ถ้าคุณรู้สึกว่าการเข้าร้านอาหาร Fine Dining เป็นเรื่องยาก เราขอแนะนำให้สตาร์ทจากร้านที่มีบริการคล้ายกัน แต่ให้ความรู้สึกสบายกว่าอย่างประเภทร้าน Casual Fine Dining ก่อน เพราะนอกจากราคาไม่แรงเท่า คุณยังได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศสบายๆ อาหารอร่อย ถ่ายรูปสวย แถมบริการที่ต้องประทับใจแน่ๆ
ใช่แล้ว! เรากำลังพูดถึง Stage (สตาช) ร้านที่เสิร์ฟอาหารสไตล์ฝรั่งเศสเพื่อให้ทุกคนจะได้สัมผัสเรื่องราวผ่านรสชาติอาหารที่ทีมเชฟเตรียมมาบอกเล่าจากจุดเริ่มต้นที่สั่งสมประสบการณ์จาก L’Atelier de Joel Robuchon กรุงเทพฯ มาด้วยกัน และกลับมารวมตัวอีกครั้งในนาม Stage แปลว่า ‘การฝึกงาน’ (ภาษาฝรั่งเศส) นำทีมโดย คุณเจย์ – สายนิสา แสงสิงแก้ว(chef / owner) เชฟหลงใหลในวัฒนธรรมการกินดื่ม และชอบเดินทางไปทั่วโลกเพื่อเปิดประสบการณ์และชิมอาหารใหม่ๆ อยู่เสมอ
ครั้งนี้เสนอเมนูในคอนเซปต์นอร์ดิก (มีในเดือนก.พ.-มี.ค.) ที่ได้แรงบันดาลใจจากความเรียบง่ายผสมความโมเดิร์นของสแกนดิเนเวีย จึงเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดในซีซั่นนี้มา แถมยังเป็นวัตถุดิบหลักที่คนแถบสแกนดิเนเวียคุ้นเคยโดยมีให้เลือก 3 แบบ คือ Tasting Menu 4 คอร์ส (1,900.-) และ Tasting Menu 6 คอร์ส (2,900.-) ส่วน ‘STAGE Experience’ 10 คอร์ส (4,500.-) มาดูกันว่าเมนูพิเศษจะเปิดประสบการณ์เซอร์ไพรส์อะไรบ้าง
Snacks: Amuse-bouche
วิธีการกินมี 3 สเต็ป คือเริ่มจากเนื้อริบอายจากออสเตรเลียที่ผ่านการดรายเอจ และโรลมาบนส้อม ความเค็มของเนื้อสไลซ์บางพอกินคู่กับ shallot gel แล้วเข้ากันดี ตามด้วยแครกเกอร์ที่ทำจากเมล็ดพันธุ์ 5 ชนิดทอปด้วยมูสจึงมันๆ กรุบกรอบ และปิดท้ายด้วยการดื่มคอมบูชาที่ทำจากกูสเบอรี่ กลิ่นหอม หวานละมุน เพิ่มความกลมกล่อมให้รสชาติทั้งสองคำที่กินมาได้อย่างสมบูรณ์
From the Sea:
วัตถุดิบหลักจานนี้เป็นปลาหมึกที่ผ่านการ Poach กับซิตรัสและถ่านแล้วเอามากริลอีกรอบเป็น Two way squid กินแล้วให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ทะเลจริงๆ ด้วยกลิ่นและรสชาติเค็มเล็กๆ เมื่อผสมกับสาหร่ายแดงและเขียว กินพร้อมซอสเสาวรสก็ยิ่งละมุนและมีรสเปรี้ยวแทรกเข้ามาช่วยให้ยิ่งสดชื่นขึ้น
วัตถุดิบหลักจานต่อมา คือ ปู Brown Crab และข้าวโพด Milk Corn ที่ได้พันธุ์จากฮอกไกโดมาปลูกในไทยเนื้อปูหอมเครื่องเทศ กับข้าวโพดเบิร์นไฟเล็กน้อยยิ่งเพิ่มความหอม ชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟข้างวานิลลาโฟมนุ่มๆ ยิ่งรู้สึกดีปิดท้ายด้วยอูนิที่สดมากๆ เนื้อเนียนละเอียด ละลายในปากถือว่าฟินนาเล่มาก
จานสุดท้ายของ From the Sea ความพิเศษคือการนำปลา 3 ชนิดมาเสิร์ฟให้กินพร้อมกันเพื่อสร้างความรู้สึกที่แตกต่างอย่างลงตัว โดยมีปลาทูน่าส่วนท้องและใช้วิธีถนอมอาหารแบบนอร์ดิกอย่างการ ‘กงฟี’ ปลาแมคเคอเรลดอง และปลาเทราต์รมควันกินพร้อมกับไวท์แอสพารากัสดองยิ่งกลมกล่อม แล้วตัดเลี่ยนด้วยไอศกรีมฮอสแดริชกับครัมเบิลกรุบกรอบเคี้ยวสนุกมาก
From the Land:
เนื้อกวางเวเนซันจากฝรั่งเศสหนึบหนับ มีกลิ่นเฉพาะเแต่ไม่คาว ปรุงรสให้เปรี้ยวตัดกับเนื้อกวาง เมื่อกินพร้อมกับลาเวนเดอร์เจลสุดละมุน ออทั่มลีฟ และใบเสจทอดกรอบ ก็เปลี่ยนความรู้สึกในจานเดียวได้หลายรูปแบบ
ซิกเนเจอร์เมนูประจำซีซั่นนี้ คือ กุ้งคาราบิเนรอส และข้าวฮางจากจังหวัดสกลนคร โดยจานนี้จะใช้เกือบทุกส่วนของกุ้งมาปรุงอาหาร ยกเว้นหาง เริ่มจากกินตัวกุ้งสดๆ เพราะเนื้อเด้ง หวานกรอบ จากนั้นเอามันกุ้งมาผัดกับข้าวฮางที่หนึบๆ มันๆ ที่สำคัญกินแล้วหอมมันกุ้งมาก และตัดเลี่ยนด้วย chip เปลือกส่วนหัวที่เอาไปทอดกรอบ คือดีมาก เคี้ยวสนุก เพลิน ครบรส
Caviar Bun ลักษณะเป็นชูครีมโฮมเมดสอดไส้บัตเตอร์มิลค์ที่มีคาเวียร์ผสมอยู่ ตัวครีมมันๆ พอกินคาเวียร์แล้วสนุก ส่วนบันกรอบนอกนุ่มใน บิแล้วไส้จะออกมาเยอะมาก ต้องใช้ทักษะเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เลอะเทอะ
Abalone อบาโลนเบิร์นนิดหน่อยเพื่อรักษาความสดและคงเทกซ์เจอร์ไว้จึงหอม เนื้อแน่น ด้านบนโรยด้วยผงสไปซ์เมื่อกินคู่กับวาซาบิเจลก็ยิ่งหอม ไม่ฉุนจนเกินไป รสชาติกำลังดี
Meat Loaf เป็นเนื้อจากออสเตรเลียกับญี่ปุ่นผสมกันเบิร์นและทอปด้วยทรัฟเฟิลจึงทั้งนุ่มและหนึบและหอม เพิ่มโรลเบคอนกริวยิ่งได้อรรถรส เมื่อกินคู่กับมันบดสุดละมุน และซอสพีชเปรี้ยวอมหวานตัดรสได้ดี
Dessert:
Granny Smith / Bee Pollen สดชื่นมากๆ กับเมนูนี้ เพราะมีทั้งแอปเปิ้ลที่นำไปผัดกับวานิลลา และแอปเปิ้ลสดที่แช่น้ำเอลเดอร์ฟลาวเวอร์มาก่อน จึงทั้งหอมและได้รสชาติที่แตกต่าง เมื่อกินพร้อมไอศกรีมโยเกิร์ตเปรี้ยวนิดๆ ตัดรสชาติด้วยฮันนี่เจล โรยด้วยเกสรผึ้งเคี้ยวกรุบกรอบยิ่งดี
Dessert Trolley ประกอบด้วยขนม 5 แบบ ได้แก่ ไอศกรีมทรัฟเฟิล, ช็อกโกแลตสอดไส้เฮเซลนัท, เชอร์รี่สอดไส้ไวท์ช็อกโกแลตมูส, มาร์ชเมลโล่พีชกับน้ำผึ้ง และบานาน่าครัมบ์สอดไส้งาดำ
นอกจากนี้ยังมี Wine Pairing ที่สามารถแนะนำให้จับคู่กับแต่ละเมนูได้อย่างเข้ากัน อ่อ..บอกไว้ก่อนว่าเมนูที่ร้านจะเปลี่ยนแปลงทุกๆ 2 เดือน ใครจะมาก็โทรจองและสอบถามดูนะ
359/2 เอกมัยคอมเพล็กซ์ ถ.สุขุมวิท 63 (เอกมัย) คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ
รับจองโต๊ะถึง 21.30 น. (ปิดวันอังคาร)
Tag:
, Casual Fine Dining, อาหารนอร์ดิก, อาหารฝรั่งเศส, เอกมัย, ไวน์แพร์ริ่ง,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น