ลีลาดุเดือดและจริงจังกับการแข่งขัน ทำให้หลายคนสมัครเป็นแฟนคลับของ เชฟเมย์-พัทธนันท์ ธงทอง ผู้เข้าแข่งขันรายการ Top Chef Thailand แทบจะทันที ก่อนหน้านี้ต้องบินไปถึงเชียงใหม่เพื่อชิมฝีมือเชฟเมย์ แต่ตอนนี้แฟนคลับไม่ต้องไปไกลแล้วเพราะเธอมาเปิดร้านใหม่สไตล์ไฟน์ไดนิ่งที่กรุงเทพฯ ที่มีดีทั้งร้านสวยและเมนูที่มีความสร้างสรรค์ในสไตล์ของเธอเข้าไว้ด้วยกัน

เชฟเมย์ถนัดอาหารตะวันตกแต่ยังแทรกกลิ่นอายของความเป็นไทยเข้าไปให้เราได้ว้าวด้วยเช่นกัน อย่างจานเรียกน้ำย่อย

Phuket Lobster & Green Shooter เมนูไฮไลท์ที่ได้ไอเดียจากกุ้งแช่น้ำปลากับยำมะม่วง แต่ครีเอทหน้าตาใหม่โดยใช้ภูเก็ตล็อบสเตอร์สดๆ ช็อกที่อุณหภูมิ -347 องศาเซลเซียส เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและพยาธิต่างๆ ให้เรากินดิบได้อย่างปลอดภัย จากนั้นเก็บไว้ในอุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียสตลอดเวลาจนกว่าจะเสิร์ฟ เนื้อล็อบสเตอร์จะเด้งนุ่มหนึบเหมือนไอศกรีมเย็นๆ เสิร์ฟพร้อมคาร์เวียร์น้ำปลาหวาน ใช้น้ำตาลมะพร้าวจากอัมพวา ในแก้วชอตใบเล็กคือ กรีนแมงโก้โมฮิโต้ เป็นน้ำมะม่วงดิบสกัดเย็น เชครวมกับใบสะระแหน่ พริกขี้หนู ได้รสชาติแบบยำมะม่วง ต้องกินล็อบสเตอร์กับคาร์เวียร์แล้วเคี้ยวให้แตกในปาก จากนั้นจิบชอตตามเข้าไปแล้วกลืน จานนี้ได้รสเค็มหวานและรสเปรี้ยวสดชื่นจริงๆ

Mountain to the sea แซลมอนกับกาแฟเป็นจานที่เชฟใช้ในการแข่งขัน Top Chef แล้วชนะในโจทย์ประจำสัปดาห์ ใช้แซลมอนหมักกับน้ำตาลทรายแดงและเกลือหรือเรียกว่า กราฟลักซ์ เพื่อดึงความชื้นออกและเนื้อปลาจะเฟิร์มขึ้น หมักไว้ 12 ชั่วโมง ล้างแล้วอบที่ 90 องศาเซลเซียส นาน 7 นาที ทีเด็ดคือกาแฟจาก อ.โป่งแยง จ.เชียงใหม่ ทำเป็นคาร์เวียร์กาแฟเม็ดเล็กกลม ทำซอสกาแฟกับน้ำส้มสดที่ต้มจนงวดแล้วทาบนเนื้อปลา และสุดท้ายซอสต้มข่ากาแฟ เสิร์ฟกับแยมเซเลอรี ได้รสเปรี้ยวหวานเค็ม และชิพทำจากหนังปลา เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยอุ่นๆ สไตล์ฝรั่งเศสที่สมบูรณ์แบบ

Aus Wagyu Beef เมนูสไตล์ฝรั่งเศสเอเชียนทวิส ใช้เนื้อวัวส่วนสตริปลอยน์ เนื้อใช้เทคนิคโมเลกุล่า ซูวีให้ไฟเบอร์และโปรตีนของเนื้อสุกในอุณหภูมิต่ำ เปื่อยนุ่มที่อุณหภูมิไม่เกิน 90 องศา เนื้อไม่ทำปฎิกิริยากับความร้อนทำให้สีของเนื้อไม่เปลี่ยนไป ตรงกลางยังสีแดงสวยอยู่ เพราะอบนาน 2 ชั่วโมง

เสิร์ฟกับซอสพอร์ทไวน์อินฟิวส์กลิ่นและรสของมัสมั่น ซึ่งจะได้กลิ่นของเครื่องเทศตอนท้าย มีซอสทำจากมิโสะขาวผสมแอนโชวี มิรินและสมุนไพรอิตาเลียน ให้รสเค็มหวานเหมือนเนื้อย่างญี่ปุ่นแต่ได้กลิ่นสมุนไพรของอิตาเลียน ที่น่าประทับใจในจานนี้คือมันฝรั่ง Trio potato ที่เชฟสร้างมูลค่าให้มันฝรั่งธรรมดาด้วยเทคนิคที่ใส่ใจ นำมันฝรั่งมาสไลด์บางกดเป็ยวงกลมและประกบกันแทรกตรงกลางด้วยไทม์แล้วนำไปอบ จะมองทะลุได้สวยงาม มันฝรั่งฟองดองเอาไปตุ๋นกับน้ำสต็อกไก่เข้มข้น และย่างกับเนยและอบ ผิวจะตึงและเนื้อในนุ่มมีรสชาติของน้ำสต็อคไก่ เป็นจานที่คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ

Duo Tomatoes เป็นจานก่อนของหวานที่เราต้องทึ่งเพราะใช้มะเขือเทศมาเป็นของหวาน ใช้มะเขือเทศ 2 สายพันธุ์ที่ปลูกในไทยคือ มะเขือเทศสีแดงพันธุ์ red berry ผัดเป็นแยม ใส่กระบอกฉีดแก๊สให้เนื้อฟู่เบา บีบใส่น้ำตาลที่เป่าเป็นรูปมะเขือเทศ ส่วนสีเขียวใช้มะเขือเทศเขียว green berry tomato เป็นพันธุ์ที่เมื่อสุกแล้วก็ยังเขียวอยู่ปั่นกับน้ำเชื่อมและมะนาวทำเป็นเชอเบต ครัมเบิลพริกป่นกับเกลือ ได้ทั้งรสเปรี้ยวและหวานที่ไม่น่าเชื่อว่าทำมาจากมะเขือเทศ

ทุกจานมีไอเดียแปลกใหม่สร้างสรรค์ที่ห้ามพลาด

114/3 ถนนเศรษฐศิริ แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400

061-549-9500 และ 092-215-1915 (จองเชฟเทเบิ้ล)

11.30-14.30 และ 18.30-22.00 น.

6 คอร์ส 2,800 บาท++ และ 9 คอร์ส 3,900 บาท++

มีที่จอดรถ

Tag: , พญาไท, เชฟเทเบิล, ไฟน์ ไดน์นิ่ง,