หลังจากเปิดตัว Chi Ultra Lounge ไปเมื่อต้นปี ชี่เพิ่มเติมประสบการณ์ด้านอาหารด้วยการเปิด Mana Cuisine by Blue Elephant ซึ่งได้ทีมจากโรงเรียนสอนทำอาหารบลูเอเลเฟ่นท์ภูเก็ต มาช่วยดูแลในส่วนของอาหาร เพื่อตอบโจทย์ความเป็นซัปเปอร์คลับที่ผสมผสานระหว่างอาหารค่ำและคลับไว้ในที่เดียว
มานา ควีซีน ได้ เชฟโทนีบิช และ เชฟอัญชนา รัตนโกวิท ช่วยกันนำเสนออาหารเอเชียนโมเดิร์นที่เรียกว่า Divine Nourishment ซึ่งเชฟมองว่าอาหารไม่ได้เพียงกินให้อิ่มท้อง แต่ต้องเติมเต็มจิตวิญญาณให้ด้วย เชฟนำเอาวัตถุดิบตามฤดูกาลของโครงการหลวงมาใช้เป็นหลัก โดยนำเอาเทคนิคสมัยใหม่เข้ามาใช้โดยผสมผสานกับความเป็นไทยเอาไว้ในทุกจาน
อาหารทั้งหมดเป็นเซ็ตเมนู มี 3เซ็ต Fire, Water และ Earth เนื้อสัตว์ อาหารทะเล และมังสวิรัติ ตามลำดับ แต่ละเซ็ตจะปรับเปลี่ยนทุก 3 เดือนตามฤดูกาลของวัตถุดิบ เราเลือก Water ที่เด่นเมนูอาหารทะเล อะมุสบุชเป็นข้าวตังหน้าไข่ปลาแซลมอนและงาดำรมควันด้วยชาไทย เด่นที่กลิ่นควันหอมๆ ทำให้นึกถึงการอบควันเทียนของอาหารไทย
เริ่มคอร์สแรก Scallops, Pan-seared หอยเชลล์นาบกระทะกับเนยผสมตะไคร้ ราดด้วยซอสผลไม้สีแดงรสเปรี้ยว กินกับแมกคาเดเมีย ดอกไม้กินได้ และผงหัวกุ้งอบแห้งผสมเครื่องเทศ ตามด้วยซุป Mae Naam ซุปต้มโคล้งกับหัวไช้เท้าพันกุ้งลายเสือและปลาปรุงรส มาพร้อมสาคูเคี่ยวกับใบกะเพราให้ความเผ็ดร้อนแบบไทยๆ
อาหารจานหลัก Indian Halibut Fish, Pan-fried ปลาตาเดียวทอดกระทะแล้วอบ โรยด้วยคาราเมลส้มและงาขาว มาพร้อมมันม่วงบด แตงกวาคลุกน้ำยำซีฟู้ด และเฟนเนลย่าง
ของหวานที่นี่ก็ไม่ใช่ย่อย เชฟถอดรื้อปรับแครอตเค้กให้กลายเป็น Lemon Sponge Cake เค้กฟองน้ำมะนาว ราดด้วยน้ำแครอตผสมเครื่องเทศ เมอแรงก์ ครีมชีสโฟม และถั่วพีแคนเคลือบคาราเมล
Chi Ultra Lounge ถนนสุขุมวิท ซอย 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
Tag:
, อาหารฟิวชั่น,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น