Dag (แดก) ชื่อร้านแสนสะดุดหูแห่งนี้คือร้านใหม่แกะกล่องของเชฟแวน-เฉลิมพลและเชฟปาร์ค-ภัทรวิทย์ ร่วมด้วยหุ้นส่วนอีก 2 คน ที่นำเมสเสจ “no gastronomy and mixology bullshit just fair drink and fine food” ของพี่ด้วง-ดวงฤทธิ์ (ผู้ชักชวนมาเปิดร้าน) เป็นแกนนำเสนอ “อาหารที่ดีไม่จำเป็นต้องแพง อาหารไม่แพงก็เป็นของกินที่ดีได้”
ส่วนตัวเราฟังแล้วรู้สึกเห็นด้วยและสนุกตามกับแนวคิดที่ไม่ได้ชูเรื่อง “สัญชาติอาหาร” แต่ใช้วิธีนำ “ประเภทอาหาร” เป็นตัวตั้งต้น เวลาเราหยิบเมนูขึ้นพลิกดูจะเห็นคำว่า น้ำพริก แกง ของทอด ข้าวหน้าต่างๆ ยำ และราดหน้า เป็นหัวข้อใหญ่ให้เลือกลองอาหารที่หมุนเวียนเรื่อยไปตามแต่วัตถุดิบที่เชฟแวนได้มา
“อาหารที่ร้านเรียกว่าตามมีตามเกิดครับ เมนูจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามวัตถุดิบที่เราจากชุมชน มีของเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น หมดแล้วหมดเลยไม่ตุนอาหาร Waste ก็น้อยลงด้วย ที่สำคัญไม่เบียดเบียนวิถีคนหาวัตถุดิบ วัตถุดิบ และตัวผมเอง สิ่งที่ทำมาตลอดคือเรื่องอาหารเป็นยา กินอาหารตามฤดูกาล อาหารอินทรีย์ และ Zero Waste พอมาที่นี่ก็อยากต่อยอดถ่ายทอดให้คนเมืองได้เห็นความเป็นมนุษย์จริงๆ ผ่านวัตถุดิบเช่น ก้อนงอกๆ ตรงนั้น (ชี้ไปที่หัวมัน) นั่นคือสิ่งที่คนต่างจังหวัดยังกินกันอยู่ รูปร่างหน้าตาแบบนั้นมันกินได้แล้วก็ปลอดสารเคมี”
ครั้งนี้เชฟแวนทำ ยำปลาสลิด ให้เราลองชิม เชฟแวนเล่าเพิ่มว่าที่เลือกใช้ปลาสลิดอินทรีย์เพราะรสชาติอร่อยกว่าที่เคยกินมา ปลาอายุ 1 ปีแช่น้ำเกลือแล้วแต่ยังไม่ได้ตากแดดทำให้เนื้อปลายังมีความนุ่มและชุ่มฉ่ำ นำมาทอดให้หนังปลาและก้างกรุบกรอบเคี้ยวได้ทั้งตัว แล้วปรุงรสน้ำยำด้วยน้ำปลาไร้ผงชูรส น้ำตาลมะพร้าวออร์แกนิค มะนาว และเครื่องสมุนไพรต่างๆ สักหน่อย เท่านี้ก็อร่อยแล้ว
ตามมาเป็น ยำไข่ออนเซ็น ไข่ออร์แกนิค (เชฟแวนบอกว่าสดจากก้นแม่ไก่ฟาร์มลุงรี) นำมายำแบบไทยๆ กินเป็นเครื่องเคียงกับเมนูไหนก็เข้ากัน ส่วน ข้าวหน้าหมู หน้าตาชวนหิวได้จากสันคอหมูเนื้อนุ่ม ผัดกับซอสเต้าหู้ยี้หอมฉุย โปะบนข้าวสวยหอมนุ่มสายพันธุ์มะลิซ้อนกินเพลินๆ แล้วก็ ราดหน้าซุปกระดูกปลากด ทีเด็ดที่เชฟแวนภูมิใจนำเสนอ แม้หน้าตาจะดูเหมือนราดหน้าทั่วไปแต่รสชาติน้ำซุปเอนเอียงไปทางน้ำซุปราเมงญี่ปุ่นกลิ่นหอมกระดูกปลากดย่าง กินกับแก้มหมูดึ๋งๆ และบะหมี่โฮมเมดไร้สารเคมี
ส่วนบาร์เครื่องดื่มที่อยู่ข้างๆ เป็น Highball Bar ที่นำชื่อเมนูและรสชาติดึงมาจากจินตภาพที่นึกถึงผู้หญิงในคาแรกเตอร์ต่างๆ เช่น Nichie (นิชชี่) มีส่วนผสมจากรัม เวอร์มุท สับปะรด และโป๊ยกั๊ก ส่วนเครื่องดื่มสไตล์ไทย ใสๆ โนแอลฯ ต้อง Etiw (อีติ๋ว) สดชื่นจากน้ำมะม่วง สับปะรด เลมอน และใบเตย
จะเลือกลองแบบไหนก็ชวนให้นั่งดื่มได้ยาวๆ ตามคอนเซ็ปต์เชฟแวน #จากกิเลสเราสู่กิเลสคุณ!
Warehouse 30 52 - 60 ถนนเจริญกรุง แขวง/เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 15.00-21.00 น. (หยุดวันจันทร์)
100-240 บาท (ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบในแต่ละช่วง)
Tag:
, บาร์, อาหารไทยร่วมสมัย, เจริญกรุง,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น