ความทรงจำวัยเด็กของใครหลายๆ คนมักผูกติดกับอาหาร อาจด้วยรสชาติ หรือกลิ่นที่สร้างความคุ้นชินให้กับเรา เชฟเต้ย - คุณวัชรพงศ์ เจริญวิมลรักษ์ และเชฟเกด - คุณวิสาขา ระวิจันทร์เองก็เช่นกัน แต่ละจานในวันนี้พร้อมจะบอกเล่าเรื่องราววัยเยาว์ของทั้งคู่ในรูปแบบ Progressive Thai Cuisine สร้างสรรค์ และสร้างความตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อย
เดินเข้ามาจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเพราะการตกแต่งด้วยไม้เป็นใหญ่ โดยคุณพ่อของเชฟเต้ยเคยเป็นช่างไม้มาก่อนจึงมีอุปกรณ์ช่างมากมายให้ได้เห็น
ก่อนอื่นเชฟเกดจะเสิร์ฟ Welcome Drink บริเวณบาร์ เป็นการผสมผสานระหว่างสับปะรด พริกไทยสีชมพู มีความเปรี้ยวและซ่าเล็กๆ หลังจากนั้นออกเดินทางตามรอยความทรงจำวัยเด็กของเชฟ เริ่มต้นด้วยตู้กับข้าว ซึ่งขนตู้มาเสิร์ฟตามชื่อจริงๆ ด้านในมีคะน้าปลาเค็ม ใช้แป้งกะหรี่ปั๊บทำฐานรอง สอดไส้คะน้าที่คลุกกับเจลคะน้า สัมผัสครีมมี่ของปลาอินทรีย์เค็ม บนสุดคือเคลอบกรอบ และหยดเจลจากผักกาดหิ่น
แกงคั่วปู 5 เลเยอร์เหมือนชั้นเค้ก สลับกันระหว่างเนื้อปูม้าของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และใบชะพลูอบแห้ง ด้านบนมียอดมะพร้าวดอง และซอสแกงคั่วอยู่ด้วย หมูสะเต๊ะย่างเสียบไม้เหมือนโลลิป็อบ เคลือบเจลลีน้ำซุปกระดูกหมูชาชูผสมสมองหมู ความพิเศษอีกอย่างคือนี่ไม่ใช่เนื้อหมูทั่วไปแต่เป็นเนื้อหมูไบโอไดนามิกจากจังหวัดขอนแก่น เสิร์ฟกับซอสพีนัตบัตเตอร์พร้อมบรรดาเครื่องเทศของหมูสะเต๊ะ และอาจาด
ตู้กับข้าวมาแล้ว ปิ่นโตก็มาด้วย โดยชั้นบนเป็นเนยกระเทียม ชั้นล่างคือเนยรสฟักทองเนื้อมันๆ กินกับขนมปังจากข้าวก่ำดอยของภาคเหนือ กลิ่นหอมละมุน ข้างๆที่เห็นเป็นรูปดอกไม้คือแป้งกระทงทองไส้ฟักทองผัดไข่ นอกจากนี้อคอร์สนี้ยังมีผักดองให้ตัดรสจากอาหารฝรั่ง
ความเป็นไทยที่เห็นได้ชัดอีกอย่างหนึ่งคืออั่งโล่ ซึ่งเชฟใช้เสิร์ฟต้มยำกุ้ง! โดยวางกุ้งแม่น้ำอยุธยาย่างสมุนไพร (ซึ่งคือบ้านเกิดของเชฟเกดเอง) บนตะแกรง
ถ่านที่อยู่ในเตาสามารถกินได้เพราะทำจากแป้งชูโรสผสมกาบมะพร้าวเผา ส่วนขี้เถ้าจำลองทำจากเห็ดอบแห้ง เมื่อเปิดเตาสีดำตรงหน้าจะเจอซอสต้มยำกุ้ง มาจากการเคี่ยวส่วนผสมอย่างหัวกุ้งและมันกุ้ง เวลากินใช้ก้านตะไคร้คนซอสก่อนแล้วจิ้มแป้งชูโรสกับกุ้งลงไป ได้รสชาติเหมือนต้มยำกุ้งแต่เนื้อข้นกว่า
Grandma Recipe เห็นหนังสือเล่มหนาขนาดนี้ ด้านในไม่ธรรมดา มากับก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตกสูตรคุณยาย ที่แค่เปิดก็ตื่นเต้นแล้วเพราะเขาจะจุดไฟเผาหน้ากระดาษให้หายไปในพริบตา! ก่อนจะเจอถ้วยก๋วยเตี๋ยวเรือแก้มวัวตุ๋นน้ำสต็อก ใส่เส้นเกี้ยมอี๋ผสมเต้าหู้ยี้ ใส่ซอสสูตรพิเศษของร้านซึ่งทำจากพริกเขียวดอง อร่อย หนึบหนับ เสิร์ฟกับแคบหมู เครื่องปรุงต่างๆ
Way Back Home ปกติเราอาจจะคุ้นเคยกับเมนูหอยทอดร้อนๆ แต่ที่ร้านดัดแปลงเป็นเสิร์ฟแบบเย็น มีทั้งหอยผินงาม หอยหลอด ข้าวเกรียบทำจากหอยแมลงภู่ ใส่ผักดองด้วย ทีเด็ดอีกอย่างคือซอสพริก มีส่วนผสมของพริกชี้ฟ้าเหลือง พริกชี้ฟ้าแดง เคี่ยวกับน้ำสต็อกหอยนางรม
ซุปต้มโคล้งที่เคี่ยวจากปลาเนื้ออ่อนย่าง ใส่ใบมะขามอ่อนและสมุนไพรย่างเพื่อไม่ให้ทิ้งเอกลักษณ์ของซุปชนิดนี้ เสิร์ฟมากับก้างปลาทอดกรอบ กินจิ้มกับเจลใบย่านางผสมหน่อไม้ และมีเห็ดย่าง ไข่มดแดงมาเสริมทัพคอร์สนี้ Local Wisdom
คั่นอาหารคาวด้วย Garden Memories รวมเหล่าผลไม้จากสวน กรานิตาใบชะมวงผสมฝรั่งวางบนครีมชีส ได้กลิ่นหอมๆ จากการแช่ดอกมะลิและเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ ในจานยังมีตะลิงปิง มะดัน มะกอก และมะม่วงเบา ราดซอสน้ำผึ้งบ๊วย รสเปรี้ยวๆ หวานๆ
ต่อมา เชฟนำเสนอกับข้าวหลายๆ อย่างเหมือนโต๊ะอาหารที่บ้าน ให้เข้ากับชื่อ Family Meals ประกอบด้วย ลาบเป็ดคั่ว ใส่มะแขว่น แกงเคยลิ้นเป็ดตุ๋นที่อยู่บนไข่ตุ๋นอีกที จานใหญ่คืออกเป็ดดรายเอจย่าง ปิดด้วยหนังเป็ดกรอบๆ เสิร์ฟพร้อมผักดอง กินกับข้าวใบเนียมหอม
เดินทางมาถึงส่วนของหวานกันแล้ว The Banana Forest ไอศกรีมหัวปลีผสมกล้วยดิบ มีกลิ่นรัม ราดเจลกล้วยตากอบน้ำผึ้ง ท็อปดอกกล้วยอบกรอบ วางข้างเค้กต้นอ่อนข้าวสาลีและข้าวเม่าสด ราดครีมน้ำนมข้าวก้อง ซ่อนด้วยคุ้กกี้แผ่นรูปใบกล้วยจากใบตองผสมใบเตย หยดด้วยเจลน้ำตาลสด
After School ยกถนนหลังเลิกเรียนมาวางตรงหน้า แต่ละจุดได้แรงบันดาลใจจากขนมสมัยเด็กของเชฟ เริ่มจากคุ้กกี้สับปะรดทรงสามเหลี่ยม ฐานคือแป้งทาร์ตนมสดไส้สับปะรดกวนรองตัวเจลลีสับปะรดหอมสุวรรณ ถัดมาคือทับทิมกรอบพ่นช็อกโกแลตกรอบ ฐานคือเมอแรงค์มะพร้าวทำออกมาเป็นรูปกรวยจราจรเข้ากับบรรยากาศริมถนน สุดท้ายคือการดัดแปลงจากขนมใส่ไส้ ใช้แป้งขนมเบื้องประกบไส้ของขนม
เครื่องดื่มทางร้านแนะนำน้ำผลไม้ผสมพริกเกลือ น้ำส้มยูซุ น้ำส้มรวมส้มมะปี๊ด ส้มเขียวหวาน และส้มแมนดาริน
พิเศษสำหรับลูกค้า KTC รับสิทธิพิเศษ ส่วนลด 50% สำหรับเมนู Signature Cocktail (ปกติราคา 480 - 520 บาท) จำกัดจำนวน 2 ที่ / Sale Slip ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธ.ค. 67
ไม่น่าเชื่อว่าอาหารที่เรากินบ่อยๆ มาตั้งแต่เด็กจะเลเวลอัปได้ถึงขนาดนี้ ต้องชื่นชมความเก่งกาจของเชฟทั้ง 2 คนจริงๆ
ซอยประดู่ เขตบางซื่อ
เปิดทุกวันวันอาทิตย์, จันทร์, พุธ และพฤหัสบดี เวลา 12.00 - 23.00 น. วันศุกร์และเสาร์ เวลา 11.00 - 23.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)
ราคา 6 คอร์ส 2,790++ บาท / 10 คอร์ส 3,850++ บาท
Tag:
ร้านอาหารไทย, อาหารไทย, ไฟน์ไดนิง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น