ใครที่กำลังหาสถานที่พบปะเพื่อนฝูงหรือไว้ผ่อนคลายหลังเลิกงาน BESIDES UMI @Velaa ตอบโจทย์ทุกข้อ เพราะที่นี่คือร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่นในเครือ Umi แบรนด์โอมากาเสะพรีเมียมที่เปิดมานานกว่า 10 ปี
ซึ่งร้านลูกแห่งนี้เกิดจากการระดมความคิดของหุ้นส่วนทุกคนที่ต้องการเปิดร้านอะไรก็ได้ที่เปิดกว้างเรื่องเมนู รสชาติ วัตถุดิบ เครื่องปรุง รวมถึงชนิดของอาหารที่เสิร์ฟที่ทางทีมอยากจะทำแต่ไม่สามารถขายในฝั่งของ Umi ได้ ดังนั้นจึงเกิดเป็น 'BESIDES Umi' หรือที่แปลว่า 'นอกเหนือจาก Umi' แล้ว ยังมีอาหารรสชาติใหม่ๆ ที่รอให้เข้าไปค้นหาด้วยตัวเอง ภายใตคอนเซ็ปต์ Easy Going Food Bar เน้นเสิร์ฟอาหารแนวอิซากายะที่คัดสรรวัตถุดิบพรีเมียมมาเสิร์ฟแต่ยังคงความเข้าถึงง่ายด้วยบรรยากาศเป็นกันเองระหว่างเชฟ พนักงาน และผู้มาเยือน
ตัวร้านอยู่ติดกับ Umi Velaa ร้านโอมากาเสะพรีเมียมที่เพิ่งเปิดเมื่อปลายปีที่แล้วเช่นกัน แต่ประตูทางเข้าแบ่งเขตกันชัดเจนด้วยโทนสีดำและไม้ เมื่อเปิดประตูบานสีดำเข้าไปจะพบกับบาร์ขนาดใหญ่ที่สามารถนั่งดูเชฟรังสรรค์มื้อพิเศษได้อย่างใกล้ชิด ด้านบนตกแต่งด้วยขวดเครื่องดื่มชั้นเลิศที่สามารถจิ้มมาดื่มคู่กับอาหารได้ ภายในร้านดูปลอดโปร่งด้วยกระจกใสบานใหญ่ ด้านข้างเป็นกระจกเงาเพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น มีโต๊ะที่สามารถจับกลุ่มนั่งคุยกันได้ระหว่างรับประทานอาหาร
หากสังเกตดีๆ ทุกครั้งที่เปลี่ยนฤดูกาล ลายหน้าร้านก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย เป็นการเก็บรายละเอียดเล็กๆ ที่บ่งบอกถึงความใส่ใจ แม้กระทั่งแผ่นเมนูที่เปลี่ยนลายไปตามสีประจำวัน (เราไปวันพุธได้สีเขียว) เป็นกิมมิกน่ารักๆ ที่ร้านตั้งใจใส่เข้าไป
เริ่มกันที่ Jasmine Wagyu Sirloin Yukke เชฟนำเนื้อเซอร์ลอยน์ไปอบให้ผิวนอกสุกเล็กน้อยแต่เนื้อในยังดิบอยู่ก่อนนำไปคลุกเคล้าซอสรสเข้มข้น ก่อนกินให้เจาะไข่แดงด้านบนแล้วคลุกให้ทั่ว ได้รสเค็มนำหวานปลายลิ้น มีความนัวของไข่แดง และหอมกลิ่นน้ำมันงา
ต่อด้วย Ebi Miso Sauté River Prawn เนื้อกุ้งแม่น้ำอบแล้วผัดกับมิโซะตัดเลี่ยนด้วยพริกญี่ปุ่น ได้รสเค็มๆ มันๆ หอมกลิ่นมันกุ้ง ตัดรสชาติด้วยยามะโกโบดองที่ให้รสเปรี้ยวเล็กน้อย มีสัมผัสกรุบกรอบเคี้ยวสนุก ถัดมาเป็น Omakase Sushi Nigiri (5 Pieces) ซูชิ 5 คำ ประกอบด้วย มาได ชิมะอาจิ อาโอริอิกะ อากามิ และชูโทโร่ เนื้อสดและหวานมาก แต่รสชาติของโชยุจะมีความเข้มข้นกว่าฝั่งของ Umi เพื่อให้เข้ากันได้ดีกับการกินดื่ม
Umi Vongole Pasta สปาเกตตีเส้นสุกกำลังดีมีกลิ่นหอมของหอยลายจากน้ำสตอกที่เชฟนำมาต้มจนเส้นดูดน้ำเข้าไป กินกับหอยลายตัวโต ให้รสกลมกล่อม อร่อยทีเดียว ตามด้วย Organic Ground Beef Japanese Curry Rice ข้าวแกงกะหรี่เนื้อน่องลายออร์แกนิกบด เสิร์ฟสไตล์ญี่ปุ่น ให้รสเข้มข้น มีความหอมของเครื่องเทศ
และอย่าพลาด Jasmine Wagyu Boneless Short Rib เนื้อส่วน Short Rib สไลซ์พอดีคำ นำไปย่างจนผิวนอกกรอบหอมกลิ่นสโมก แต่เนื้อในยังอมชมพู ได้รสหวานๆ เค็มๆ จากซอสสูตรเฉพาะที่ราดมา เคียงคู่มากับเห็ดย่างและหอมหัวใหญ่ผัดกับกระเทียมซอสโชยุ อร่อยจนอยากสั่งเพิ่มอีกจาน
ต้องหาเวลาไปกินอีกให้ได้!
Velaa Sindhorn Village Langsuan
เปิดทุกวัน เวลา 12.00-14.00 น. และ 18.00-23.30 น.
ราคา 500-2000 (รับบัตรเครดิต)
Tag:
หลังสวน, อิซากายะ, โครงการ Velaa Sindhorn Village หลังสวน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น