ในโอกาสครบรอบ 140 ปีของโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ภายในโรงแรมจึงปรับโฉมใหม่เพื่อเตรียมพร้อมฉลองครบรอบอย่างยิ่งใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ห้องอาหารฝรั่งเศสสุดคลาสลิกอย่าง Le Normandie ที่ปรับโฉมใหม่ โดยยังคงกลิ่นอายดั้งเดิมแต่เสริมเพิ่มความทันสมัยเข้ามา
ที่นี่ยังคงโทนสีเหลืองทองเอาไว้ แต่ปรับเพดานให้โปร่งขึ้นด้วยการนำผ้าไหมสีเหลืองทองออกแล้วเติมแชนเดอเลียร์เข้าไปแทน เพิ่มความสวยงาม หรูหรา และสบายตามากขึ้น เปลี่ยนลวดลายของพรม และเพิ่มมุมเครื่องดื่มก่อนและหลังมื้ออาหารขึ้นมา
เชฟอาร์โนด์ ดูนอง ซอเต (Arnaud DunandSauthier) เชฟประจำห้องอาหารเลอ นอร์มังดี พูดถึงอาหารของเขาว่าอาหารฝรั่งเศสก็ต้องใช้วัตถุดิบจากฝรั่งเศส จึงปรุงอาหารโดยยึดตามฤดูกาลของฝรั่งเศส เนื่องจากการทำอาหาร 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ เชฟจึงเดินทางไปถึงฟาร์มเพื่อดูว่าวัตถุดิบนั้นผ่านการดูแลมาอย่างไร
เลอ นอร์มังดี เปิดมื้ออาหารด้วยอะมุสบุชหลายคำเพื่อปรับลิ้นให้พร้อมสำหรับมื้ออาหาร เชฟอาร์โนด์เริ่มที่ Brittany Blue Lobster สลัดแบบเย็น ล็อบสเตอร์สโลว์คุกมาจนสุก เนื้อแน่นหวาน กินกับไวต์สตรอว์เบอร์รีจากญี่ปุ่น มะเขือเทศ ควินัว และซอสเบอร์รี
ตามด้วย Pertuis Green Asparagus หน่อไม้ฝรั่งจากเปียทุสทางตอนใต้ของฝรั่งเศสผัดกับเนยจนรสหวานกรอบ กินกับคาเวียร์ สาหร่ายพวงองุ่น และซาบายองหอยเม่น
Roasted Duck Foie Gras ฟัวกราส์อบกินกับส้มหลากหลายชนิดที่ให้รสเปรี้ยวหวานขมผสมกันไป ราดด้วยซอสที่ใช้น้ำเกรวีจากเป็ด
จานหลักเป็น BurgaudChallans Duck อกเป็ดจากเมืองทางตะวันตกของฝรั่งเศสอบแบบมีเดียมแรร์เพื่อให้นุ่มและชุ่มฉ่ำ ราดด้วยน้ำสต๊อกเป็ดที่เคี่ยวจนงวด กินกับบีตรูตพูรีและชัตเนย์ผลไม้ เนื้อเป็ดนุ่มหอม เพิ่มรสชาติด้วยชัตเนย์ผลไม้ที่มีความหวานเปรี้ยวและหอมสมุนไพร
ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง Araguani Chocolate ช็อกโกแลตสอดไส้รสเย็นๆ ของมินต์ ไอศกรีมมินต์และสปันจ์เค้ก
โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ซอยโอเรียนเต็ล ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก กรุงเทพฯ
12.00-14.00 น. และ 19.00-22.00 น.
Tag:
, อาหารฝรั่งเศส,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น