“ชื่อร้านไม่มี และนิยามตัวเองเป็นบาร์ลับ” ข้อมูลเรามีแค่นี้จริงๆ อ้อมีอีกคำใบ้มาเป็นแฮชแทค #FindTheLockerRoom แหม่มาถึงโครงการ Arena 10 ขึ้นชื่อว่าสนามฟุตบอลต้องมีล็อคเกอร์ชัวร์ ใครไปไม่ถูกก็บ้าแล้ว แต่เอาเข้าจริงอยู่ตรงไหนล่ะ เราแอบติดสติ๊กเกอร์ของ Gourmet & Cuisine ไว้เป็นจุดสังเกตแล้วแหละไปมองหาได้เลยล็อคเกอร์ไหนมีก็คือใช่ ทางบาร์ฝากบอกว่าถ้าเจอล็อคเกอร์แล้วก็ทะนุถนอมมันหน่อยเดี๋ยวทางเข้าลับจะพังไปเสียก่อน สารภาพว่าถ้าวันนั้นไม่เจอหนึ่ง-รณภร คณิวิชาภรณ์ แชมป์บาร์เทนเดอร์เวิล์ดคลาสปีล่าสุดและหุ้นส่วนร้าน ชายจุกก็ยังหาไม่เจอ
หนึ่งเล่าให้ฟังว่า ทุกอย่างที่เห็นตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่คิดไว้ จินตนาการก่อนหน้านี้ล้ำมากเท่าที่ชายฟังมา กะว่าจะให้ลูกค้าผ่านเข้ามาในร้านอาหารผ่านครัวเข้ามาก่อนแล้วบาร์ลับก็ซ่อนอยู่ในครัวอีกชั้น แต่คิดว่าคงวุ่นวายน่าดู ไหนจะต้องผ่านเชฟที่กำลังปรุงอาหาร ไหนจะเด็กเสิร์ฟ เละแน่นอน ก็เลยดูผังของร้านมันก็ซ่อนตัวอยู่หน่อยๆ แล้วเลือกว่าจะใช้ตรงไหนเป็นทางเข้า บังเอิญว่าตรงนี้เป็นล็อคเกอร์เก็บของอยู่แล้ว จากล็อคเกอร์จึงกลายเป็นทางเข้าไปโดยปริยาย ก็เลยเล่นกับการมองหาล็อคเกอร์ ใครจะมาดื่มก็หาล็อคเกอร์ละกัน
ใครเป็นแฟนค็อกเทลห้ามพลาดที่นี่ เพราะเป็นการรวมตัวของเทพด้านค็อกเทล นอกจากหนึ่ง แชมป์เวิล์ดคลาสปีล่าสุดแล้ว ยังมีหุ้นส่วนระดับตำนาน ฮิเดสึกุ อูเอโนะ (Hidetsugu Ueno) จาก Bar High Five โตเกียว โคลิน เชีย (Colin Chia) จาก Nutmeg & Clove สิงคโปร์ และ นิค วู (Nick Wu) จาก East End ไทเป และที่เก๋คือทุกคนช่วยกันคิดค็อกเทลร่วมกัน หนึ่งบอกว่าอูเอโนะคือเทพของคลาสลิกค็อกเทล สูตรคลาสลิกค็อกเทลทั้งหมดจึงตั้งต้นจากอูเอโนะ ส่วนโคลินและนิคช่วยกันปรับสูตรที่ดีที่สุดของอูเอโนะให้เป็นคลาสลิกทวิสต์ สปิริตหลักยังคงเหมือนกันแต่ปรับนั่นนี่อีกหน่อย ส่วนของหนึ่งจะเป็นโมเดิร์นทวิสต์ ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้สปิริตตั้งต้นเหมือนกัน หรือพูดง่ายๆ ว่าตามใจหนึ่ง แต่ตอนนี้ค็อกเทลของหนึ่งเสร็จและมีให้ดื่มเพียง 2 ตัว ด้วยภารกิจตัวแทนประเทศไทยไปแข่งเวิล์ดคลาสที่เม็กซิโกซิตี้
Bloody Mary (360 บาท) ของอูเอโนะซังคือที่สุด ชายไม่เคยชอบก็ยังปลื้ม แถมนวัตกรรมกระบอกเชคพลาสติกและเทคนิคเชคอันนุ่มนวลก็ทำให้ค็อกเทลออกมาดี
ส่วนเวอร์ชั่นของนิค วู The Harakiri (390 บาท) ใช้วอดก้าแต่ทำให้ดื่มง่ายขึ้นด้วยเหล้าบ๊วย ชาเขียว เกลือ และน้ำตาลบ๊วย ชายชอบที่สุด
ปิดท้ายที่ Bloodless Maria (390 บาท) บอกว่าสีเลือดหายไปก็ได้ กลายเป็นบลัดดี้แมรี่ในเวอร์ชั่นขาวใส ใช้เตกีล่าเป็นหลักกับมะเขือเทศตากแห้งที่นำไปซูวีกับเวอร์มุท ทาขอบแก้วด้วยมิโซะและชิโสะแห้ง เพิ่มความอุมามิ
ค็อกเทลคลาสลิกต่อมาเป็น French Connection (360 บาท)ค็อกเทลที่ดื่มหลังมื้ออาหาร มีเพียงคอนยัคและลิเคียวร์อัลมอนด์ ซึ่งชายได้ชิมฝีมืออูเอโนะ ดีแบบรอให้คุณลุงกลับมาชงอีกรอบ
ส่วนคลาสลิกทวิสต์เป็น Smoking Connection (390 บาท) ยืนพื้นเหมือนกันแต่เติมเหล้าเฮเซลนัท ไซรัปชาเอิร์ลเกรย์ รมควันด้วยใบชาเอิร์ลเกรย์
และที่ล้ำสุดก็ต้องของหนึ่ง Nuts Over Michelin (390 บาท) พลิกโฉมสปิริตฟอร์เวิร์ดที่ดื่มยากให้ดื่มง่าย เมื่อพูดถึงฝรั่งเศส หนึ่งบอกว่านึกถึงอาหารจึงนำเอาฟัวการ์มาใช้ด้วยเทคนิค Fat Wash กับคอนยัค ไซรัปอัลมอนด์งาดำ ไข่ขาว และน้ำเลมอน
และค็อกเทลอีกตัวที่ชายทราบมาว่าอูเอโนะทำได้ดีคือ White Lady ค็อกเทลนี้มี 2 สูตร ใช้และไม่ใช้ไข่ขาว สูตรอูเอโนะไม่ใช้ มีเพียงจิน เหล้าส้ม และน้ำเลมอน ส่วนนิคเป็น The Lady’s Martini เหมือนอูเอโนะแต่เพิ่มเวอร์มุทอินฟิวกับเก็กฮวยและเปลือกเลมอนเข้ามา ส่วนของหนึ่ง She Was Ice Cold ยังไม่สมบูรณ์แต่แย้มมาว่าต้องกินคู่ไอศกรีม รอหลังเดือนสิงหาคม เช่นเดียวกับค็อกเทลอื่นๆ ของหนึ่ง
โครงการ Arena 10 ซอยทองหล่อ 10 ถนนสุขุมวิท คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ
Tag:
, ค็อกเทล, บาร์,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น