นอกจากกาแฟตุรกีที่ต้มผ่านทรายร้อนอันเลื่องชื่อแล้ว ที่ Shaloba Eatery ยังเปิดประตูบ้านต้อนรับนักกิน พร้อมเสิร์ฟมื้อสายด้วยเมนูออสเตรเลียนบรันช์หลากเมนู และยังมีมื้อค่ำสุดพรีเมียมกับวัตถุดิบชั้นดีไว้ซัพพอร์ตทุกคนให้มาคลายความเหนื่อยล้าหลังเลิกงานกันได้อีกด้วย
บรรยากาศทั้งภายนอกและภายในนั้นโอบล้อมไปด้วยความร่มเย็นของต้นไม้น้อยใหญ่ เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปก็ดูปลอดโปร่งด้วยกระจกบานใหญ่ที่ให้แสงจากธรรมชาติ มีความไพรเวตจากการจัดระเบียบโต๊ะ ช่วยให้เราเพลิดเพลินกับรสชาติอาหารและเสียงดนตรีได้เป็นอย่างดี
บรรยากาศภายในร้านก็หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นที่สรรสร้างจาก Karmakamet แบรนด์เครื่องหอมและสินค้าไลฟ์สไตล์ที่สามารถเดินเข้าไปเลือกชอปกันได้หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ
หากมาที่ Shaloba แล้วไม่สั่ง Sand Coffee ก็คงมาไม่ถึง แนะนำ Dark Caramel Iced White กาแฟคั่วเข้ม มีกลิ่นหอมๆ เข้ากันได้ดีกับนม หากใครไม่ใช่คอกาแฟก็สามารถสั่งเป็น Sunstone ชาไทยที่ใส่บัตเตอร์สกอตช์ไซรัปเพิ่มความหอมหวาน ข้างบนมีข้าวแต๋นกรอบๆ ให้เคี้ยวเพลิน
ใครมาช่วงกลางวันก็คลายหิวกันด้วยเมนูใหม่อย่างบรันช์ ไฮไลต์คือ Brunch Board ที่สามารถเลือกอาหารเองได้ตั้งแต่ 4-5 เมนู เราเลือกเป็น Brioche ที่ร้านอบเอง มีความนุ่มและฉ่ำเนย กินกับ Scrambled Egg เพิ่มรสเผ็ดเล็กน้อยด้วยซอสศรีราชามาโย Chopped Salad with Buttermilk Chicken and Mushroom Cream และ Brie Cheese Truffle Honey เพิ่มรสเปรี้ยวจากสตรอว์เบอร์รี กินสลับกับทุกองค์ประกอบอร่อยลงตัวสุดๆ
ต่อด้วย Steak n’ Egg มันฝรั่งทอดผัดกับเบคอนท็อปด้วยสเต๊กส่วนสตริปลอยน์ และไข่ดาว เคียงด้วยแยมมะเขือเทศช่วยเพิ่มรสชาติให้จานนี้ได้เป็นอย่างดี Grilled Beef Burger ขนมปังเนื้อนุ่มที่ร้านอบเอง ด้านในเป็นเนื้อวากิวบดราดด้วยชีสเยิ้มๆ และซอสสุดเข้มข้น ข้างๆ เป็นมันฝรั่งทอดกรอบและแตงกวาดอง
เบรกด้วยเครื่องดื่มสุดสดชื่นอย่าง Hello Yellow (Cold Pressed juice) น้ำสกัดเย็นโคเพลส ประกอบด้วยสับปะรด แอปเปิล ส้ม และมะนาว สำหรับเมนูโคเพลสลูกค้าสามารถมิกซ์ผลไม้ที่ชอบเองก็ได้ เผื่อใครบางคนอยากกินสลัดก็อย่าพลาด Smoked Salmon & Smashed Avocado ซาวร์โดท็อปด้วยครีมชีส อะโวคาโด แซลมอน ไข่ปลาแซลมอน และสลัด
หรืออยากจะกินให้อิ่มนานขึ้นแนะนำ Tuscan Shrimp Pasta เฟตตูชินีเส้นสดที่ร้านทำเองคลุกเคล้ากับซอสรสนุ่มนวลที่ผสมผักโขม มีกุ้งตัวโตให้เคี้ยวเพลิน ถัดมาคือ Pan Roasted Salmon แซลมอนชิ้นใหญ่ย่างจนหนังกรอบ ข้างล่างเป็นข้าวผัดกิมจิใส่เบคอนและบล็อกโคลีย่าง
ส่วนมื้อเย็นจะเป็นเมนูเวสเทิร์นที่เน้นเสิร์ฟเป็นอาหารทานเล่นแต่ก็กินแบบมื้อหนักได้ แนะนำให้สั่งเมนูกริลด์ต่างๆ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ห้ามพลาด ยิ่งจับคู่กับม็อกเทล ค็อกเทล และไวน์หลากชนิดก็อร่อยไม่เบา
เรียกน้ำย่อยกันด้วย Grilled Peach and Parmaham Salad สลัดผักสดที่โดดเด่นด้วยผักร็อกเก็ตให้รสขมเล็กน้อย ตัดรสด้วยพาร์มาแฮม มอซซาเรลลาชีส และพีชย่าง อร่อยสดชื่นมาก ตามด้วย Chicken Liver Pate ตับไก่บดเสิร์ฟคู่ขนมปังซาวร์โด เพิ่มรสชาติด้วยแยมมะเขือเทศให้รสหวาน และตัดเลี่ยนด้วยแตงกวาดอง
Frito Misto เป็นอาหารทะเลทอดกรอบกินกับซอสพริกมาโยให้รสเผ็ดเล็กน้อย แต่แนะนำให้บีบเลมอนเพื่อเพิ่มความสดชื่น ยิ่งจิบ Bear Fruits ม็อกเทลสุดสดชื่น หอมกลิ่นชาเล็กน้อยก็ช่วยเปิดต่อมรับรสรอจานหลักได้เป็นอย่างดี
มาถึงจานหลักอย่าง Grilled Hanger Steak เนื้อส่วนท้องติดกับตับให้รสเข้มข้นมีความนุ่มผนวกกับรสชาติของซอสไวน์แดง มีพริกดองย่างให้กินแกล้ม จะสั่งเครื่องดื่มมาจิบคู่กันไปก็ฟินไม่น้อย ปิดท้ายด้วย Green Peace แก้วม็อกเทลสุดสดชื่น หอมกลิ่นชา ดื่มแล้วรู้สึกเอลท์ตี้ มีความนุ่มนวลจากโฟมไข่ขาว ช่วยทำให้มื้อนี้อร่อยขึ้นเป็นกอง
ซอยเมธีนิเวศน์ สุขุมวิท 24
Sand Coffee 09.00-17.00 น., Brunch 10.00-16.00 น., Dinner 16.00-23.00 น.
ราคา 500-2000 (รับบัตรเครดิต)
มีที่จอดรถที่เอ็มโพเรียม (อาคาร B)
Tag:
กาแฟตุรกี, ร้านอาหารสุขภาพ, อาหารเวสเทิร์น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น