้าวที่หุงด้วยน้ำส้มสายชูแดง ทาโชยุ ใส่หอมกับขิง คำนี้ใช้ข้าวแปลกกว่าคำอื่นแต่เข้ากับชูโทโร่ดี          และคำสุดท้าย โคฮาดะ คำนี้วัดทักษะของเชฟ ถ้าดองน้ำส้มไม่ดีจะคาวมาก     ส่วนอะลาคาร์ตจานแรก Kaisen ข้าวหน้าปลาดิบรวม ชูโทโร่ บุรี แซลมอน อิกะ อามะเอบิ เนงิโทโร่ อุนิ และอิกุระ วัตถุดิบสดมากเพราะเข้ามาเกือบทุกวัน      อีกจาน Unajyu ข้าวหน้าปลาไหลย่างแบบแห้งๆ ขอบนอกกรอบแต่เนื้อยังชุ่ม กินกับไข่หวานซอย สาหร่าย และกระเจี๊ยบ     ปิดท้ายกับไอศกรีมตามฤดูกาลที่มีประจำคิตแคตชาเขียว มีเนื้อคิตแคตแทรกกับชาเขียวรสขม ส่วนส้มยูซุกลิ่นส้มเข้มข้น และอุเมะชูหอมบ๊วยแต่ก็มีความขมนิดๆ ของเหล้าบ๊วย

ในที่สุดฮามาคัตสึ ร้านทงคัตสึชื่อดังจากเกาะคิวชู เจ้าของ 108 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่นก็มาเปิดสาขาให้ได้ลิ้มลองรสชาติแบบตำรับแล้วที่ The Taste ทองหล่อ  พร้อมยกเมนูซิกเนเจอร์มาครบเซ็ต นอกจากเลือกใช้เนื้อหมูคัดสรรพิเศษจากฟาร์มแล้ว ยังทอดด้วยวิธีโบราณสืบทอดมากว่า 50 ปี จึงการันตีความกรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน เพิ่มรสชาติด้วยซอสแบบดั้งเดิมและซอสรสเข้มข้นพิเศษเอาใจลูกค้าคนไทย เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงเติมได้ไม่อั้น ทั้งข้าวญี่ปุ่น ข้าวบาร์เลย์ ซุปมิโซะขาว และซุปมิโซะแดง     เมนูแนะนำ ชุดทงคัตสึหมูสันนอกแบบพรีเมียม หมูสันนอกเนื้อนุ่มติดมันนิดๆ หั่นชิ้นหนาให้อิ่มแบบจุใจ เพิ่มความอร่อยด้วยน้ำซอสรสกลมกล่อม   ชุดฮามะคัตสึสเปเชียล เซ็ตทงคัตสึจัดเต็มทั้งหมูสันนอก หมูสันใน และกุ้งชุบแป้งทอดเสิร์ฟพร้อมข้าว ซุปมิโซะ และสลัด   ข้าวหน้าปลาไหล เมนูไฮไลต์ ทางร้านใช้ปลาไหลเลี้ยงในฟาร์มออร์แกนิกจากญี่ปุ่น ย่างให้เกรียมนิดๆ เนื้อนุ่มหอมฉ่ำซอสรสเค็มๆ หวานๆ   

โออิชิเจ้าตำรับอาหารญี่ปุ่นกลับมาอีกครั้งกับ Oishi Eaterium ที่มาพร้อมแนวคิด Eat Explore Premium นำเสนออาหารญี่ปุ่นผ่านรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ตั้งแต่การตกแต่งร้านเสมือนพาเราไปอยู่ญี่ปุ่น รวมถึงการจัดวาง 8 โซนอาหาร มี Sushi & Sashimi, Temaki, Kushikatsu & Yakitori, Soup-Salad-Chawanmushi, Teppanyaki, Main Dish, Kakigori, Cafe ทั้งหมด 88 เมนูให้เราเดินเลือกกินกันฉ่ำปอด พร้อมทีเด็ดโชว์แล่ปลาแซลมอนวันละ 4 รอบ กินได้ 1 ชั่วโมง 45 นาที           เมนูแนะนำ สุกียากี้ญี่ปุ่น น้ำซุปดำรสเค็มหวานหอมกลิ่นปลาโอแห้ง เราเลือกเนื้อสัตว์ได้ว่าจะเป็นเนื้อหมูหรือเนื้อวัว เสิร์ฟพร้อมผักสดและไข่ไก่   ข้าวปั้นหน้าเอ็นกาวะและท้องปลาแซลมอนซาชิมิ ครีบปลานุ่มแน่นเข้ากันกับข้าวปั้นปรุงรสต่อด้วยท้องปลาแซลมอนสดเนื้อนุ่มฉ่ำหวานละลายในปาก    ปลาฮาลิบัตย่างราดซอสมิโซะชาเขียว เนื้อปลาสีขาวนวลย่างกลิ่นหอม ราดซอสมิโซะชาเขียวสีสวย   คากิโกริเมลอนญี่ปุ่น (เติมได้ไม่อั้น) น้ำแข็งไสรสนมหวานหอม กินกับเมลอนเนื้อฉ่ำหวานและไอศกรีมที่เลือกรสได้ตามชอบ 

สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับของโอโตยะ ร้านอาหารญี่ปุ่นที่คำนึงถึงสุขภาพตามสมดุลของหลักโภชนาการล่ะก็ คงได้ส่งเสียงเฮดังๆ กันชุดใหญ่แน่นอน เพราะตอนนี้ที่โอโตยะ(ทุกสาขา)เพิ่มความหลากหลายของอาหารเข้ามาในเมนูให้เราเลือกกินกันอย่างจุใจ เรียกว่าเปลี่ยนใหม่ยกเล่มไปเลย ก็เพราะอยากให้ทุกคนกินอิ่มครบจบคอร์สในร้านได้แบบชิลๆ ไม่ว่าจะเป็นซาชิมิสดหวานนุ่มลิ้น เมนูของว่างต่างๆ สลัดมากมาย รวมถึงของหวานและเครื่องดื่มที่เน้นเมนูชาเขียว ซึ่งเป็นไฮไลต์มัดใจกรีนทีเลิฟเวอร์ให้หลงรักกันมาตลอดหลายปี       ไฮไลต์สำคัญของโอโตยะที่ทำให้เจแปนนิสเลิฟเวอร์อุดหนุนกันไม่ขาดนอกจากการปรุงอาหารสดใหม่เสิร์ฟร้อนในทุกๆ จาน เพื่อคงคุณค่าอาหารให้ได้มากที่สุด พร้อมเลือกวัตถุดิบคุณภาพมาปรุงแบบไร้ผงชูรสแล้ว โอโตยะยังใส่ใจในหลักโภชนาการ 1 จานมีอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ทุกเมนูเราจะสั่งแบบอะลาคาร์ทก็ได้ หรือเลือกเป็นเซ็ทที่เรียกว่า Teishoku (การกินอาหารแบบเซ็ทสไตล์ญี่ปุ่น) ก็ดีเพราะมีให้ทั้งไข่ตุ๋น ซุป เครื่องเคียง โดยเฉพาะข้าวญี่ปุ่นแบบต่างๆ ที่เติมได้ไม่อั้นอีกด้วย         เมนูใหม่แนะนำที่มาถึงแล้วห้ามพลาดเลยคือ บูตะชาบูนาเบะ (จานเดี่ยว219บาท / เซ็ท279บาท) จานนี้หน้าตาอาหารชวนสายเฮลตี้ปลื้มปริ่มมากๆ เป็นซุปหมูสไลด์ติดมันนิดหน่อย ต้มกับผักกาดขาว ฟักทอง มะเขือเทศ เห็ดเข็มทอง โรยด้วยมิซูน่า เสิร์ฟคู่กับปลาคัตสึโอะสไลด์และซอสเมนซูยุ ต่อด้วย ไก่ย่างถ่านซอสชิโอะเนงิ (จานเดี่ยว229บาท / เซ็ท289บาท) ไก่เนื้อนุ่มย่างบนถ่าน ราดซอสต้นหอมญี่ปุ่นและน้ำมันงารสเค็ม กินคู่กับสลัดมันฝรั่ง และผักนานาชนิด จัดเสิร์ฟบนหินร้อนทำให้ไก่ยังอุ่นและหอมตลอดมื้ออาหาร ส่วนใครที่ชอบเมนูปลาของโอโตยะต้องลอง ปลาอากาอุโอะย่างถ่าน (จานเดี่ยว319บาท / เซ็ท379บาท) เนื้อปลาอากาอุโอะนุ่มหวานนำเข้าจากญี่ปุ่น หมักซอสชิโอะโคจิมิริน เสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียงอย่างหัวไชเท้าขูด สาหร่ายฮิจิคินิ และวากาเมะ         ปิดท้ายด้วยไอศกรีมชาเขียวเย็นฉ่ำ มัทฉะพาร์เฟต์ (149 บาท) มีทั้งพาร์เฟต์มูสชาเขียวหอมนวล ไอศกรีมชาเชียวหวานหอม ถั่วแดง วาราบิโมจิเคี้ยวหนุบหนับ ด้านล่างเป็นน้ำเต้าหู้ที่ทำใหม่ทุกวัน และวุ้นชาเขียว เสิร์ฟพร้อมน้ำเชื่อมคุโรมิสึ เป็นการจบมื้ออาหารที่อิ่มอร่อยและลงตัวสำหรับคนรักอาหารญี่ปุ่นสุดๆ ไปเลย