จะว่าไปหากเราอยากดูหิ่งห้อยสักครั้ง อาจต้องเดินทางไปนอกเมืองเพื่อมองหาระบบนิเวศที่สมบูรณ์ซึ่งล้อมรอบด้วยน้ำใสสะอาดและต้นลำพูน้อยใหญ่ แต่ต่อจากนี้เราไม่ต้องไม่ไหนไกล ก็สามารถดูหิ่งห้อยได้ใจกลางเมืองแล้วนะ (ตื่นเต้นจัง)
ไอเดียของวังหิ่งห้อยเกิดจากคุณเก่ง เจ้าของร้านต้องการทำร้านอาหารที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน เรียกว่าเป็นจุดพักเพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่อย่างความคิดเจ๋งๆ ที่มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราอยู่ท่ามกลางความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย ซึ่งมองหาได้จากที่นี่ตั้งแต่ก้าวแรกผ่านเข้าร้าน เริ่มจากบรรยากาศสงบใจที่ส่งผ่านเสียงเพลงฟังสบายและแสงไฟสีส้มริบหรี่ชวนเบาอารมณ์
ต่อด้วยสวนสีเขียวขนาดย่อมกลางร้าน อาร์ตแกลลอรีในธีมต่างๆ กระทั่งสวนหิ่งห้อยที่เราพลาดไม่ได้ เรื่อยมาจนถึงอาหารสไตล์ไทยอินสปายเรชัน ชูคอนเซ็ปต์จากธรรมชาติ “ธาตุแห่งชีวิต” (ดิน น้ำ ลม ไฟ) ซึ่งจะหมุนเวียนไปทุก 4 เดือน โดยได้ทีมเชฟมืออาชีพมาช่วยคิดเมนูผ่านจินตนาการถึงหิ่งห้อยในแบบของตัวเอง แถมยังเลือกใช้วัตถุดิบออร์แกนิคเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย
เริ่มต้น 4 เดือนแรกด้วยอาหารธาตุดิน อย่าง หมูสะเต๊ะ เมนูที่เราคุ้นชินแต่จับมาแต่งตัวใหม่ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ที่นี่ ไฮไลต์อยู่ที่ซี่โครงหมู (เปรียบเหมือนขอนไม้) เนื้อนุ่มชุ่มลิ้น ซูวีดพร้อมเครื่องเทศนานาชนิดนาน 28 ชั่วโมง ได้กลิ่นหอมๆ พ่วงความอร่อยจากซอสน้ำจิ้มถั่วลิสงรสหวานมัน แตงกวาแช่อิ่มกับน้ำอาจาด พร้อมแต่งจานด้วยผักไมโคกรีนปลูกเอง ทับทิมสีแดงที่สื่อถึงหิ่งห้อย และถั่วพิสตาชิโอสีเขียวเหมือนต้นหญ้าที่งดงาม
อีกจานที่พลาดไม่ได้คือ ต้มยำกุ้ง นำเสนอความเป็นธาตุดินผ่านน้ำต้มยำสีสวย รสนวลเนียนเผ็ดหอม ซึ่งได้จากการเคี่ยวสมุนไพรที่เติบโตจากดินอย่างข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใส่เปลือกกุ้ง หอย และปูลงไป เสิร์ฟพร้อมกุ้งลายเสือเนื้อเด้งหวาน โฟมกะทิ และเห็ดจิ๋ว
ส่วนอีกเมนูที่สวยงามไม่แพ้กันคือ ยำส้มโอ ส้มโอหวานกรอบเข้ากันกับบลูเบอร์รีและสตรอว์เบอร์รีญี่ปุ่นกลิ่นหอม ราดน้ำยำสูตรโบราณที่มีส่วนผสมของกะทิและน้ำพริกเผา โรยหอมเจียวกับมะพร้าวคั่วนิดหน่อยแล้วอร่อยลงตัว จากนั้นมี ซอร์เบต์ ผลไม้สดที่เชฟจะเปลี่ยนเมนูไปทุกอาทิตย์ให้เรากินเพื่อปรับลิ้นก่อนเริ่มเมนูอิ่มท้องอย่าง แกงเผ็ดเป็ดย่าง สะโพกเป็ดกงฟีหนังกรอบเนื้อนุ่มแน่น ราดซอสแกงเผ็ดที่มีส่วนผสมของผลไม้อย่างสับปะรด ลิ้นจี่ และองุ่น เสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศซูวีด และสับปะรดกับองุ่นแช่อิ่มกินแล้วสดชื่น
ก่อนปิดท้ายด้วย ขนมเปียกปูน นุ่มนิ่มสีดำได้จากกากมะพร้าวเผาแล้วเคลือบไวต์ช็อกโกแลต วางบนแยมส้มโอที่โรยทับด้วยครัมเบิ้ลและงาดำเปรียบเสมือนดินที่เต็มไปด้วยเบอร์รีรสเปรี้ยว มีหิ่งห้อยสีเงินจากเกล็ดน้ำตาลกำลังบินไปหาความอุดมสมบูรณ์
เมื่ออาหารเสิร์ฟครบทั้ง 4 ธาตุแล้ว จะเสิร์ฟอาหารคอนเซ็ปต์ “บทสรุปแห่งชีวิต” ในช่วงกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม 2019 ก่อนการปิดตัวของร้านที่ตั้งใจจะทำเพียง 18 เดือนเท่านั้นตามวงจรชีวิตของหิ่งห้อย
149 ถนนริมทางรถไฟสายแปดริ้ว (ถนนโลคัลโรด) แขวงบางกะปิ เขต ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310
Tag:
, ต้มยำกุ้ง, หมูสะเต๊ะ, อาหารไทย,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น