ความแตกต่างที่แสนพิเศษของ 海味 Umi ที่ทำให้แฟนโอมากาเสะซูชิอย่างเราปฏิเสธไม่ได้เลยก็คงเป็นเรื่องของรสชาติที่ไม่ว่าจะขยายไปกี่สาขาเราก็อยากตามไปลิ้มรสทุกที่ เพราะด้วยความตั้งใจของบรรดาหุ้นส่วนที่ต้องการให้อิสระกับเชฟเพื่อเป็นเวทีสำหรับการบรรเลงฝีมือ ปรุงแต่งรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับสาขานั้นๆ จนสุดท้ายกลับกลายเป็นจุดขายที่ชูโรงให้เมนูจาก Umi กลายเป็นงานศิลปะชิ้นเอกที่สามารถตกถึงท้องได้
จะบอกว่ากลยุทธ์นี้ใช้ได้ผลจริงๆ เพราะ G&C ก็ไม่เคยพลาดสักสาขาตั้งแต่สุขุมวิท 49 และเกษรวิลเลจ ล่าสุดทางแบรนด์ Umi เปิดบ้านใหม่ในโครงการ Velaa Sindhorn มาพร้อมคาแรกเตอร์ของรสชาติที่เข้มข้นกว่าที่เคยเสิร์ฟ
แต่ก่อนที่จะไปพูดถึงรสชาติ ทางคุณณัฐ-พงศ์ธนากร หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านได้เล่าให้ฟังว่า Umi @Velaa เปรียบเสมือนยกร้านโอมากาเสะจากญี่ปุ่นมาไว้ที่ไทย เพราะทุกคนจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นในทุกอณูผ่านงานอินทีเรียที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น โดยวัสดุที่ใช้ก็ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน หากมองด้วยตาเนื้อจะเห็นงานไม้ที่ดีไซน์อย่างเรียบง่ายตามศิลปะการตกแต่งแบบญี่ปุ่น แต่ถ้าลองสูดลมหายใจลึกๆ จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นไม้ที่หอมเย้ายวนผนวกกับกลิ่นหอมๆ ที่เล็ดลอดออกมาจากครัว
ถ้าโอมากาเสะคือความไว้วางใจให้เชฟเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ ที่ Umi ก็ได้ใจเราไปเต็มๆ ด้วยวัตถุดิบที่เสาะหามาอย่างดีรับประกันความพรีเมียมวางมากับข้าวปั้นซึ่งเชฟมีกรรมวิธีการหุงที่แตกต่างจากสาขาอื่นๆ บวกกับน้ำส้มสายชูและโชยุ ที่ช่วยดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาได้อย่างประณีต
โดยมีคอร์สสุดประทับใจได้แก่ Kuruma Ebi กุ้งลายเสือตัวโตที่เชฟนำไปปรุงสุกท็อปมาบนข้าวปั้น ให้รสสัมผัสเด้งเคี้ยวสนุก Wild Caught Hon Maguro – Chutoro เนื้อสีชมพูมีลายไขมันแทรกเล็กน้อย ให้รสหวานมัน
ต่อด้วย Wild Caught Hon Maguro – Akami ส่วนเนื้อแดงของทูน่าที่ให้รสเข้มข้น ยิ่งเคี้ยวยิ่งอร่อย และ Zuwaikani (Snow crab) Uni Shari with Caviar ปูหิมะเนื้อหวานประกบคู่ด้วยคาเวียร์รสเค็มเล็กน้อย ซึ่งตัดรสกันได้เป็นอย่างดี
เมื่อจิบชาเซนฉะควบคู่ไปด้วยความอูมามิในชายิ่งช่วยชูรสชาติของวัตถุดิบแต่ละชนิดให้เด่นขึ้นเป็นกอง
Velaa Sindhorn Village Langsuan
เปิดเวลา 12.00-14.00 น. และ 18.00-23.00 น. (ปิดวันจันทร์)
ราคา 3000-7000 (รับบัตรเครดิต)
Tag:
หลังสวน, โครงการ Velaa Langsuan, โอมากาเสะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น